หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1480 เงื่อนไข

บทที่ 1480 เงื่อนไข

คฤหาสน์เงียบสงบทางตะวันตกของเมืองวั้นกู่

แม้ว่าเมืองวั้นกู่จะเต็มไปด้วยผู้คน แต่คฤหาสน์แห่งนี้มีแต่ความสุขสงบไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

นั่นเป็นเพราะที่นี่คือที่พักของเผ่าฝูถู

เมื่อมู่เฉินมาถึงที่นี่ ผู้คุ้มกันที่จำเขาได้ก็ก้าวขึ้นมา “นายน้อยมู่เฉิน ผู้อาวุโสใหญ่รออยู่ที่คฤหาสน์แล้วขอรับ”

เนื่องจากความปั่นป่วนที่มู่เฉินสร้างขึ้นในเผ่าฝูถู ทุกคนแทบจำเขาได้หมด บวกกับการที่ชิงเหยี่ยนจิ้งขึ้นดำรงผู้อาวุโสใหญ่และควบคุมอำนาจสูงสุดในเผ่า ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าที่จะดูหมิ่นบุตรชายของผู้อาวุโสใหญ่

“ขอบคุณ”

มู่เฉินพยักหน้า แม้ว่าเขาจะไม่สนใจสถานะนายน้อยของเผ่าฝูถู แต่เขาก็ขี้เกียจแก้ไขคำพูด เขาเข้าไปในคฤหาสน์ เมื่อผ่านลานบ้านก็เห็นชิงเหยี่ยนจิ้งที่ด้านหน้าโถง

“ท่านแม่”

มู่เฉินเร่งฝีเท้าพลางยิ้มเผล่

“เจ้าหนูน้อย เพิ่งกลับไปก็ทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตไปทั่วยุทธภพอีก” ชิงเหยี่ยนจิ้งบ่นขณะลูบศีรษะมู่เฉินอย่างรักใคร่

ท่าทางนางจะได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่มู่เฉินต่อสู้กับหวงเฉวียนซวนจือและจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนทั้งห้าคน

“ช่วยไม่ได้ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้นี่น่า” มู่เฉินส่ายหัวเบาๆ ก่อนที่จะยิ้ม “ตาแก่ไม่มาด้วยเหรอ?”

พอได้ยินคำพูดของลูกชาย สีหน้าชิงเหยี่ยนจิ้งก็เคร่งเครียดลง “ที่นี่อันตราย ข้าจะให้เขามาด้วยได้ยังไง?”

ขณะที่พูดนางก็จ้องไปที่มู่เฉิน “เฉินเอ๋อ เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการต่อสู้เพื่อร่างมหาเทพนิรันดร์?”

ใบหน้าของมู่เฉินฉายความจริงจัง เขาพยักหน้าแน่วแน่ “ท่านแม่ ข้าทำงานหนักมาหลายปีเพื่อให้ได้ร่างมหาเทพนิรันดร์ ดังนั้นข้าจะยอมแพ้กับโอกาสนี้ไม่ได้”

นี่เป็นเส้นทางสู่ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งที่เขาเลือก ถ้าไม่ได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์ ความพยายามทั้งหมดก็จะสลายเป็นอากาศธาตุ เขาจะต้องใช้เวลาและพลังงานมากขึ้นในเส้นทางอนาคต

ดังนั้นร่างมหาเทพนิรันดร์จะเป็นเส้นทางไปสู่ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง

พอมองท่าทางตั้งใจของมู่เฉิน ชิงเหยี่ยนจิ้งก็พยักหน้าและยิ้ม “ในเมื่อเป็นความปรารถนาของลูก แม่ก็จะสนับสนุนเต็มที่ ไม่ต้องห่วง”

“ขอบคุณท่านแม่”

มู่เฉินรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เขารู้ดีว่าการได้ร่างมหาเทพนิรันดร์ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จ เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับเผ่าหมัวเฮอ

เผ่าหมัวเฮอคิดไปเองแล้วว่าร่างมหาเทพนิรันดร์เป็นของพวกเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเทพจักรพรรดินิรันดร์วางเวลาเรื่องงานชุมนุมนิรันดร์เอาไว้ พวกเขาคงไม่ยอมให้ใครมาลองและคว้าเอาไป

ดังนั้นถ้าชิงเหยี่ยนจิ้งสนับสนุนเขา ก็หมายความว่าต้องปะทะกับเผ่าหมัวเฮอ ซึ่งจะทำให้เกิดศึกใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย

“เผ่าหมัวเฮอมีรากฐานทรงพลัง ดังนั้นข้าจึงได้เชิญผู้ช่วยมาให้เจ้าด้วย” ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้มขณะที่ชี้มือไปทางหนึ่ง

พอมองตามไปมู่เฉินก็อึ้งไป ชายชรากำลังใช้จอบขุดดินทำสวน

เมื่อเห็นใบหน้าของชายชราคนนั้น เขาก็ร้องอุทานว่า “ฝูถูเฉวียน?”

ชายชราคนนี้เป็นอดีตผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าฝูถู—ฝูถูเฉวียน

มู่เฉินไม่คิดว่าชิงเหยี่ยนจิ้งจะเชิญเขามา

ตอนนี้ฝูถูเฉวียนเงยหน้าขึ้นเดินเข้ามาพลางกวาดสายตามองมู่เฉินก่อนจะเค้นเสียงขึ้นว่า “เจ้าเด็กเหลือขอนี่ได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์เหรอ? ข้าไม่เชื่อเลย หมัวเฮอโยว เยี่ยฉิง ทั่วป๋าชางและซื่อหลัวไม่ใช่พวกจัดการได้ง่ายๆ”

ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้มตอบว่า “ตาเฒ่านี่เป็นเรื่องของเฉินเอ๋อ เรามีหน้าที่แค่ปกป้องเขาหากร่างมหาเทพนิรันดร์ยอมรับเขา”

ลังเลครู่หนึ่งฝูถูเฉวียนก็ตอบว่า “ข้าช่วยได้ แต่เจ้าก็รู้เงื่อนไขของข้า”

“เงื่อนไขอะไร?” มู่เฉินพูดแทรกขณะมองไปที่ฝูถูเฉวียนด้วยความระแวง ตาแก่คนนี้ทำให้เขาและมารดาต้องแยกจากกัน เขาเพิ่งจะแก้ไขปัญหานี้ได้ อย่าได้สร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาอีกเลย

ชิงเหยี่ยนจิ้งตอบแทนว่า “เงื่อนไขก็คือให้เจ้าคารวะบรรพบุรุษและดำรงตำแหน่งประมุขเผ่า หากเจ้าได้รับการยอมรับจากร่างมหาเทพนิรันดร์”

เมื่อได้ยินคำพูดของมารดา มู่เฉินก็อดเยาะเย้ยไม่ได้ “ท่านผู้เฒ่าไม่ได้เรียกข้าว่าเป็นตัวกาลกิณีรึ? ทำไมตอนนี้กลับจะให้ข้ายอมรับตัวตนว่าเป็นสมาชิกเผ่าฝูถูล่ะ?”

ริมฝีปากของฝูถูเฉวียนกระตุก ใบหน้ากลายเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

ทว่ามู่เฉินก็ไม่อยากแกล้งคนแก่มากไป เขาหุบรอยยิ้มเยาะเย้ย ขมวดคิ้วเข้าหากัน “ข้าไม่สนใจตำแหน่งประมุขเผ่าฝูถู ให้คนอื่นเป็นแทนไปเถอะ?”

“ในเผ่าตอนนี้เจ้าเป็นคนเดียวที่มีโอกาสบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง” ชิงเหยี่ยนจิ้งประกาศอย่างภาคภูมิใจ

คำพูดของมารดาทำให้มู่เฉินปวดหัวจี๊ด แค่ตำหนักมู่ก็ทำให้เขาลำบากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงพวกเผ่าโบราณเลย

“งั้นอย่าให้เขาช่วยเลย ข้าทำหน้าหนาส่งข่าวขอร้องท่านเซียวเหยียนและท่านหลินต้งให้มาช่วยแทน” มู่เฉินเบ้ริมฝีปาก

“หึ ข้ากลัวว่าคราวนี้เจ้าจะเชิญพวกเขาไม่ได้” ฝูถูเฉวียนตอกกลับ ท่าทางไม่พอใจอย่างยิ่ง ในเผ่าตระกูลมั่วและเฉวียนโหยหาตำแหน่งประมุข แต่ไอ้เด็กบ้าคนนี้ดันปฏิเสธ

“ทำไม?” มู่เฉินถามอย่างตกใจ

กระทั่งท่าทางของชิงเหยี่ยนจิ้งยังดูเคร่งขรึมลง “มีการเคลื่อนไหวจากเผ่าปีศาจ แคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูตั้งอยู่ที่ชายแดนของมหาพันภพ ดังนั้นทั้งสองต้องตรึงกำลังไว้”

ดวงตาของมู่เฉินเย็นเยือกลงหลายส่วน เผ่าปีศาจเป็นศัตรูตัวฉกาจของมหาพันภพ เมื่อเทียบกับสิ่งนั้นความขัดแย้งอื่นๆ ก็ไม่มีอะไรเลย

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาก็ขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสทั้งสองคนไม่ได้แล้ว

“เฉินเอ๋อ แม่รู้ว่าเจ้าโกรธเผ่าฝูถู แต่เจ้าปฏิเสธสายเลือดที่กำลังไหลเวียนอยู่ในร่างกายตัวเองไม่ได้ นอกจากนี้เจ้ายอมทนเห็นแม่รับหน้าที่ไว้คนเดียวอย่างทุกข์ระทมเหรอ” ชิงเหยี่ยนจิ้งจับมือมู่เฉินพร้อมกับดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง

เมื่อเห็นการแสดงของชิงเหยี่ยนจิ้ง มู่เฉินก็ทำได้เพียงยกมือยอมแพ้พร้อมกับยิ้มขมขื่น “ท่านแม่ ข้ายอมแพ้ ข้าจะยอมรับคำขอของท่าน… ถ้าข้าได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์มาจริงๆ ข้าเป็นประมุขเผ่าให้ก็ได้”

“เฉินเอ๋อดีที่สุด” ดวงตาแดงก่ำของชิงเหยี่ยนจิ้งหายวับไปกับตา ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มกว้าง

มู่เฉินถอนหายใจ ‘ทักษะการแสดงของผู้หญิงน่ากลัวจริงๆ’

ฝูถูเฉวียนพยักหน้าขณะที่ท่าทางอ่อนลง เขาก็รู้สึกช่วยไม่ได้กับการให้มู่เฉินเป็นประมุข ท้ายที่สุดแล้วพรสวรรค์ของมู่เฉินมีมากกว่าคนรุ่นใหม่ทุกคนในเผ่าและยังมีโอกาสสูงที่จะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง

จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทุกคนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเผ่าฝูถู เหตุผลที่เผ่าหมัวเฮอขึ้นเป็นผู้นำของห้าเผ่าโบราณนั้นเป็นเพราะพวกเขามีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งสามคน

หากมู่เฉินบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง พวกเขาก็จะพอฟัดพอเหวี่ยงกับเผ่าหมัวเฮอได้

ดังนั้นฝูถูเฉวียนเต็มใจยอมแพ้และยอมให้มู่เฉินเป็นประมุขเนื่องจากเป็นเพราะเห็นแก่เผ่าตนเอง นอกจากนี้แม้ว่าฝูถูเฉวียนจะหัวรั้นไปบ้าง แต่เขาไม่สามารถผลักจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งออกจากเผ่าได้

“การชุมนุมนิรันดร์จะเริ่มพรุ่งนี้ ตามข่าวมีผู้เข้าร่วมทั้งหมดร้อยแปดคน” ฝูถูเฉวียนอธิบาย

“ร้อยแปดคน!”

มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้น มหาพันภพกว้างใหญ่ไพศาล อดีตตัวเขาไม่เคยเห็นผู้ฝึกฝนร่างเทพสุริยะนิรันดร์มาก่อน แต่ตอนนี้กลับมีคู่แข่งถึงร้อยเจ็ดคน! ดังนั้นเขาบอกได้ว่ามหาพันภพเป็นสถานที่ที่มีพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนแท้จริง

“นี่คือสิ่งที่เทพจักรพรรดินิรันดร์ตั้งใจทำเอาไว้ เขาต้องการหาผู้สืบทอดที่ดีที่สุดสำหรับร่างมหาเทพนิรันดร์” มู่เฉินครุ่นคิด ดูเหมือนว่าเทพจักรพรรดินิรันดร์ใช้ความคิดหนักมากในการค้นหาผู้สืบทอด

“ท่านแม่ ร่างมหาเทพนิรันดร์ไม่เคยเลือกผู้สืบทอดมาก่อนเลยเหรอ?” มู่เฉินถาม จอมยุทธ์ที่สามารถฝึกฝนร่างเทพสุริยะนิรันดร์ล้วนไม่ได้อ่อนแอ แต่ไม่มีใครที่ได้รับการยอมรับเลย

ชิงเหยี่ยนจิ้งส่ายหัวพลางถอนหายใจ “เพราะนี่คือหนึ่งในห้าร่างมหาเทพปฐมกาลที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล ดังนั้นการได้รับการยอมรับจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร”

มู่เฉินพยักหน้าท่าทางเคร่งเครียดลง เขามองไปที่ใจกลางเมือง เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายโบราณที่คลุมเครือมาจากทิศทางนั้น

ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับการยอมรับในร่างมหาเทพนิรันดร์

มู่เฉินเม้มไล่ตามริมฝีปาก ดวงตาฉายความแน่วแน่ขณะที่กำหมัดแน่น

แต่ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด คนอย่างเขาก็ไม่ยอมแพ้แน่…

เพราะนี่เป็นเส้นทางระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งที่เขาเลือกเอง

“พรุ่งนี้…มาสู้กัน!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท