หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1425 ดวลเดือดกับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียน

บทที่ 1425 ดวลเดือดกับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียน

รัศมีพร่างพราวแผ่ออกมาจากร่างเฉวียนจุน

ปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้มิติแปรปรวนเมฆม้วนตัว ทั่วฟ้าดินโยกคลอนจากพลังของเขา

ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนด้อยกว่าระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งในมหาพันภพเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าจอมยุทธ์เหล่านี้อยู่ในระดับสูงสุดก็ว่าได้

ไม่ว่าจะขั้วอำนาจน้อยใหญ่ใดก็ตาม แม้กระทั่งเผ่าฝูถูจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ดำรงอยู่ในตำแหน่งสูงมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างแท้จริงที่ได้เห็นจอมยุทธ์ระดับนี้ปลดปล่อยพลังออกแบบไม่ยั้ง

ผู้นำหลายคนในหมู่ผู้ชมต่างแสดงสีหน้าหนักใจ ขณะที่พวกเขาถอนหายใจจากพลังจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ในเวลานี้แต่ละคนมองไปทางมู่เฉินด้วยความใคร่รู้ พวกเขาสงสัยว่าชายหนุ่มจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ระดับนี้ได้อย่างไร

ภายใต้สายตาโดยรอบ มู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งเครียดลงหลายส่วน แม้ว่าพลังในการต่อสู้ของเขาจะสูง แต่เขาก็ไม่สามารถดูถูกจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนแท้จริง

ฮา

ขณะที่เขาพรูลมหายใจออกมายาว ควันขาวขุ่นพ่นออกมาจากปาก อึดใจรัศมีแวววาวก็เปล่งประกายออกมาจากร่างกาย คลื่นหลิงมหาศาลจากกายาหลิงเทียนจุนทำให้มิติสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น

ตอนนี้พูดไปก็ไร้ประโยชน์ แม้ว่าเขาจะชนะมาสามรอบแล้ว แต่การจะได้ชัยชนะแท้จริงก็ต่อเมื่อเขาชนะยกสุดท้ายนี้ มิฉะนั้นความพยายามทั้งหมดก็จะลอยไปกับสายน้ำ

นอกจากนี้ในเมื่อเฉวียนกวางยอมรับว่ามีส่วนในการคุมขังชิงเหยี่ยนจิ้ง ดังนั้นมู่เฉินก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพอะไร วันนี้เขาต้องยึดตำแหน่งสภาผู้อาวุโสจากตระกูลเฉวียนมาให้ได้

ถือว่าเป็นการเก็บดอกเบี้ย

ตู้ม!

เฉวียนจุนมีสีหน้าเรียบเฉย ทว่าเขาไม่ได้ใช้ทักษะเทพใดๆ เขากระทืบเท้าฉีกผ่านมิติพุ่งใส่มู่เฉินราวกับอุกกาบาต

หมัดไม่มีกลยุทธ์แฝงเบื้องหลัง นี่เป็นพลังเต็มรูปแบบที่อยู่เบื้องหลังกายาหลิงเซียนจุนของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ถ้าเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงธรรมดาก็จะได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แม้ว่ากายาหลิงเทียนจุนจะแข็งแกร่งก็ตาม

มู่เฉินมองไปที่หมัดนั้นก็หดดวงตาลงแต่ไม่ได้ถอยหนี ไฟแห่งการต่อสู้ลุกโชนในดวงตา เขาต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนซึ่งๆ หน้าเลย!

มู่เฉินหัวเราะร่ากำหมัดขึ้นพร้อมกับรัศมีจะเปล่งประกาย จากนั้นเขาก็ซัดหมัดปะทะกับหมัดของเฉวียนจุน

ตู้ม!

เสียงกัมปนาทแสบแก้วหูมาพร้อมกับผลกระทบที่น่ากลัว แท่นที่อยู่ใต้เท้าไม่ได้พังทลายลง กลับเป็นยอดเขาลูกนี้ที่ยุบตัวลงเป็นหน้ากลอง

ตึง!

ร่างมู่เฉินปลิวออกไป หลังจากการปะทะนี้ เท้าลากรอยยาวลงบนพื้น อุณหภูมิสูงจากแรงเสียดทานทำให้เขารู้สึกว่าฝ่าเท้ากำลังไหม้ไปหมดแล้ว

“โอหัง”

เฉวียนจุนไม่ได้ขยับพลางยิ้มขำในใจ ขณะสายตาเยือกเย็นมองไปที่มู่เฉิน

มู่เฉินกล้าที่จะปะทะซึ่งหน้ากับพลังของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำซะจริง

มู่เฉินมองไปที่กำปั้นก็เห็นรอยแตกบนกำปั้นอัญมณีจากผลกระทบ

“กายาหลิงเซียนจุนทรงพลังมากจริงๆ” สายตาของเขากะพริบวูบไหว เขาได้ลิ้มรสความแข็งแกร่งนี่แล้ว ซึ่งแข็งแกร่งกว่าระดับของเขาหลายเท่า

มิน่าล่ะคนส่วนใหญ่ถึงไม่มองในทางที่ดีเกี่ยวกับเขาที่ท้าทายอำนาจจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ที่แท้สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเพียงกายาหลิงเซียนจุนก็สามารถปราบจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงได้แล้ว

“ไอ้เด็กเวร เหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ แม้ว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์ แต่การมีสายตาคับแคบก็รังแต่ทำลายตัวเอง!” เฉวียนจุนเค้นเสียงพร้อมกับความดุร้ายในดวงตา ก่อนที่ร่างเขาจะพุ่งออกไป กายาหลิงเซียนจุนดั่งอัญมณีราวกับเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมที่สุดในโลก พุ่งไปที่มู่เฉินโดยไม่มีกลยุทธ์ใดเลย

เฉวียนจุนมุ่งมั่น เขารู้ว่าสามารถพึ่งพาความได้เปรียบของตนในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเพื่อปะทะกับมู่เฉินโดยไม่ต้องใช้ทักษะเสินทงใดๆ

เมื่อเห็นเฉวียนจุนพุ่งใส่อย่างดุร้าย แสงเย็นก็กะพริบในดวงตาของมู่เฉิน “ไอ้เต้าล้านปีอย่าพยายามเอาอายุมาเบ่ง เดี๋ยวก็ได้ม้วนหางกลับไปหรอก!”

เขาวาดตราประทับขึ้นในมือโดยไม่มีอาการหลบหลีกการเคลื่อนไหวนั้น เมื่อคลื่นพลังกำลังจะชน มิติก็แปรปรวนที่ด้านข้าง เงาสีดำและสีขาวปรากฏขึ้น

ร่างทั้งสองก็เปลี่ยนเป็นพลังกายภาพระดับเทียนจื้อจุน จากนั้นหมัดทั้งสามก็พุ่งเข้าใส่เฉวียนจุนด้วยการรวมพลังอย่างแท้จริง

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

การปะทะกันครั้งนี้น่าตกใจยิ่งกว่า มิติพังทลายลง แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจก็คือเฉวียนจุนไม่ได้เป็นฝ่ายเหนือกว่าจากที่เคยเป็นมาก่อน ตรงกันข้ามร่างกายของเขาสั่นสะท้าน กระเด็นกลับไป ทำให้พื้นที่ใต้เท้าแตกเป็นเสี่ยง

อีกด้านหนึ่งมู่เฉินทั้งสามก็ก้าวถอยหลังไปหลายสิบก้าว

เฉวียนจุนมีสีหน้าน่ากลัวขณะทรงตัว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นม่านตาก็หดลง เนื่องจากเขาเห็นร่างรองสองร่างที่คล้ายกับมู่เฉินอย่างไรอย่างนั้น

“นั่นคือ… วิชาสามพิสุทธิ์?!” ด้วยสายตาที่แหลมคมของเฉวียนจุน ทำให้เขาจำได้ทันทีว่านี่คือวิชาอะไร

ด้วยทักษะเทพนี้ มู่เฉินสามารถแบ่งเป็นสามคน นอกจากนี้ยังมีการประสานงานยอดเยี่ยม ดังนั้นพลังที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีจะแข็งแกร่งขึ้นและก็ไม่ใช่เหมือนกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงสามคนผนึกกำลังกัน

มู่เฉินไม่สามารถเอาชนะเขาได้โดยร่างเดียว แต่การโจมตีร่วมกันจากร่างรองอีกสองร่างเป็นสิ่งที่แม้แต่เฉวียนจุนยังไม่สามารถสร้างความเหนือกว่าได้

ความปั่นป่วนกวนตัวไปทั่วบริเวณ หลายคนดวงตาแดงก่ำขณะมองไปที่มู่เฉิน มีเพียงวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าเท่านั้นที่เป็นเพชรยอดคทาของมหาพันภพ บ่งบอกได้ว่ามันเป็นของหายากเพียงใด แต่มู่เฉินมีครอบครองถึงสองวิชา

‘เจ้านี่สวรรค์ประทานพรแบบไหนกัน?’

สายตาของเฉวียนกวางมืดครึ้มลง เขาคิดว่าเฉวียนจุนจะได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย แต่เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะยังเหลือไพ่ตายเอาไว้อีก

“เฉวียนจุนไม่ต้องออมมือ จัดการมันซะ” เสียงเคร่งขรึมของเฉวียนกวางส่งไปยังโสตประสาทของเฉวียนจุน

เฉวียนจุนพยักหน้าหายใจเข้าลึก ก่อนที่จะมีร่างสีดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหลัง

ร่างใหญ่โตราวกับเป็นมังกรดำที่ขดตัว ทำให้เกิดพายุปกคลุมทั่วทั้งสวรรค์และโลก

“นั่นคือ…ร่างเทพโลกันตร์?”

สายตาของมู่เฉินเปลี่ยนไปเมื่อเห็นภาพนี้ เขาจำได้ว่านี่เป็นร่างเทห์สวรรค์อันดับยี่สิบสามบนทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง

“ในที่สุดก็ดึงพลังแท้จริงออกมาแล้วรึ?”

มู่เฉินวาดตราประทับวูบไหว เกลียวแสงระเบิดออกจากนัยน์ตา กลายเป็นเจดีย์กดทับเข้าที่ร่างเทพโลกันตร์

การเผชิญหน้ากับร่างเวทสวรรค์โดยใช้วิชาเจดีย์แปดองค์เป็นวิธีที่มีประโยชน์มากที่สุด

“หึ แกไร้เดียงสาเกินไปที่คิดจะใช้เจดีย์เพื่อจัดการกับข้า” เฉวียนจุนมองไปที่เจดีย์ โดยไม่มีความกลัวบนใบหน้าพลางเค้นเสียงเย็น เขาสั่นศีรษะลำแสงพุ่งออกมา เจดีย์สีดำปะทะกับเจดีย์ของมู่เฉิน เกิดความผันผวนจากการปะทะ

มู่เฉินขมวดคิ้ว ตาแก่คนนี้ไม่ง่ายที่จะรับมือ มิหนำซ้ำมีความรู้เกี่ยวกับวิชาเจดีย์แปดองค์ แม้ว่าตอนนี้มู่เฉินจะใช้วิชาเจดีย์แปดองค์นอกเจดีย์ได้ แต่ก็ไม่ได้มีพลังมากเท่ากับเมื่ออยู่ภายในเจดีย์

อีกฝ่ายก็มีเจดีย์ฝูถูเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจับตาแก่เข้าไปในเจดีย์ เพื่อกักขังเอาไว้ภายใน พลังอำนาจของวิชาเจดีย์แปดองค์ก็ถูกจำกัด

“ไอ้เด็กเวร อย่าคิดว่ามีวิชาเจดีย์แปดองค์แล้วจะไม่ต้องกลัวอะไรเลย!”

เฉวียนจุนเค้นเสียงเย็นพลางกระทืบเท้า ทันใดนั้นร่างเทพโลกันตร์ก็ระเบิดออกมาพร้อมกับของเหลวสีดำไร้ขอบเขตห่อหุ้มไปทางมู่เฉิน

รัศมีสีม่วงทองปลดปล่อยออกมาที่ด้านหลังมู่เฉิน เขาเร้าร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมา รหัสเทพอมตะควบแน่นก่อตัวเป็นม่านแสงปิดกั้นของเหลวไว้

การเผชิญหน้านี้ทำให้เกิดความผันผวนทั่วบริเวณ โดยการโจมตีของทั้งสองฝ่ายไม่แสดงความผ่อนปรนใดๆ

เมื่อเห็นการเผชิญหน้านี้ หลายคนก็กลั้นหายใจ สายตาพุ่งไปมองโดยไม่กล้าพลาดแม้แต่ฉากเดียว

“มู่เฉินนั้นเคี้ยวไม่ง่ายเลย เขาสามารถสู้กับเฉวียนจุนได้จนถึงระดับนี้” เสียงหลายเสียงดังก้องพร้อมกับถอนหายใจ นั่นเป็นเพราะตัดสินจากการต่อสู้ครั้งนี้ มู่เฉินเริ่มตั้งหลักได้อย่างชัดเจนและความได้เปรียบของเฉวียนจุนก็ไม่ปรากฏเหมือนตอนเริ่มอีกต่อไป

เมื่อผู้อาวุโสตระกูลชิงเห็นฉากนี้ พวกเขารู้สึกโล่งใจ ความสุขกระจายบนใบหน้า

ในทางตรงกันข้ามฝั่งตระกูลเฉวียนกัดฟันจากภาพนี้ พวกเขาหวังว่ามู่เฉินจะถูกเฉวียนจุนฉีกออกจากกันเป็นชิ้นๆ ในวินาทีต่อไป

ตู้ม!

การปะทะเกิดขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าเฉวียนจุนจะได้เปรียบเล็กน้อย แต่ใบหน้าก็ไม่น่าดูเนื่องจากข้อได้เปรียบแค่นี้ไม่เพียงพอสำหรับชัยชนะ

“ประเมินไอ้เด็กนี่ต่ำไป”

สายตาของเฉวียนจุนเปลี่ยนไปเป็นน่ากลัวพร้อมกับความดุร้ายเผยออกมา ร่างของเขาค่อยๆ ลอยไปบนท้องฟ้า ลวดลายสีดำปรากฏขึ้นบนร่างเป็นเลขเจ็ด

“เส้นหลิงเจ็ดชีพจร… เฉวียนจุนครอบครองเส้นหลิงขั้นเสิน… ดูเหมือนเขาจะนำทักษะของเส้นหลิงออกมาใช้แล้ว” ทันใดนั้นเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นจากฉากนี้

“เจ้าจงภาคภูมิใจที่บังคับให้ข้าต้องใช้ทักษะหลิงไม่เสินทงออกมาเพื่อปราบเจ้า!”

เสียงของเฉวียนจุนดังสะท้อน จากนั้นเขาก็ดันมือขึ้น พริบตาแม่น้ำสีดำสนิทก็หลั่งไหลออกมาจากร่างกายปกคลุมไปทั่วฟ้าดินราวกับจะแช่แข็งทั้งหมด

ขณะเดียวกันเสียงเยือกเย็นของเฉวียนจุนก็ดังก้อง

“ทักษะหลิงไม่เสินทงเจ็ดชีพจร แม่น้ำใต้พิภพคร่าชีวิต!”

ยามนี้เฉวียนจุนเผยเขี้ยวเล็บแล้ว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท