หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1388

ตอนที่ 1388

เลือดสีแดงฉานหยดลง

ทุกคนนิ่งเงียบไป พลังที่จอมปีศาจโลหิตแสดงออกมาช่างสุดยอดเกินไป นี่เป็นเพียงหยดเลือด แต่ก็ทำให้มู่เฉินกระเด็นออกไปไกลแล้ว…

เผชิญกับพลังอำนาจนี้ ชาวโลกก็ไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะต่อสู้ได้ ถ้ามู่เฉินล้มเหลว บางทีการเอามีดปาดคอตายอาจเป็นการมอบอิสรภาพให้ตนเองที่ดีที่สุด

ขณะที่ชาวโลกตกใจกับพลังของจอมปีศาจโลหิต ภูเขาเสี่ยหมัวก็เต็มไปด้วยเสียงร้องโห่ร้องจากการถือกำเนิดของจอมปีศาจ

แม้ว่าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตจะถูกสังหาร แต่เผ่าพันธุ์พวกเขาก็ไม่ล่มสลาย ตราบใดที่จอมปีศาจโลหิตยังคงอยู่ กลับกันต่อจากนี้ความรุ่งเรืองจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ!

มู่เฉินไม่สนเสียงนกเสียงกา สายตาเขาจับจ้องไปที่จอมปีศาจโลหิต แสงเย็นรวมตัวกันในดวงตาเขา

ตู้ม!

เขาส่งแรงไปที่ฝ่าเท้า ร่างก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงหลิงพร่างพราวราวกับดวงอาทิตย์โชติช่วง ขณะที่ร่างรองทั้งสองติดตามมาที่เบื้องหลัง

โฮก!

ร่างกายของมู่เฉินสั่นสะท้าน จิตวิญญาณมังกรแท้จริงปรากฏขึ้น ขณะที่มันคำรามก็หลอมรวมเข้ากับร่างกายของมู่เฉิน เกล็ดมังกรผุดขึ้นบนผิวหนังราวกับชุดเกราะปกคลุมร่างกายไว้

ปีกหงส์ฟ้าคู่หนึ่งแผ่สยายออกไปที่ด้านหลัง ทำให้สามารถพุ่งผ่านมิติได้ด้วยการกระพือ

ก่อนจะเปิดฉากเต็มรูปแบบ เขาได้หล่อหลอมรวมจิตวิญญาณแท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้าเข้ากับร่างกายเพื่อที่เขาจะสามารถมีพลังการต่อสู้ไปสู่จุดสูงสุดได้

วาบ!

มู่เฉินพุ่งเข้ามาปรากฏตัวเบื้องหน้าจอมปีศาจโลหิต จากนั้นก็เหวี่ยงหมัดออกไป พลังงานรุนแรงรวมตัวกันที่หมัด เพิ่มชั้นผลึกซึ่งปล่อยพลังทำลายล้างออกมา

แม้แต่ผู้บัญชาการใหญ่ปีศาจโลหิตก็ยังไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับหมัดนี้

ทว่าจอมปีศาจโลหิตเพียงแค่มองอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะยื่นมือออกมาตบกำปั้นของมู่เฉินเบาๆ

เคร้ง!

เมื่อฝ่ามือและกำปั้นสัมผัสกัน เสียงปะทะของโลหะสะท้อนออกมาพร้อมกับมู่เฉินรับแรงกระทบใหญ่กระเด็นออกไป ร่างเขาราวกับอุกกาบาตขณะที่ดิ่งลงพสุธาลงมา

เมื่อร่างหลักของมู่เฉินดึงดูดความสนใจของจอมปีศาจโลหิต ร่างรองก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน ฝ่ามือของพวกเขาที่มีคลื่นหลิงพลุ่งพล่านก็กระแทกเข้าที่ด้านหลังจอมปีศาจโลหิต

ทว่าการโจมตีที่รุนแรงก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างจอมปีศาจโลหิตได้ สายตาวูบไหวก่อนที่จะมีแสงสีแดงเข้มดุร้ายสาดส่องออกมาจากด้านหลัง

ปัง ปัง!

ร่างรองถูกกวาดไป ถลาไปอย่างรุนแรงจากนั้นก็พุ่งเข้าไปฝังตัวในภูเขาสองลูกใกล้ๆ…

ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจมู่เฉินและร่างรองก็ถูกจัดการอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังได้รับบาดเจ็บกันถ้วนทั่ว

จอมปีศาจโลหิตยืนอยู่บนท้องฟ้ามองไปที่หลุมขนาดใหญ่ที่ร่างหลักของมู่เฉินฝังอยู่ สายตาของเขาวูบไหวชี้นิ้วออกไป

ตู้ม!

ลำแสงสีแดงเข้มยิงออกมา ขยายขนาดกลายเป็นอสรพิษขนาดมหึมา มันดุร้ายมากถึงกับกินเศษมิติก่อนที่จะพุ่งเข้าไปในหลุมด้านล่าง

ปัง!

เมื่ออสรพิษพุ่งเข้าไปภายในปากปล่องก็เกิดเสียงดังก้อง ทว่าอึดใจต่อมาแสงสีแดงเข้มก็กระจัดกระจาย ทันใดนั้นอสรพิษขนาดใหญ่ก็แตกสลาย…

บนท้องฟ้าจอมปีศาจโลหิตหรี่ตาลง

รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจากปากหลุมขนาดใหญ่พร้อมกับร่างเงาหลายพันร่างลอยขึ้นตามมา มู่เฉินยืนตระหง่านอยู่ภายใน มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตเคลื่อนไหวอยู่รอบตัว

“วิญญาณสงคราม!”

เสียงของมู่เฉินสะท้อนออกมาพร้อมกับนักรบมังกรดำตอบรับด้วยเสียงตะโกน พริบตาเดียวรัศมีจั้นยี่นับไม่ถ้วนก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ควบแน่นเป็นร่างมังกรขนาดใหญ่หลายหมื่นจั้ง

มังกรอยู่ในท่าขดปล่อยแรงกดดันที่น่ากลัวออกมา

ครั้งนี้มู่เฉินเรียกนักรบมังกรดำถึงหกพันคน ซึ่งก็คือขีดจำกัดที่เขาสามารถควบคุมได้ หากเพิ่มจำนวนมากขึ้นเขาอาจต้องประสบกับการสะท้อนกลับของรัศมีจั้นยี่

ซึ่งรัศมีจั้นยี่ที่สร้างขึ้นจากนักรบมังกรดำหกพันคนแข็งแกร่งกว่าครั้งอื่นๆ มาก

โฮก!

มังกรคำรามลั่นฟ้า จากนั้นก็พุ่งออกไปพร้อมกับรัศมีจั้นยี่เชี่ยวกราก กวัดแกว่งกรงเล็บไปยังจอมปีศาจโลหิต

มิติพังทลายลงอย่างต่อเนื่องภายใต้กรงเล็บนี้

จอมปีศาจโลหิตมองไปที่กรงเล็บก็ยื่นมือออกมา แสงสีแดงเข้มรวมตัวกัน มือของเขาขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะตบลงไปปะทะกับรัศมีจั้นยี่กรงเล็บมังกรดำ

ตู้ม!

พายุรุนแรงกวนตัวขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมกับลมสลาตันทำลายล้าง ทำให้ท้องฟ้ามืดลงในเส้นทางที่ผ่าน

โฮก!

มังกรส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะที่ร่างใหญ่โตถูกส่งกลับไป แต่ในเวลาเดียวกันร่างกายของจอมปีศาจโลหิตก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย ก่อนที่จะก้าวถอยหลังไปหลายก้าว

เมื่อมู่เฉินเห็นฉากนี้ดวงตาก็หดลง ไม่คิดว่าเขาจะผลักจอมปีศาจโลหิตไปได้ไม่กี่ก้าว ทั้งที่ประสานพลังกับนักรบมังกรดำหกพันคน

“จอมทัพมู่ต้องใช้นักรบมังกรดำหนึ่งหมื่นคนถึงจะเผชิญหน้ากับจอมปีศาจตัวนี้ได้” เจียงหลงกล่าวขึ้นที่เบื้องหลังมู่เฉิน

มู่เฉินเม้มปาก การควบคุมนักรบหกพันคนเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว หากเขาใช้มากกว่านี้ละก็ เขาต้องประสบกับแรงสะท้อน เวลานั้นไม่ต้องให้จอมปีศาจโลหิตเคลื่อนไหว เขาก็แพ้ไปก่อนแล้ว

ดังนั้นเขาบอกได้จากสิ่งนี้ว่ามีช่องว่างใหญ่ระหว่างเขากับจอมปีศาจ

จอมปีศาจโลหิตทรงตัวนิ่งมองไปที่มู่เฉิน “กลยุทธ์หลากหลายนัก ไม่แปลกใจที่แกสามารถบีบให้เผ่าเสี่ยเสียของข้าน่าอนาถเช่นนี้”

“แต่ช่องว่างระหว่างพลังไม่ใช่สิ่งที่สามารถเสริมด้วยกลยุทธ์”

เมื่อพูดจบ เขาก็อ้าปากแรงดูดที่น่ากลัวระเบิดออกคล้ายกับหลุมดำกลืนกินสวรรค์และโลก

แรงดูดส่วนใหญ่ถูกใช้กับมังกร ทำเอาใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไป เขารู้สึกได้ว่าไม่ว่าจะต่อต้านอย่างไรมังกรก็ยังคงถูกดึงเข้าหาปากของจอมปีศาจโลหิต

อ็อก!

เมื่อรัศมีจั้นยี่ถูกกลืนกิน นักรบมังกรดำหกพันคนก็กระอักเลือดเต็มปาก แต่ละคนได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

ใบหน้าของมู่เฉินดูน่ากลัว ก่อนที่เขาจะพูดกับเจียงหลงว่า “พวกเจ้าถอยกลับไปก่อนเถอะ”

“จอมทัพมู่ระวังตัวด้วย” เจียงหลงรู้สึกผิด แต่เขาก็รู้ว่ากองทัพมังกรดำได้รับความเสียหายหนัก พวกเขาไม่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่มู่เฉินได้เมื่ออยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงโบกมือถอนทัพออกมา

จอมปีศาจโลหิตมองไปที่มู่เฉินอย่างไม่แยแส “งัดกลยุทธ์ออกมาถ้ายังมี สร้างความบันเทิงให้ข้าสักหน่อย บางทีข้าอาจจะใจดีให้แกตายแบบง่ายๆ ก็ได้”

มู่เฉินขมวดคิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต่อสู้กับนักรบปีศาจระดับสูง หลังจากต่อสู้เขาก็เข้าใจว่าระดับเทียนจื้อจุนมีอำนาจเพียงใด

และที่บอกได้อีกอย่างก็คือช่องว่างระหว่างขุมพลังทั้งสอง ในอดีตตัวเขาประเมินช่องว่างนี้ต่ำเกินไป

แม้ว่าเขาจะมีทักษะมากมาย แต่ก็ไม่ได้ผลอย่างชัดเจนเมื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ระดับนี้

“บางทีข้าคงต้องใช้กระบวนท่านั่น…”

มู่เฉินค่อยๆ หลับตาลง เสื้อผ้าหยุดกระพือแนบติดไปกับร่างกาย ไม่ว่าพายุจะพัดมาแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้เสื้อผ้าสั่นไหวได้

จอมปีศาจโลหิตมองมู่เฉินด้วยรอยยิ้มบาง เขากอดอกโดยไม่คิดขัดขวางอะไร เนื่องจากเขารู้ไม่ว่าวันนี้มู่เฉินจะนำอะไรออกมาก็ไม่สามารถข้ามช่องว่างระหว่างพวกเขาได้

เสียงลมพายุค่อยๆ หายไป เมื่อมู่เฉินหลับตาลง เขาราวกับเป็นหนึ่งเดียวระหว่างสวรรค์และโลก…

หัวใจของมู่เฉินคล้ายกับบ่อน้ำที่ไม่มีแรงกระเพื่อม มากจนเขาลืมเรื่องจอมปีศาจโลหิตไปแล้ว

มู่เฉินไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ภายใต้สภาวะว่างเปล่ามานานแค่ไหน ทันใดนั้นเขารู้สึกได้ถึงความผันผวนสองสายที่เหมือนกับก้อนกรวดถูกโยนลงไปในแม่น้ำทำให้เกิดระลอกคลื่น…

ระลอกคลื่นทั้งสองทวีความรุนแรงมากขึ้น แสงสองดวงก็ค่อยๆ ลุกโชน

“รวมเป็นวิญญาณแท้จริง…”

เสียงพึมพำดังก้องในความเงียบ แสงทั้งสองกำจายออกกลายเป็นร่างรองทั้งสองของเขา

ทว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ร่างรองแท้จริง แต่เป็นวิญญาณของร่างรองทั้งสอง ย้อนกลับไปตอนที่มู่เฉินเริ่มเรียนรู้วิชาสามพิสุทธิ์ เขาได้แยกวิญญาณออกจากร่างเป็นสามส่วน

ในอดีตมู่เฉินไม่สามารถสัมผัสถึงวิญญาณทั้งสองได้ แต่หลังจากได้รับความเข้าใจบางส่วนจากหอคัมภีร์เทพซ่อน เขาก็สามารถลองได้ ทว่าพวกเขาก็พร่ามัวนักจนเขาทำไม่สำเร็จ

แต่เผชิญหน้ากับศัตรูทรงพลัง ในที่สุดเขาก็เข้าใจและเรียกวิญญาณอีกสองดวงมาได้สำเร็จ

“จิตวิญญาณเป็นหนึ่ง—สามรวมแห่งสามพิสุทธิ์”

มู่เฉินพึมพำในใจ วิญญาณทั้งสองก็ก้าวเข้ามาหลอมรวมกับเขา

ในโลกภายนอกร่างรองทั้งสองก็ปรากฏตรงหน้ามู่เฉิน แต่ละคนก้าวเข้าไปในร่างมู่เฉิน…

เมื่อร่างรองทั้งสองหายไป มู่เฉินก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับแสงวูบไหว ท่าทางของเขาทำให้เกิดความกดดันที่ไม่อาจพรรณนาได้ ทำเอาสวรรค์และโลกสั่นสะเทือน

เสื้อผ้าของเขาที่หยุดสั่นไหว ก็กระพือขึ้นในตอนนี้โดยที่ไม่มีลมพัดใดๆ

จอมปีศาจโลหิตที่มองดูการเปลี่ยนแปลงของมู่เฉินก็เกิดความประหลาดใจก่อนที่จะยิ้มไม่แยแส “ในที่สุดก็เริ่มน่าสนใจแล้ว…”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท