หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1454 ปราบปราม

บทที่ 1454 ปราบปราม

หลังจากผู้แข่งขันเข้าไปในสระยกเทพ

หวงจิงก็สะบัดแขนเสื้อ เสาน้ำจำนวนมากจากสระทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นกระจกโปร่งใสแสดงภาพทุกคนที่เข้าไปในสระยกเทพ…

ที่ด้านนอกสระ ทุกคนจ้องมองไปที่กระจกเหล่านั้น เมื่อพวกเขาเห็นแก่นโลหิตชั้นยอดของเทพอสูร เกิดขึ้นดวงแล้วดวงเล่าก็ต่างอุทานด้วยความอิจฉา

นั่นคือยาบำรุงที่ดีเยี่ยมสำหรับเทพอสูรทุกคน โดยปกติหาไม่ได้จากที่ไหนนอกจากในสระยกเทพเท่านั้น

“หืม?”

ขณะที่พวกเขามองดูอย่างใจจดใจจ่อ ทันใดนั้นความโกลาหลก็ดังขึ้น “ฟังจิ้งประหน้ากับมู่เฉินแล้ว…”

ทุกคนมองไปที่กระจกบานนั้นทันที ก็เห็นมู่เฉินและจิ่วโยวกำลังเผชิญหน้ากับฟังจิ้งอยู่

“เฮ้ ดูเหมือนว่าฟังจิ้งตั้งใจที่จะจัดการกับมู่เฉินเพื่อเอาความชอบจากหวงเฉวียนจือนะ…” เมื่อมองไปที่ฟังจิ้งก็มีคนแอบหัวเราะในใจ

“แต่มู่เฉินก็ไม่ได้เคี้ยวง่าย อย่าดูถูกขุมพลังของเขา เขาพึ่งพาความสามารถของตัวเองที่มีในการเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นของเผ่าฝูถูได้มาแล้ว”

“เจ้าก็ดูถูกฟังจิ้งไป เขาเป็นอัจฉริยะแท้จริงของเผ่าแร้งหงส์ทองคำและได้รับการฝึกฝนมากว่าสองร้อยปี แม้ว่าจะอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย แต่ก็แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ เนื่องจากเขาเป็นเทพอสูร เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ยินมาว่าฟังจิ้งต่อสู้กับมนุษย์ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้น ไม่ว่ามนุษย์คนนั้นจะออกกระบวนท่าอย่างไรก็ไม่สามารถทำอะไรกับฟังจิ้งได้”

“จริงรึ? น่าสนใจๆ ข้าเคยได้ยินเรื่องที่มู่เฉินไปก่อความเสียหายในเผ่าฝูถูมาพักใหญ่แล้ว วันนี้ขอข้าเป็นพยานว่าชายคนนี้มีความสามารถจริงหรือไม่”

“ฮ่าๆ ถ้าเขาแพ้ฟังจิ้งก็เป็นเรื่องน่าตลกแล้ว พวกผู้อาวุโสเผ่าฝูถูคงได้รู้สึกอับอายขายหน้าหนักแน่”

การสนทนาทุกประเภทดังก้อง แต่ส่วนใหญ่ก็รอดูการประลองด้วยอารมณ์ขบขัน นอกจากนี้ระหว่างมนุษย์กับเทพอสูร ก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะยืนอยู่ข้างฟังจิ้ง นอกจากนี้ถ้าฟังจิ้งชนะก็เป็นการแสดงให้มนุษย์ในมหาพันภพตระหนักถึงช่องว่างระหว่างมนุษย์และเทพอสูรเช่นพวกเขา

“สิบลมหายใจแล้ว พวกแกยังไม่ไสหัวไปอีกเรอะ?”

ขณะที่ความสนใจด้านนอกสระพุ่งมาที่กระจกบานนี้ ฟังจิ้งที่กอดอกก็จ้องมองมู่เฉินอย่างดุร้าย

“ไอ้โง่”

มู่เฉินเหลือบมองฟังจิ้งพูดออกมาก่อนจะไม่สนใจอีกฝ่าย เขาเปิดปากเพลิงไฟสีม่วงก็พุ่งออกมาห่อหุ้มไปทางปลาคุนที่กำลังจะหนี

เมื่อเพลิงสีม่วงปรากฏขึ้น ก็ทำให้น้ำรอบๆ ระเหยจากอุณหภูมิที่สูงทันที

“รนหาที่ตาย!”

เมื่อเห็นว่ามู่เฉินไม่สนใจ ฟังจิ้งก็โกรธก่อนที่จะยื่นมือออกไป รัศมีสีทองระเบิดออก อึดใจกรงเล็บสีทองก็พุ่งเข้าไปตะปบปลาคุนตัวนั้น

มู่เฉินมองไปอย่างเย็นชาและสะบัดนิ้ว เพลิงสีม่วงที่พุ่งเป้าไปที่ปลาคุนหันกลับเปลี่ยนเป็นมังกรเพลิงพุ่งเข้าหากรงเล็บสีทอง

ชี่ ชี่!

เมื่อเพลิงสีม่วงแผ่ออกไปกรงเล็บสีทองก็ละลายอย่างรวดเร็ว ในไม่กี่ลมหายใจก็หายไปอย่างสิ้นเชิง

“อะไรน่ะ?!” ฟังจิ้งหดตาลงกับฉากนี้ เขาไม่เคยคิดว่าเพลิงสีม่วงของมู่เฉินจะดุดันขนาดนี้

หลังจากละลายกรงเล็บสีทองได้ มู่เฉินก็โบกมือเพลิงสีม่วงก็ห่อหุ้มปลาคุนไว้อีกครั้ง มันดิ้นรนอย่างรุนแรง แต่หลังจากสิบลมหายใจสั้นๆ มันก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นแก่นโลหิตชั้นยอดบินไปหามู่เฉิน

มู่เฉินโยนแก่นโลหิตชั้นยอดเล่นในมือก่อนที่จะโยนมันไปให้จิ่วโยว “กินซะ”

เมื่อจิ่วโยวได้รับแก่นโลหิตก็มองไปที่ฟังจิ้งด้วยความกังวลในสายตา

“ไม่ต้องกังวล เขายังไม่มีคุณสมบัติที่จะแย่งแก่นโลหิตชั้นยอดไปหรอก” มู่เฉินยิ้ม

จิ่วโยวโล่งใจไปเปลาะเมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน นางนั่งลงโดยแก่นโลหิตลอยอยู่ระหว่างฝ่ามือ

ขณะที่นางหมุนเวียนคลื่นหลิง แก่นโลหิตก็กลายเป็นไอสีแดงเข้มพวยพุ่งเข้าไปทางนาสิกประสาทของนาง

เมื่อไอโลหิตหนาแน่นเข้าสู่ร่างกาย แสงหลิงก็พวยพุ่งขึ้นด้านหลังจิ่วโยว สีดำบนไข่ก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่จิ่วโยวกำลังกลืนกินแก่นโลหิต มู่เฉินก็ยืนอยู่ตรงหน้านางมองไปที่ฟังจิ่งที่มีใบหน้าเขียวคล้ำ

“แกช่างเรียกร้องหาความตาย!”

ฟังจิ้งคำรามด้วยเจตนาฆ่า เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะไม่เห็นเขาในสายตาขนาดนี้ ไม่เพียงแต่จะเมินเฉยต่อการข่มขู่ของเขายังคว้าแก่นโลหิตชั้นยอดไปและให้จิ่วโยวกลั่นต่อหน้าต่อตาเขาอีกด้วย

“ไปเลือกวิธีที่ดีกว่านี้ซะ ถ้าอยากให้เจ้านายแกโปรดปราน อย่ามาอับอายขายหน้าตรงข้า” มู่เฉินเหลือบมองฟังจิ้งพลางพูดอย่างไม่ยี่หระ

“ฮ่าๆ!”

ฟังจิ้งรู้สึกว่าปอดจะระเบิดเพราะความโกรธขณะที่คำรามด้วยเสียงหัวเราะ อึดใจต่อมาแสงสีทองไร้ขอบเขตก็ระเบิดออกจากร่างกลายเป็นนกสีทองขนาดใหญ่

นกตัวนี้แปลกประหลาด ร่างถูกปกคลุมไปด้วยขนหงส์ฟ้า แต่หัวเป็นแร้งเปล่งแสงทองเย็นเยือกในดวงตา

นี่คือร่างจริงของฟังจิ้ง—แร้งหงส์ทองคำ สัตว์อสูรชนิดนี้เป็นลูกผสมระหว่างหงส์ฟ้าและแร้ง

เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจที่จะฆ่า จึงนำร่างที่แท้จริงออกมาตั้งแต่เริ่มต้น

“ไอ้สารเลว ข้าจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ แล้วเอาศพแกฝังในสระยกเทพนี้!” เสียงแหลมคมของแร้งหงส์ทองคำดังก้อง ขณะที่กระพือปีกสร้างพายุหมุน

“กลัวว่าแกจะไม่มีความสามารถพอน่ะสิ” มู่เฉินเค้นเสียงขึ้นจมูก

ฮึ่ม ฮึ่ม!

แต่คราวนี้แร้งหงส์ทองคำไม่ตอบกลับกระพือปีก แสงสีทองไร้ขอบเขตระเบิดออกพร้อมกับขนนกสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาปกคลุมรัศมีหลายหมื่นจั้ง

ขนนกทุกเส้นควบแน่นไปด้วยคลื่นหลิง ความคมสามารถทำลายอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นหลิงได้เลยทีเดียว

เมื่อขนสีทองพุ่งลงมา แสงสีม่วงทองก็ระเบิดออกมาจากร่างมู่เฉิน เขานำร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมาพร้อมแสงอมตะก่อตัวเป็นกำแพงกั้น

เคร้ง เคร้ง เคร้ง!

เมื่อขนนกสีทองกระทบกับกำแพงก็กระดอนออกไปไม่สามารถแทงทะลุได้

ฟังจิ้งหยุดจู่โจม หลังจากเห็นว่าการโจมตีของตนไร้ประโยชน์พร้อมกับแสงเย็นวาบในดวงตา เขายกปีกที่ดูเหมือนทำจากโลหะสีทองที่สามารถฉีกมิติออกจากกันได้

ร่องรอยความแหลมคมที่แทรกซึมเข้ามาทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นก็ไม่กล้าที่จะประมาท

“ฟังจิ้งกำลังจะใช้ทักษะเทียนเซิงเสินทง…” ผู้ชมที่เฝ้าดูการประลองก็หดดวงตาพลางแสดงเอ่ยด้วยเสียงเคร่งเครียด

มหาเทพอสูรส่วนใหญ่มีทักษะเทพทรงอำนาจน่ากลัวที่ได้มาจากชาติกำเนิด นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมมหาเทพอสูรถึงสามารถจัดการจอมยุทธ์มนุษย์ส่วนใหญ่ในระดับเดียวกันได้

“ไอ้สารเลว จงรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ตายด้วยทักษะเทพของข้า!” แร้งหงส์ทองคำส่งเสียงร้องแหลมคม อึดใจต่อมาแสงสีทองก็กระจายบนปีก ซึ่งดูเหมือนสารปรอทก่อนที่จะเฉือนลงมา

“ทักษะเทียนเซิงเสินทง ปีกเทพสังหาร!”

เมื่อปีกสีทองเฉือนลงก็ราวกับแสงสีทองเจิดจ้าฉีกสวรรค์และโลกออกจากกัน กระทั่งน้ำทะเลที่เบื้องหน้าก็ถูกเฉือนเป็นริ้ว

แสงสีทองดูเหมือนสามารถทะลุผ่านทุกสรรพสิ่งด้วยความคมที่ไม่มีใครเทียบได้

เมื่อแสงสีทองพุ่งลงมาจากท้องฟ้า มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับหรี่ตาลง ก่อนจะวาดตราประทับในมือ

ฮึ่ม!

แสงสีม่วงทองพวยพุ่งออกมาจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ รหัสเทพอมตะสร้างขึ้นขดรอบตัวราวกับมังกรขนาดใหญ่

เพียงไม่กี่ลมหายใจจำนวนรหัสเทพก็มีถึงเจ็ดร้อยลาย!

ด้วยพลังในปัจจุบันบวกกับการบรรลุผลสำเร็จของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ขั้นสุด ทำให้รหัสเทพอมตะที่เขาสามารถสร้างได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย

ขณะที่รหัสเทพหมุนวน ทันใดนั้นพวกมันก็รวมตัวเข้าด้วยกันพร้อมกับการสะบัดนิ้วของมู่เฉิน

แสงสีม่วงทองระเบิด เหมือนจะปรากฏใบมีดสีม่วงทองที่ห่อหุ้มไปด้วยรัศมีอมตะ

มองไปที่แสงสีทองที่พุ่งลงมา มู่เฉินก็ยิ้มจางๆ “แกมีปีกเทพสังหาร ข้าก็มีดาบสังหารหงส์ฟ้า”

เมื่อพูดจบดาบสีม่วงทองก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วฟาดฟัน ทันใดนั้นฟ้าดินก็มืดลงพร้อมกับแสงสีม่วงทองพุ่งออกมาด้วยความเร็วที่น่ากลัว ปะทะกับแสงสีทอง

ตู้ม ตู้ม!

น้ำในรัศมีหลายแสนจั้งถูกผลักออกกลายเป็นพื้นที่สุญญากาศขนาดใหญ่…

ทุกคนที่อยู่นอกสระยกเทพมองไปที่กระจกอย่างกังวล พวกเขาไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ได้เปรียบในการประลองกันครั้งนี้

เมื่อน้ำในมหาสมุทรค่อยๆ คืนสภาพ แสงก็ค่อยๆ สลายไป แร้งหงส์ทองคำก็ปรากฏตัวขึ้น ซึ่งทำให้ทุกคนต้องหดดวงตา เนื่องจากพวกเขาสามารถเห็นรอยเลือดลึกบนปีกข้างหนึ่งของนกยักษ์ ขนรอบๆ แตกร้าว…

“เป็นไปได้ยังไง?!” พวกเขาอดอุทานออกมาไม่ได้

“เป็นไปได้ยังไง?!”

ประโยคเดียวกันเปล่งออกมาจากฟังจิ้ง ขณะมองไปที่บาดแผลบนปีกตนเองด้วยความไม่เชื่อ ถ้าปีกเทพสังหารไม่ได้ลบล้างพลังส่วนใหญ่บนใบมีด ปีกของเขาคงถูกเฉือนออกในตอนนี้แล้ว

ตัวเขาเป็นมหาเทพอสูรและร่างกายก็คล้ายกับอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นหลิงเลยนะ!

“สมกับชื่อเสียงในฐานะมหาเทพอสูรแท้จริง หนังแกหนาใช้ได้”

ขณะที่ฟังจิ้งตกใจ มู่เฉินก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน ตอนแรกนึกว่าตนเองสามารถจัดการได้แบบเด็ดขาด แต่ไม่คิดว่าจะตัดปีกมันไม่ได้ด้วยซ้ำ

“แก! จำไว้! ข้ามาคิดบัญชีแค้นเรื่องปีกกับแกแน่นอน!”

ฟังจิ้งตกใจวูบหนึ่งขณะมองมู่เฉินด้วยความแค้น ก่อนจะโผบินหนีไปด้วยความเร็วสูงสุด

เขาพบว่าจากการแลกกระบวนท่า ถึงมู่เฉินจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลาง แต่ความสามารถในการต่อสู้แข็งแกร่งกว่ามหาเทพอสูรเช่นเขา

แม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับ

แต่ก็รู้ว่าตนเองจะตกอยู่ในเงื้อมมือมู่เฉินแน่ ถ้ายังดันทุรังต่อไป

มู่เฉินมองไปที่ฟังจิ้งอย่างเย็นชาก่อนที่จะหัวเราะเยาะ “แกคิดว่าจะไปก็ไป จะมาก็มาตามใจชอบเรอะ? จะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง?”

“ฮ่าๆ แกทำอะไรข้าได้ล่ะ? แม้ว่าข้าจะเอาชนะแกไม่ได้ แต่แกก็จับข้าไม่ได้!”

เสียงหัวเราะเสียดหูดังก้อง ถึงยังไงเขาเป็นสัตว์อสูรกลางเวหาและความเร็วก็คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด ดังนั้นหากเขาตั้งใจที่จะหลบหนีแม้แต่จอมยุท์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ได้แต่กินฝุ่นจากปลายเท้าของเขาเท่านั้น

“จริงเหรอ?” มู่เฉินหัวเราะเยาะ

หัวใจของฟังจิ้งสั่นสะท้าน ขณะรู้สึกไม่สบายใจก่อนที่จะกระพือปีกเร็วรี่ตั้งใจที่จะหนี

แต่เมื่อกำลังบินออกไป เขาก็รู้สึกได้ว่าพื้นที่รอบๆ ตัวแข็งทื่อก่อนที่เงาขนาดใหญ่จะครอบลงมาจากท้องฟ้า…

ฟังจิ้งเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดผวา เขาเห็นเจดีย์ขนาดมหึมาพุ่งลงมา

ทันใดนั้นวิสัยทัศน์ของเขาก็มืดลง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท