หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1428 ความขัดแย้งเกิดขึ้นอีกครั้ง

บทที่ 1428 ความขัดแย้งเกิดขึ้นอีกครั้ง

เมื่อเสียงของมู่เฉินดังออกมา

ทุกคนก็เงียบลงขณะดูฉากตรงหน้าด้วยความอึ้งทึ่ง พักใหญ่ถึงคืนสติได้ว่ามู่เฉินชนะแล้ว…

เขาปะทะกับตระกูลเฉวียนด้วยตัวคนเดียวและคว้าตำแหน่งกลับคืนมาจากหนึ่งในสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าฝูถู

“ช่างดุดันจริงๆ…”

ความเงียบดำเนินไปเป็นเวลานานก่อนที่จะเกิดเสียงทอดถอนหายใจ ผู้นำหลายคนมองไปที่มู่เฉินด้วยความเคร่งเครียดและความกลัว

ชัดว่าความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมาน่าตกใจแท้จริง

ต้องรู้ว่าเขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นเท่านั้น แต่กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็แพ้ให้เขา หากในอนาคตเขาบรรลุขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ยงคงกระพันภายใต้ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งหรือ?

“เผ่าฝูถูช่างน่าหัวเราะจริงๆ ที่ปฏิบัติต่อสุดยอดอัจฉริยะราวกับคนบาป นี่คือยอดยุทธ์ที่มุ่งมั่นจะบรรลุขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง ถ้าเป็นขั้วอำนาจอื่น เขาจะถูกเลี้ยงดูในฐานะเสาหลักแล้ว”

“หึๆ พวกเผ่าโบราณบ้าบอเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของสายเลือดอยู่ตลอด” ผู้ชมหลายคนกระซิบกระซาบขณะพึงพอใจกับฉากนี้

เมื่อสมาชิกเผ่าฝูถูได้ยิน ใบหน้าแต่ละคนก็บิดเบี้ยวจนน่าเกลียด แต่ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะหักล้างได้ เพราะยังไงมู่เฉินก็ได้ชื่อว่าตัวกาลกิณีของเผ่าอย่างแท้จริง

ใบหน้าของเฉวียนกวางเคร่งขรึมลง หมัดกำแน่นในแขนเสื้อ วันนี้ตระกูลเฉวียนของเขาได้รับความอับอายจากมู่เฉินยิ่งนัก

“ไอ้เด็กสารเลว กล้าทำลายแผนการของตระกูลเฉวียนข้า!” เขาสบถกับตัวเอง

เฉวียนกวางโกรธมาก เขาวางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว ทั้งๆ ที่แผนกำลังจะประสบความสำเร็จ แต่มู่เฉินก็ดันทำให้ทุกอย่างพังพินาศลง

แต่ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ เนื่องจากตระกูลเฉวียนแพ้ทั้งสี่ยก ดังนั้นพวกเขาต้องส่งตำแหน่งคืนให้

หลังจากนั้นดวงตาเขาก็กะพริบสั้นๆ เฉวียนกวางหันไปหาฝูถูเฉวียนพูดว่า “ตระกูลเฉวียนยอมรับความพ่ายแพ้และขอส่งตำแหน่งคืน แต่ว่าอย่างไรมู่เฉินก็เป็นตัวกาลกิณี ซึ่งผิดกฎที่เขาจะเป็นประมุขตระกูลชิง ข้าต้องการเปิดสภาเพื่อกันเขาออกจากสถานะนั้น”

ตอนนี้มู่เฉินมีตัวตนเป็นประมุขตระกูลชิง จึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะจัดการ แต่ถ้าเขาขาดคุณสมบัติ พวกเขาก็จะมีเหตุผลอันชอบธรรมที่จะจัดการในฐานะตัวกาลกิณี

“ตระกูลชิงของข้าปฏิเสธ!” ชิงเทียนร้องตะโกนด้วยรู้ถึงความตั้งใจของเฉวียนกวาง

“ตระกูลมั่วเห็นด้วย” มั่วถงพูดหลังจากไตร่ตรองสั้นๆ เขาลงเรือลำเดียวกันตระกูลเฉวียนเพื่อบีบตระกูลชิงออกไป ดังนั้นเขาไม่ต้องการเห็นมู่เฉินทำลายกฎเกณฑ์ นอกจากนี้เขายังกลัวศักยภาพที่มู่เฉินแสดงออกมา จึงเป็นการดีที่สุดที่พวกเขาจะกำจัดเด็กเหลือขอในวันนี้

เฉวียนกวางและมั่วถงมองไปที่ตระกูลย่อย ผู้อาวุโสทั้งสามก็แลกเปลี่ยนสายตากันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพยักหน้าเห็นด้วยเนื่องจากแรงกดดันที่ได้รับ

เมื่อฝูถูเฉวียนเห็นสิ่งนี้ คิ้วก็ขมวดก่อนที่จะพยักหน้า “เนื่องจากผู้อาวุโสกว่าเจ็ดส่วนเห็นด้วยก็สามารถเปิดสภาผู้อาวุโสได้ตามกฎ”

เมื่อเฉวียนกวางได้ยิน รอยยิ้มเย็นชาก็ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก

มู่เฉินมองภาพเบื้องหน้าอย่างเย็นชาและยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องจัดให้ตัวเองลำบาก ข้าไม่สนใจตำแหน่งประมุขตระกูลชิงนักหรอก เหตุผลที่ข้ามาก็คือเพื่อเก็บดอกเบี้ยจากตระกูลเฉวียน”

เมื่อพูดจบ เขาก็โบกมือ ป้ายประจำตระกูลพุ่งกลับไปที่ชิงเทียน

เมื่อชิงเทียนรับไว้ก็มีสีหน้าซับซ้อน เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินไม่สนใจในตำแหน่งนี้เลย แม้ว่าจะไม่มีความเกลียดชังต่อพวกเขา แต่ก็ห่างเหิน

การกระทำของมู่เฉินทำให้เฉวียนกวางอึ้งไปก่อนจะเค้นเสียง เพราะนี่ช่วยลดปัญหาไปพอสมควรเลยทีเดียว

“ผู้อาวุโสใหญ่ มู่เฉินเป็นตัวกาลกิณี ตามกฎแล้วเราควรจับเขาและ…”

“ไม่จำเป็น เหตุผลที่ข้ามาเผ่าฝูถูก็เพื่อพามารดาออกจากที่นี่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราแม่ลูกจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่าฝูถูอีก” ก่อนที่เฉวียนกวางจะพูดจบ เสียงไม่แยแสของมู่เฉินก็ดังขัดจังหวะ

คำพูดของเขาทำให้ทั่วบริเวณเงียบไปอีกครั้ง ใบหน้าผู้คนนับไม่ถ้วนเปลี่ยนไป ถ้าเมื่อครู่ที่มู่เฉินท้าทายตระกูลเฉวียนยังเป็นไปตามกฎ งั้นตอนนี้เขากำลังท้าทายเผ่าฝูถูทั้งหมด

“ไอ้หนูนั้นห้าวเกินไปแล้ว กล้าพูดจาสามหาวแบบนี้ได้ยังไง?”

หลายคนแลกเปลี่ยนสายตา ขณะที่พวกเขารู้สึกไม่เอยากเชื่อและตกใจ พวกเขาตะหงิดในใจว่าเรื่องหลักวันนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

การต่อสู้เมื่อครู่เป็นเพียงจานเรียกน้ำย่อยและนี่คือจานหลัก

ดูเหมือนว่ามู่เฉินจะไม่หยุดพัก เว้นแต่เขาจะพลิกเผ่าฝูถูกลับหัวกลับหาง

แต่พวกเขาไม่รู้ว่าความมั่นใจของมู่เฉินมาจากไหน ความแข็งแกร่งของเขาก็อยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้น ถ้าเขาท้าทายเผ่าฝูถูก็จะคล้ายกับการวิ่งเข้าอุโมงค์ความตาย

เฉวียนกวางรู้สึกตะลึงกับการเคลื่อนไหวไม่คาดคิดของมู่เฉิน แต่จากนั้นเขาก็ฟื้นคืนสติเกิดความสุขขึ้นในใจ มู่เฉินยังเด็กและบ้าบิ่นพูดคำที่เย่อหยิ่งเช่นนี้ คราวนี้ผู้อาวุโสใหญ่นั่งไม่ติดแน่

เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าฝูถูเฉวียนดิ่งลงตามคาด

“บังอาจ!”

เสียงตะโกนของฝูถูเฉวียนดังก้องด้วยความเกรี้ยวกราด ทำให้สวรรค์และโลกเงียบงันในทันที พลังอำนาจของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งถูกปลดปล่อยออกมาเต็มที่

ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้ความสนใจกับความโกรธเกรี้ยวของฝูถูเฉวียน แต่กลับเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว

“เจ้ากาลกิณี เจ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถแล้วจะทำอะไรก็ได้เรอะ คิดว่าที่นี่เป็นที่ไหนกัน?” ฝูถูเฉวียนคำรามในขณะที่พูดต่อ “ชิงเหยี่ยนจิ้งละเมิดกฎเป็นนักโทษ ข้าจะยอมให้เจ้าพานางไปได้ยังไง?”

สายตาของมู่เฉินเปลี่ยนไปเป็นเย็นชากล่าวว่า “ตาแก่ ข้าไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเป็นหนึ่งในเผ่าฝูถู ดังนั้นเก็บขี้ไว้กับตัวเองเหอะ”

มู่เฉินเกลียดคนแก่โง่เง่าดื้อรั้นคนนี้นัก ถ้าไม่ใช่เพราะตาแก่นี่ เขาก็คงไม่ต้องแยกจากมารดาหลายปี ดังนั้นเขาจึงไม่คิดไว้หน้าชายชราสักนิด

สมาชิกเผ่าฝูถูต่างตกตะลึง ผู้อาวุโสใหญ่ดำรงตำแหน่งสูงในเผ่ามีบารมียิ่งใหญ่ แม้แต่ประมุขตระกูลต่างๆ ยังไม่กล้าที่จะทำให้อีกฝ่ายโกรธ แต่มู่เฉินกลับเรียกเขาว่าตาแก่ ช่างกล้าเหลือเกิน

“จองหอง เจ้าเป็นเด็กป่าเถื่อนไม่มีมารยาทจริงๆ!” ใบหน้าของฝูถูเฉวียนมืดครึ้มขณะที่อารมณ์โกรธลั่นเปรียะ “ทุกคนจับมัน! ข้าจะดูว่ามันมีสิทธิ์อะไรที่จะมารับชิงเหยี่ยนจิ้งออกจากเผ่าฝูถู!”

“รับทราบ!”

เฉวียนกวางและมั่วถงดีใจ พวกเขาลุกขึ้นยืนเตรียมนำผู้เชี่ยวชาญไปจับตัวมู่เฉิน

“มู่เฉินหยิ่งเกินไป ตอนนี้ก็ทำให้ฝูถูเฉวียนโกรธแล้ว เขาจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์เผ่าฝูถูทั้งหมดได้อย่างไร?” ผู้ชมต่างพากันส่ายหวือกับเหตุการณ์นี้

แต่เมื่อจอมยุทธ์ตระกูลเฉวียนและมั่วกำลังจะเคลื่อนไหวเสียงหัวเราะก็ดังก้อง “มู่เฉินเป็นสหายของแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูของเรา ดังนั้นหากเผ่าฝูถูต้องการกลั่นแกล้งเขา เราคงยอมรับไม่ได้”

เสียงนั้นดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที พวกเขามองไปตามเสียงก็เห็นชายชราและชายทรงเสน่ห์เข้าสู่ครรลองสายตา

เมื่อพวกเขาเห็นทั้งสองคนแม้แต่ผู้อาวุโสเผ่าฝูถูก็เปลี่ยนสีหน้าและหยุดเคลื่อนไหว

ทันใดนั้นความปั่นป่วนก็เกิดขึ้นทั่วบริเวณ

“นั่นคือท่านเย่าเฉิน เขาคืออาจารย์ของเทพจักรพรรดิอัคคี…”

“นอกจากนั้นยังมีหลินเตียว เขาเป็นประมุขรองของแคว้นหวูและเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเทพจักรพรรดิสงคราม”

“หือ! ไม่แปลกใจที่มู่เฉินไม่เกรงกลัวเผ่าฝูถู เขาขอยืมพลังนั่นเอง เก่งจริงๆ แคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูไม่ใช่ขั้วอำนาจที่ใครๆ ก็เชิญได้!”

“ใช่ ความสามารถอะไรเนี่ย มู่เฉินน่าเกรงขามอย่างแท้จริง”

ทุกคนตกตะลึง แคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูชื่อเสียงขจรขจายทั่วมหาพันภพ ทั้งสองเป็นขุมกำลังสุดยอดที่ไม่อ่อนแอไปกว่าห้าเผ่าโบราณเลย

เฉวียนกวางและมั่วถงตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและคว้นหวูจะออกตัวช่วยมู่เฉิน แม้จะต้องเป็นศัตรูกับเผ่าฝูถู

“บัดซบ ไอ้หนูนั่นเติบโตถึงขนาดที่แม้แต่แคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูก็พุ่งเข้ามาช่วยเขาเรอะ?!” พวกเขาสองคนรู้สึกเสียใจในใจ หากพวกเขารู้เรื่องนี้คงจะจัดการกับมู่เฉินให้เร็วกว่านี้ ตอนนี้เขาเติบโตขึ้นจนถึงจุดที่แม้พวกเขาก็ยังหวาดกลัว

พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้อาวุโสใหญ่สามารถอดกลั้นต่อการแทรกแซงจากแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูได้หรือไม่

ดังนั้นพวกเขาจึงมองไปที่ฝูถูเฉวียน ซึ่งสามารถเห็นท่าทางน่ากลัวของอีกฝ่าย สายตาเฉียบคมนั้นพุ่งไปที่เย่าเฉินและหลินเตียว

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสายตานั่น เย่าเฉินและหลินเตียวก็ยังฉายท่าทางสงบนิ่ง

“แคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูคิดจะทำให้เผ่าฝูถูลำบากเพื่อตัวกาลกิณีนั่นรึ?” เสียงของฝูถูเฉวียนดังก้อง แต่ไม่มีใครรับรู้อารมณ์ใดของเขา

เย่าเฉินยิ้มบาง “มู่เฉินเป็นสหายน้อยของศิษย์ข้า เราหวังว่าเผ่าฝูถูจะละเว้นจากการกลั่นแกล้งในเรื่องนี้ได้”

แม้ว่าหลินเตียวจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่ท่าทีชัดเจนมาก

ทั่วบริเวณเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าอ้าปากพูดออกมาแม้แต่คำเดียว หากสถานการณ์นี้ไม่ได้รับการจัดการอย่าวงดี อาจส่งผลให้เกิดสงครามระหว่างสามขั้วอำนาจสุดยอด ทั่วทั้งมหาพันภพต้องได้รับผลกระทบแน่นอน

ภายใต้ความเงียบที่อัดแน่นด้วยความกดดัน ดวงตาของฝูถูเฉวียนถมึงทึงขณะมองไปที่เย่าเฉินและหลินเตียว จากนั้นครู่หนึ่งเสียงไม่แยแสก็ดังขึ้น

“แล้วพวกเจ้าสองคนจะทำอะไร ถ้าข้ายืนยันจะจับเจ้าเด็กนั่น?”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท