หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1446 ลงโทษ

บทที่ 1446 ลงโทษ

พวกฉิงเป่ยเฉวียนรู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นผุดทั่วแผ่นหลัง

ใบหน้าแต่ละคนซีดเผือดลง พวกเขารู้สึกกลัวอย่างชัดเจน หลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่งเพียงแค่คิดก็สามารถดักจับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ในโลกค่ายกลนางก็ฆ่าพวกเขาได้ในพริบตา…

นี่คือช่องว่างระหว่างขั้นเซิ่งและขั้นเซียน

คล้ายกับราชันที่ยืนอยู่ต่อหน้าจอมราชัน แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นกษัตริย์ แต่จอมราชันก็สามารถล้างเผ่าพันธุ์ได้เพียงแค่คิด…

“ผู้อาวุโสใหญ่เผ่าฝูถู?”

กลุ่มพันธมิตรเป่ยหลิงงงงวยไปขณะมองชิงเหยี่ยนจิ้ง เนื่องจากความแตกต่างของระดับชั้น พวกเขาจึงไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าโบราณอย่างเผ่าฝูถูได้

ในสายตาของพวกเขาแค่ขั้วอำนาจที่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็อยู่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ส่วนพวกเผ่าโบราณที่อยู่บนยอดพีระมิดก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่พวกเขาจะรับรู้ได้

ทว่าแม้จะสงสัยว่าผู้อาวุโสใหญ่เผ่าฝูถูคืออะไร แต่เมื่อมองไปท่าทางของพวกฉิงเป่ยเฉวียน พวกเขาก็รู้สึกได้ว่ามันน่ากลัวเพียงใด

เพราะแม้แต่พลังที่มู่เฉินแสดงออกมา ก็ไม่สามารถทำให้ทั้งสี่ดูหวาดกลัวได้…

ดังนั้นจึงบอกได้ว่าการขู่ขวัญของชิงเหยี่ยนจิ้งขั้นสูงกว่ามู่เฉินมาก

อึก

ภาพนี้ทำให้หลายคนกลืนน้ำลาย ขณะมองไปที่ชิงเหยี่ยนจิ้งด้วยความเคารพ ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าจอมยุทธ์ที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่มู่เฉิน แต่เป็นสตรีที่พวกเขาปฏิบัติเหมือนนางเป็นคนธรรมดา…

เทียบกับความดุดันของมู่เฉิน นางคล้ายกับพระโพธิสัตว์ที่ละซึ่งกิเลสแล้ว

แม้แต่กลุ่มพันธมิตรเป่ยหลิงที่สนทนากับชิงเหยี่ยนจิ้งเมื่อครู่ ยังรู้สึกว่าหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น พวกเขาพูดคุยกับคนที่น่ากลัวเช่นนี้ก่อนหน้าได้อย่างไร เมื่อนึกย้อนหัวใจของพวกเขาเต้นแรงเลยทีเดียว…

“ฮ่าๆ ดูเหมือนเมียข้าเจ๋งกว่าลูกชายนะเนี่ย” ตรงข้ามกับคนอื่น มู่เฟิงกลับเป็นคนที่สงบที่สุดขณะที่หัวเราะเยาะมู่เฉิน

เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดของบิดาก็กลอกตาอย่างช่วยไม่ได้

“ท่านพ่อ!”

เมื่อราชันไป่หลิงมองภาพนี้ เขารู้สึกราวกับว่าถูกฟ้าผ่าใบหน้าบิดเบี้ยวไปหมด “ท่านพ่อต้องแก้แค้นให้ข้าสิ! ท่านปล่อยมันไปไม่ได้นะ!”

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ากำลังหนุนของเขาจะไม่สามารถทำให้ครอบครัวของมู่เฉินคุกเข่าต่อหน้าได้ ไม่เพียงแค่นั้นพวกเขายังต้องก้มลงคารวะ ทำให้เขาเสียหน้ามาก

“หุบปากไอ้ลูกโง่!”

ใบหน้าของฉิงเป่ยเฉวียนเขียวคล้ำ ก่อนที่จะโบกมือตบลงบนใบหน้าของราชันไป่หลิง ทำให้ร่างเขากระเด็นไปชนกับกำแพง ฉิงเป่ยเฉวียนจ้องมองอย่างเย็นชา “เจ้ารู้สึกว่าตัวเองยังสร้างปัญหาไม่พออีกรึ?!”

ยามนี้ฉิงเป่ยเฉวียนยังอกสั่นขวัญแขวนไม่หาย หากไม่ใช่เพราะสหายสนิทเอ่ยเตือนและหากพวกเขาพุ่งไปจัดการมู่เฉินแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ความโกรธของชิงเหยี่ยนจิ้งอาจทำให้ตำหนักปลายเหนือของเขาอันตรธานเป็นอากาศธาตุ

ในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเขารู้ว่าหลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่งน่ากลัวเพียงใดและเขาก็รู้ดีถึงพลังอำนาจของเผ่าฝูถูด้วย…

เพียงแค่คิดว่าสำนักเกือบจะถูกทำลายโดยลูกชายบังเกิดเกล้า เขาก็รู้สึกทั้งกลัวและโกรธในใจ

ยามนี้ใบหน้าของราชันไป่หลิงบวมเป่ง เขามองไปที่บิดาด้วยความตกตะลึง ทว่าความเจ็บปวดบนใบหน้าทำให้สมองเขาชัดเจนขึ้น ทันใดนั้นทั่วร่างก็เย็นเยือกลง

ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ว่าท่านพ่อไม่อยากแก้แค้นให้ แต่เป็นเพราะคนที่เขาท้าทายทรงพลังจนท่านพ่อยังหวาดกลัว

แม่ลูกคู่นี้เป็นอะไรที่พวกเขาไม่สามารถท้าทายได้

ยามนี้กองหนุนของราชันไป่หลิงถูกริดออกไปอย่างสิ้นเชิง เขามองไปที่มู่เฉินด้วยความกลัวและเริ่มตัวสั่นเทา

“เป่ยเฉวียน! ท่านกำลังทำบ้าอะไร?”

เมื่อหลิ่วไป่ฮวาพุ่งเข้ามาในโถง ดวงตานางก็แทบลุกเป็นไฟ เมื่อนางเห็นฉิงเป่ยเฉวียนตบบุตรชายที่นางรักดั่งแก้วตาดวงใจ

“เจ้าก็หุบปากไป!”

แต่คำพูดของนางกลับได้รับการตอบสนองด้วยสายตาเย็นชาของฉิงเป่ยเฉวียน “ถ้าเจ้าไม่อยากให้ตำหนักปลายเหนือและสำนักร้อยบุปผาหายไป ก็ตั้งสติหน่อย!”

หลิ่วไป่ฮวาตัวสั่นขณะมองไปที่ชิงเหยี่ยนจิ้งอย่างหวาดกลัว ในระยะดังกล่าวนางรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่คลุมเครือที่มาจากอีกฝ่าย

ภายใต้ความกดดันนี้นางไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป แม้ว่าจะรู้สึกไม่เต็มใจก็ตาม

เมื่อทุกคนเห็นภาพนี้ก็ทอดถอนหายใจ ดูเหมือนว่าราชันไป่หลิงได้เตะกำแพงเหล็กครั้งนี้เข้าให้ แต่ใครจะคิดว่าประมุขพันธมิตรเป่ยหลิงจะมีการสนับสนุนที่น่ากลัวเช่นนี้…

ภรรยาของเขาคือผู้อาวุโสใหญ่เผ่าฝูถู มิหนำซ้ำบุตรชายของเขาก็ได้ปราบปรามฉินเป่ยเฉวียนด้วยตัวเอง ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนจิตใจพังทลาย เพราะไม่ว่าพวกเขาจะมองยังไงพลังของมู่เฟิงไม่ถึงขอบเขตระดับจื้อจุนด้วยซ้ำ…

หลังจากปิดปากบุตรชายและฮูหยินของตนเองแล้ว ฉิงเป่ยเฉวียนก็หันไปหาชิงเหยี่ยนจิ้งพลางประสานมือด้วยความเคารพสีหน้าขมขื่น “เรื่องในวันนี้ลูกชายข้าสมควรได้รับ ไม่ทราบว่าท่านต้องการลงโทษยังไง?”

ชิงเหยี่ยนจิ้งขมวดคิ้วไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก นางส่ายหัว “ลูกชายข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง ไปถามเขาดูเถอะ”

มู่เฉินเหลือบมองไปที่ฉิงเป่ยเฉวียนพูดอย่างใจเย็น “ประมุขฉิง ราชันไป่หลิงรังแกผู้คนไปทั่วเนื่องจากการสนับสนุนของพวกท่าน คนอื่นก็ทำได้แค่คิดว่าโชคร้าย แต่วันนี้เขารังแกครอบครัวข้า ก็เลยเป็นพวกท่านที่ต้องโชคร้ายแทน”

ฉิงเป่ยเฉวียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นเพราะนี่ยุติธรรมแล้ว ลูกชายบังเกิดเกล้าคนนี้คุกคามผู้อื่นเหมือนเป็นทรราช แต่พวกเขาก็ปิดปากคนทั้งหมดได้ แต่ตอนนี้เขาไปยั่วยุใครบางคนที่ไม่ควรทำ เขาก็ต้องได้รับบทเรียนด้วยตัวเอง

“ประมุขมู่จัดการตามที่ต้องการได้เลย” เขาก็เด็ดขาดใช้ได้ ในเมื่อไม่สามารถต่อต้านได้ก็ไปตามน้ำซะจะดีกว่า

“ท่านเป็นคนฉลาด” มู่เฉินยิ้ม ฉิงเป่ยเฉวียนเป็นคนยืดได้หดได้ สมกับเป็นประมุขสำนักใหญ่

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทวีปไป่หลิงไม่ใช่ของตำหนักปลายเหนืออีกต่อไป พันธมิตรเป่ยหลิงจะเข้ามาจัดการแทน”

คำพูดของเขาก่อให้เกิดความปั่นป่วน ขั้วอำนาจน้อยใหญ่ในทวีปไป่หลิงต่างตกตะลึง หากเป็นเช่นนั้นเจ้าเหนือหัวของพวกเขาจะเปลี่ยนเป็นมู่เฟิงไม่ใช่หรือ?

พวกเขารู้สึกกระอักกระอวนเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะพันธมิตรเป่ยหลิงถือได้ว่าเป็นขั้วอำนาจระดับกลางเท่านั้น แต่ตอนนี้ขึ้นมาเทินอยู่บนหัวของพวกเขาแล้ว

แต่ความไม่สบายใจของพวกเขาก็สั่นสะท้านแทนเมื่อสายตามู่เฉินกวาดมองมา พวกเขาตระหนักได้ถึงโง่เขลาของตน ด้วยฮูหยินและบุตรชายที่ทรงพลังเช่นนี้ ใครจะกล้าดูถูกพันธมิตรเป่ยหลิงอีก?

หลังจากลังเลชั่วครู่ ฉิงเป่ยเฉวียนก็ขบฟันพยักหน้า “ได้ ตำหนักปลายเหนือของข้ายอมรับข้อเสนอเป็นการขอโทษพวกเจ้า”

แม้ว่าตำหนักปลายเหนือจะได้รับผลกระทบหนักหากไม่มีทวีปไป่หลิง แต่ก็ยังอยู่ในช่วงที่ยอมรับได้

“นอกจากนี้ลูกชายของท่านยังทำร้ายครอบครัวของข้าด้วยการกระทำที่เลวทราม ตอนแรกเขาควรตายด้วยซ้ำ แต่ข้าจะไว้ชีวิตเขาเพื่อเห็นแก่หน้าท่าน” มู่เฉินพูดเบาๆ

ขณะที่ฉิงเป่ยเฉวียนรู้สึกโล่งใจ เสียงของมู่เฉินก็ดังขึ้นอีกครั้ง “แม้เขาจะรอดจากความตายได้ แต่ก็ไม่รอดจากการลงโทษ”

เมื่อมู่เฉินพูดจบ เจดีย์ผลึกแก้วก็ลอยขึ้นเหนือศีรษะบินไปทางราชันไป่หลิงที่กำลังหวาดกลัวสุดขีด

ฮึ่ม ฮึ่ม

ผลึกแสงพุ่งลงมาและก่อตัวเป็นอักขระผลึกแก้วบนร่างราชันไป่หลิงอย่างรวดเร็ว อักขระเหล่านั้นทำหน้าที่เหมือนโซ่ที่ทิ่มแทงเนื้อของราชันไป่หลิง

เมื่ออักขระผลึกแก้วถูกสร้างขึ้น ราชันไป่หลิงก็ต้องสะพรึงกลัว เมื่อพบว่าคลื่นหลิงของเขาถูกปิดผนึกทั้งหมด

“คลื่นหลิงของเขาจะถูกปิดผนึกเป็นเวลาห้าสิบปี”

เสียงเยือกเย็นของมู่เฉินดังก้อง ราวกับเป็นการโจมตีหนักหน่วงไปยังราชันไป่หลิง

“แก!” เมื่อหลิ่วไป่ฮวาเห็นสิ่งนี้ นางก็กัดฟันพร้อมกับความโกรธแค้นในดวงตา

“และเจ้า!”

ทว่ายามนี้สายตาเย็นชาของมู่เฉินก็พุ่งเข้ามา “เจ้าลบหลู่ดูหมิ่นครอบครัวของข้า ไม่ควรให้อภัยเช่นกัน!”

มู่เฉินโกรธหญิงไร้เหตุผลคนนี้มาก เป็นเพราะนางราชันไป่หลิงถึงทำอะไรไม่กลัวเกรง มิหนำซ้ำนางยังดูถูกบิดาเขา ผู้หญิงคนนี้ไม่สมควรได้รับการละเว้น

ฟิ้ว!

เจดีย์ผลึกแก้ววาบไปปรากฏเหนือร่างหลิ่วไป่ฮวา ผลึกแสงกระจายลงมาห่อหุ้มร่างนางไว้

หลิ่วไป่ฮวาฉายความหวาดผวาบนใบหน้า ก่อนที่จะหมุนเวียนคลื่นหลิงเพื่อตอบโต้ แต่เมื่อคลื่นหลิงของนางสัมผัสกับผลึกแสงก็พังทลายลง เพียงสิบกว่าลมหายใจก็กลายเป็นอักขระผลึกแก้วบนร่างกายของนาง…

ความผันผวนของคลื่นหลิงที่มาจากร่างกายของหลิ่วไป่ฮวาก็อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว

พลังในปัจจุบันของมู่เฉินยังไม่สามารถปิดผนึกคลื่นหลิงของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้อย่างสมบูรณ์ แต่เขาสามารถทำให้อ่อนแอลงได้ ยามนี้หลิ่วไป่ฮวาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเท่านั้น

“ผนึกนี้จะมีอายุยี่สิบปีและจะสลายไปเอง”

ใบหน้าของหลิ่วไป่ฮวาซีดขาว นางเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่สูงส่ง แต่ตอนนี้ถูกลดสถานะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน นี่เป็นการระเบิดนางครั้งใหญ่เลยทีเดียว

ทั้งโถงเงียบ ทุกคนตกใจกับวิธีการของมู่เฉิน การปิดผนึกคลื่นหลิงของราชันไป่หลิงและหลิ่วไป๋ฮวาได้สิ่งนี้น่ากลัวเพียงใด?

เมื่อมู่เฉินพูดจบก็หันไปหาฉิงเป่ยเฉวียนถามว่า “ประมุขฉิงมีข้อคัดค้านเกี่ยวกับการลงโทษของข้าหรือไม่?

ฉิงเป่ยเฉวียนส่ายหัวด้วยความขมขื่น เขารู้ว่ามู่เฉินผ่อนปรนมากแล้ว ในมหาพันภพความโกรธเกรี้ยวของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทำลายล้างจนถึงจุดที่สามารถทำลายตำหนักปลายเหนือและสำนักร้อยบุปผาได้ทั้งหมดเลยทีเดียว

ดังนั้นนี่ถือว่าดีกว่ามากเมื่อราชันไป่หลิงและหลิ่วไป่ฮวาแค่ถูกปิดผนึกคลื่นหลิง

“ในเมื่อเป็นเช่นนนี้ วันนี้ก็ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน ในอนาคตหากมีอะไรเกิดขึ้นกับพันธมิตรเป่ยหลิงข้าจะไปเยี่ยมท่านเป็นการส่วนตัว” มู่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย เขาไม่สามารถอยู่ในทวีปไป่หลิงได้ตลอดไป ถ้าเขาและชิงเหยี่ยนจิ้งต้องไป พันธมิตรเป่ยหลิงก็ไม่สามารถทนต่อการแก้แค้นของฉิงเป่ยเฉวียนได้

ฉิงเป่ยเฉวียนรู้ความหมายเบื้องหลังคำพูดของมู่เฉินดี เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของมู่เฉินและชิงเหยี่ยนจิ้งแล้ว เขาจะกล้าแก้แค้นได้อย่างไร?

“งั้นวันนี้พวกข้าขอตัวก่อน”

ฉิงเป่ยเฉวียนโบกมือคลื่นหลิงตรงไปห่อหุ้มราชันไป่หลิงและหลิ่วไป่ฮวา ก่อนที่เขาจะประสานมือไปทางมู่เฉินและชิงเหยี่ยนจิ้งแล้วจากไป จอมยุทธ์อีกสามคนก็เปลี่ยนเป็นร่างแสงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

พร้อมกับการไปของพวกฉิงเป่ยเฉวียน ความกดดันที่น่ากลัวที่ครอบงำพื้นที่ก็หายไป

ทว่าทุกคนรู้ดีว่าในอนาคตทวีปไป่หลิงจะเปลี่ยนไปครั้งใหญ่

ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ต้องรีบเตรียมของขวัญและมุ่งหน้าไปยังพันธมิตรเป่ยหลิงเพื่อสวามิภักดิ์แล้ว…

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท