หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1386

ตอนที่ 1386

นอกภูเขาเสี่ยหมัว

ทันใดนั้นเจดีย์ผลึกแก้วก็สั่นสะท้านก่อนที่จะเริ่มหดตัวลง ร่างเงาปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของทุกคน

“นั่นท่านเทพ!”

เมื่อไป๋ซู่ซู่และเหล่าจอมยุทธ์ในโลกเห็นภาพเงานั่น พวกเขาก็ส่งเสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น ความยินดีกระจายบนใบหน้าทุกคน

พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าการต่อสู้ระหว่างมู่เฉินและเสี่ยหมัวจะจบลงรวดเร็วเช่นนี้

เทียบกับเสียงโห่ร้องลั่นสนั่น ฝั่งภูเขาเสี่ยหมัวกลับตกอยู่ในความเงียบงัน ความตกใจและหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้าของสมาชิกเผ่าเสี่ยเสียขณะที่เฝ้าดูฉากนี้

พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้บัญชาการใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าจะแพ้ให้กับมู่เฉิน…

ทว่ามู่เฉินไม่ใส่ใจกับความตกใจเหล่านั้น สายตาเขาพุ่งตรงไปยังส่วนลึกของภูเขาเสี่ยหมัว ยามนี้เขาสัมผัสถึงรัศมีเสี่ยหมัวไม่ได้อีกต่อไป ชัดว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายซ่อนตัวไว้

ฉากนี้ไม่ได้ทำให้มู่เฉินรู้สึกดีใจ กลับรู้สึกไม่สบายใจด้วยซ้ำ

“ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจัดการผู้บัญชาการปีศาจโลหิตอีกสองคนที่เหลือก่อน”

สายตาของมู่เฉินวูบไหวจากนั้นก็ทะยานไปยังสมรภูมิอื่นๆ ไม่ว่าเสี่ยหมัวจะเคลื่อนไหวอื่นใด เขาจะต้องกำจัดผู้บัญชาการปีศาจโลหิตอีกสองคนก่อน ด้วยวิธีนี้เขาจะมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้กับเสี่ยหมัวได้

สมรภูมิที่มู่เฉินพุ่งไป รัศมีจั้นยี่พวยพุ่งส่งเสียงหวีดหวิวข้ามขอบฟ้าดักจับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตไว้

เมื่อมู่เฉินปรากฏตัวขึ้นเหนือมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ ใบหน้าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตก็เปลี่ยนไปรุนแรง

มู่เฉินมาปรากฏที่นี่ได้หมายความว่าผู้บัญชาการใหญ่ล้มเหลวแล้ว…

“เป็นไปได้ยังไง?!” ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตคำรามออกมา เสี่ยหมัวแข็งแกร่งกว่าพวกเขา ดังนั้นเขาจะพ่ายแพ้ให้กับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มได้อย่างไร?

แต่ไม่ว่าจะตกใจแค่ไหน มู่เฉินก็โบกมือใส่อย่างไม่แยแสร่างเทพสุริยะนิรันดร์ปรากฏขึ้น รหัสเทพอมตะบินฉวัดเฉวียนออกมา

เขาเลือกที่จะไม่ใช้วิชาเจดีย์แปดองค์ เนื่องจากต้องใช้ของเหลวจื้อจุนจำนวนมากเกินไป บวกกับการรวมตัวกับมู่เฉินชุดดำก็เพียงพอแล้วที่จะปราบผู้บัญชาการปีศาจโลหิตคนนี้

ตู้ม ตู้ม!

อย่างที่คาดไว้เมื่อร่างหลักของมู่เฉินเข้าร่วมศึก ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตก็พ่ายแพ้ เขาถูกรัศมีจั้นยี่โถมใส่ ก่อนที่หอกสีม่วงทองจะแทงทะลุหน้าอกทำลายร่างกายและพลังงานทั้งหมด

หลังจากจัดการกับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตคนนี้ ร่างหลักและร่างรองก็ทะยานสู่สมรภูมิสุดท้าย ซึ่งเป็นการต่อสู้ระหว่างมู่เฉินชุดขาวกับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตอีกคน

แต่เมื่อผู้บัญชาการปีศาจโลหิตเห็นร่างหลักและร่างรองของมู่เฉินเข้ามา ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดเพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลบหนี ดังนั้นเขาจึงกัดฟัน ร่างกายพองขึ้นแล้วระเบิดออก

ครืน!

เสียงระเบิดดังก้อง คล้ายกับดวงอาทิตย์สีแดงเข้มลอยคว้างบนท้องฟ้า ราวกับว่าต้องการที่จะกลืนกินทั้งสวรรค์และโลก

แต่ก่อนที่มันจะกระจายออกไป มู่เฉินก็สะบัดแขนเสื้อ เจดีย์ก็ทะยานออกไป ผลึกแสงแผ่เข้าไปห่อหุ้มมันก่อนที่จะเปลี่ยนแสงสีแดงเข้มให้กลายเป็นผลึก ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า…

ขณะที่ผลึกสีแดงเข้มตกลงมา ลำแสงสีแดงก็พุ่งออกไปทางทิศของภูเขาเสี่ยหมัว

“คิดจะหนีไปไหน?”

แต่ขณะที่มันบินออกไป มู่เฉินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพลางเค้นเสียงเย็น แสงผลึกแล่นแปลบปลาบในมือห่อหุ้มมันเอาไว้ ดักไว้ในผลึกอัญมณีสีแดงเข้ม

ใบหน้าสิ้นหวังของผู้บัญชาการปีศาจโลหิตปรากฏขึ้นบนผลึกอัญมณี เมื่อมู่เฉินเห็นก็ไม่ใจอ่อน กำมือแน่นแล้วบดขยี้

“อย่าเพิ่งได้ใจไปเลย! เมื่อไรที่จอมปีศาจของพวกข้าถือกำเนิดแกทุกคนจะต้องตาย!” เมื่อเห็นว่าไร้ประโยชน์ที่จะหลบหนี เสียงหัวเราะแหลมคมก็สะท้อนออกมาอย่างน่าขนลุก

หลังจากบดผลึกอัญมณีแล้ว มู่เฉินก็โยนออกไปอย่างไร้ความรู้สึก

การต่อสู้จบลงด้วยผู้บัญชาการปีศาจโลหิตทั้งสามถูกกำจัดในกำมือเขา

ชาวโลกส่งเสียงโห่ร้องดังกระหึ่มก่อนที่จะคุกเข่าลงด้วยแรงอารมณ์ ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตเหล่านั้นกดหัวพวกเขามานาน ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามต่อต้านอย่างไรก็ไม่ต่างจากมดปลวกที่ถูกเหยียบตาย

แต่ตอนนี้ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตทั้งหมดถูกสังหารโดยท่านเทพ นี่ก็หมายความว่าโลกของพวกเขาได้รับอิสรภาพแล้ว!

ทว่าไป๋ซู่ซู่สังเกตเห็นว่ามู่เฉินไม่มีความยินดีบนใบหน้า นางทะยานเข้าไปหา “ท่านเทพมีอะไรผิดปกติเหรอ?”

“ผู้บัญชาการใหญ่ไม่ได้ตาย มันหนีไปได้”

มู่เฉินมองไปที่ภูเขาด้วยสายตาวูบไหว ขณะที่เขาพยายามค้นหาร่องรอย

เมื่อไป๋ซู่ซู่ได้ยินก็ตกใจ “ภูเขาเสี่ยหมัวตอนนี้เป็นกองบัญชาการของเผ่าเสี่ยเสีย ถ้าผู้บัญชาการใหญ่หนีไป มันจะต้องมุ่งหน้าไปที่นั่นแน่”

มู่เฉินพยักหน้า มองไปที่ภูเขาเสี่ยหมัวพร้อมกับแสงเย็นเยือกแล่นแปลบปลาบในดวงตา เขาสะบัดมือ เจดีย์ก็ทะยานออกขยายขนาดเป็นแสนกว่าจั้ง ก่อนที่มันจะลอยอยู่เหนือภูเขาเสี่ยหมัว

ฉากนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้คนตกตะลึง กระทั่งสมาชิกเผ่าเสี่ยเสียก็ตื่นตระหนกขณะที่หนีกันจ้าละหวั่น

มู่เฉินและร่างรองทั้งสองสร้างตราประทับ คลื่นหลิงเทลงในเจดีย์ก่อนที่ผลึกแสงจะบีบลงไปห่อหุ้มภูเขาเสี่ยหมัวทั้งหมด

เมื่อผลึกแสงบีบลงมา สมาชิกเผ่าเสี่ยเสียที่สัมผัสโดนก็จะหดตัวกลายเป็นผลึกแก้ว

เคร้ง เคร้ง

เสียงผลึกแก้วร่วงหล่นลงบนพื้นดังสะท้อนจากภูเขา

ในส่วนลึก ผู้บัญชาการใหญ่ปีศาจโลหิตเฝ้าดูสิ่งนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไป เขารู้สึกได้ว่าผลึกแสงกำลังทะลุผ่านภูเขา ใช้เวลาอีกไม่นานก็จะซัดเข้าใส่ในทิศทางของเขา

“ข้าต้องเร่งแล้ว!”

เสี่ยหมัวมองไปที่ไข่สีแดงเข้ม จำนวนรอยแตกเพิ่มขึ้นและความผันผวนที่น่ากลัวก็กระเพื่อมไหว

เขาขบฟันปลดปล่อยเสียงร้องอีกครั้ง จอมยุทธ์เผ่าเสี่ยเสียก็เพิ่มความเร็วพุ่งตัวเข้าสู่ห้วงอเวจีเพื่อให้พลังงานแก่ไข่ใบนั้น

มู่เฉินมองไปที่ภูเขาแม้ว่าจะอยู่ในความสับสนวุ่นวาย แต่เสี่ยหมัวก็ยังไม่แสดงตัว

มู่เฉินขมวดคิ้ว ทันใดนั้นม่านตาก็หดเกร็ง เนื่องจากเขารู้สึกได้ถึงความผันผวนที่น่ากลัวซึ่งมาจากส่วนลึกของภูเขา

“ตู้ม!”

ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดลงหลายส่วน จากนั้นก็วาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว เสาผลึกขนาดหมื่นจั้งพุ่งลงมา เล็งเป้าไปที่ความผันผวนนั้น

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ด้วยความระมัดระวังเขารู้ว่าจะต้องทำลายมันให้ได้

ครืน!

เสี่ยหมัวก็สัมผัสได้เช่นกัน ใบหน้าเปลี่ยนแปรไป เขามองไปที่เสาก่อนจะสะบัดมือ

ซ่าๆๆ

น้ำพุเลือดนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากอเวจีโลหิต ก่อตัวเป็นปราการกั้นล้อมรอบทั่วบริเวณราวกับชามที่คว่ำไว้

ตู้ม!

เมื่อเสาผลึกกระแทกกับกำแพง ทำให้เกิดระลอกคลื่นกระจายวงออกไปอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากพลังของกำแพงมาจากอเวจีโลหิต จึงสามารถต้านทานการโจมตีได้ ไม่ได้แตกเป็นเสี่ยงๆ

“เจอแล้ว!”

ดวงตาของมู่เฉินหดลง เขาหมุนวนเจดีย์โดยไม่ลังเลใดๆ ทันใดนั้นเสาผลึกจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งลงเหมือนสายฟ้าฟาด

ครืน!

พายุสีม่วงสร้างความหายนะในอเวจีโลหิต เมื่อเสี่ยหมัวเห็นว่าปราการเลือดอ่อนแอลงอย่างรวดเร็วใบหน้าของเขาก็ดูน่าเกลียดลง

เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะเด็ดเดี่ยวถึงขนาดใช้พลังทั้งหมดทำลายความไม่แน่ใจ

เสี่ยหมัวมองไปที่ไข่สีแดงเข้ม แม้ว่าจะถูกปกคลุมไปด้วยรอยแตก แต่ก็ยังไม่ฟักออกมาสักที ดูเหมือนจะขาดอะไรบางอย่าง

ใบหน้าของเสี่ยหมัวเปลี่ยนไป สุดท้ายเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปข้างนอกด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อก่อนจะขบฟัน “ไอ้สารเลว ในเมื่อแกพยายามล้างบางเผ่าเสี่ยเสีย ข้าจะให้แกเป็นเครื่องสังเวยคนแรกให้กับจอมปีศาจของเรา!”

พูดจบเขาก็ไม่ลังเล ร่างกายระเบิดกลายเป็นกระแสไหลไปยังไข่สีแดงเข้ม

ในเวลาเดียวกันมู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง สายตามืดครึ้มลง เสาผลึกบดขยี้ปราการจากนั้นก็พุ่งไปยังกระแสสีแดงเข้มที่สร้างขึ้นโดยเสี่ยหมัว

ตู้ม!

อึดใจต่อมาก็เกิดการระเบิดรุนแรงจากภายในอเวจีโลหิตขณะที่พังทลายลง…

ในเวลานั้นไข่สีแดงเข้มก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ลอยอยู่บนยอดเขาเสี่ยหมัว…

เมื่อมองไปที่ไข่ใบนั้น ม่านตามู่เฉินก็หดเกร็ง ภัยคุกคามที่เขารู้สึกได้ทำให้ขนลุกซู่ไปหมด จากนั้นเขาก็หมุนเจดีย์โดยไม่ลังเลใดๆ และเสาผลึกดุร้ายนับไม่ถ้วนก็พุ่งลงมากระแทกกับไข่

แต่จังหวะที่กำลังจะตี ไข่ก็แตกออก มือซีดเซียวข้างหนึ่งยื่นออกมาบดขยี้เสาผลึกอย่างง่ายดาย…

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท