หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1387

ตอนที่ 1387

มือซีดยื่นออกมาจากไข่สีแดงบีบเสาผลึกจนแตกออก

พลังน่าสะพรึงกลัวทำให้ทั้งสวรรค์และโลกเงียบงันไปในทันที

ใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปเมื่อมองไปที่ไข่สีแดงเข้ม เมื่อเปลือกไข่แตก เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนที่น่ากลัวที่กลั่นตัวจากภายใน

ตู้ม!

ทันใดนั้นเสาสีแดงเข้มก็พุ่งออกจากเปลือกไข่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า บินไปกระแทกใส่เจดีย์ผลึกแก้วบนท้องฟ้า เมื่อทั้งสองปะทะกัน เจดีย์ก็ดีดกลับออกไปทันที

ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดลง ก่อนที่จะโบกมือให้เจดีย์บินกลับมาหา สายตาของเขาจ้องมองไปที่ไข่สีแดงเข้มด้วยความวูบไหวหวั่นเกรงอยู่ในดวงตา

แกร็ก

ภายใต้การจ้องมองของเขา ไข่สีแดงเข้มก็แตกออกอย่างรวดเร็ว มือซีดยื่นออกมาแกะเปลือกไข่ออก ร่างเยาว์วัยสีแดงเข้มก็ลุกขึ้นยืนช้าๆ

ร่างเยาว์วัยมีรูปร่างสมส่วนสูงเพรียว ดวงตาเป็นสีแดงราวกับว่าถูกควบแน่นจากมหาสมุทรเลือด ผมสีขาวปลิวสยายไปตามสายลมดูหล่อเหลาเป็นพิเศษ ทว่ารัศมีดุร้ายรอบตัวเขา ทำให้ภูเขาเสี่ยหมัวทั้งหมดสั่นสะเทือน

ไม่มีอารมณ์ใดๆ บนใบหน้า รูม่านตาสีแดงเข้มเบิกกว้างโดยไม่มีแววใดๆ กวาดมองไปทั่วด้วยความเฉยเมย

ในเวลาเดียวกันพายุสีแดงเข้มนับไม่ถ้วนก็กวาดรอบตัวเขาพร้อมกับแรงกดดันที่อธิบายไม่ได้แผ่ออกมา เมฆสีแดงเข้มรวมตัวกันบนท้องฟ้า ก่อตัวเป็นพายุปกคลุมสวรรค์และโลก

ชาวโลกมองไปที่ภาพเงานั้น ร่างก็สั่นงันงกเกือบจะทรุดลง พวกเขาสูญเสียความคิดจากแรงกดดัน ท่อนขาก็สั่นพั่บไปหมดแล้ว

ใบหน้าของไป๋ซู่ซู่ซีดขาวลงเช่นกัน แม้ว่านางจะไม่รู้ถึงพลังของร่างนั่น แต่สัญชาตญาณบอกว่าความแข็งแกร่งของคนคนนั้นมีมากกว่าผู้บัญการใหญ่ปีศาจโลหิตเสียอีก

ร่างกายนางสั่นสะท้าน ถ้าไม่ใช่เพราะแรงใจ นางคงจะวิ่งหนีไปในตอนนี้แล้ว

ขณะที่นางรู้สึกหวาดกลัว มือของมู่เฉินก็ตบไหล่บางเบาๆ คลื่นหลิงปกคลุมเพื่อขจัดความกดดัน

“ท่านเทพ…”

ไป๋ซู่ซู่มองมู่เฉินอย่างขอบคุณ แต่นางก็สังเกตเห็นว่าใบหน้าของเขาเคร่งเครียดลงหลายส่วนพร้อมกับความหวาดเกรงหนาแน่นพล่านในดวงตา

“ไม่คิดว่าจอมปีศาจจะถือกำเนิดในเผ่าเสี่ยเสีย…” มู่เฉินกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

สุดท้ายความกังวลครั้งใหญ่ของเขาก็เกิดขึ้น จอมปีศาจที่ปรากฏในเผ่าเสี่ยเสียเป็นการดำรงอยู่ที่เทียบเท่ากับระดับเทียนจื้อจุน ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตแบบนี้แม้แต่มู่เฉินก็รู้สึกว่าถูกคุกคาม

เพราะเขารู้ชัดเจนว่าจอมปีศาจแข็งแกร่งเพียงใด แม้ว่าผู้คนจะเห็นว่าเขาจัดการกับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็ไม่กล้าพูดว่ามีความมั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับนักรบราชันปีศาจแท้จริง

“ตอนนี้ลำบากแล้ว”

บนยอดเขาเสี่ยหมัว

ร่างเยาว์วัยไม่สนใจร่างเปลือยเปล่าของตน เขาอ้าปากกินเปลือกไข่

หลังจากนั้นม่านตาสีแดงเข้มก็มองไปทางมู่เฉินก่อนที่จะพูดว่า “ข้าต้องขอบคุณสำหรับวันนี้ มิฉะนั้นข้าคงต้องรออีกหลายสิบหรือร้อยปี”

แม้ว่าเขาจะเพิ่งถือกำเนิด แต่เขาก็ได้กลืนกินเลือดเนื้อของสมาชิกเผ่านับไม่ถ้วน จนสุดท้ายกระทั่งผู้บัญชาการใหญ่ยังสละแก่นโลหิตบริสุทธิ์ ทำให้ได้รับความทรงจำของอีกฝ่ายมาด้วย

มู่เฉินถอนหายใจ “ข้าไม่คิดมาก่อนว่าเผ่าเสี่ยเสียจะมีจอมปีศาจ”

จอมปีศาจโลหิตเผ่าเสี่ยเสียพยักหน้าอย่างไม่แยแส “แม้ว่าเจ้าจะมีส่วนช่วยต่อการเกิดของข้า แต่เจ้าก็ต้องตายในวันนี้”

เสียงของเขาแหบพร่า ไร้อารมณ์ใดๆ มีเพียงไอหนาวเหน็บแฝงอยู่เท่านั้น

มู่เฉินยิ้ม เขารู้ว่าวันนี้จะเป็นการต่อสู้ระหว่างความเป็นตายตั้งแต่เห็นจอมปีศาจโลหิตถือกำเนิด ดังนั้นเขาจึงไม่มีความคิดที่จะจบลงโดยดี

“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องลองลิ้มรสฝีมือของจอมปีศาจแล้ว”

แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นจอมปีศาจ แต่มู่เฉินก็ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ ผลลัพธ์จะถูกตัดสินหลังจากต่อสู้กันจริงแล้วเท่านั้น

“แก่นโลหิตเจ้าหนาแน่นดี แทนที่จะฆ่าเจ้าทำไมเจ้าไม่มอบตัวให้ข้า ข้าจะปรับแต่งให้เป็นทาสรับใช้เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไป” จอมปีศาจโลหิตกล่าวขณะที่มองไปที่มู่เฉิน

มู่เฉินยิ้มขณะที่แสงสีม่วงทองกำจายจากด้านหลัง ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ถูกเรียกออกมา มู่เฉินยืนอยู่บนหัวของร่างเวทสวรรค์ ส่วนร่างรองทั้งสองยืนอยู่บนไหล่คนละด้าน

ทั้งสามนั่งลง คลื่นหลิงไร้ขอบเขตหลั่งไหลเข้าสู่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด รัศมีสีม่วงทองเปล่งออกมาจากร่างเวทสวรรค์โดยธรรมชาติ ราวกับดวงอาทิตย์สีม่วงทองก็มิปาน

มู่เฉินตอบโต้ด้วยการกระทำ

“มดกำลังเขย่าต้นไม้เรอะ”

จอมปีศาจโลหิตกล่าวอย่างไม่แยแสกับภาพนี้

มู่เฉินไม่ได้พูดอะไร ทั้งสามผสานพลังวาดตราประทับในเวลาเดียวกัน รหัสเทพอมตะควบแน่นขณะที่ไหลเวียนไปรอบๆ ร่างเทพสุริยะนิรันดร์

ในไม่กี่ลมหายใจ จำนวนของรหัสเทพอมตะก็มีถึงสองร้อยลายช่างน่าตกใจนัก

ชัดว่ามู่เฉินไม่มีความคิดจะหยั่งเชิงคู่ต่อสู้ เขาใช้พลังถึงขีดสุดทันที

รหัสเทพอมตะสองร้อยลายเปล่งแสงสีม่วงทองออกมาทำให้มิติแปรปรวน พลังนี้สามารถทำร้ายผู้บัญชาการใหญ่ปีศาจโลหิตได้ในทันที

“รหัสเทพอมตะ แปรเปลี่ยน ระฆังเทพอมตะ!”

เมื่อเสียงตะโกนของมู่เฉินดังขึ้นรหัสเทพอมตะก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พริบตาก็ก่อตัวเป็นระฆังขนาดใหญ่ห่อหุ้มร่างจอมปีศาจโลหิตไว้

มู่เฉินสะบัดเสื้อ รหัสเทพอีกหลายสิบลายก็รวมตัวกันแล้วควบแน่นเป็นเสาขนาดใหญ่กระแทกกับระฆัง

เคร้ง!

ในช่วงเวลาปะทะนั้นสวรรค์และโลกก็สั่นสะเทือน กระทั่งภูเขาเสี่ยหมัวยังเริ่มพังทลายลง คลื่นกระแทกขนาดใหญ่ที่มีความกว้างหมื่นจั้งสร้างความหายนะ ฉีกขอบฟ้าออกจากกัน

ในรัศมีร้อยลี้ของระฆังทอง หินน้อยใหญ่กลายเป็นเถ้าถ่านพร้อมกับพื้นโลกสลายลง…

ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกใจและหวั่นกลัว นี่เป็นเพียงพลังจากคลื่นกระแทก แล้วภายในระฆังจะทรงพลังแค่ไหนกัน?!

การโจมตีของมู่เฉินเผยความน่ากลัวขึ้นในทันที

ใบหน้าของไป๋ซู่ซู่เปลี่ยนเป็นดีใจเมื่อมองไปที่มู่เฉิน แต่นางเห็นว่าใบหน้าของเขายังดูเคร่งเครียดไม่แสดงอาการผ่อนคลายใด

เนื่องจากเขารู้ดีว่ากระบวนท่านี้สามารถทำให้เขาอยู่ยงคงกระพันจากจอมยุทธ์ใต้ระดับเทียนจื้อจุน แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับจอมปีศาจ

ขณะที่ความคิดนี้แวบขึ้นในหัวของมู่เฉิน ทันใดนั้นระฆังก็สั่นะสะเทือนรุนแรง ทุกคนสามารถเห็นลายฝ่ามือชัดเจนด้านบนของระฆังทอง

ปัง!

ระฆังทองแตกเป็นเสี่ยงๆ ใต้ฝ่ามือนั้น ร่างจอมปีศาจโลหิตก็ปรากฏขึ้น นอกจากมีริ้วรอยสีแดงเข้มบนร่างกายแล้วก็ไม่ได้อาการบาดเจ็บใดๆ

กระทั่งรอยเหล่านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว!

ซื้ด!

ไป๋ซู่ซู่และคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะหายใจลึก พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าจอมปีศาจโลหิตจะทรงพลังปานนี้ การโจมตีระดับนั้นเป็นเพียงการข่วนอีกฝ่ายเท่านั้น!

เมื่อตระหนักได้ว่าจอมปีศาจโลหิตทรงพลังเพียงนี้ แม้แต่ไป๋ซู่ซู่ที่มั่นใจในตัวมู่เฉินก็ยังอดกังวลไม่ได้

“สมกับเป็นราชัน…”

แม้ว่ามู่เฉินจะคาดไว้แล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจให้กับจอมปีศาจโลหิตที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ มีความแตกต่างระหว่างคำว่าจอมปีศาจและผู้บัญชาการ พลังแตกต่างราวกับระหว่างสวรรค์และโลก

บนยอดเขา จอมปีศาจโลหิตมองไปที่มู่เฉินอย่างไม่แยแสก่อนที่จะเหยียดนิ้วออก

ทันใดนั้นแสงสีแดงก็สว่างวาบ มีเลือดไหลออกมาจากปลายนิ้วเขา

หยดเลือดกลายเป็นไข่มุกทะลุผ่านมิติบินไปหามู่เฉิน

สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปรุนแรงก่อนที่เขาจะสูดหายใจเข้าลึก ทันใดนั้นแสงสีม่วงทองก็กำจายจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ก่อตัวเป็นภูเขาขนาดมหึมา

ตึง!

หยดเลือดปะทะเข้าบนภูเขาอย่างจัง

ครืน!

วินาทีนั้นรู้สึกเหมือนสวรรค์และโลกล่มสลาย ภูเขาที่ดูเหมือนอยู่ยงคงกระพันแตกสลายทันทีที่สัมผัสกับหยดเลือด พลังอันเหลือเชื่อแผ่ซ่านออกมา

ปัง!

ฟ้าถล่มดินถล่มทลาย บริเวณที่มิติบิดเบี้ยว แสงสีม่วงทองจางหาย ร่างเทพสุริยะนิรันดร์เหมือนได้รับผลกระทบอย่างหนักถูกผลักออกไปหลายพันลี้ด้วยพลังที่น่ากลัวพร้อมกับรอยลึกสองรอยลากจากขา…

เมื่อไป๋ซู่ซู่และชาวโลกเห็นฉากนี้ หัวใจของพวกเขาก็สั่นไหว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นมู่เฉินเป็นฝ่ายเสียเปรียบ…

เห็นได้ชัดว่าการเผชิญหน้าบ่งบอกให้รู้ว่าจอมปีศาจโลหิตแข็งแกร่งมากกว่ามู่เฉิน

ไกลออกไปในที่สุดร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็หยุดลง มู่เฉินมองไปที่ร่างเวทสวรรค์ใต้เท้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาเห็นรอยแตกหลายแห่งปรากฏขึ้น

แค่กระบวนท่าเดียวก็ทำให้ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นี้ พลังของราชันน่ากลัวอย่างแท้จริง

ฮา

มู่เฉินหายใจเข้าลึก ความคมชัดฉายในนัยน์ตา จอมปีศาจโลหิตทรงพลังนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะข่มขู่เขาที่ผ่านประสบการณ์การต่อสู้เป็นตายมานับครั้งไม่ถ้วน!

“ดูเหมือนวันนี้…ข้าต้องพุ่งสุดแรงแล้ว!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท