หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1467 วิวัฒนาการ

บทที่ 1467 วิวัฒนาการ

ภูเขาด้านหลังเผ่าวิหคโลกันตร์

มู่เฉินนั่งอยู่บนหินสีฟ้าอมเขียว หลังจากออกจากเผ่าหงส์ฟ้าเขาไม่ได้กลับไปที่ตำหนักมู่ แต่มาอยู่ที่นี่กับจิ่วโยวก่อน

นั่นเป็นเพราะจิ่วโยวต้องดูดซับแก่นโลหิตชั้นยอดเสมือนขั้นเซิ่งเพื่อให้วิวัฒนาการสำเร็จ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจมาปกป้องนาง

แน่นอนว่าเขาก็ต้องการสถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อดูดซับแก่นโลหิตชั้นยอดอีกหกส่วนด้วยเช่นกัน

มู่เฉินเงยหน้ามองภูเขาที่อยู่ห่างไกลซึ่งไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่บนนั้น นี่เป็นเขาหัวโล้นพร้อมกับอุณหภูมิที่พุ่งออกมาจากภูเขา

นั่นเป็นจุดที่จิ่วโยวกำลังอยู่ระหว่างการวิวัฒนาการ

“จิ่วโยวเข้าสู่สมาธิแล้ว หวังว่านางจะประสบความสำเร็จ” เทียนฮวงยืนอยู่ข้างมู่เฉิน ขณะที่เขามองไปที่ภูเขาใหญ่ แม้ว่าสายตาจะดูเรียบเฉยแต่มู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงความกังวลใจที่แฝงอยู่

“ไม่ต้องกังวล นางจะประสบความสำเร็จแน่นอน” มู่เฉินเอ่ยแบบสบายใจ

เทียนฮวงพยักหน้าหันไปหามู่เฉินและยิ้ม “เจ้าสามารถเข้าสู่สมาธิได้ที่นี่ตอนนี้ ข้าออกคำสั่งว่าในรัศมีหนึ่งแสนลี้ให้เป็นพื้นที่หวงห้าม ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาได้ ดังนั้นเจ้าจะไม่ถูกรบกวน”

เมื่อตอนที่พวกมู่เฉินกลับมาถึงเผ่าวิหคโลกันตร์ ข่าวที่นำมาด้วยทำให้ทั้งเผ่าตื่นเต้นกันยกใหญ่ ตอนแรกพวกเขารู้สึกคับแค้นใจที่หวงเฉวียนจือต้องการสายเลือดของจิ่วโยวแต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้

เดิมทีพวกเขาคิดว่าจิ่วโยวจะไม่รอดพ้นจากชะตากรรมนี้ แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆ มู่เฉินจะยื่นมือเข้ามาช่วย ที่น่าตกใจยิ่งกว่าอะไรก็คือ… เขาเอาชนะหวงเฉวียนจือได้…

ในบรรดาเผ่าเทพอสูรโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่เผ่ากลางเวหา หวงเฉวียนจือมีชื่อเป็นที่โจษจัน แต่ใครจะคิดว่าเขาจะพ่ายแพ้ให้กับมู่เฉิน?

เมื่อข่าวส่งกลับมาที่เผ่าวิหคโลกันตร์ มู่เฉินก็กลายเป็นวีรบุรุษในหมู่เยาวชนรุ่นใหม่ ช่วงเวลาที่มู่เฉินเผยตัวต่อหน้าสาธารณชน เขาก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย

ดังนั้นพอได้ยินคำพูดของเทียนฮวง มู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจ “ถ้างั้นก็รบกวนท่านประมุขแล้ว”

เทียนฮวงโบกมือหันไปมองภูเขาที่จิ่วโยวกำลังเข้าสมาธิ “งั้นข้าก็ไม่รบกวนเจ้าแล้ว พวกเราจะให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวที่นี่ ดังนั้นเจ้าสามารถแจ้งให้ทราบหากต้องการอะไร”

มู่เฉินยิ้มพลางพยักหน้า

เทียนฮวงกลายเป็นริ้วแสงทะยานจากไป

เมื่อเทียนฮวงไปแล้ว ท่าทางมู่เฉินก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดก่อนที่เขาจะหายใจเข้าลึกๆ และเม็ดกลมเกลี้ยงสามเม็ดลอยออกมาจากแขนเสื้อ

มีอักขระอยู่บนเม็ดกลมเหล่านี้ ซึ่งเป็นผนึกที่มู่เฉินประทับไว้เพื่อป้องกันการรั่วไหล

แม้ว่าเม็ดเหล่านี้จะอยู่ในสถานะปิดผนึก แต่เมื่อถูกนำออกมาก็ยังทำให้จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงในร่างเขาอยู่ไม่สุข เสียงคำรามดังก้องออกมา

“ใจร้อนจริง…”

มู่เฉินยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่มือจะประสานเข้าหากัน ร่างกายเขาก็สั่นสะท้านก่อนที่ลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงจะปรากฏขึ้น

ชี่!

เมื่อเงาทั้งสองออกมา พวกมันก็ทะยานออกจากร่างมู่เฉิน ขยายตัวขนาดใหญ่เป็นมังกรและหงส์ฟ้าลอยอยู่เหนือมู่เฉิน

มังกรและหงส์ฟ้ามีสีทองราวกับว่าร่างกายหลอมด้วยทองคำดูสูงส่งนัก

นี่ก็คือจิตวิญญาณเทพอสูรแท้จริง แต่ร่างกายของพวกมันยังค่อนข้างลวงตาไม่สามารถสร้างร่างแท้จริงได้ ส่วนความผันผวนของคลื่นหลิงก็อยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเท่านั้น

“หวังว่าแก่นโลหิตชั้นยอดเสมือนขั้นเซิ่งนี้จะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

มู่เฉินพึมพำขณะที่สะบัดนิ้ว ผนึกบนเม็ดกลมทั้งสามหายไปในทันที รัศมีสายเลือดรุนแรงพัดออกมาทำให้ท้องฟ้าทั้งผืนกลายเป็นสีแดง

วิญญาณเทพอสูรทั้งสองเปล่งเสียงคำรามหิวกระหายทันที ก่อนที่จะเริ่มกลืนรัศมีสายเลือดเข้าสู่ร่างกายพวกม้น

เบื้องหน้ามังกรและหงส์ฟ้าที่กำลังกลืนกิน เม็ดกลมทั้งสามเป็นเหมือนหลุมไร้ก้นขณะที่พรั่งพรูรัศมีสายเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง ปล่อยให้วิญญาณทั้งสองกลืนกินโดยรัศมีไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ชัดว่ารัศมีภายในหนาแน่นนัก

เมื่อจิตวิญญาณทั้งสองกลืนกินอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง ร่างที่พร่างพราวเริ่มลึกซึ้งขึ้น มิหนำซ้ำยังมีสัญลักษณ์โบราณแผ่ออกมาบนเกล็ดมังกรและขนนกหงส์ฟ้า…

ราวกับว่าร่างกายของพวกมันกำลังถือกำเนิดขึ้นในขณะนี้

มู่เฉินยิ้มกับภาพนี้ แต่เขารู้ดีว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น หากเขาต้องการให้จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงมีวิวัฒนาการ พวกมันก็ต้องการรัศมีสายเลือดจำนวนมาก โชคดีที่แก่นโลหิตชั้นยอดเกือบจะบรรลุขั้นเซิ่งหกส่วนมีมากพอ

“ตอนนี้ก็แค่รอ…”

มู่เฉินพึมพำ จากนั้นก็หลับตาและเข้าสู่สภาวะฝึกฝน

กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาหนึ่งเดือน

โดยภูเขาที่นี่ถูกปกคลุมไปด้วยรัศมีสายเลือดรุนแรงซึ่งก่อตัวเป็นชั้นเมฆสีแดงเข้มบนท้องฟ้า ฉากนี้ช่างน่ากลัว แต่โชคดีที่เทียนฮวงได้ออกคำสั่งห้ามทุกคนเข้ามา

มู่เฉินลืมตาขึ้นเงยหน้ามองก็ไม่เห็นมังกรและหงส์ฟ้าอีกต่อไป เห็นแต่ชั้นเมฆสีแดงเข้มรวมตัวกันอย่างต่อเนื่องกลายเป็นไข่สีแดงเข้มขนาดใหญ่สองฟอง ส่วนเม็ดกลมทั้งสามที่เบื้องหน้ามู่เฉินก็หดตัวลงครึ่งหนึ่ง

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของมู่เฉิน เขารู้สึกได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่โดดเด่นสองชนิดบ่มตัวอยู่ในไข่

เมื่อมองลงมาจากเมฆสีแดงมู่เฉินก็อึ้งไปชั่วครู่ เนื่องจากเห็นเปลวไฟสีดำพวยพุ่งออกมาจากภูเขาหัวโล้นอย่างต่อเนื่อง

ภายใต้เปลวไฟสีดำภูเขาทั้งลูกมีร่องรอยการละลาย

ดูเหมือนจะมีบางอย่างแตกออกมาจากรังไหมที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขาพร้อมกับความผันผวนลึกลับ

“ดูท่าว่าวิวัฒนาการของจิ่วโยวจะมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว…” มู่เฉินรู้สึกตื่นเต้น หากจิ่วโยววิวัฒนาการสำเร็จ นางก็จะได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในมหาเทพอสูรในฐานะจอมยุทธ์ระดับเทียนจื้อจุน

“เห็นทีข้าจะล้าหลังไม่ได้…”

ตราประทับของมู่เฉินเปลี่ยนแปลง รัศมีสายเลือดจากเม็ดกลมทั้งสามก็หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นมู่เฉินก็หลับตาลง

มู่เฉินลืมตาขึ้นอีกครั้ง

เพราะตกใจกับเสียงฟ้าร้องดังก้อง เขามองไปในระยะไกลก็เห็นเมฆฝนรวมตัวกันเหนือภูเขาที่จิ่วโยวอยู่พร้อมกับสายฟ้าทำลายล้าง

“ภัยพิบัติสายฟ้า!”

ดวงตาของมู่เฉินหดลง นี่ก็เหมือนกับมนุษย์พบกับภัยพิบัติเทียนจุนเมื่อบรรลุระดับเทียนจื้อจุน เหล่าเทพอสูรก็เกิดภัยพิบัติเช่นกัน

หากภัยพิบัติสายฟ้าอยู่ที่นี่ นั่นหมายความว่าจิ่วโยวอยู่ห่างจากความสำเร็จอีกเพียงก้าวเดียว

มู่เฉินมองไปที่เมฆฝนหนาแน่นก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิง เมื่อเลื่อนสายตาต่อไปเขาก็เห็นเทียนฮวงและผู้อาวุโสของเผ่าวิหคโลกันตร์รวมตัวกันมองไปที่เมฆหนาทึบด้วยความกังวลใจ

ตู้ม ตู้ม!

ขณะนี้เองเมฆฝนฟ้าคะนองแตกออก เสาสายฟ้าขนาดใหญ่ฟาดลงมาจากสวรรค์ ส่งกลิ่นเหม็นไหม้ในชั้นบรรยากาศ

ฟู่ ฟู่!

ทว่าเมื่อเสากำลังจะปะทะกับเปลวไฟสีดำภายในภูเขา เสาเพลิงสีดำก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าปะทะกับเสาสายฟ้า

ตึง!

เมื่อเปลวไฟและสายฟ้าปะทะกันทั่วฟ้าดินก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น พลังงานสองสายยึดกันเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะสลายไป

ตู้ม ตู้ม!

แต่ภัยพิบัติสายฟ้าไม่ง่ายอย่างนั้น ไม่นานจากนั้นเมฆฝนก็กลิ้งตัว พวกเทียนฮวงรู้สึกว่าหนังหัวด้านชาไปหมด เมื่อเห็นเสาสายฟ้าสีเงินฟาดลงมาจากท้องฟ้าพุ่งไปยังภูเขาลูกนั้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าสวรรค์พยายามทำลายสิ่งที่อยู่ภายใน

เผชิญกับการโจมตีที่รุนแรงเหล่านั้น เปลวไฟสีดำเชี่ยวกรากก็พวยพุ่งออกมาจากภูเขาก่อตัวเป็นกำแพงกั้น

ตึง ตึง ตึง!

พลังโจมตีของสายฟ้ารุนแรงมากขึ้น กำแพงเริ่มอ่อนลงก่อนที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ ในที่สุด

ทันใดนั้นเมฆบนท้องฟ้าก็รวมตัวกัน สายฟ้าขนาดมหึมาฟาดลงมาจากท้องฟ้ามุ่งสู่ภูเขา

ความตกใจกลัวปกคลุมใบหน้าของพวกเทียนฮวง พวกเขาเห็นภูเขาราวกับละลายและลดระดับลงบนพื้นทันที

กีด!

แต่ทันใดนั้นเสาเพลิงสีดำขนาดใหญ่ก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าพลางกระพือปีก ปากเปิดอ้าคล้ายกับหลุมดำกัดกินสายฟ้า

เสียงร้องดังก้องไปทั่วสวรรค์และโลก

ทุกคนเงยหน้าขึ้นก็เห็นวิหคสีดำปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีดำขณะที่แทรกซึมรัศมีโบราณและสูงส่ง

เมื่อมองไปที่วิหคสีดำ มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกด้วยความชื่นชมสุดซึ้งในดวงตา

ณ เวลานี้จิ่วโยววิวัฒนาการสำเร็จแล้ว นางหลุดจากร่างเทพอสูรกลายเป็นมหาเทพอสูรอย่างแท้จริง

วิหคอมตะ!

ขณะที่มู่เฉินรู้สึกยินดีกับวิวัฒนาการที่ประสบความสำเร็จของจิ่วโยว ดวงตาก็หดลงทันที เขาหันไปมองเมฆสีแดง เมื่อครู่เขาสัมผัสได้ว่าสิ่งชีวิตในนั้นก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว…

“ในที่สุดก็จะออกมาแล้วเรอะ?”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท