โถงใหญ่เผ่าฝูถู
“หลังจากที่ข้าไปแล้ว ผู้อาวุโสชิงเทียนจะเข้ามาดูแลเรื่องต่างๆ แทนข้าชั่วคราว อย่างไรก็ตามข้าจะทิ้งร่างดวงจิตไว้ให้จะได้ติดต่อได้หากมีเหตุฉุกเฉินและข้าจะได้รีบกลับทันที”
เหล่าผู้อาวุโสของสภามารวมตัวกันที่นี่ ชิงเหยี่ยนจิ้งมองหน้าทีละคน จากนั้นสายตาก็กวาดไปที่เฉวียนกวางและมั่วถง ก่อนจะพูดเบาๆ “หวังว่าจะไม่มีอะไรที่ข้าไม่อยากเห็นเกิดขึ้นในเผ่าขณะที่ข้าไม่อยู่ มิฉะนั้นข้าจะลงโทษสถานหนักแน่”
หัวใจของเฉวียนกวางและมั่วถงสั่นสะท้านเมื่อเห็นสายตาของชิงเหยี่ยนจิ้งก่อนจะพยักหน้า พวกเขารู้สึกได้ถึงความเย็นชาในน้ำเสียงของนาง ถ้าพวกเขาคิดตุกติกขณะที่นางไม่อยู่ เมื่อนางกลับมางานนี้ทั้งหนี้เก่าหนี้ใหม่ถูกทวงจนอ่วมแน่
มู่เฉินยืนอยู่ข้างๆ ชิงเหยี่ยนจิ้งมองไปที่เหล่าผู้อาวุโสด้วยสีหน้านิ่งเฉย คนตำแหน่งสูงพวกนี้ราวกับฝูงแกะเมื่ออยู่เบื้องหน้าชิงเหยี่ยนจิ้ง
เขายังเห็นเฉวียนหลัวและมั่วซินยืนอยู่ข้างหลังบิดาของพวกเขา ทว่าทั้งสองคนต่างซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง ไม่กล้าสบตากับมู่เฉิน
พวกเขามีมุมมองชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้ รู้ว่ามู่เฉินมาถึงจุดสูงสุดที่ไม่สามารถปีนเกลียวได้สำหรับพวกเขา ในอดีตพวกเขายังใช้สถานะของตนเพื่อกดมู่เฉินในฐานะตัวกาลกิณีได้ แม้ว่ามู่เฉินจะบรรลุขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงก็ไม่กลัว เนื่องจากพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากเผ่า
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป… เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่ ทำให้เบื้องหลังมู่เฉินบดขยี้พวกเขาได้ไม่เหลือซาก…
ดังนั้นเมื่อทุกอย่างต่างไปจากเดิม พวกเขาก็ทำได้เพียงซ่อนและไม่แสดงการยั่วยุใดๆ ต่อมู่เฉิน
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสใหญ่จะไปนานแค่ไหน? ท่านเพิ่งขึ้นดำรงตำแหน่ง ข้ากลัวว่าจะไปนานไม่ได้นักนะ” ชิงเทียนเดินออกมาและถามอย่างระมัดระวัง
ผู้อาวุโสตระกูลชิงทุกคนมองไปที่ชิงเหยี่ยนจิ้ง เห็นได้ชัดว่าพวกเขากลัวว่านางจะจากไปนานเหมือนในอดีต โยนเผ่าฝูถูไว้เบื้องหลัง
หากเป็นเช่นนั้นตระกูลเฉวียนและมั่วอาจทำให้เกิดปัญหา
ชิงเหยี่ยนจิ้งมองเห็นความคิดของชิงเทียนจึงยิ้มให้ “ไม่ต้องกังวลข้ารู้ว่าต้องทำอะไร ข้าจะคอยติดตามข่าวสารของเผ่าแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำรับรอง ผู้อาวุโสตระกูลชิงก็รู้สึกโล่งใจ เมื่อเทียบกับในอดีตชิงเหยี่ยนจิ้งอดทนอดกลั้นมากขึ้นและไม่ทำตามอำเภอใจอีกต่อไป ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงอยากจะร้องไห้ในตอนนี้จริงๆ
“งั้นพวกเราอวยพรให้ผู้อาวุโสใหญ่เดินทางราบรื่นปลอดภัย” ผู้อาวุโสทั้งหมดโค้งคำนับ
ชิงเหยี่ยนจิ้งพยักหน้าพลางโบกมือ แสงหลิงห่อหุ้มร่างมู่เฉินไว้ จากนั้นทั้งสองก็หายไป
ที่ด้านนอกค่ายกลเคลื่อนย้ายของเผ่าฝูถู ชิงหยานจิ้งและมู่เฉินก็ปรากฏขึ้น
“น้าจิ้ง” หลิงซีมารออยู่ที่นี่แล้ว นางคล้องแขนชิงเหยี่ยนจิ้ง แม้แต่สีหน้าเย็นชาเป็นนิจก็มีรอยยิ้มน่ารักและไร้เดียงสาเผยออกมา
“นายหญิง” หลงเซี่ยงทักทายด้วยความเคารพ
ชิงเหยี่ยนจิ้งจับมือของหลิงซีพลางแซวเล่นว่า “ยังทำตัวเหมือนเด็กอีก…”
จากนั้นนางก็หันไปหาหลงเซี่ยงและยิ้ม “เราสนิทสนมกันดี ไม่จำเป็นต้องมากมารยาทเช่นนี้”
ทว่าหลงเซี่ยงก็ส่ายหัวอย่างดื้อดึง เมื่อเห็นการตอบสนองนั่น ชิงเหยี่ยนจิ้งก็ไม่พูดมาก มองไปที่มู่เฉิน “ตอนที่เจ้าเข้าสมาธิข้าให้หลงเซี่ยงรวบรวมข้อมูล ทวีปไป่หลิงกำลังจะมีพิธีราชันเร็วๆ นี้และขั้วอำนาจทั้งหมดในทวีปจะมุ่งหน้าไปยังเมืองไป่หลิง ข้าว่ามู่เฟิงก็น่าจะไปที่นั่น ดังนั้นเราไปที่นั่นเพื่อหาเขาเลยดีกว่า”
มณฑลเป่ยหลิง แคว้นไป่หลิงเทียนอยู่ในทวีปไป่หลิง ตอนที่มู่เฉินจากมามู่เฟิงได้ก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรเป่ยหลิง ซึ่งเป็นขั้วอำนาจที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กของทวีปไป่หลิง ดังนั้นพวกเขาจะต้องเข้าร่วมพิธีราชันด้วยแน่นอน
มู่เฉินผงกศีรษะด้วยรอยยิ้มเร่งทุกคน “งั้นไปกันเถอะ”
ทวีปไป่หลิงอยู่ตะวันตกเฉียงเหนือของมหาพันภพ
ที่นี่ไม่ได้มีชื่อเสียงเป็นพิเศษอะไร เมื่อเทียบกับมหาทวีปอื่นๆ แล้วก็มองไม่เห็นชั้นการเปรียบเลย
ส่วนทวีปฝูถูของเผ่าฝูถูตั้งอยู่ห่างไกลจากทวีปไป่หลิงมาก แต่เดิมด้วยพลังของชิงเหยี่ยนจิ้ง นางสามารถเดินทางผ่านมิติได้โดยตรง หากใครสักคนในทวีปไป่หลิงมาบดขยี้สัญลักษณ์หลิงยิ่งที่นางสร้างขึ้น แต่ชัดว่าตอนนางจากไปไม่ได้เตรียมการเช่นนี้ไว้
ทว่าการเดินทางไม่ใช่ปัญหาสำหรับชิงเหยี่ยนจิ้ง นางเป็นหลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่ง การสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายจึงเป็นอะไรที่ทำได้เพียงพลิกฝ่ามือ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้หยุดเพื่อค้นหาค่ายกลที่จะข้ามทวีป ชิงเหยี่ยนจิ้งสร้างค่ายกลจากที่ห่างไกลเพื่อมุ่งหน้าไปยังอีกทวีปหนึ่งได้เลย…
ดังนั้นพวกเขาเดินทางผ่านนับร้อยทวีปในเวลาเพียงสิบวัน ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ เข้าใกล้ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมหาพันภพ
ความเร็วของพวกเขารวดเร็วมาก ถ้าเป็นคนอื่นอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนในการบรรลุเป้าหมาย
ทั้งสี่กำลังยืนเหนือผิวน้ำมหาสมุทรขนาดใหญ่ขณะที่ชิงเหยี่ยนจิ้งโบกมือไปมา สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนเชื่อมโยงสร้างเป็นค่ายกลเคลื่อนย้าย
“เคลื่อนย้ายอีกครั้ง เราก็จะถึงทวีปไป่หลิงแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของชิงเหยี่ยนจิ้ง มู่เฉิน หลิงซีและหลงเซี่ยงก็รู้สึกโล่งใจ เนื่องจากในที่สุดก็ไปถึงจุดหมายเสียที
เมื่อทั้งสี่ก้าวเข้าสู่ค่ายกล รัศมีก็ระเบิดออก มิติโดยรอบบิดเบี้ยวรุนแรง ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไรพวกมู่เฉินก็ลืมตาขึ้น
สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าพวกเขาคือเทือกเขาแห่งหนึ่ง บ่งบอกชัดเจนว่าพวกเขามาถึงอีกทวีปแล้ว
มือเรียวกดลง การบิดเบือนของมิติโดยรอบก็ถูกระงับลง ชิงเหยี่ยนจิ้งหวนรำลึกถึงอดีตเมื่อมองทวีปนี้พร้อมกับความคาดหวัง
‘ไม่รู้ว่า… ตานั่นเป็นยังไงบ้างแล้ว…’
“ไปที่เมืองไป่หลิงกันเถอะ”
ชิงเหยี่ยนจิ้งระงับอารมณ์ ยิ้มให้กับมู่เฉิน หลิงซีและหลงเซี่ยง ก่อนที่จะสะบัดมือ พวกเขากลายเป็นร่างแสงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“คิกๆ ข้าแทบไม่เคยเห็นน้าจิ้งรีบร้อนขนาดนี้เลย” หลิงซีปิดปากและยิ้ม
“ข้าก็อยากจะพบกับนายท่านที่สง่าผ่าเผยที่สามารถกุมหัวใจของนายหญิงได้ขนาดนี้” หลงเซี่ยงพูดด้วยความคาดหวัง
มุมปากของมู่เฉินกระตุก แม้ว่าเขาจะไม่อยากขายบิดาตนเอง แต่ไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับคำว่าสง่าผ่าเผยเลยนะ…
เขาส่ายหัวกลายเป็นร่างแสงตามมารดาไป
เมืองไป่หลิง
ในฐานะเมืองศูนย์กลางของทวีปไป่หลิง เมืองนี้จึงเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของทวีปพร้อมกับความนิยมยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้เมืองไป่หลิงได้กลายเป็นศูนย์รวมสายตาของทั้งหมด
เนื่องจากพิธีราชันกำลังจะเกิดขึ้นที่นี่
ที่เรียกว่าพิธีราชันมีขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ปกครองทวีปไป่หลิง—ราชันไป่หลิง
ในฐานะผู้ปกครองทวีปนี้ ชัดว่าราชันไป่หลิงดำรงอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของทวีปโดยมีขั้วอำนาจน้อยใหญ่อยู่ใต้บังคับบัญชา ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงจำเป็นต้องมาแสดงความเคารพต่อราชันเป็นครั้งคราวและส่งบรรณาการมาให้
ดังนั้นเมืองไป่หลิงจะคึกคักมากทุกครั้งที่มีพิธีราชัน ขั้วอำนาจทั้งหมดจะมุ่งหน้ามาที่นี่
ใจกลางเมืองไป่หลิง วังไป่หลิง
วังหลวงหรูหราแห่งนี้กำลังอยู่ในวุ่นวายพร้อมกับการแสดงของหญิงสาวร้องเล่นเต้นรำภายในวังโอ่อ่า โดยมีผู้นำจากขั้วอำนาจทั้งหมดนั่งกับหญิงงามที่คอยบริการ
ทุกคนที่นั่งอยู่เป็นผู้นำจากขั้วอำนาจต่างๆ ของทวีปไป่หลิง ที่นั่งนี้จัดระดับความสูงต่ำเช่นกัน
โดยทั่วไปคนที่นั่งด้านหน้าจะทรงพลัง ส่วนยิ่งคนที่อยู่ด้านหลังก็จะอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ…
มีคนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บริเวณด้านหลัง เมื่อเทียบกับคนอื่นที่สนุกสนาน สายตาของพวกเขาค่อนข้างไม่สบายใจ
ผู้นำคือชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่สง่างาม ซึ่งมู่เฉินมีความคล้ายคลึงเขาอยู่หลายส่วน ชายคนนี้ก็คือบิดาของมู่เฉิน—มู่เฟิง
ขณะนี้เขากำลังขมวดคิ้วพลางถอนหายใจในใจขณะมองไปที่หญิงสาวที่นั่งคุกเข่าท่าเทพธิดาอยู่ข้างๆ หญิงสาวคนนั้นมีรูปลักษณ์งดงาม เสื้อผ้าสีดำขับเน้นรูปร่างนาง ผมที่เกล้ารวบเป็นหางม้าทำให้ดูมีชีวิตชีวา
เพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้นนางก็เป็นภาพที่ดึงดูดสายตาหลายๆ คนมา
ถ้ามู่เฉินอยู่ที่นี่ เขาจะต้องตกใจเพราะนางคือถังเชียนเอ๋อที่เขาไม่ได้พบอีกเลยตั้งแต่จบจากสำนักศึกษาเป่ยชาง…