หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1422 สู้กับเฮยกวางอีกครั้ง

บทที่ 1422 สู้กับเฮยกวางอีกครั้ง

ขณะที่มู่เฉินพลิ้วตัวลงบนแท่นของเฮยกวาง

ทุกคนยังคงนิ่งเงียบไปด้วยความตกตะลึงกับฉากเมื่อครู่

ความเงียบกินเวลานานก่อนที่ใครบางคนจะพึมพำ “นั่นคือ…วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่า—วิชาเจดีย์แปดองค์ใช่ไหม?”

จอมยุทธ์ขั้วอำนาจต่างๆ ล้วนมีประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มจดจำวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานที่มู่เฉินใช้ได้

ความสามารถในการทำลายล้างของลำแสงสีดำเหล่านั้นทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนหลายคนรู้สึกหนังหัวชาวาบไปหมด ด้วยพลังนี้จะมีอะไรอีกนอกเหนือจากการเป็นหนึ่งวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าได้?

“ไม่คิดว่าเขาจะฝึกสำเร็จได้จริงๆ” ผู้อาวุโสเผ่าฝูถู โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่จากตระกูลเฉวียนและมั่วก็พากันดวงตาแดงก่ำขึ้น ขณะมองไปที่มู่เฉิน แววตาแต่ละคนดูเหมือนมีความต้องการที่จะฉกมาเป็นของตัวเอง

ในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน พวกเขารู้ว่าหนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าหมายถึงอะไร หากพวกเขาได้ครอบครอง พวกเขาก็จะอยู่ยงคงกระพันท่ามกลางจอมยุทธ์ในระดับเดียวกัน

ลองคิดดูสิว่ามีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนกี่คนในมหาพันภพ? ทว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานมีเพียงสามสิบหกกระบวนท่า แสดงให้เห็นว่ามันมีค่าเพียงใด

แม้เผ่าฝูถูจะมีรากฐานหยั่งลึก พวกเขาก็ไม่มีทักษะอะไรที่สามารถเทียบเคียงกับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าได้

ชิงซวงเอามือปิดปากแน่น จ้องมองด้วยอารมณ์หลากหลาย นางไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นไว้ได้อีกต่อไป

ตอนแรกพวกนางคิดว่าตระกูลชิงคงสิ้นท่า แต่ใครจะคิดว่ามู่เฉินจะปรากฏตัวและเหมือนจะพลิกสถานการณ์ได้

“มู่เฉิน สู้ๆนะ!” ชิงซวงพึมพำ

หลิงซีตบไหล่นางเบาๆ ทำให้รู้สึกเก้อเขินและสงบลง

“พี่ใหญ่หลิงซี มู่เฉินจะชนะไหม?” ชิงซวงถามด้วยความคาดหวัง นางรู้ดีแม้ว่ามู่เฉินจะชนะไปได้สองยก แต่คู่ต่อสู้ของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้น

หลิงซียิ้มพูดแบบไม่ปิดบัง “ไม่ต้องกังวล ในเมื่อมู่เฉินเลือกที่จะออกโรง นั่นหมายความว่าเขามั่นใจ เรารอดูเหตุการณ์ทั้งหมดเท่านั้น”

ชิงซวงพยักหน้าพลางมองไปที่ร่างสูงโปร่งด้วยดวงตางดงาม

หลินจิ้งปรบมือหัวเราะร่า “มู่เฉินชนะได้เยี่ยมจริงๆ!”

มู่เฉินไม่มีความคิดหยั่งเชิงระหว่างการประลองสองยกก่อนหน้า เขาดึงพลังทั้งหมดออกมา ยอมเสี่ยงแม้กระทั่งเปิดเผยไพ่ตาย นี่ทำให้เขาประสบความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ เขาชนะอย่างสง่างามด้วยสองกระบวนท่า ซึ่งทำให้เลือดในกายทุกคนลุกเป็นไฟ

เซียวเซียวพยักหน้าด้วยความชื่นชมในดวงตา

“ดูเหมือนมู่เฉินจะไม่พอใจมากกับเผ่าฝูถูนะเนี่ย” เย่าเฉินหัวเราะเบาๆ เขาสามารถบอกได้เลยว่ามู่เฉินทำอย่างนั้นแบบตั้งใจ การเดินทางมาเยือนที่นี่ของเขาก็เพื่อระบายความโกรธที่ฝังแน่นอยู่ในใจมานานกว่ายี่สิบปี เพราะบิดามารดาของเขาต้องแยกจาก โดยที่บิดาต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ส่วนมารดาก็ถูกคุมขัง ดังนั้นต้องคว้าชัยชนะอย่างงดงามให้ได้

ซึ่งนั่นหมายความว่าตระกูลเฉวียนจะต้องอับอายขายขี้หน้า

“แต่การต่อสู้ประเภทนี้ต้องมีความมั่นใจเต็มที่ หากทั้งสองฝ่ายมีพลังเท่ากันการเปิดเผยไพ่ตายก่อนจะทำให้เสียประโยชน์” หลินเตียวพยักหน้าและประเมินผล แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เผยความชื่นชมบนใบหน้า ในเมื่อมู่เฉินเลือกวิธีการต่อสู้แบบนี้ก็หมายความว่ามีความมั่นใจ

นี่เป็นสิ่งที่เขาเคยเห็นจากหลินต้ง

ใบหน้าของเฮยกวางเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว

เมื่อมองไปที่ชายหนุ่มที่เยื้องย่างเข้ามา ก็เกิดความกลัวลึกๆ ในดวงตา

ไม่ว่าจะด้วยเพลิงสีม่วงหรือวิชาเจดีย์แปดองค์ ก็ทำให้เฮยกวางรู้สึกขนพองสยองเกล้า

แม้ว่าขุมพลังของเขาจะเหนือกว่าเฉวียนไห่และเฉวียนเฟิง แต่ถึงจะอยู่ในขั้นหลิงระยะปลายเขาก็ยังไม่มั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับมู่เฉิน

“ให้ตายเถอะ ไอ้เวรนี่ทรงพลังขนาดนี้ได้ยังไง!”

เฮยกวงสาปแช่งในใจด้วยความเสียใจ เขาไม่ได้เสียใจที่ยั่วยุมู่เฉินในอดีต แต่รู้สึกเสียใจที่ไม่เด็ดขาดพอจะฆ่ามู่เฉินตอนที่ยังมีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม

ต่อให้จะไม่ได้ฆ่ามู่เฉิน แต่อย่างน้อยก็ควรทำให้พิการได้ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้ไม่ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากเช่นวันนี้

“แกกำลังคิดว่าทำไมถึงไม่ฆ่าข้าตอนนั้นใช่ไหม?” ขณะที่ดวงตาเฮยกวางวูบไหว มู่เฉินก็จ้องมองเขาพลางยิ้ม

เฮยกวางตัวสั่นสะท้าน แม้มู่เฉินจะยิ้ม แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเย็นชาและเจตนาฆ่าในน้ำเสียงได้

ทว่ายังไงเขาก็เป็นผู้อาวุโสเผ่าฝูถูที่มีตำแหน่งสูงล้ำ ดังนั้นไม่ช้าเขาก็สงบตัวเองลงพลางมองไปที่มู่เฉินอย่างน่ากลัว “มู่เฉินอย่าได้ใจนัก เป็นการดีสำหรับชายหนุ่มที่จะมีความทะเยอทะยาน แต่ความทะเยอทะยานที่เร่งเกินไปจะสะดุดได้นะ”

“ถ้าตระกูลเฉวียนมีความสามารถเพียงพอก็พิสูจน์ให้เห็นสิ” มู่เฉินตอบอย่างไม่เร่งรีบ

“แก!”

เฮยกวงหัวร้อนเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ แต่ก็ยังหวาดกลัวสายตาเย็นชาของมู่เฉินอยู่

“ไง ไม่สู้เหรอ?” มู่เฉินมองอีกฝ่ายพลางเอ่ยเสียงไม่แยแส เขายื่นมือออกมาแสงหลิงแล่นแปลบปลาบบนนิ้ว “ถ้าเจ้าไม่โจมตี งั้นข้าเริ่มละนะ”

เฮยกวางกัดฟัน ทว่าเมื่อเขากำลังจะหมุนเวียนคลื่นหลิง เสียงหนึ่งก็ถูกส่งมาที่โสตประสาท “เฮยกวาง ใช้ทักษะลับซะ แม้ว่าจะไม่สามารถชนะได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาหมดกำลังใจ จะมีคนจัดการกับเขาภายหลังเอง”

เมื่อเฮยกวางได้ยินคำพูดนั่น สายตาก็วูบไหวก่อนจะเหลือบมองไปที่เฉวียนกวาง ชัดว่าเป็นเสียงอีกฝ่าย

“ทักษะลับ?” เฮยกวงลังเล เขารู้ว่าตนเองจะต้องอ่อนแอลงอย่างน้อยครึ่งปีถ้าทำเช่นนั้น

แต่เขารู้ถึงความตั้งใจของเฉวียนกวางเช่นกัน ตอนนี้มู่เฉินฮึกเหิมเกินไป แม้ว่าในท้ายที่สุดจะไม่ได้รับชัยชนะสี่ครั้ง แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ตระกูลเฉวียนอับอายขายหน้า

ท่ามกลางธารกำนัลตระกูลเฉวียนต้องอับอายจากตัวกาลกิณี

ดังนั้นเฮยกวางไม่ยอมให้มู่เฉินได้รับชัยชนะอย่างง่ายดายหรอก

เขาต้องขัดขวางมู่เฉินเพื่อให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนจัดการกับเขาได้อย่างง่ายดาย

“ได้!”

แม้จะลังเลเฮยกวางก็กัดฟัน เขารู้ว่าตนเองไม่มั่นใจในการเผชิญหน้ากับมู่เฉิน แล้วทำไมไม่เสี่ยงล่ะ?!

‘ไอ้เด็กเหลือขอ ข้าจะแสดงความหมายของการถูกตัดขาดเอง!’

เฮยกวางยิ้มเยาะในใจ จากนั้นก็ถอยพลางเย้ยหยัน “มู่เฉินอย่าได้ใจ ลองรับหนึ่งกระบวนท่าของข้ามั่ง!”

ตู้ม!

พูดจบ เกลียวแสงนับไม่ถ้วนถักทอที่ด้านหลังเฮยกวาง ร่างเวทสวรรค์ปรากฏขึ้นพร้อมกับปลดปล่อยพายุระหว่างสวรรค์และโลกออกมา

เมื่อร่างเวทสวรรค์ถูกเร้า เฮยกวางก็หายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะสร้างตราประทับแปลกประหลาดขึ้น

ในเวลาเดียวกันร่างเวทสวรรค์ที่อยู่เบื้องหลังก็สร้างตราประทับตามด้วย

เมื่อชิงเทียน ชิงเซวียนและชิงหยุนเห็นเช่นนั้น ดวงตาก็หดลงขณะที่ตะโกนลั่น “ไร้ยางอาย! มันคิดจะใช้ทักษะลับ!”

เฮยกวางเผยรอยยิ้มน่าสยดสยองขณะพูดอย่างน่าขนลุก “ในเมื่อแกคิดบีบข้า ดังนั้นอย่าโทษว่าข้าโหดเหี้ยม!”

สิ้นเสียงพูดท้องของเขาก็บวมขึ้น ท้องของร่างเวทสวรรค์ก็บวมขึ้นเช่นกัน อึดใจเขาก็อ้าปากพ่นลมหายใจออกทันที

ดวงดาวพรั่งพรูออกมาจากปากของร่างเวทสวรรค์ ด้วยการเคลื่อนไหวก็ราวกับว่าสามารถทำลายทุกสรรพสิ่งได้

เมื่อดวงดาวพรั่งพรูออกมาไม่หยุด ร่างเฮยกวางก็แห้งตอบลงอย่างรวดเร็ว ร่างเวทสวรรค์จางลง พวกเขาเทพลังทั้งหมดลงในดวงดาวนับไม่ถ้วนนี้

เมื่อเหล่าจอมยุทธ์เห็นฉากนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไปพลางอุทานลั่น “เฮยกวางบ้าไปแล้ว! เขาจะสลายร่างเวทสวรรค์ด้วยเหรอเนี่ย?!”

ร่างเวทสวรรค์เป็นหนึ่งในทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ถ้าสลายก็ต้องใช้เวลาและพลังงานมากในการสร้างใหม่ นอกจากนี้ยังอาจมีผลสะท้อนกลับมาอีกด้วย!

ดังนั้นจึงแทบไม่มีใครใช้วิธีนี้ มันเป็นการทำร้ายตัวเองในทางปฏิบัติก่อนที่จะทำร้ายศัตรู ซึ่งเหมือนกับการฆ่าตัวตาย

ฟู่ ฟู่!

ดวงดาวส่งเสียงหวีดหวิวโอบล้อมมู่เฉิน การเคลื่อนที่ทำให้ดูเหมือนว่าพวกมันสามารถทำลายดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้

ผู้คนฉายสีหน้าเคร่งเครียด มู่เฉินยโสเกินไปซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเฮยกวางถึงยอมทำเช่นนี้เพื่อรักษาหน้าตระกูลเฉวียน

“เฮยกวางเหี้ยมจริงๆ ตอนนี้มู่เฉินมีปัญหาแล้ว”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท