หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1420 คนเดียวปะทะตระกูลเฉวียน

บทที่ 1420 คนเดียวปะทะตระกูลเฉวียน

บนแท่นประจำตระกูลเฉวียน

ภาพเงามู่เฉินพลิ้วตัวลงมา การกระทำของเขาสร้างความปั่นป่วนไปหมด

“อะไรนั่น? เขาคิดจะท้าทายตระกูลเฉวียนเรอะ?!”

“เขายโสเกินไปแล้ว ตระกูลเฉวียนมีผู้อาวุโสเจ็ดคน เขาต้องเอาชนะอย่างน้อยสี่คนเพื่อให้ได้ตำแหน่งมานะ!”

“เจ้านั่นบ้าดีเดือดแท้จริง คิดจะเป็นงูเขมือบช้างรึไง”

“ความกล้านี่ไม่น้อยเลย แต่เขาไม่กลัวระเบิดตัวเองตายเหรอ?”

“…”

เสียงกระซิบดังไปทั่วขอบฟ้า ทุกคนตกตะลึงกับการเลือกของมู่เฉิน นั่นเป็นเพราะในมุมมองของพวกเขาตระกูลเฉวียนเคี้ยวยากที่สุดในตอนนี้

ในสายตาหลายคน การตัดสินใจของมู่เฉินไม่ฉลาดเลย

แน่นอนว่าไม่เพียงแต่ผู้ชมที่ตกตะลึงเท่านั้น แม้แต่ผู้อาวุโสตระกูลชิงก็ยังตะลึงจนพูดไม่ออก ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามู่เฉินจะมีวิธีอื่น ใครจะไปคิดว่าจะเป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุด

เขาจะชนะได้อย่างไร!

ตระกูลเฉวียนมีผู้อาวุโสเจ็ดคน สามคนมีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงและสี่คนอยู่ในขั้นเซียน!

หากมู่เฉินเลือกที่จะต่อสู้ เขาจะต้องเอาชนะจอมยุทธ์ถึงสี่คนเพื่อจะได้ที่นั่งเดียว มิหนำซ้ำการสนับสนุนที่ตระกูลชิงสามารถให้ได้ก็มีจำกัดมาก นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องเผชิญกับจอมยุทธ์เจ็ดคนตามลำพังหรือ?

เขาคิดจะพึ่งพาความสามารถของตัวเองในการเอาชนะตระกูลเฉวียน?

แค่ความคิดนี้ก็รู้สึกไม่น่าเชื่อสำหรับพวกเขา ท้ายที่สุดมู่เฉินเพิ่งจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นเท่านั้น ขณะที่ในหมู่ผู้อาวุโสเจ็ดคน คนที่อ่อนแอที่สุดก็แข็งแกร่งกว่าเขาเลยทีเดียว

นอกจากนี้ที่สำคัญแม้ว่ามู่เฉินจะเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงทั้งสามได้ แต่เขาก็ต้องเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนอย่างน้อยอีกหนึ่งคนจึงจะชนะแบบสมบูรณ์

การต่อสู้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนด้วยขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงจินตนาการไม่ออกเลย

ดังนั้นการกระทำของมู่เฉินแทบไม่มีโอกาสชนะสักนิด

“เขาคิดจะทำบ้าอะไรนั่น?” ชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะถาม

ชิงเทียนส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาบ่นแล้ว นอกจากนี้สถานการณ์ของพวกเขาก็ย่ำแย่ขนาดนี้ แม้ว่ามู่เฉินจะแพ้ก็ไม่ได้สูญเสียเพิ่ม อย่างมากก็แค่ขายหน้าเพิ่มอีกหน่อยเท่านั้น

ขณะที่ผู้อาวุโสทั้งสามของตระกูลชิงถอนหายใจ เฉวียนหลัวและมั่วซินก็อดเยาะเย้ยไม่ได้ “รนหาที่ตายจริงๆ มันคิดว่าตัวเองไม่ต้องกลัวอะไรหลังจากบรรลุขุมพลังเทียนจื้อจุนเรอะ? ขั้นหลิงระยะต้นไม่สามารถแตะต้องเผ่าฝูถูข้าได้หรอก!”

สมาชิกเผ่าคนอื่นๆ ก็พยักหน้า ในสายตาพวกเขา การกระทำของมู่เฉินเป็นการหาความอัปยศใส่ตัวอย่างไม่ต้องสงสัย

สมาชิกตระกูลชิงแลกเปลี่ยนสายตากัน แม้แต่ชิงหลิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล นางตกใจกับการกระทำของมู่เฉิน

เพราะที่ต้องเผชิญคือจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเจ็ดคนเชียวนะ!

ไม่อยากเชื่อว่ามู่เฉินต้องการต่อสู้ด้วยวิธีนี้

“ยอดเยี่ยม! สมกับเป็นมู่เฉิน ความกล้าของเขาแทบจะเทียบกับท่านพ่อได้เลย! พี่เซียวเซียวคิดว่ามู่เฉินจะชนะไหม?” หลินจิ้งปรบมือขณะที่หัวเราะเบาๆ นางไม่เหมือนคนอื่นที่รู้สึกว่ามู่เฉินประเมินตัวเองสูงเกินไป กลับยังรู้สึกว่าความกล้าหาญของเขาน่าชื่นชมมากทีเดียว

เซียวเซียวไตร่ตรองคำถามนี้อย่างจริงจังก่อนที่จะมีรอยยิ้มเผยออกมา “มู่เฉินเป็นคนเจ้าวางแผน เขาจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม ในเมื่อเขากล้าที่จะทำก็ต้องมีความมั่นใจ”

แต่หลังจากหยุดชั่วครู่นางก็พูดต่อ “แต่ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าความมั่นใจของเขามาจากไหน”

เมื่อหลินเตียวและเย่าเฉินได้ยิน ทั้งสองคนก็สบตากันและยิ้ม “เจ้าสองคนมองเขาในแง่ดีมากเลยนะ”

แม้ว่าพวกเขาจะพูดแบบนี้ แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่ามู่เฉินจะประมาท พวกเขาอาจไม่เข้าใจในตัวมู่เฉินอย่างลึกซึ้ง แต่ในเมื่อเขาได้รับความสำคัญจากหลินต้งและเซียวเหยียน นั่นหมายความว่าเขาต้องเป็นคนที่โดดเด่นแน่นอน

ดังนั้นไม่ยากที่เขาจะสร้างปาฏิหาริย์เหลือเชื่อขึ้นได้

เฉวียนกวางเหลือบมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา แม้แต่เขาที่มักสงบก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วยความโกรธเกรี้ยว “เยี่ยม! เยี่ยม! สมเป็นลูกของชิงเหยี่ยนจิ้งจริงๆ ความกล้าหาญของเจ้าไม่ธรรมดาเลย”

“แต่ก็ช่างเถอะ ข้าจะช่วยเติมเต็มความปรารถนาของเจ้า ในเมื่อเจ้าอยากสัมผัสกับพลังของตระกูลเฉวียนของข้า!”

“ผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนอย่ารั้ง ปล่อยให้ไอ้คนบาปได้ลิ้มรสพลังของตระกูลเฉวียนของเรา!”

“รับทราบ!”

ผู้อาวุโสทั้งหกตอบรับ สายตาถมึงทึงมองไปที่มู่เฉิน ชายหนุ่มท้าทายพวกเขาต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก นี่เป็นการดูถูกอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาจะทนได้อย่างไร?

ผู้อาวุโสใหญ่ที่เห็นฉากนี้สายตาก็วูบไหว แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เนื่องจากในมุมมองของเขามู่เฉินหยิ่งผยองเกินไป ดังนั้นเขาต้องการที่จะให้ตระกูลเฉวียนขยี้ความผยองที่มี บอกให้รู้ว่าแม้จะไปถึงระดับเทียนจื้อจุนก็ไม่ได้มีสิทธิ์มาทำหน้ายโสโอหังในเผ่าฝูถูได้

แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้ผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนฆ่ามู่เฉินได้ มิฉะนั้นชิงเหยี่ยนจิ้งจะตามจองล้างจองผลาญเผ่าฝูถูชั่วกัปชั่วกัลป์แน่นอน หากนางโกรธขึ้นมา เผ่าก็ต้องจ่ายราคามหาศาลแม้ว่าพวกเขาจะหยุดนางได้ก็ตาม

นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากเห็น

ขณะที่เกิดความคิดในหัวฝูถูเฉวียน มู่เฉินก็ไม่ได้สนใจสายตาโกรธเกรี้ยวของผู้อาวุโสตระกูลเฉวียน เขาทะยานไปยังแท่นประลองที่ต่ำที่สุดของตระกูลเฉวียน

ทันใดนั้นทุกสายตาก็พุ่งตรงมา

นี่คือผู้อาวุโสเฉวียนไห่อยู่ในขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นซึ่งเทียบเท่ากับระดับของมู่เฉิน

แขนเสื้อคลุมเฉวียนไห่กระพือขึ้นลงพรึบพรับ สายตาจ้องมองไปที่มู่เฉินด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ไม่คิดว่าชิงเหยี่ยนจิ้งจะมีลูกชายสมองพิการ แกมีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นอาจทำตัวหยิ่งผยองในมหาพันภพได้ แต่ไม่มีประโยชน์ในเผ่าฝูถู”

ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับการเยาะเย้ย มู่เฉินก็ไม่สนใจ สายตาเขามองข้ามเฉวียนไห่ไปที่แท่นที่สูงขึ้น

“ไอ้เด็กไร้มารยาท! พ่อแม่ไม่สั่งสอน!” เมื่อเห็นว่ามู่เฉินไม่สนใจตน เฉวียนไห่ก็คำรามเสียงกร้าว

มู่เฉินถอนสายตากลับมามองเฉวียนไห่ “ไสหัวไป ถ้าแกไม่อยากโดนทรมาน”

“ไอ้หนู รนหาที่ตาย!”

ใบหน้าของเฉวียนไห่เปลี่ยนเป็นแดงก่ำขณะตะโกน ทันใดนั้นแสงไร้ขอบเขตก็ระเบิดออกจากร่าง ร่างเขาเริ่มขยายขนาดกลายเป็นยักษ์ตัวเล็กๆ

เขาเปลี่ยนเป็นกายาหลิงเทียนจุนปลดปล่อยพลังแข็งแกร่งที่สามารถทำลายสวรรค์และโลกด้วยการเคลื่อนไหวออกมา

ตู้ม!

เมื่อเฉวียนไห่เร้ากายาหลิงเทียนจุนออกมาก็ไม่ได้หยุดยั้ง เขากระทืบเท้าลงไปทำให้เกิดรอยแตกปรากฏขึ้นบนแท่นที่ทำจากวัสดุไม่ธรรมดา

ทันใดนั้นเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้ามู่เฉินพร้อมกับแสงหนาแน่นกำจายออกมา

“ทักษะหลิงไม่เสินทง ฝ่ามือค้อนตอกวิญญาณ!”

สายตาของเฉวียนไห่กะพริบด้วยความดุร้าย เขาดึงเอาทักษะเส้นหลิงที่มีออกมาในทันที แม้ว่าเขาจะด่าว่ามู่เฉินในฐานะอาวุโสกว่า แต่เขาก็ยังดึงเอาความสามารถทั้งหมดออกมา เนื่องจากเขารู้ว่ามู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ดังนั้นหากเขาไม่ได้ใช้ฝีมือเต็มที่ เขาอาจจะต้องเสียเปรียบ

ตู้ม!

ทันใดนั้นกำปั้นของเฉวียนไห่ก็ขยายขึ้นแล้วตอกลงไปทำให้มิติแตกออก

เมื่อเห็นกระบวนท่านี้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนหลายคนก็พยักหน้า เฉวียนไห่มีความสามารถแท้จริงในฐานะผู้อาวุโสของเผ่าฝูถู

ทว่าพวกเขาก็ต้องอึ้งไปเมื่อมองไปที่มู่เฉิน เนื่องจากเห็นว่ามู่เฉินไม่ได้ออกกระบวนท่าอะไร ปล่อยให้กำปั้นอีกฝ่ายซัดมาตรงๆ

“ไอ้เด็กนี่ ไม่รู้หลบเลยเรอะหรือว่าบ้าไปแล้วจริงๆ?”

ผู้คนมองหน้ากัน เฉวียนไห่คว้าโอกาสออกกระบวนท่าก่อนซึ่งรุนแรงมาก โดยทั่วไปจะเลือกหลบหนีก่อนแล้วค่อยหาโอกาสพลิกสถานการณ์ แต่ทำไมมู่เฉินถึงยืนอยู่ตรงเหมือนท่อนไม้อย่างไรอย่างนั้น?

ภายใต้สายตาตะลึงนับไม่ถ้วน หมัดก็พุ่งเข้ามาถึงตัว ทว่าเมื่อหมัดกำลังจะกระทบกับหน้าอกมู่เฉิน เขาก็เคลื่อนไหวในที่สุด

เขายืดฝ่ามือออกพลางสัมผัสกับหมัดเบาๆ

ปัง!

จังหวะที่สัมผัสกันก็สร้างความปั่นป่วนขนาดใหญ่ คลื่นกระแทกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกไป ทำให้แท่นสั่นสะเทือน รอยแตกกระจายอยู่ข้างใต้

กลุ่มควันค่อยๆ สลายลง

ทุกสายตาจ้องไปเบื้องหน้าก่อนที่ความตกใจจะพล่านบนใบหน้า พวกเขาเห็นมู่เฉินยืนตระหง่านราวกับภูเขาอยู่บนแท่นประลอง

พื้นโดยรอบกลายเป็นเถ้าถ่าน มีเพียงพื้นที่เดียวที่เขายืนอยู่ที่ปกติ มากจนเขาไม่ได้ขยับตัวเลยด้วยซ้ำ

โห้!

ความปั่นป่วนเกิดขึ้นทันที จอมยุทธ์พลังเทียนจื้อจุนจำนวนมากหดดวงตา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะรับการโจมตีได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

สีหน้าเฉวียนไห่ก็เปลี่ยนเช่นกัน เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าหมัดเหมือนตกลงไปในหลุมดำ ร่างกายของมู่เฉินราวกับหลุมดำ ไม่ว่าเขาจะปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์

ความไม่สบายใจผุดขึ้นในใจ เขาอยากจะถอยหนี ตอนนี้เขาต้องใช้กายาหลิงเทียนจุนต่อสู้แล้ว

แต่เมื่อเขาคิดจะถอย มู่เฉินก็คว้ากำปั้นของเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถถอยไปได้

เฉวียนไห่เงยหน้าขึ้นก็เห็นดวงตามู่เฉินที่อัดแน่นด้วยความคมกริบและไม่แยแส

“ในเมื่อเจ้าใช้ทักษะหลิงไม่เสินทงแล้ว ลองชิมของข้าดูบ้าง”

มู่เฉินหรี่ตาและก่อนที่เฉวียนไห่จะตอบสนอง เพลิงสีม่วงก็ลุกขึ้นบนฝ่ามือห่อหุ้มกำปั้นเฉวียนไห่เอาไว้

ขณะที่เพลิงปกคลุม เฉวียนไห่ก็ตกใจ เขารีบตอบโต้ด้วยคลื่นหลิงโดยสัญชาตญาณ เพื่อดับเพลิง

ฟู่ ฟู่!

ทว่าสถานการณ์ต่อมาทำให้เขาตกใจเกือบสิ้นสติ คลื่นหลิงของเขากลับเติมเชื้อไปให้กับเพลิงสีม่วงแทนที่จะดับลง อุณหภูมิที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาทำให้กระทั่งกายาหลิงเทียนจุนของเขายังเจ็บปวดไปหมด

อ๊าก!

เสียงกรีดร้องน่าสังเวชดังก้องออกมาจากปาก ขณะที่เขาถอยออกไปราวกับลูกบอลไฟ ไม่ว่าเขาจะพยายามใช้คลื่นพลังอย่างไร ก็ไม่สามารถดับเพลิงสีม่วงได้ ร่างกายของเขาเริ่มลุกไหม้จากอุณหภูมิที่สูง

มู่เฉินก้าวออกไปวาดท่อนขาฟาดหน้าแข้งเข้าที่ปากของเฉวียนไห่ พลังที่ส่งออกมาทำให้ฟันในปากแตกละเอียดทันที จากนั้นปลิวออกไป

ฉากนี้ทำให้ทุกคนตะลึง เฉวียนไห่ไม่สามารถรับกระบวนท่าของมู่เฉินได้แม้แต่ครั้งเดียวรึ?

เมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่าง มู่เฉินก็ไม่ใส่ใจต่อเสียงกรีดร้องของเฉวียนไห่ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสคนอื่นของตระกูลเฉวียนซึ่งมีสีหน้าเปลี่ยนไป เสียงของเขาดังก้อง

“รับไม่ได้สักกระบวนท่า สะกิดเดียวก็แพ้ คนต่อไปเชิญ”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท