หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1481 เจดีย์วั้นกู่

บทที่ 1481 เจดีย์วั้นกู่

เคร้ง!

ในวันที่สอง เสียงระฆังโบราณดังก้องไปทั่วทุกมุมเมือง ความเงียบคงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่ภาพเงานับไม่ถ้วนจะทะยานออกไปราวกับฝูงตั๊กแตน ขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังใจกลางเมืองวั้นกู่

มีภูเขาหัวโล้นตั้งอยู่ใจกลางเมือง แม้ว่าจะดูธรรมดา แต่มีเจดีย์โบราณองค์หนึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา

เจดีย์หินนี้ก็ดูธรรมดามาก แต่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ทำให้พวกเขาฉายสีหน้าเคร่งเครียดและเคารพ

เจดีย์นี้เป็นที่รู้จักกันในนามเจดีย์วั้นกู่และถูกสร้างขึ้นโดยเทพจักรพรรดินิรันดร์

เผชิญหน้ากับเทพจอมยุทธ์ยุคโบราณที่ช่วยมหาพันภพให้พ้นภัย ทุกคนมีแต่ความเคารพให้

“นั่นคือเจดีย์วั้นกู่รึ?”

มู่เฉิน ชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนปรากฏตัวในศาลาบนยอดเขาที่รายรอบพลางจ้องมองไปที่เจดีย์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ร่างมหาเทพนิรันดร์ถูกเก็บไว้ในเจดีย์นี่เรอะ?

“เทพจักรพรรดินิรันดร์ทรงพลังอย่างแท้จริง แม้เวลาผ่านไปนับหมื่นปี แต่เจดีย์หินก็ยังน่าสะพรึงมาก” ฝูถูเฉวียนกล่าวขณะสายตาจ้องไปที่เจดีย์

เผชิญหน้ากับเจดีย์นี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ยังรู้สึกได้ถึงอันตราย

“พลังของเทพจักรพรรดินิรันดร์ดูเหมือนจะเกินขอบเขตระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งไปแล้ว…” มู่เฉินตกอยู่ในความเงียบ แม้ว่าเขาจะเคยพบจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งมาหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงพลังเช่นนี้

ชิงเหยี่ยนจิ้งพยักหน้าตอบ “เทพจักรพรรดินิรันดร์ก้าวไปเหนือกว่าระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแท้จริง”

“เหนือกว่าระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง?” มู่เฉินตกใจในใจ ‘ระดับลึกลับนั่นถึงนับเป็นจุดสูงสุดของมหาพันภพอย่างแท้จริงหรือ?’

“ในมหาพันภพ มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งมากมาย แต่มีเพียงจอมยุทธ์สองคนที่มีโอกาสก้าวเข้าสู่ระดับเดียวกับเทพจักรพรรดินิรันดร์” ฝูถูเฉวียนเอ่ยเสียงต่ำ

มู่เฉินถามด้วยสายตาที่สั่นไหว “เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม?”

ในบรรดาจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทั้งหมดที่เขาพบ มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกยากที่จะอธิบาย พวกเขาให้ความรู้สึกราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวไร้ขอบเขต ไม่อาจวัดได้

ฝูถูเฉวียนถอนหายใจ แม้แต่คนหัวดื้ออย่างเขายังมีร่องรอยความเคารพในน้ำเสียง “ทั้งสองมาจากพิภพเขตล่าง แต่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไปถึงจุดสูงสุดเดียวกับเทพจักรพรรดินิรันดร์ในอนาคต”

“นั่นถือเป็นข่าวดีสำหรับมหาพันภพ การมียอดยุทธ์ทั้งสองคนทำให้เราไม่ต้องกลัวจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ” มู่เฉินยิ้ม

พอได้ยินคำพูดลูกชาย ชิงเหยี่ยนจิ้งก็ส่ายหัว แม้แต่ฝูถูเฉวียนยังแสดงออกในท่าทางหนักใจ

“เจ้ามองโลกในแง่ดีเกินไปในเรื่องจักรวรรดิปีศาจ ในสมัยโบราณมหาพันภพพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อเผชิญหน้ากับการรุกรานของเผ่าปีศาจ กระทั่งตอนที่เทพจักรพรรดินิรันดร์ก้าวออกมา สถานการณ์ก็แค่คงไว้ไม่ถดถอยต่อ แต่ถึงกระนั้นเกือบครึ่งหนึ่งของดินแดนในมหาพันภพก็ถูกยึดครองไป”

ชิงเหยี่ยนจิ้งถอนหายใจเบาๆ กล่าวต่อว่า “แทนที่จะเรียกว่าชัยชนะ น่าจะเป็นการที่พวกมันซื้อเวลามากกว่า ที่สำคัญที่สุดจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกมันถูกผนึกไว้ด้วยชีวิตของเทพจักรพรรดินิรันดร์ นี่คือสาเหตุว่าทำไมจักรวรรดิปีศาจต่างมิติถึงหยุดรุกราน…”

เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดเหล่านั้นท่าทางก็เปลี่ยนไปรุนแรง จินตนาการไม่ได้เลยถึงความทุกข์ยากที่มหาพันภพเผชิญอยู่ในตอนนั้น

ความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจจะทำให้มหาพันภพต้องตกเป็นทาสของจักรวรรดิปีศาจต่างมิติได้

เขาเคยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเผ่าปีศาจเข้ามายึดครองพิภพเขตล่าง สิ่งมีชีวิตที่นั่นถูกเลี้ยงคล้ายกับโรงปศุสัตว์

“เผ่าปีศาจแสดงสัญญาณการเคลื่อนไหวเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพวกมัน หากเทพปีศาจจักรพรรดิผู้ชั่วร้ายลืมตาขึ้นอีกครั้ง ความสงบสุขของมหาพันภพคงจบลงแน่” ฝูถูเฉวียนกล่าวเสริม

เมื่อเห็นท่าทางทั้งสองคน มู่เฉินก็ปลอบใจ “ไม่ต้องกังวลไปก่อน เราจะจัดการเมื่อถึงเวลา หากกองทัพจักรวรรดิปีศาจต่างมิติรุกรานอีกครั้งจริงๆ เราจะต่อสู้กับพวกมัน เทพจักรพรรดินิรันดร์สามารถทำให้พวกมันล่าถอยได้ มหาพันภพในปัจจุบันก็ไม่เหมือนอดีต เราเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง”

ตึง!

ขณะที่มู่เฉินกำลังปลอบใจทั้งสองคน เสียงระฆังโบราณก็ดังขึ้นพร้อมกับผู้คนมารวมตัวกัน

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นคนกลุ่มใหญ่รวมตัวกันอยู่บนแท่นสูงตระหง่านโดยมีหมัวเฮอโยวยืนอยู่ด้านหน้าสุด

ผู้ที่ยืนอยู่ข้างหมัวเฮอโยวเป็นชายวัยกลางคนในชุดสีทอง ร่างเขากำยำกระจายแรงกดดันเข้มข้น แม้ว่าจะไม่มีความผันผวนคลื่นหลิงใดๆ รอบตัว แต่กระทั่งหมัวเฮอโยวยังแสดงความเคารพ แม้แต่ผู้อาวุโสของเผ่ายังถอยออกไปหนึ่งก้าว ไม่กล้าที่จะยืนใกล้

“นั่นคือประมุขเผ่าหมัวเฮอคนปัจจุบัน—หมัวเฮอเทียน” ชิงเหยี่ยนจิ้งอธิบาย

หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้าน ‘นี่คือคนที่ต่อสู้กับเทพจักรพรรดิอัคคีเหรอ? ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง’

ขณะที่มู่เฉินมองไปที่หมัวเฮอเทียน อีกฝ่ายก็เหมือนจะสัมผัสได้ สายตาเลื่อนมามองที่กลุ่มมู่เฉิน

เมื่อหมัวเฮอเทียนจ้องมองมา มู่เฉินก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพื้นที่รอบตัวเขาหยุดนิ่ง เขารู้สึกราวกับถูกตรึงเอาไว้

“แค่ก!”

เมื่อมิติเริ่มแช่แข็ง เสียงไอก็ดังขึ้นทำลายความเวิ้งว้างนั่น ฝูถูเฉวียนจ้องไปที่หมัวเฮอเทียนอย่างเย็นชา

เมื่อเห็นฝูถูเฉวียนอยู่ด้วย หมัวเฮอเทียนก็ยิ้มแล้วพยักหน้าให้ฝูถูเฉวียนและชิ้งเหยี่ยนจิ้งเป็นการต้อนรับ

“หึ เป็นถึงขนาดประมุขเผ่าโบราณกลับมาข่มขู่เด็ก ดูเหมือนจิตใจของเจ้าไม่ได้มีการเติบโตขึ้นเลย” ฝูถูเฉวียนเค้นเสียง ไม่สนใจท่าทางของหมัวเฮอเทียน

มู่เฉินหลุดออกจากการถูกตรึงไว้ ท่าทางของเขายังคงสงบโดยไม่มีความโกรธใดๆ เพียงแค่นึกถึงความรู้สึกที่ถูกตรึงไว้นั้น ‘นั่นคือพลังของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งรึ? ทรงพลังแท้จริง! การจ้องมองเพียงแวบเดียวก็ทำให้ข้าเคลื่อนไหวไม่ได้’

จากนั้นเขาก็คลี่ยิ้มให้ฝูถูเฉวียน “ขอขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้ไม่ต้องไปโกรธหรอก เพราะอีกไม่นานข้าจะไปเอาสมบัติที่พวกเขาหวงนักหนามา”

ฝูถูเฉวียนได้ยินคำพูดของเขาก็เย้าว่า “เจ้านี่หยิ่งผยองดีจริงๆ เจ้าคิดว่าร่างมหาเทพนิรันดร์จะเป็นของตัวเองจริงๆ เรอะ?”

มู่เฉินยิ้มพร้อมกับสายตาวูบไหวด้วยความคมชัด

“เด็กนั่นเป็นลูกของชิงเหยี่ยนจิ้งเหรอ?” หมัวเฮอเทียนก็ถอนสายตาออกมา ขณะที่หันมายิ้มให้หมัวเฮอโยว

“ใช่” หมัวเฮอโยวพยักหน้าแล้วพูดต่อ “ไอ้เด็กนั่นไม่ธรรมดา อายุเพียงนี้ก็บรรลุความสำเร็จได้มากเท่านี้แล้ว ถ้าให้เวลามันอีกสักหน่อย แม้แต่ข้าก็คงไม่สามารถเอาชนะได้”

หมัวเฮอเทียนมองไปที่เจดีย์โบราณพลางเอ่ยว่า “แต่น่าเสียดายที่มันไม่เหลือเวลาแล้ว ดังนั้นถือว่ามันไม่มีโชคชะตา”

หมัวเฮอโยวพยักหน้าและยิ้ม “แน่นอน… เพราะจากนี้ข้าจะเป็นเจ้าของร่างมหาเทพนิรันดร์คนใหม่”

มีความมั่นใจอย่างมากในน้ำเสียง ท้ายที่สุดเขามีโอกาสสูงที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งคนอื่นๆ

“หวังว่าเจ้าจะไม่พลาดนะ…”

มือของหมัวเฮอเทียนลูบสิงโตหินบนเสาขณะหลุบตาลง “แน่นอน ต่อให้เจ้าพลาดจริง ก็ไม่มีใครสามารถเอาร่างมหาเทพนิรันดร์ไปต่อหน้าข้าได้”

“นั่นน่าจะเป็นหอกอสูรเยี่ยฉิงสินะ?”

มู่เฉินหันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือก็เห็นชายสวมชุดสีฟ้าอมเขียว ม่านตาสีแดงเข้มสั่นไหวด้วยจิตสังหารที่น่ากลัว

อากาศรอบตัวเขาเย็นเยือกจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

“ราชันทองวัชระซื่อหลัว… ดาบเทวะทั่วป๋าชาง…”

ยืนอยู่ไม่ไกลจากเยี่ยฉิงเป็นชายร่างผอมในชุดคลุมสีทองแสงสะท้อนบนศีรษะล้านโล่งทำให้ดูสะดุดตา ภายใต้รอยยิ้มอบอุ่นเขาช่างคล้ายกับสัตว์อสูรร้าย

บนอาคารพังพินาศก็มีชายชุดดำไร้อารมณ์พาดดาบหักไว้ที่กลางหลัง นอกจากนี้ยังมีความแหลมคมซึมออกมาจากร่างกายบั่นทอนทุกคนที่เข้าใกล้ให้กลายเป็นชิ้นเนื้อ

“มาถึงกันหมดแล้ว…”

เมื่อรู้สึกถึงคลื่นหลิงทรงพลังเหล่านั้น มู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงกระแสเลือดเดือดพล่านด้วยความกระหาย ราวกับว่ามีบางสิ่งในคนเหล่านี้ดึงดูดเขา

มู่เฉินรู้ว่านี่เป็นแรงดึงดูดของร่างเทพสุริยะนิรันดร์

ครืน!

ทันใดนั้นพื้นก็สั่นสะเทือน เสียงโบราณสะท้อนก้อง ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองเจดีย์โบราณด้วยดวงตาลุกโชน

ภายใต้การจ้องมองประตูของเจดีย์ก็ค่อยๆ เปิดออกพร้อมกับกลิ่นอายแห่งความรกร้าง…

เมื่อประตูเปิดกว้างมู่เฉินก็เลื่อนสายตาขึ้นพร้อมกับประกายคมกล้าวูบวาบในดวงตา

ในที่สุดเจดีย์วั้นกู่ก็เปิดออกแล้ว!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท