หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1438 ทวีปไป่หลิง

บทที่ 1438 ทวีปไป่หลิง

โถงใหญ่เผ่าฝูถู

“หลังจากที่ข้าไปแล้ว ผู้อาวุโสชิงเทียนจะเข้ามาดูแลเรื่องต่างๆ แทนข้าชั่วคราว อย่างไรก็ตามข้าจะทิ้งร่างดวงจิตไว้ให้จะได้ติดต่อได้หากมีเหตุฉุกเฉินและข้าจะได้รีบกลับทันที”

เหล่าผู้อาวุโสของสภามารวมตัวกันที่นี่ ชิงเหยี่ยนจิ้งมองหน้าทีละคน จากนั้นสายตาก็กวาดไปที่เฉวียนกวางและมั่วถง ก่อนจะพูดเบาๆ “หวังว่าจะไม่มีอะไรที่ข้าไม่อยากเห็นเกิดขึ้นในเผ่าขณะที่ข้าไม่อยู่ มิฉะนั้นข้าจะลงโทษสถานหนักแน่”

หัวใจของเฉวียนกวางและมั่วถงสั่นสะท้านเมื่อเห็นสายตาของชิงเหยี่ยนจิ้งก่อนจะพยักหน้า พวกเขารู้สึกได้ถึงความเย็นชาในน้ำเสียงของนาง ถ้าพวกเขาคิดตุกติกขณะที่นางไม่อยู่ เมื่อนางกลับมางานนี้ทั้งหนี้เก่าหนี้ใหม่ถูกทวงจนอ่วมแน่

มู่เฉินยืนอยู่ข้างๆ ชิงเหยี่ยนจิ้งมองไปที่เหล่าผู้อาวุโสด้วยสีหน้านิ่งเฉย คนตำแหน่งสูงพวกนี้ราวกับฝูงแกะเมื่ออยู่เบื้องหน้าชิงเหยี่ยนจิ้ง

เขายังเห็นเฉวียนหลัวและมั่วซินยืนอยู่ข้างหลังบิดาของพวกเขา ทว่าทั้งสองคนต่างซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง ไม่กล้าสบตากับมู่เฉิน

พวกเขามีมุมมองชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้ รู้ว่ามู่เฉินมาถึงจุดสูงสุดที่ไม่สามารถปีนเกลียวได้สำหรับพวกเขา ในอดีตพวกเขายังใช้สถานะของตนเพื่อกดมู่เฉินในฐานะตัวกาลกิณีได้ แม้ว่ามู่เฉินจะบรรลุขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงก็ไม่กลัว เนื่องจากพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากเผ่า

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป… เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่ ทำให้เบื้องหลังมู่เฉินบดขยี้พวกเขาได้ไม่เหลือซาก…

ดังนั้นเมื่อทุกอย่างต่างไปจากเดิม พวกเขาก็ทำได้เพียงซ่อนและไม่แสดงการยั่วยุใดๆ ต่อมู่เฉิน

“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสใหญ่จะไปนานแค่ไหน? ท่านเพิ่งขึ้นดำรงตำแหน่ง ข้ากลัวว่าจะไปนานไม่ได้นักนะ” ชิงเทียนเดินออกมาและถามอย่างระมัดระวัง

ผู้อาวุโสตระกูลชิงทุกคนมองไปที่ชิงเหยี่ยนจิ้ง เห็นได้ชัดว่าพวกเขากลัวว่านางจะจากไปนานเหมือนในอดีต โยนเผ่าฝูถูไว้เบื้องหลัง

หากเป็นเช่นนั้นตระกูลเฉวียนและมั่วอาจทำให้เกิดปัญหา

ชิงเหยี่ยนจิ้งมองเห็นความคิดของชิงเทียนจึงยิ้มให้ “ไม่ต้องกังวลข้ารู้ว่าต้องทำอะไร ข้าจะคอยติดตามข่าวสารของเผ่าแน่นอน”

เมื่อได้ยินคำรับรอง ผู้อาวุโสตระกูลชิงก็รู้สึกโล่งใจ เมื่อเทียบกับในอดีตชิงเหยี่ยนจิ้งอดทนอดกลั้นมากขึ้นและไม่ทำตามอำเภอใจอีกต่อไป ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงอยากจะร้องไห้ในตอนนี้จริงๆ

“งั้นพวกเราอวยพรให้ผู้อาวุโสใหญ่เดินทางราบรื่นปลอดภัย” ผู้อาวุโสทั้งหมดโค้งคำนับ

ชิงเหยี่ยนจิ้งพยักหน้าพลางโบกมือ แสงหลิงห่อหุ้มร่างมู่เฉินไว้ จากนั้นทั้งสองก็หายไป

ที่ด้านนอกค่ายกลเคลื่อนย้ายของเผ่าฝูถู ชิงหยานจิ้งและมู่เฉินก็ปรากฏขึ้น

“น้าจิ้ง” หลิงซีมารออยู่ที่นี่แล้ว นางคล้องแขนชิงเหยี่ยนจิ้ง แม้แต่สีหน้าเย็นชาเป็นนิจก็มีรอยยิ้มน่ารักและไร้เดียงสาเผยออกมา

“นายหญิง” หลงเซี่ยงทักทายด้วยความเคารพ

ชิงเหยี่ยนจิ้งจับมือของหลิงซีพลางแซวเล่นว่า “ยังทำตัวเหมือนเด็กอีก…”

จากนั้นนางก็หันไปหาหลงเซี่ยงและยิ้ม “เราสนิทสนมกันดี ไม่จำเป็นต้องมากมารยาทเช่นนี้”

ทว่าหลงเซี่ยงก็ส่ายหัวอย่างดื้อดึง เมื่อเห็นการตอบสนองนั่น ชิงเหยี่ยนจิ้งก็ไม่พูดมาก มองไปที่มู่เฉิน “ตอนที่เจ้าเข้าสมาธิข้าให้หลงเซี่ยงรวบรวมข้อมูล ทวีปไป่หลิงกำลังจะมีพิธีราชันเร็วๆ นี้และขั้วอำนาจทั้งหมดในทวีปจะมุ่งหน้าไปยังเมืองไป่หลิง ข้าว่ามู่เฟิงก็น่าจะไปที่นั่น ดังนั้นเราไปที่นั่นเพื่อหาเขาเลยดีกว่า”

มณฑลเป่ยหลิง แคว้นไป่หลิงเทียนอยู่ในทวีปไป่หลิง ตอนที่มู่เฉินจากมามู่เฟิงได้ก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรเป่ยหลิง ซึ่งเป็นขั้วอำนาจที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กของทวีปไป่หลิง ดังนั้นพวกเขาจะต้องเข้าร่วมพิธีราชันด้วยแน่นอน

มู่เฉินผงกศีรษะด้วยรอยยิ้มเร่งทุกคน “งั้นไปกันเถอะ”

ทวีปไป่หลิงอยู่ตะวันตกเฉียงเหนือของมหาพันภพ

ที่นี่ไม่ได้มีชื่อเสียงเป็นพิเศษอะไร เมื่อเทียบกับมหาทวีปอื่นๆ แล้วก็มองไม่เห็นชั้นการเปรียบเลย

ส่วนทวีปฝูถูของเผ่าฝูถูตั้งอยู่ห่างไกลจากทวีปไป่หลิงมาก แต่เดิมด้วยพลังของชิงเหยี่ยนจิ้ง นางสามารถเดินทางผ่านมิติได้โดยตรง หากใครสักคนในทวีปไป่หลิงมาบดขยี้สัญลักษณ์หลิงยิ่งที่นางสร้างขึ้น แต่ชัดว่าตอนนางจากไปไม่ได้เตรียมการเช่นนี้ไว้

ทว่าการเดินทางไม่ใช่ปัญหาสำหรับชิงเหยี่ยนจิ้ง นางเป็นหลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่ง การสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายจึงเป็นอะไรที่ทำได้เพียงพลิกฝ่ามือ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้หยุดเพื่อค้นหาค่ายกลที่จะข้ามทวีป ชิงเหยี่ยนจิ้งสร้างค่ายกลจากที่ห่างไกลเพื่อมุ่งหน้าไปยังอีกทวีปหนึ่งได้เลย…

ดังนั้นพวกเขาเดินทางผ่านนับร้อยทวีปในเวลาเพียงสิบวัน ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ เข้าใกล้ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมหาพันภพ

ความเร็วของพวกเขารวดเร็วมาก ถ้าเป็นคนอื่นอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนในการบรรลุเป้าหมาย

ทั้งสี่กำลังยืนเหนือผิวน้ำมหาสมุทรขนาดใหญ่ขณะที่ชิงเหยี่ยนจิ้งโบกมือไปมา สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนเชื่อมโยงสร้างเป็นค่ายกลเคลื่อนย้าย

“เคลื่อนย้ายอีกครั้ง เราก็จะถึงทวีปไป่หลิงแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของชิงเหยี่ยนจิ้ง มู่เฉิน หลิงซีและหลงเซี่ยงก็รู้สึกโล่งใจ เนื่องจากในที่สุดก็ไปถึงจุดหมายเสียที

เมื่อทั้งสี่ก้าวเข้าสู่ค่ายกล รัศมีก็ระเบิดออก มิติโดยรอบบิดเบี้ยวรุนแรง ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไรพวกมู่เฉินก็ลืมตาขึ้น

สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าพวกเขาคือเทือกเขาแห่งหนึ่ง บ่งบอกชัดเจนว่าพวกเขามาถึงอีกทวีปแล้ว

มือเรียวกดลง การบิดเบือนของมิติโดยรอบก็ถูกระงับลง ชิงเหยี่ยนจิ้งหวนรำลึกถึงอดีตเมื่อมองทวีปนี้พร้อมกับความคาดหวัง

‘ไม่รู้ว่า… ตานั่นเป็นยังไงบ้างแล้ว…’

“ไปที่เมืองไป่หลิงกันเถอะ”

ชิงเหยี่ยนจิ้งระงับอารมณ์ ยิ้มให้กับมู่เฉิน หลิงซีและหลงเซี่ยง ก่อนที่จะสะบัดมือ พวกเขากลายเป็นร่างแสงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

“คิกๆ ข้าแทบไม่เคยเห็นน้าจิ้งรีบร้อนขนาดนี้เลย” หลิงซีปิดปากและยิ้ม

“ข้าก็อยากจะพบกับนายท่านที่สง่าผ่าเผยที่สามารถกุมหัวใจของนายหญิงได้ขนาดนี้” หลงเซี่ยงพูดด้วยความคาดหวัง

มุมปากของมู่เฉินกระตุก แม้ว่าเขาจะไม่อยากขายบิดาตนเอง แต่ไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับคำว่าสง่าผ่าเผยเลยนะ…

เขาส่ายหัวกลายเป็นร่างแสงตามมารดาไป

เมืองไป่หลิง

ในฐานะเมืองศูนย์กลางของทวีปไป่หลิง เมืองนี้จึงเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของทวีปพร้อมกับความนิยมยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้เมืองไป่หลิงได้กลายเป็นศูนย์รวมสายตาของทั้งหมด

เนื่องจากพิธีราชันกำลังจะเกิดขึ้นที่นี่

ที่เรียกว่าพิธีราชันมีขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ปกครองทวีปไป่หลิง—ราชันไป่หลิง

ในฐานะผู้ปกครองทวีปนี้ ชัดว่าราชันไป่หลิงดำรงอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของทวีปโดยมีขั้วอำนาจน้อยใหญ่อยู่ใต้บังคับบัญชา ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงจำเป็นต้องมาแสดงความเคารพต่อราชันเป็นครั้งคราวและส่งบรรณาการมาให้

ดังนั้นเมืองไป่หลิงจะคึกคักมากทุกครั้งที่มีพิธีราชัน ขั้วอำนาจทั้งหมดจะมุ่งหน้ามาที่นี่

ใจกลางเมืองไป่หลิง วังไป่หลิง

วังหลวงหรูหราแห่งนี้กำลังอยู่ในวุ่นวายพร้อมกับการแสดงของหญิงสาวร้องเล่นเต้นรำภายในวังโอ่อ่า โดยมีผู้นำจากขั้วอำนาจทั้งหมดนั่งกับหญิงงามที่คอยบริการ

ทุกคนที่นั่งอยู่เป็นผู้นำจากขั้วอำนาจต่างๆ ของทวีปไป่หลิง ที่นั่งนี้จัดระดับความสูงต่ำเช่นกัน

โดยทั่วไปคนที่นั่งด้านหน้าจะทรงพลัง ส่วนยิ่งคนที่อยู่ด้านหลังก็จะอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ…

มีคนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บริเวณด้านหลัง เมื่อเทียบกับคนอื่นที่สนุกสนาน สายตาของพวกเขาค่อนข้างไม่สบายใจ

ผู้นำคือชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่สง่างาม ซึ่งมู่เฉินมีความคล้ายคลึงเขาอยู่หลายส่วน ชายคนนี้ก็คือบิดาของมู่เฉิน—มู่เฟิง

ขณะนี้เขากำลังขมวดคิ้วพลางถอนหายใจในใจขณะมองไปที่หญิงสาวที่นั่งคุกเข่าท่าเทพธิดาอยู่ข้างๆ หญิงสาวคนนั้นมีรูปลักษณ์งดงาม เสื้อผ้าสีดำขับเน้นรูปร่างนาง ผมที่เกล้ารวบเป็นหางม้าทำให้ดูมีชีวิตชีวา

เพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้นนางก็เป็นภาพที่ดึงดูดสายตาหลายๆ คนมา

ถ้ามู่เฉินอยู่ที่นี่ เขาจะต้องตกใจเพราะนางคือถังเชียนเอ๋อที่เขาไม่ได้พบอีกเลยตั้งแต่จบจากสำนักศึกษาเป่ยชาง…

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท