หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1458 สามจอมยุทธ์ปะทะกับหงส์ฟ้า

บทที่ 1458 สามจอมยุทธ์ปะทะกับหงส์ฟ้า

หวงเฉวียนจือเอามือไพล่หลัง

ปีกหงส์ฟ้าสีทองกระพือช้าๆ แรงกดดันทรงพลังแผ่ออก

ทะเลสาบรอบตัวหวงเฉวียนจือผันผวน ขณะที่ข่งหลิงเอ๋อ หลินชางและเซียวเทียนเปิดเผยตัวออกมา พวกเขามองไปที่หวงเฉวียนจือด้วยการแสดงออกที่ไม่น่าดู

ตอนแรกพวกเขาคิดว่าการซุ่มโจมตีจะจับหวงเฉวียนจือได้โดยไม่ทันตั้งตัว แต่ใครจะคิดว่าพวกเขาทำให้อะไรหวงเฉวียนจือไม่ได้เลย

“ตอนแรกข้าว่าจะให้พวกเจ้าสักสามส่วนเพราะเห็นว่าเป็นพวกเดียวกัน แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว” หวงเฉวียนจือยิ้มบาง ขณะมองไปที่ทั้งสามคน

“แกอยากอาหารมากเกินไป! ไม่กลัวกระเพาะแตกตายหรือไง?!” หลินชางตะคอก

“งั้นแกก็ประเมินข้าผิดไป” หวงเฉวียนจือยิ้ม

“ไม่ต้องคุยกันแล้ว ลุยเลย!” ข่งหลิงเอ๋อเป็นคนเด็ดขาด นางกังวลว่าหวงเฉวียนจืออาจกระจายการรับรู้ออกไป หากสิ่งนั้นเกิดขึ้นก็จะเปิดเผยค่ายกลของพวกเขาออกมา

ตู้ม!

พร้อมกับเสียงของนาง สายรุ้งหลากสีก็กวาดออกจากร่างกายผสานเสียงร้องของนกยูง ภาพนกยูงงดงามปรากฏขึ้น ขณะที่ขนหลากสีพลิ้วไหว ความผันผวนของคลื่นหลิงน่าทึ่งก็แผ่ออกไป

เมื่อเห็นว่าข่งหลิงเอ๋อนำร่างหลักออกมา หลินชางก็เปลี่ยนร่างเป็นแร้งขนาดใหญ่ที่มีหัวเก้าหัว ดวงตาแหลมคมเปล่งแสงสีทองราวกับว่าสามารถทะลุผ่านสวรรค์ได้

เซียวเทียนก็นำร่างหลักออกมาเช่นกัน ซึ่งเป็นกระเรียนขนาดใหญ่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกร แม้แต่กรงเล็บก็เป็นกรงเล็บมังกรวูบไหวด้วยไอเย็นเยือก

ทั้งสามรู้ว่าหวงเฉวียนจือน่ากลัวเพียงใด ดังนั้นจึงนำร่างหลักออกมาด้วยไม่คิดจะให้หวงเฉวียนจือมีเวลาตั้งหลัก

กีด!

เสียงร้องแหลมดังขึ้น สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ทั้งสามเริ่มโจมตี นกยูงเก้าสีปลดปล่อยลำแสงจำนวนมหาศาลออกมา แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ทันทีหากถูกผูกมัดไว้

แร้งทองเก้าหัวดุร้ายกว่า กรงเล็บของมันกางออกแตกสลายมิติเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

กระเรียนมังกรฟ้าส่งเสียงร้อง ปลดปล่อยลมหายใจโจมตีด้วยด้วยความผันผวนของการทำลายล้าง

“หึๆ พวกข่งหลิงเอ๋อพยายามน่าดู การโจมตีเช่นนี้สามารถทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนต้องหน้าเปลี่ยนสีเลยทีเดียว”

ขณะที่การต่อสู้เริ่มขึ้น ภายนอกสระทุกคนก็มองไปที่กระจก พวกเขาสามารถมองเห็นการปะทะกันได้อย่างชัดเจน

แม้พวกเขาจะประหลาดใจที่พวกข่งหลิงเอ๋อจะร่วมมือกับมู่เฉินเพื่อต่อกรหวงเฉวียนจือ แต่เมื่อเห็นภาพเงาสิ่งมีชีวิตแก่นโลหิตที่กำลังจะบรรลุขั้นเซิ่ง พวกเขาก็เข้าใจทันที

ภายใต้สิ่งล่อใจแบบนี้ ก็ไม่แปลกที่จะร่วมมือกับคนนอก

เพียงแต่ไม่รู้ว่าการร่วมมือเช่นนี้จะจัดการกับหวงเฉวียนจือได้หรือไม่…

ภายใต้สายตากังวลของทุกคน หวงเฉวียนจือก็เริ่มเคลื่อนไหว

ท่าทางหวงเฉวียนจือไม่แยแสขณะที่เผชิญหน้ากับการโจมตีที่เข้ามา เขาอ้าปากเปลวไฟสีทองพุ่งออกมาเผาลำแสงสีรุ้งทันที

ในเวลาเดียวกันเขาก็ยื่นมือออกไป ฝ่ามือปะทะกับกรงเล็บสีทอง

เคร้ง!

จังหวะที่ปะทะกันคลื่นกระแทกน่าสะพรึงก็พัดออกมา ทำให้ทะเลสาบเกือบแสนจั้งกระจายออกไปราวกับกลายเป็นพื้นที่สุญญากาศ

หวงเฉวียนจือตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อปะทะกับกรงเล็บ กลับกันแร้งทองเก้าหัวกลับส่งเสียงร้องน่าสังเวชขณะที่กระเด็นออกไปพร้อมกับเกล็ดกรงเล็บแตกออก

หลังจากจัดการแร้งทองเก้าหัวได้ หวงเฉวียนจือก็ก้าวออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะขณะที่เงยหน้าขึ้นมองลมหายใจมังกร แสงสีทองกะพริบในดวงตาเขา รัศมีพราวสองสายพุ่งออกมา

ชี่ ชี่!

เมื่อปะทะกับลมหายใจมังกร เสียงดังฉ่าเล็ดลอดออกมา ลมหายใจมังกรพ่ายแพ้ในพริบตา การโจมตีที่เหลืออยู่ทะลุปีกกระเรียนมังกรฟ้าไป

เพียงสิบกว่าลมหายใจอัจฉริยะทั้งสามก็พ่ายแพ้ ขณะที่หวงเฉวียนจือยืนอหังการมองสงบนิ่ง

“หวงเฉวียนจือสมกับเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาอัจฉริยะเผ่าเทพอสูรกลางเวหา!”

เมื่อเผ่าอื่นๆ เห็นฉากนี้ที่ด้านนอกสระยกเทพ พวกเขาก็ฉายความตกตะลึงบนใบหน้า แม้ว่าชื่อเสียงพวกข่งหลิงเอ๋อจะโด่งดัง แต่ก็เผยให้เห็นช่องว่างพลังของพวกเขาหลังจากแลกกระบวนท่ากับหวงเฉวียนจือ

หวงเฉวียนจือสามารถแก้ไขการโจมตีทั้งสามได้อย่างง่ายดาย ทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน

“พวกเจ้าคิดว่าร่วมมือกันแล้วจะต่อกรกับข้าได้รึ?”

มองไปที่พวกข่งหลิงเอ๋อ หวงเฉวียนจือก็กล่าวด้วยรอยยิ้มจางว่า “เห็นแก่พวกเจ้าที่เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าเทพอสูรกลางเวหา ข้าจะไม่เอาเรื่องพวกเจ้า ไสหัวไปซะ”

“แก่นระดับเกือบจะบรรลุขั้นเซิ่งไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะเพลิดเพลินได้”

คำพูดของเขาทำให้พวกข่งหลิงเอ๋อโกรธแค้นขึ้น แต่ก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ เนื่องจากถูกข่มขู่โดยพลังของหวงเฉวียนจือ

“งั้นเหรอ? ข้าไม่คิดอย่างนั้นนะ”

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น ภาพเงาหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังหวงเฉวียนจือพร้อมกับความผันผวนของมิติ

“ไอ้โง่!”

เมื่อเห็นว่ามู่เฉินไม่ได้เคลื่อนไหวทันทีหลังจากที่ปรากฏตัว ข่งหลิงเอ๋อก็สถบด่าในใจ หวงเฉวียนจือคือใคร? การฟื้นตัวจากความประหลาดใจเพียงชั่วครู่ มู่เฉินก็จะสูญเสียจังหวะการบุกก่อนทันที

เช่นเดียวกับที่ข่งหลิงเอ๋อคาดไว้ ท่าทางหวงเฉวียนจือเปลี่ยนไปอย่างเย็นชาเมื่อเสียงของมู่เฉินดังก้อง เขาขว้างฝ่ามือออกไปทางด้านหลังทันที แสงสีทองที่น่าสะพรึงกลัวรวมตัวกันก่อตัวเป็นชั้นสีทองที่ทำให้มิติแตกสลายภายใต้ฝ่ามือเขา

เผชิญหน้ากับฝ่ามือนั่น มู่เฉินก็ยิ้มอย่างไม่แยแส รัศมีแสงยุ่งเหยิงแผ่กระจายออกไปด้านหลังศีรษะเขาพร้อมกับลำแสงปะทะกับหวงเฉวียนจือ

วาบ!

เมื่อแสงยุ่งเหยิงกวาดผ่าน พวกข่งหลิงเอ๋อก็หดดวงตา เนื่องจากเห็นว่าภาพเงาของหวงเฉวียนจือหายไปภายใต้แสงยุ่งเหยิงและถูกกวาดเข้าไปในความสับสนวุ่นวายที่อยู่เบื้องหลังมู่เฉิน

เมื่อแสงยุ่งเหยิงกวาดหวงเฉวียนจือเข้ามา มู่เฉินก็ก้าวไปข้างหน้าปรากฏในค่ายกลมิติก่อนที่ร่างเงาหนึ่งจะถูกโยนออกมาจากแสงยุ่งเหยิงเบื้องหลัง

“เปิดค่ายกล” ในเวลาเดียวกันเสียงของมู่เฉินก็ดังก้องอยู่ในโสตประสาทมของข่งหลิงเอ๋อ

ไม่ทันจะตกตะลึงกับฉากที่มู่เฉินจับตัวหวงเฉวียนจือได้ทันควัน ข่งหลิงเอ๋อก็สร้างตราประทับขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่ายกลขนาดใหญ่ปลดปล่อยความผันผวนถูกเปิดใช้งานทันที ขณะเดียวกันนางเหลือบมองมู่เฉินที่กำลังพยายามหลบจากวงรัศมีของค่ายกล ตราประทับก็เปลี่ยนไป ดวงตากะพริบวูบไหว ขบวนแถวค่ายกลแผ่กระจายออกด้วยความเร็วที่น่าทึ่งจนเกือบที่จะกลืนกินมู่เฉินไปด้วย

แต่เมื่อค่ายกลกำลังจะห่อหุ้มมู่เฉิน ค่ายกลปกปิดที่เขาตั้งไว้ก็ระเบิดแสงออกมาขัดขวางค่ายกลมิติไว้

ในช่วงสั้นๆ นั้นเองมู่เฉินก็ปรากฏตัวห่างออกไปอีกหลายพันจั้ง

เมื่อค่ายกลมิติถูกกระตุ้นอย่างสมบูรณ์ ก็เกิดการฉีกออกเปิดเส้นทางมิติรุนแรง ร่างหวงเฉวียนจือถูกดูดเข้าไป แต่ก่อนที่เขาจะหายตัวไปทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงสายตาเย็นชาของหวงเฉวียนจือที่สาดออกมา…

สายตานั่น ทำให้พวกข่งหลิงเอ๋อหนาวเยือก มีเพียงมู่เฉินที่ยังคงยิ้มเรียบเฉย

“มู่เฉิน เจ้าเป็นอะไรไหม?”

เมื่อหวงเฉวียนจือหายไป ข่งหลิงเอ๋อก็กลับมามีจริตจะก้านเฉิดฉาย ทะยานเข้ามาอย่างกังวลก่อนที่จะถาม

มู่เฉินมองไปที่ข่งหลิงเอ๋อด้วยรอยยิ้มลึกล้ำพลางส่ายหน้า

หลินชางและเซียวเทียนก็เข้ามาด้วยสีหน้าซีดขาว แต่เมื่อมองไปที่มู่เฉินก็ไม่มีความสงสัยใดๆ เหมือนในอดีต แววตากลับเต็มไปด้วยหวาดกลัว

พวกเขาทั้งสามไม่สามารถทำอะไรกับหวงเฉวียนจือได้ แต่มู่เฉินสามารถจับหวงเฉวียนจือได้อย่างง่ายดายเพียงแค่กระบวนท่าเดียวก่อนที่จะโยนอีกฝ่ายเข้าไปในค่ายกล ความสามารถนี้น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว

ในตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมมู่เฉินถึงไม่กลัวหวงเฉวียนจือ เพราะตัวเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

“พี่มู่น่าเกรงขามจริงๆ ดูเหมือนว่าพวกข้าจะประเมินเจ้าต่ำเกินไป” หลินชางกล่าว

“ได้โอกาสพอดีน่ะ ไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอก” ทว่ามู่เฉินส่ายหัวก่อนที่จะพูดต่ออย่างใจเย็น “ไปจับเหยื่อเร็ว หวงเฉวียนจือไม่ใช่ง่ายที่จะรับมือ”

พอได้ยินคำพูดเขา พวกข่งหลิงเอ๋อก็พยักหน้า พวกเขามองดูสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างไกลออกไปด้วยดวงตาลุกโชน…

ในเวลาเดียวกันทุกคนที่อยู่นอกสระยกเทพก็ตกตะลึง ความเงียบกวาดตัวไปทั่ว

ไม่มีใครคาดคิดว่าหวงเฉวียนจือผู้ยิ่งใหญ่จะถูกโยนเข้าไปในค่ายกลโดยมู่เฉินในพริบตา…

‘ชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!’

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท