หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1464 ขั้นสามรวม

บทที่ 1464 ขั้นสามรวม

ฟู่ ฟู่!

เปลวไฟลุกโชนปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ลุกลามไปจนถึงขีดสุดของสายตา อุณหภูมิที่น่ากลัวทำให้สระยกเทพถึงกับเดือดปุ

ในเวลาเดียวกันคลื่นทำลายล้างก็แพร่กระจายออกไป

ภายใต้เปลวไฟแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน

ปุ ปุ

เมื่อมองไปที่เปลวไฟในกระจกทุกคนรอบสระยกเทพก็มีใบหน้าเต็มไปด้วยด้วยความกลัวในดวงตา แม้จะอยู่ห่างไกลขนาดนี้ พวกเขาก็ยังสามารถรับรู้คลื่นความร้อนได้อย่างคลุมเครือ

ยากที่จะจินตนาการถึงอุณหภูมิที่มู่เฉินต้องทนรับ

เผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้พวกเขาคิดไม่ออกเลยว่ามู่เฉินจะจัดการได้อย่างไร

ใบหน้าของเทียนฮวงถอดสีขณะกำหมัดแน่นด้วยความสิ้นหวัง แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้านทานการโจมตีของหวงเฉวียนจือ

หวงจิงที่ยืนอยู่ใกล้สระยกเทพก็พยักหน้าเบาๆ เมื่อเห็นเพลิงสีทอง มู่เฉินมีความโดดเด่นมากพอที่จะบังคับให้หวงเฉวียนจือใช้กระบวนท่านี้ได้ แต่ก็น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เป็นคนที่หัวเราะคนสุดท้าย

เมื่อเทียบกับลูกชายของเขา มู่เฉินก็ยังด้อยกว่า

“ข้าหวังว่าชีวิตของไอ้หนูนี่จะทนถึก ถ้าเขาตายจริงๆ คงลำบากแน่ถ้าแม่เขามา…” หวงจิงถอนหายใจ

ผู้อาวุโสของเผ่าหงส์ฟ้าแท้จริงที่ยืนอยู่ข้างหลังก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

ขณะที่ทุกคนกำลังถอนหายใจ เปลวไฟก็คงอยู่เป็นเวลาครึ่งก้านธูปก่อนที่จะสลายไป

สายตาของทุกคนก็พุ่งตรงไปยังจุดที่มู่เฉินอยู่

อึดใจต่อมาพวกเขาก็ตกตะลึง เมื่อเห็นดอกบัวขนาดใหญ่ลอยอยู่ในเวิ้งน้ำอย่างเงียบๆ

กลีบดอกปิดแน่นราวกับดอกตูมขณะวูบไหวด้วยรัศมีอมตะ แม้ว่าจะมีร่องรอยถูกเผาไหม้ แต่ทุกคนก็บอกได้ว่ามันไม่ได้ถูกทำลายจากเพลิงนี้…

“นั่นอะไร?! มันสามารถทนเพลิงหงส์ฟ้าได้ด้วยเหรอ!” มีคนร้องอุทานออกมา

ในขณะที่ทุกคนอุทาน ดอกบัวก็กำจายรัศมีก่อนจะแย้มบาน กลีบดอกลู่ลงร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็เผยให้เห็นโดยมีมู่เฉินยืนเอามือไพล่หลังโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ!

“เป็นไปได้ยังไง?!”

เสียงอุทานหวาดหวั่นไม่เพียงแต่มาจากคนรอบข้างเท่านั้น แต่ยังมาจากหวงเฉวียนจือด้วย

ยามนี้หวงเฉวียนจือกำลังมองไปที่ดอกบัวด้วยความตกตะลึงไม่อยากเชื่อ เขารู้ว่าการโจมตีกระบวนท่านี้น่ากลัวเพียงใด แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะต้านทานได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย!

ดอกบัวสีม่วงทองนั้นมีความสามารถในการป้องกันที่ไม่อาจจินตนาการได้ ซึ่งสามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้

‘ไอ้เวรนี่มีความสามารถในการป้องกันที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ยังไง?!’

“ช่างเป็นพัดเพลิงหงส์ฟ้าที่ทรงพลังจริงๆ”

ขณะที่หวงเฉวียนจือรู้สึกไม่เชื่อ เสียงของมู่เฉินก็ดังขึ้น เขาต้องยอมรับว่าการโจมตีของหวงเฉวียนจือเกินความคาดหมายของเขา ถ้าเขาไม่มีดอกบัวอมตะ วันนี้เขาอาจต้องจ่ายราคาแพง

“แกนี่จัดการยากจริงๆ! มิน่าล่ะถึงสามารถทำให้เกิดปัญหามากมายในเผ่าฝูถู” น้ำเสียงของหวงเฉวียนจือเย็นชาพร้อมกับท่าทางมืดมน เขาไม่อยากรับความจริงว่ามู่เฉินสามารถรับกระบวนท่าขั้นสูงสุดของเขาได้

มู่เฉินยิ้มขณะที่กำหมัด “ตาเจ้าจบแล้วก็ถึงตาข้ามั่งแล้วใช่ไหม?”

หวงเฉวียนจือหดดวงตา จากนั้นก็เค้นเสียงเย็น “โอ้? แกจะทำอะไรได้? แม้ข้าจะฆ่าแกไม่ได้ แต่แกก็เหมือนกัน คิดว่ามีความสามารถจะทำอะไรกับข้าได้เรอะ?”

กลยุทธ์ของมู่เฉินเยอะจนทำให้หวงเฉวียนจือรู้สึกปวดหัว ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าวันนี้ไม่มีทางจัดการมู่เฉินได้อีกแล้ว

ทว่าตัวเขาก็มีความภาคภูมิใจ แม้ว่าจะไม่สามารถทำอะไรกับมู่เฉินได้ แต่มู่เฉินก็ทำอะไรเขาไม่ได้เช่นกัน!

“มู่เฉิน เห็นแก่เจ้ามีความสามารถ ข้าจะยกแก่นโลหิตที่เกือบจะบรรลุขั้นเซิ่งนี้ให้สามส่วน ถ้าเจ้ายอมมอบสายเลือดวิหคอมตะให้ข้า!” หวงเฉวียนจือพูดขณะดวงตาวูบไหว

เมื่อได้ยินเช่นนั้นมู่เฉินก็ยิ้ม “ข้าต้องการแก่นโลหิตที่เกือบจะบรรลุขั้นเซิ่งแน่นอน แต่ไม่ใช่สามส่วน ข้าจะเอาทั้งหมด! ส่วนสายเลือดวิหคอมตะบอกเลยว่า ไม่-มี-ทาง!”

“อวดดี!”

หวงเฉวียนจือหัวเราะด้วยความโกรธ ตอนแรกเขาคิดว่าน่าจะลองลดตัวลงเพื่อเจรจา ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้ความสนใจ ซ้ำยังพ่นคำพูดไม่ไว้หน้า ขนาดคิดเอาแก่นโลหิตชั้นยอดหกส่วนจากเขาเลยทีเดียว

“ถ้างั้นให้ข้าดูว่าเจ้ามีความสามารถพอที่จะทำแบบนั้นได้ไหม?!” หวงเฉวียนจือยิ้มเย็น ขณะที่วงแสงสีทองรวมตัวกันที่ด้านหลังศีรษะเขาอีกครั้ง

ฮา

มู่เฉินเบื่อที่จะพูด เขาหายใจเข้าลึกๆ ขณะเดียวกันมือก็ประสานเข้าด้วยกัน ร่างรองทั้งสองก็ทำแบบเดียวกันด้วย

เสียงทุ้มดังก้องจากหัวใจของมู่เฉิน “วิชาสามพิสุทธิ์ สามรวม!”

ฟิ้ว!

ทันใดนั้นร่างรองทั้งสองก็กลายเป็นริ้วแสงหลอมรวมเข้ากับร่างกายของมู่เฉิน

เมื่อร่างรองทั้งสองรวมเข้ามาไว้ด้วยกัน ม่านตาสีดำของมู่เฉินก็เปล่งประกายออกมาราวกับดวงดาวพราวระยับ กายาหลิงเทียนจุนก็เปลี่ยนไปมีความละเอียดอ่อนและบริสุทธิ์มากขึ้น

ในเวลาเดียวกันมังกรคลั่งแค้นนับไม่ถ้วนก็คำรามภายในร่างกายของเขา นำพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ทำให้พลังงานของมู่เฉินแปรปรวนขึ้นในทันที

แม้แต่น้ำที่อยู่รอบๆ ยังยกคลื่นขึ้นจากความปั่นป่วน

ใบหน้าของหวงเฉวียนจือเปลี่ยนไปเมื่อมองมู่เฉิน เขารู้สึกได้ว่าความผันผวนของคลื่นหลิงจากมู่เฉินพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วน่าอัศจรรย์ โดยเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลายสุดแล้ว ในเวลาเดียวกันก็ยังคงพุ่งขึ้นและไม่กี่ลมหายใจก็มาถึงขีดสุดของขั้นหลิง…

หวงเฉวียนจือตกใจเพราะนี่ไม่ได้หยุดแค่นั้น ยังคงเพิ่มอย่างต่อเนื่องก่อนที่ในที่สุดจะมาถึงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้น

“บัดซบ คลื่นหลิงของมันทำไมถึงเพิ่มขึ้นได้น่ากลัวขนาดนี้?!” หวงเฉวียนจือไม่สามารถเก็บความสงบไว้ในใจได้อีกต่อไป ขณะที่สบถออกมา

ในตอนนี้มู่เฉินมาถึงระดับเดียวกับเขาแล้ว!

แสงหลิงในดวงตาพลุ่งพล่าน มู่เฉินค่อยๆ กำมือ มิติก็บิดเบี้ยวในฝ่ามือ เขารู้สึกถึงคลื่นหลิงที่น่ากลัวในร่างกายพร้อมกับหัวใจที่สั่นสะท้าน

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าวิชาสามพิสุทธิ์ขั้นสามรวมจะเพิ่มการฝึกฝนของเขาได้มากขนาดนี้!

เขาเคยใช้ขั้นตอนนี้มาแล้วครั้งหนึ่งในอดีต แต่ก็สามารถหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างไม่สมบูรณ์แบบเท่านั้น ทว่าตอนนี้เมื่อขุมพลังเพิ่มขึ้น เขาก็เข้าใจการผสานขั้นสามรวมได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหลอมรวมอย่างสมบูรณ์หลังจากฝึกฝนขั้นสามรวม ผลลัพธ์ช่างเกินความคาดหมายของเขานัก

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองหวงเฉวียนจือพลางยิ้ม “ตอนนี้ข้าอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นแล้ว”

“ก็แค่ชั่วคราว ผ่านช่วงนี้ไปแกก็จะกลับไปสู่ขุมพลังเดิม!” หวงเฉวียนจือพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว เขารู้ว่ามู่เฉินไม่สามารถรักษาสิ่งนี้ไว้ได้ชั่วนิรันดร์หรอก ตราบใดที่เขาลากเวลามู่เฉินก็จะกลับสู่สภาพเดิม ไม่แน่อาจอ่อนแอลงเมื่อถึงจุดนั้นด้วย

“ตาแหลมดีนี่”

มู่เฉินพยักหน้าและยิ้ม ขณะที่ตวัดนิ้วก็ทำให้มิติสั่นกระเพื่อม เขาพูดอย่างใจเย็น “แต่เวลาแค่นี้ก็เกินพอที่จะจัดการกับแกได้แล้ว”

“ฝันไปเถอะ!” หวงเฉวียนจือตะเบ็งเสียงเย็นชา

มู่เฉินยิ้มจากนั้นหายใจเข้าลึก ตราประทับเปลี่ยนไปวูบไหว ทันใดนั้นแสงจำนวนมหาศาลก็ไหลพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อตัวเป็นเจดีย์ผลึกแก้วใสโบราณ

ขณะที่เจดีย์หมุนคว้างก็เกิดการสั่นสะท้านก่อนที่ร่างปีศาจทั้งแปดจะออกมาจากเจดีย์ ภายใต้สายตาตกตะลึงของหวงเฉวียนจือ

ปีศาจทั้งแปดดุร้ายเปล่งรัศมีรุนแรงพร้อมกับแรงกดดันที่ทำให้หวงเฉวียนจือรู้สึกหวาดกลัว

เมื่อรู้สึกถึงพลังนี้ ใบหน้าของหวงเฉวียนจือก็กลายมืดครึ้ม เขามองไม่ออกได้อย่างไรว่าหลังจากที่โดนเขากดมานานมู่เฉินก็โกรธจัดและเผยไพ่ตายออกมาในตอนนี้แล้ว…

“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าหลังจากฝืนเพิ่มขุมพลังของแกจนถึงขอบเขตขั้นเซียนระยะต้นได้แล้ว แกจะสามารถเอาชนะข้าที่อยู่ในระดับนี้จริงๆ ได้!”

แสงดุร้ายวูบไหวในดวงตาของหวงเฉวียนจือ ขณะที่พูดต่อ “วันนี้ข้าจะดูสิว่าแกจะทำอะไรข้าได้บ้าง!”

เมื่อพูดจบ เกลียวแสงโบราณก็รวมตัวกันเบื้องหลังศีรษะ ซึ่งทำให้เกิดความผันผวนอย่างมาก

เฝ้ามองการเผชิญหน้านี้ เปลือกตาของผู้ชมก็กระตุกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดรุนแรง

ทุกคนสามารถบอกได้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท