หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1460 รอดักหลังอีกที

บทที่ 1460 รอดักหลังอีกที

ขณะที่เม็ดยาลอยอยู่เบื้องหน้า

รัศมีสายเลือดที่น่าสะพรึงก็เปล่งออกมา เพียงแค่ดมกลิ่นก็ทำให้เลือดในร่างกายเดือดพล่านได้

เมื่อมองไปที่เม็ดกลมสีดำนี้ไม่เพียงแต่สายตาของมู่เฉินที่ลุกเป็นไฟ แต่พวกข่งหลิงเอ๋อก็ด้วยเช่นกัน ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น

อารมณ์ตีกวนเป็นเวลานานก่อนที่ทุกคนจะค่อยๆ ฟื้นตัว มู่เฉินยิ้ม “เราแบ่งตามสิ่งที่ตกลงกันไว้เลยเถอะ มีข้อขัดข้องไหม?”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา พวกข่งหลิงเอ๋อก็รู้สึกปวดใจ เพราะนั่นคือสี่ส่วนเลยทีเดียว รัศมีสายเลือดที่มีอยู่ภายในสามารถทำให้พวกเขาบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนได้เลย

แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกปวดใจแต่ก็ไม่กล้าผิดข้อตกลง หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของมู่เฉิน แต่ละคนพยักหน้ารับ

เมื่อเห็นการตอบสนองของพวกเขา มู่เฉินก็ไม่ไว้มารยาท มือของเขาวาดตราประทับ วังวนคลื่นหลิงถูกสร้างขึ้น ทำให้เม็ดยากลมเกลี้ยงสั่นสะเทือนก่อนที่กระแสขนาดใหญ่จะไหลเข้าสู่วังวน

พวกข่งหลิงเอ๋อก็เคลื่อนไหวเพื่อสกัดรัศมีสายเลือดเช่นกัน

กระบวนการนี้กินเวลาไปหนึ่งก้านธูป ก่อนที่พวกเขาจะค่อยๆ หยุดมองไปที่เม็ดยากลมตรงหน้าของตน

เพียงแต่ว่าเม็ดกลมของมู่เฉินแข็งแกร่งกว่าทั้งสาม

“สมกับเป็นแก่นโลหิตระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง รัศมีอยู่เหนือความคาดหมายมาก” มู่เฉินมองไปที่เม็ดยากลมนี้ก็ถอนหายใจ ด้วยจำนวนสี่ส่วนของแก่นโลหิตชั้นยอดนี้ เขาสามารถรับประกันการวิวัฒนาการของจิ่วโยวได้

“ฮ่าๆ พี่มู่ ในเมื่อเป้าหมายสำเร็จแล้ว เราก็ขอลาไปก่อนนะ”

ข่งหลิงเอ๋อโบกมือเก็บเม็ดยาไว้ นางยิ้มให้กับมู่เฉิน ไม่ได้พูดเยอะ ร่างกลายเป็นสายแสงทะยานออกไป

หลินชางกับเซียวเทียนมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาที่สั่นไหวก่อนที่จะตามหลังข่งหลิงเอ๋อไปทันที

เมื่อเห็นทั้งสามจากไปอย่างรวดเร็ว จิ่วโยวก็หันไปหามู่เฉิน “ข้าว่าสามคนนั่นเจตนาไม่ดีแน่ พวกเราไปตอนนี้ด้วยเลยดีไหม?”

รอยยิ้มคลี่บนใบหน้า มู่เฉินมองทิศทางที่ทั้งสามออกไปตอบว่า “ไม่จำเป็น เราจะรอที่นี่”

“รอ?” จิ่วโยวอึ้งไป

ขณะที่หลินชางและเซียวเทียนตามหลังข่งหลิงเอ๋อไปอย่างใกล้ชิด

พวกเขาก็เหลือบไปทางด้านหลังและส่งเสียงพูด “เราจะปล่อยให้พวกมันได้สี่ส่วนนั่นไปจริงๆ หรือ?

ข่งหลิงเอ๋อตอบด้วยสีหน้าสงบว่า “พวกเจ้าลองมือได้เลย ถ้ามั่นใจที่จะจัดการกับเขาได้”

หลินชางและเซียวเทียนเงียบไป พวกเขาตกใจกับความสามารถของมู่เฉินมาก พวกเขาไม่มีความมั่นใจที่จะแย่งอาหารจากปากเขาหรอก

ทว่าพวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะให้ส่วนแบ่งใหญ่กว่ากับมู่เฉิน

“เจ้าสองคนทั้งโง่และโลภมากเกินไป ไม่ช้าก็เร็วจะล้มลงเพราะความโลภของตัวเอง”

ข่งหลิงเอ๋อเค้นเสียงก่อนสายตาจะวูบไหว “เราจะออกจากที่นี่ก่อนแล้วข้าจะทำลายค่ายกลมิติ เมื่อถึงเวลานั้นหวงเฉวียนจือก็จะถูกปล่อยตัว เขาจะรู้สึกถึงของในมือมู่เฉินอย่างแน่นอน พวกเขาสองคนจะต่อสู้กันอย่างดุเดือด เราก็รอให้ทั้งสองคนบาดเจ็บก่อนที่จะเอาคว้าของดีมา”

หลินชางและเซียวเทียนรู้สึกลิงโลด พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าข่งหลิงเอ๋อจะมีกลอุบายเช่นนี้อยู่ในใจ

“นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด ให้มู่เฉินและหวงเฉวียนจือสู้กันเอง ก่อนที่เราจะเคลื่อนไหวจัดการบอกให้พวกมันรู้ว่าใครกันที่หัวเราะเป็นคนสุดท้าย!” พวกเขาสองคนหัวเราะเสียงดัง

ข่งหลิงเอ๋อยิ้มอย่างพอใจ ‘ถึงมู่เฉินและหวงเฉวียนจือจะอัจฉริยะแท้จริงแล้วไง? พวกมันก็ต้องยังตกอยู่ในกำมือข้าอยู่ดี ‘

“แปะ แปะ!”

แต่ขณะที่นางกำลังยิ้มพราย เสียงปรบมือก็ดังขึ้นเบื้องหน้า ทั้งสามตกใจเงยหน้าขึ้นก็เห็นพื้นที่บิดเบี้ยว ก่อนที่จะมีภาพเงาปรากฏขึ้น นี่ก็คือหวงเฉวียนจือที่ติดอยู่ในค่ายกล!

“แผนยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้” หวงเฉวียนจือยืนเอามือไพล่หลังมองดูทั้งสาม

“หวงเฉวียนจือ! แกหนีออกมาได้ยังไง?!” ข่งหลิงเอ๋อพูดด้วยความไม่เชื่อพลางฉายสีหน้าเขียวคล้ำ

“ข้าไม่ได้หนีออกมา ค่ายกลค่อนข้างลำบากจริงๆ ถ้าข้าตกอยู่ในนั้น” หวงเฉวียนจือยิ้มขณะพูดต่อ “แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้ติดกับ นั่นเป็นเพียงร่างพิมพ์วิญญาณของข้าเท่านั้น”

“อะไรนะ?!” พวกข่งหลิงเอ๋อดวงตาหดลง คนที่พวกเขาใช้กำลังมากในการจับเป็นเพียงร่างพิมพ์วิญญาณของหวงเฉวียนจือเรอะ!

“ร่างพิมพ์วิญญาณไม่ง่ายอย่างที่พวกแกคิดหรอก มันถูกสร้างขึ้นด้วยเลือดกลั่นและขนนกของข้า ดังนั้นจึงมีพลังครึ่งหนึ่งของข้าเลยทีเดียว” หวงเฉวียนจือยิ้ม สายตาที่กวาดมองอย่างไม่แยแสทำเอาพวกข่งหลิงเอ๋อสะท้านจับจิต

ทั้งสามคนหน้าซีดเผือด ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจช่องว่างระหว่างตนเองกับหวงเฉวียนจือ ทันใดนั้นพวกเขาก็ระเบิดพลังงาน ต้องการออกจากสระยกเทพให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ตราบใดที่พวกเขาออกจากที่นี่ หวงเฉวียนจือก็ไม่สามารถจัดการพวกเขาได้อีกต่อไป

“ฮ่าๆ ข้ารอมาตั้งนาน จะปล่อยให้พวกแกหนีไปได้ยังไง?” หวงเฉวียนจือยิ้ม พริบตาแสงสีทองก็ระเบิดขึ้น หงส์ฟ้าสีทองขนาดใหญ่โผทะยานออกไป พุ่งเข้าหาพวกข่งหลิงเอ๋อ

ลึกลงไปในมหาสมุทรมรกต

คลื่นหลิงก่อร่างเป็นม่านล้อมรอบมู่เฉิน ปิดกั้นน้ำในมหาสมุทร เขานั่งอยู่ที่ก้นมหาสมุทรโยนเม็ดยาสีดำเล่นในมือ ขณะมองไปยังระยะไกลด้วยดวงตาวูบไหว

“เราทำอะไรที่นี่” จิ่วโยวออกจะหงอยๆ เนื่องจากมู่เฉินไม่ให้เม็ดยาแก่นาง แค่นั่งนิ่งอยู่ที่นี่เท่านั้น

“รอหวงเฉวียนจือ” มู่เฉินยืดเอว

“อ้า?” จิ่วโยวตกใจมากก่อนที่จะถามทันควัน “เขาถูกค่ายกลดักจับไว้ไม่ใช่หรือ?”

มู่เฉินยิ้ม “นั่นน่าจะเป็นร่างเสมือนของเขา เจ้านั่นเจ้าเล่ห์เกินไป เขาทำเช่นนี้เพื่อให้พวกข่งหลิงเอ๋อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแก่นโลหิต ด้วยวิธีนี้เขาจึงไม่ต้องลงมือและทำเพียงรอ”

จิ่วโยวขมวดคิ้ว นั่นหมายความว่าพวกนางตกหลุมพรางของหวงเฉวียนจือไม่ใช่เหรอ?

“ถ้าข้าเดาถูก เขาน่าจะจัดการกับพวกข่งหลิงเอ๋ออยู่น่ะ” มู่เฉินยิ้ม

“ถ้างั้นเราไม่ควรไปตอนนี้หรือ?” จิ่วโยวถาม

“ทำไมต้องไป?” มู่เฉินยิ้มขณะที่โยนเม็ดยาไปทางจิ่วโยว “เจ้าเม็ดนี้ช่วยเจ้าวิวัฒนาการได้เท่านั้น สำหรับข้าเล็งอีกหกส่วนที่เหลือ”

“หวงเฉวียนจืออยากเก็บผลกำไร ดังนั้นข้าจะคิดแบบเดียวกันไม่ได้รึไง? หลังจากที่เขาได้รับหกส่วนนั่นแล้ว เขาก็จะมาตามหาข้า”

จิ่วโยวอ้าปากกว้าง มีแต่คนคิดซ่อนตัวจากหวงเฉวียนจือ ทว่าเจ้าน้องบ้าคนนี้กลับตั้งใจให้หวงเฉวียนจือไปช่วยแย่งหกส่วนนั้น ก่อนที่เขาจะเคลื่อนไหว…

ทว่านางต้องยอมรับว่ามู่เฉินที่สามารถรักษาความสงบต่อให้ต้องเผชิญกับการคุกคามของหวงเฉวียนจือช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน

ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่ามู่เฉินไม่ได้อ่อนแอเหมือนเด็กน้อยในอดีต เขาสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองไปทั่วมหาพันภพเทียบได้กับยอดอัจฉริยะเหล่านั้น

“เอาล่ะขึ้นอยู่กับเจ้าว่าเราสามารถเก็บเกี่ยวหรือสูญเสียครั้งใหญ่กัน!” ริมฝีปากของจิ่วโยวโค้งขึ้น

หากพวกนางได้รับการเก็บเกี่ยวที่ดีก็จะสามารถได้รับเม็ดยาที่สมบูรณ์ ถ้าแพ้ก็ต้องส่งอีกสี่ส่วนที่เหลือและสายเลือดวิหคอมตะก็จะตกอยู่ในอันตรายด้วย

มู่เฉินยิ้มก่อนที่จะหลับตาลงราวกับว่าหลับไป

จิ่วโยวไม่ได้รบกวนเขา นางนั่งลงข้างๆ มองไปที่เม็ดยาในมือ

ความเงียบดำเนินไปหนึ่งก้านธูป ก่อนที่มู่เฉินจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองไปข้างหน้า “มาแล้ว”

เมื่อจิ่วโยวได้ยินคำพูดนั่น ร่างกายก็เกร็งขึ้น

พร้อมกับเสียงของมู่เฉิน ผืนน้ำเบื้องหน้าก็แปรปรวน เงาปรากฏขึ้นก่อนที่จะโยนร่างสามร่างออกมา

ทั้งสามคนก็คือพวกข่งหลิงเอ๋อ ทว่าใบหน้าแต่ละคนดูไม่จืด ท่าทางจะได้รับบาดเจ็บหนัก

ขว้างทั้งสามออกไปราวกับขยะ สายตาหวงเฉวียนจือก็จ้องมองไปที่มู่เฉินและยิ้ม “อย่างที่ข้าคาดไว้ เจ้าไม่ได้วิ่งหนี”

“ทำไมข้าต้องวิ่งในเมื่อมีคนเอาของกำนัลมาให้ที่นี่” มู่เฉินยืดเอว

“น่าสนใจ…” หวงเฉวียนจือหัวเราะ แต่ม่านตาสีทองไม่มีรอยยิ้มสักริ้ว “แกทำกับข้าเหมือนพวกคนส่งของงั้นเรอะ? น่าสนใจจริงๆ”

“ถ้าแกส่งไอ้เม็ดที่เหลือและให้ข้าดึงสายเลือดวิหคอมตะของนาง ข้าจะยอมให้แกออกไปโดยดี” หวงเฉวียนจือพูดขณะมองไปที่มู่เฉิน “ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงที่แกสั่งสมมาจะกลายเป็นหินรองเท้าให้ข้าเท่านั้น”

มู่เฉินยืนขึ้นยิ้มให้หวงเฉวียนจือ “พล่ามบ้าไร ข้ากลัวว่าแกไม่มีคุณสมบัติพอที่จะสกัดสายเลือดของจิ่วโยวต่อหน้าข้าหรอก”

หวงเฉวียนจือพยักหน้า สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นไม่แยแส แสงสีทองกะพริบในดวงตา ปีกทั้งสองกระพือ รัศมีสังหารกวาดออกทำให้เกิดคลื่นน้ำไม่ถ้วน

“ช่างน่าเสียดายจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้… ข้าจะอัดแกให้ง่อยไปเลย”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท