หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1415 ฝูถูเฉวียน

บทที่ 1415 ฝูถูเฉวียน

ในช่วงสองสามวันนี้

ทั้งสามคนอยู่แต่เรือนพักไม่ได้ก้าวเท้าออกไปไหนเลย แต่ทั้งหลินจิ้งและเซียวเซียวก็พากันแวะเวียนมาหาบ่อยครั้งจนพวกเขาไม่รู้สึกเบื่อ

เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่พุ่งสูงขึ้น แม้จะไม่ได้ออกไปไหนก็ตาม

เรือจะเดินทางข้ามขอบฟ้าทุกวันและทุกรากฐานของขั้วอำนาจเหล่านั้นก็แข็งแกร่งกว่าตำหนักมู่

เฝ้ามองฉากนี้ กระทั่งมู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เผ่าฝูถูทรงพลังเพียงใด อิทธิพลของพวกเขาเพียงอย่างเดียวก็สามารถนำขั้วอำนาจมากมายมาเชื่อมสัมพันธ์ได้

ขณะที่ขั้วอำนาจใหญ่มารวมตัวกันมากขึ้น เผ่าฝูถูก็ประกาศเริ่มการประลองงานชุมนุมสายเลือดที่จะมีขึ้นในอีกสามวัน

ภายใต้การรอคอยของทุกคน สามวันก็ผ่านไปในพริบตา

เมื่อวันที่สามมาถึง

เสียงระฆังไพเราะก็ดังขึ้นภายในมิติฝูถู สะท้อนอยู่เป็นเวลานาน

วาบ วาบ!

เมื่อเสียงระฆังดังขึ้น มวลลมนับไม่ถ้วนก็กวาดข้ามขอบฟ้า เดินทางเข้าไปในเทือกเขา

ทั้งฟ้าดินเดือดพล่าน เนื่องจากวันนี้เป็นวันเริ่มต้นของการประลองงานชุมนุมสายเลือด

มู่เฉินเฝ้าดูฉากนี้จากสวนหน้าเรือนพักด้วยสีหน้าสงบ ขณะที่หลิงซีและหลงเซี่ยงมีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ข้างหลัง นั่นเป็นเพราะตามแผนของมู่เฉินวันนี้เป็นวันที่พวกเขาจะลงมือแล้ว

ร่างเงาหนึ่งพุ่งเข้ามาซึ่งก็คือชิงซวงนั่นเอง เมื่อนางเห็นมู่เฉินก็หยิบป้ายสีฟ้าอมเขียวออกมาจากแขนเสื้อมีคำโบราณว่า ‘ประมุข’ สลักอยู่

เมื่อมองไปที่ป้ายนี้ ชิงซวงก็มีสีหน้าซับซ้อนและกล่าวว่า “นี่คือป้ายประจำตระกูลชิงของเรา ผู้ที่ครอบครองป้ายนี้ก็คือประมุขของตระกูล”

“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเตรียมจะทำอะไร แต่ด้วยป้ายนี้เหล่าผู้อาวุโสจะไม่สามารถทำอะไรกับเจ้าได้ แม้ว่าตัวตนเจ้าจะเป็นตัวกาลกิณีก็ตาม มีเพียงสภาอาวุโสเท่านั้นที่จะถอดเจ้าออกได้”

แสงประหลาดวูบไหวในดวงตาของมู่เฉิน เขาไม่คิดว่าตระกูลชิงจะนำป้ายสำคัญนี้ให้กับเขา เพราะถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นตระกูลชิงก็ถือว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยเช่นกัน

“ตามคำพูดของท่านป้าเซวียน ถ้าครั้งนี้เราล้มเหลวตระกูลชิงก็จะถูกลดระดับเป็นตระกูลย่อย ซึ่งนั้นถือเป็นหายนะใหญ่ต่อพวกเรามาก ดังนั้นแทนที่จะนั่งดูตัวเองถูกกดไว้โดยตระกูลเฉวียนและมั่ว สู้ลองเสี่ยงดูสักตั้งดีกว่า” ชิงซวงรู้สาเหตุที่ทำให้มู่เฉินอึ้งไป นางจึงถอนหายใจอธิบายให้ฟัง

ท่าทางของมู่เฉินคลายลงแล้วยื่นมือรับป้ายไปหลังจากลังเลอยู่นาน ด้วยป้ายนี้เขาจะสามารถทำสิ่งที่ต้องการได้

“นอกจากนี้ท่านป้าเซวียนยังให้แจ้งเจ้าว่า นางทำสิ่งที่เจ้าต้องการแล้ว” ชิงซวงเอ่ยอีกครั้ง

เมื่อได้ยินมู่เฉินรู้สึกโล่งใจในใจ หากเรื่องนั้นสำเร็จจริง เขาก็จะมีหลักประกันในการต่อรองกับเผ่าฝูถูและต่อสู้

“มู่เฉิน…เจ้าสามารถปกป้องตำแหน่งของตระกูลชิงเราได้จริงหรือ?” ชิงซวงลังเลขณะที่กัดฟันถาม

นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับตระกูลชิง ชิงซวงไม่รู้ว่าทำไมชิงเซวียนถึงเลือกที่จะเชื่อในตัวมู่เฉิน เนื่องจากเขาเพิ่งจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนได้เท่านั้น…

ตอนนี้เขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้น ความแข็งแกร่งยังไม่เพียงพอที่จะพลิกสถานการณ์ในเผ่าฝูถูเลย

มู่เฉินยิ้ม “ในเมื่อพวกเจ้าไว้ใจข้า ข้าก็จะทำให้ดีที่สุด”

ประกายแสงวูบไหวในดวงตาเขาและความมั่นใจของเขาเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อมั่นในตัวเขาด้วย

ชิงซวงก็เริ่มติดเชื้อกับความมั่นใจของเขา รอยยิ้มที่หายากผุดขึ้นบนดวงหน้าขณะนางพยักหน้า จากนั้นนางก็โค้งคำนับต่อมู่เฉินด้วยความเคารพ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราตระกูลชิงขอขอบคุณเจ้าด้วย”

“ต่างฝ่ายต่างตอบแทนน่ะ…” มู่เฉินโบกมือจากนั้นก็เงยหน้ามองท้องฟ้า “ใกล้ถึงเวลาแล้ว เราไปกันเถอะ”

“ข้าจะนำทางเอง”

ชิงซวงยิ้มพลางทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยมีพวกมู่เฉินทั้งสามคนติดตามอย่างใกล้ชิด

ทั้งกลุ่มทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเคลื่อนผ่านแนวเทือกเขา ขณะเดียวกันก็เห็นริ้วแสงจากสถานที่อื่นๆ เช่นกันพร้อมกับความผันผวนที่น่าทึ่ง

ทว่าร่างเงาบุคคลที่แทบจะไม่เคยเห็นที่มีตำแหน่งระดับสูงในมหาพันภพมีให้เห็นได้ทั่วไปทุกที่ในเผ่าฝูถู ดังนั้นบอกได้ว่าเผ่าฝูถูทรงพลังเพียงใด

ภายใต้การนำของชิงซวงทั้งสี่คนก็ค่อยๆ ลดความเร็วลงหลังจากผ่านไปสิบกว่านาที มองเห็นยอดเขาขนาดใหญ่ที่เบื้องหน้าสูงเสียดฟ้าราวกับเสาสวรรค์

บนยอดเขาแบ่งออกเป็นสี่ฝั่งอย่างชัดเจนซึ่งมีแท่นหยกจำนวนหนึ่งที่มีระดับแตกต่างกันกระจายไปทั่วอย่างเป็นระเบียบและกำจายรัศมีอันคมชัด

ภูเขาขนาดมหึมานี้ยังล้อมรอบด้วยยอดเขาอื่นๆ อีกมากมาย โดยมีที่นั่งโล่งกว้าง ร่างเงาบนท้องฟ้าก็พลิ้วลงมาบนที่นั่งเหล่านั้น

เพียงไม่กี่นาทีเทือกเขาก็คึกคักไปด้วยเสียง

ภายใต้การนำของชิงซวง ทั้งหมดก็พลิ้วตัวลงไปบนภูเขาที่ไม่ค่อยสะดุดตาแห่งหนึ่ง แต่สามารถมองเหตุการณ์บนยอดเขาได้ชัดเจน

เมื่อลงไปมู่เฉินก็กวาดสายตามองไปรอบๆ และสังเกตเห็นเก๋งหรูหราและลานมากมายบนภูเขาที่อยู่ใกล้ที่สุด ซึ่งดูดีกว่าของพวกเขามาก

มู่เฉินรู้ดีว่าที่นั่นเป็นสถานที่ตอนรับขั้วอำนาจสูงสุดในมหาพันภพ เนื่องจากเขามองเห็นเงาของเซียวเซียวและหลินจิ้งตรงนั้น

ชัดว่ามีเพียงขั้วอำนาจเหล่านี้เท่านั้นที่ถือได้ว่าเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของเผ่าฝูถู

ตึง ตึง!

ขณะที่มู่เฉินกำลังมองไปรอบๆ เสียงระฆังโบราณก็ดังขึ้นจากยอดเขาทุกแห่งในเทือกเขา

ทุกคนเงยหน้าขึ้นก็เห็นรัศมีขนาดใหญ่เปล่งออกมาจากยอดเขามหึมา

ร่างเงาเริ่มปรากฏขึ้นพร้อมกับแต่ละคนปลดปล่อยคลื่นหลิงที่น่ากลัวออกมาทำให้หัวใจผู้คนสั่นไหว

เมื่อแสงหายไป ร่างเงายี่สิบร่างก็ปรากฏขึ้นบนยอดเขาโดยมีคนสิบเก้าคนยืนอยู่ข้างหลังคนคนหนึ่งอย่างเคารพ

เขาเป็นชายชราและเมื่อเทียบกับคนสิบเก้าคนที่ด้านหลังกลับไม่มีพลังงานใดๆ เล็ดลอดออกมาจากร่างกาย ทำให้เขาดูเหมือนชายชราทั่วไปมาก

แต่เมื่อทุกคนเห็นภาพนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหดตาลงและฉายความเคารพบนใบหน้า

“จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง!”

มู่เฉินจ้องมองไปที่ชายชราก็รู้สึกเจ็บแปลบบนผิวหนังพร้อมกับความรู้สึกอันตรายเพิ่มขึ้นในใจ

นั่นเป็นเพราะชายชราท่าทางธรรมดาคนนั้นเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง!

“คารวะผู้อาวุโสใหญ่!”

เมื่อชายชราปรากฏตัวขึ้น เสียงสมาชิกเผ่าฝูถูก็เปล่งออกมาด้วยความเคารพ

ผู้มีอำนาจสูงสุดในเผ่าฝูถูก็คือประมุขแต่ตำแหน่งนี้ว่างเว้นอยู่เป็นเวลานานโดยไม่มีผู้สืบทอด ดังนั้นผู้อาวุโสใหญ่จึงเป็นผู้ดูแลเผ่าฝูถูทั้งหมด นี่คือเหตุผลว่าทำไมเผ่าฝูถูจึงไม่เคยหล่นจากการเป็นหนึ่งในห้าเผ่าโบราณ ในแง่ของคุณสมบัติไม่มีใครในเผ่าไม่ยอมรับเขา

“นั่นคือผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าฝูถู—ฝูถูเฉวียน”

ชิงซวงมองไปที่ชายชราด้วยความเคารพบนใบหน้าก่อนที่จะทอดถอนหายใจ “ตระกูลเฉวียนและมั่วต่อสู้กันมาหลายปี ถ้าไม่ใช่การปรามจากผู้อาวุโสใหญ่ทั้งเผ่าคงจะตกอยู่ในความวุ่นวายไปนานแล้ว”

มู่เฉินยังคงมีสีหน้าสงบ ฝูถูเฉวียนมีความสามารถอย่างแท้จริง ทว่านั่นก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา เนื่องจากชายชราหัวดื้อคนนี้ทำให้เขากับมารดาต้องพรากจากกัน

ภายใต้การจ้องมองรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของฝูถูเฉวียน ขณะที่กวาดสายตามองไป เสียงก็ดังก้องไปทั่วเทือกเขา “วันนี้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของเผ่าฝูถู ข้ารู้สึกขอบคุณอย่างแท้จริงที่พวกท่านทุกคนมาร่วมเป็นสักขีพยาน”

เมื่อได้ยินคำพูดของฝูถูเฉวียน ขั้วอำนาจต่างๆ ก็ตอบสนองโดยมารยาท

พลังของฝูถูเฉวียนสามารถจัดอันดับเป็นหนึ่งในสุดยอดจอมยุทธ์ของมหาพันภพเลยทีเดียว

หลังจากทักทายกันอย่างสุภาพ ฝูถูเฉวียนก็นั่งลงบนแท่นสูงสุด สายตากวาดไปที่คนสิบเก้าคน “การประลองระหว่างตระกูลเริ่มขึ้น ณ บัดนี้ หากต้องการปกป้องตำแหน่งไว้ก็จงดึงความสามารถที่มีออกมา มิฉะนั้นก็ต้องสละตำแหน่งให้กับคนที่ทำงานหนักกว่าไป”

“รับทราบ!”

ทั้งสิบเก้าคนรับคำเมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ อึดใจก็กลายเป็นร่างแสงพลิ้วตัวลงบนแท่นหยก

ในเวลาเดียวกันคลื่นหลิงไร้ขอบเขตสิบเก้าสายก็กวาดอาละวาดระหว่างสวรรค์และโลก

“การประลองงานชุมนุมสายเลือดเริ่มขึ้นได้!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท