หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1486 ค่ายกลสามกำลังรบปรากฏอีกครั้ง

บทที่ 1486 ค่ายกลสามกำลังรบปรากฏอีกครั้ง

ครืน!

ขณะที่มหาสมุทรครางกระหึ่ม มือขนาดมหึมาก็ทะลุพื้นผิวน้ำแหวกมิติก่อนจะพุ่งไปหามู่เฉิน

ภายใต้เงามิติก็แข็งตัว เส้นทางการหลบหนีทั้งหมดของมู่เฉินถูกปิดผนึกไว้แล้ว

ซื่อหลัวเร้าพลังทั้งหมดออกมาในกระบวนท่านี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายยังอาจได้รับบาดเจ็บอย่างหนักได้

ฝ่ามือเทพอรหันต์เป็นหนึ่งวิทยายุทธระดับเสินทงที่ดีที่สุดของขุมกำลังยอดวิญญาณ ซึ่งด้อยกว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าเท่านั้น ชื่อเสียงดังก้องไปทั่วมหาพันภพ คงมีแต่เทพเซียนเท่านั้นที่รู้ว่ามีจอมยุทธ์กี่คนที่พ่ายแพ้ต่อวิชานี้…

ด้านนอกเจดีย์ทุกคนกลั้นหายใจขณะมองกระจกอย่างตกตะลึง พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับวิชาเทพของซื่อหลัวในอดีต ดังนั้นจึงรู้ว่าเมื่อใช้วิชานี้หมายความว่าซื่อหลัวไม่คิดออมมือแล้ว

หากมู่เฉินไม่สามารถต้านทานได้ กระบวนท่านี้ก็เอาชนะเขาได้เลย

ภายใต้ความสนใจของทุกคน มู่เฉินมองไปที่มือมหึมาพลางหลับตาลงเบาๆ ก่อนที่ผลึกแสงจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อตัวเป็นเจดีย์

ฮึ่ม ฮึ่ม!

เจดีย์ผลึกแก้วบินฉวัดเฉวียนพลางเปล่งแสงออกมาพร้อมกับปีศาจแปดตัวเคลื่อนออกจากเจดีย์ ดูคล้ายกับเทพปีศาจแปดองค์ที่ยืนอยู่รอบเจดีย์

มู่เฉินมีท่าทางเคร่งเครียดไม่กล้าประมาทเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงนำวิชาเจดีย์แปดองค์ออกมาทันที

“ตู้ม!”

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพวยพุ่งออกมาจากร่างมู่เฉินถูกปีศาจทั้งแปดกลืนกินไว้

หลังจากกลืนกินพลังที่ไร้ขอบเขต ก็มองเห็นลวดลายแปลกประหลาดกระจายออกไปบนร่างปีศาจทั้งแปด จากนั้นพวกมันก็สร้างตราประทับพร้อมกัน

ฟิ้ว ฟิ้ว!

ลำแสงพุ่งออกจากร่างเกี่ยวพันกันเป็นค่ายกลน่าสะพรึงกลัว

ในขณะที่คลื่นหลิงไร้ขอบเขตรวมตัวกันก็ค่อยๆ หดตัวลงเป็นรูปทรงกลมสีแดงเข้มที่มีร่องรอยจุดด่างดำ ทำให้เกิดความผันผวนของการทำลายล้าง

“วิชาเจดีย์แปดองค์ เจดีย์ปีศาจหยก!”

มู่เฉินร้องคำรามในใจ อึดใจค่ายกลก็แตกออก ลูกทรงกลมสีแดงเข้มที่อัดแน่นด้วยพลังของปีศาจทั้งแปดก็พุ่งออกมา มิติถึงกับพังทลายลงในวิถีโคจร

ยามนี้มือมหึมาปะทะกับลูกทรงกลมสีแดงเข้มภายใต้สายตาตกตะลึงมากมาย

ตู้ม ตู้ม!

เสียงสะท้อนที่ไม่อาจพรรณนาดังก้องรุนแรงราวกับว่ากำลังจะทำลายมหาสมุทรไร้ขอบเขต ถึงกับฉีกปากปล่องขนาดใหญ่ เจาะทะลวงลงไปในมหาสมุทร…

ที่ด้านนอกเจดีย์ทุกคนเฝ้าดูการเผชิญหน้าและหายสูดใจเข้าลึกๆ เผชิญหน้าการปะทะครั้งนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายก็ไม่สามารถรับได้

ไม่มีใครคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะดุดันยิ่งกว่าการปะทะกันของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายแท้จริงสองคนเสียอีก

ขณะที่พวกเขาถอนหายใจสายตาก็ติดแน่นอยู่บนกระจก

คลื่นกระแทกน่าสะพรึงกลัวกวาดออก ก่อนที่มือมหึมาและลูกทรงกลมจะระเบิดในเวลาเดียวกันพร้อมกับคลื่นกระแทกผลักมู่เฉินและซื่อหลัว ทั้งสองถลากลับไปลากรอยยาวไว้บนมหาสมุทร…

มู่เฉินถอยห่างออกไปหมื่นจั้งก็ทรงตัวได้ คลื่นกระแทกทำให้รัศมีและกระแสเลือดในร่างกายเขาเดือดพล่าน

ซื่อหลัวก็ทรงตัวพร้อมกับสีหน้ารุนแรง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดมาก่อนว่าตนเองยังไม่สามารถเอาชนะได้แม้จะใช้วิชาฝ่ามือเทพอรหันต์ก็ตาม

“วิชาเจดีย์แปดองค์สมชื่อเสียงแท้จริง” ซื่อหลัวตอบ เขารู้ข้อมูลของมู่เฉินมา ดังนั้นจึงรู้ที่มาของวิชาที่มู่เฉินเพิ่งใช้

หากเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายธรรมดา คงไม่สามารถรับกระบวนท่าเมื่อครู่ของมู่เฉินได้

“ฝ่ามือเทพอรหันต์ของเจ้าก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน” มู่เฉินตอบ

ซื่อหลัวถอนหายใจไม่พูดให้มาความ มือประสานเข้าด้วยกัน แสงสีทองรวมตัวกันอยู่ข้างหลังเขากลายเป็นร่างยักษ์เปล่งรัศมีอมตะ

เผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ซื่อหลัวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนำร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมา

เมื่อซื่อหลัวนำร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมา ร่างยักษ์สีม่วงทองก็ปรากฏขึ้นด้านหลังมู่เฉิน

ตู้ม!

อึดใจร่างยักษ์ทั้งสองก็กระโจนออกมาพร้อมกับรหัสอมตะหลายร้อยรวมตัวกันที่เบื้องหน้าก่อนที่จะปะทะกัน ทุกกระบวนท่าทำให้เกิดคลื่นสั่นสะเทือนมากมายบนมหาสมุทร

ตึง ตึง ตึง!

ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีร่างยักษ์ทั้งสองก็ปะทะกันหลายร้อยกระบวนท่าแล้ว หากไม่ใช่มหาสมุทรที่ฟื้นฟูได้ทันท่วงที หากพวกเขาอยู่ที่อื่น สถานที่แห่งนั้นคงจะวินาศสันตะโรไปแล้ว

มู่เฉินยืนอยู่บนไหล่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ราวกับก้อนหินยืนนิ่งไม่ไหวติง เมื่อมองไปที่การเผชิญหน้ารุนแรงเขาก็ขมวดคิ้ว ความแข็งแกร่งของซื่อหลัวเกินความคาดหมายของเขานัก

ไม่กี่เดือนก่อนตอนที่เขาต่อสู้กับหวงเฉวียนจือ เขาสามารถใช้วิชาเจดีย์แปดองค์เพื่อยับยั้งอีกฝ่ายได้ แต่ตอนนี้ได้เพียงเสมอเมื่อสู้กับซื่อหลัว

ดังนั้นเขาต้องใช้วิธีแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในการเอาชนะ

“เราจะลากสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้” มู่เฉินครุ่นคิด เขายังมีคู่ต่อสู้อีกสามคนที่แข็งแกร่งพอๆ กับซื่อหลัว หากหมัวเฮอโยวไม่ได้ปะทะกับเยี่ยฉิงหรือทัวป๋าชาง พวกเขาก็จะจบการดวลได้รวดเร็ว ไม่ยืดเหมือนเขาในตอนนี้

ดังนั้นเขาจำเป็นต้องยุติการต่อสู้อย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นเขาจะหมดแรงและไม่สามารถจัดการกับคู่ต่อสู้ที่เหลือได้

เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แสงชี้ขาดก็วูบไหวในดวงตาของมู่เฉินขณะที่เขาสะบัดแขนเสื้อ ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ถอยกลับ แหวนของมู่เฉินก็กะพริบพร้อมกับกองทัพที่ปกคลุมไปด้วยรัศมีจั้นยี่ที่น่าอัศจรรย์ปรากฏขึ้นเบื้องหลัง นี่ก็คือกองทัพมังกรดำ

การปรากฏของกองทัพกะทันหันทำให้เกิดความปั่นป่วนภายนอกเจดีย์ หลายคนตกตะลึงไป ‘มู่เฉินเป็นจั้นเจิ้นซือด้วยหรือ? เขาตั้งใจจะใช้พลังรัศมีจั้นยี่เรอะ? ’

หมัวเฮอเทียนหรี่ตาลงขณะที่มองไปที่กองทัพ แม้แต่ผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอก็ยังอุทาน มู่เฉินเป็นอัจฉริยะแท้จริง ไม่เพียงแต่เขาจะมีพลังการต่อสู้ที่น่าตกใจ แต่ยังมีความสำเร็จสูงในฐานะจั้นเจิ้นซืออีกด้วย

กองทัพนี้แค่มองก็รู้ว่าไม่ธรรมดา เต็มไปด้วยรังสีสังหาร

“ว่ากันว่ามู่เฉินได้รับกองทัพมังกรดำของจักรพรรดิมังกรดำ ในสมัยโบราณชื่อเสียงของเขาดังก้องทั่วหล้า เขากับกองทัพมังกรดำไม่รู้ฆ่าจอมปีศาจไปมากเท่าไร” หมัวเฮอเทียนกล่าว

“แต่กองทัพมังกรดำก็ไม่ได้ทรงพลังเหมือนเมื่อก่อน สามารถต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายได้เท่านั้น แต่การจะเอาชนะไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นจึงไร้เดียงสาไปหน่อยสำหรับมู่เฉินที่จะพึ่งพากองทัพนี้เพื่อเอาชนะซื่อหลัว”

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ของเผ่าหมัวเฮอก็พยักหน้าเห็นด้วย

บนมหาสมุทร

ซื่อหลัวมองไปที่กองทัพ ไม่มีแรงกระเพื่อมในดวงตา “กองทัพนี้ทรงพลังนัก แต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้”

แม่ทัพเจียงหลงมองไปที่ซื่อหลัว จากนั้นก็ยิ้มขมขื่น “จอมทัพมู่ ศัตรูของเจ้าดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้ง นี่ขั้นเซียนระยะปลายเลยนะ หากกองทัพมังกรดำอยู่ในจุดสูงสุดเราก็ไม่กลัว แต่ตอนนี้ยากที่จะเอาชนะได้”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นมู่เฉินก็เพียงยิ้ม เขาทราบดีเกี่ยวกับความสามารถของกองทัพมังกรดำและเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะซื่อหลัวโดยอาศัยกองทัพมังกรดำเพียงอย่างเดียว

“ไม่ต้องกังวลไป ข้ารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่”

มู่เฉินพยักหน้าให้เจียงหลง

เจียงหลงไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ทะยานกลับไปที่กองทัพและโบกธง ทันใดนั้นนักรบหนึ่งหมื่นห้าพันคนก็คำรามพร้อมกับรัศมีจั้นยี่รุนแรงปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า

มู่เฉินสะบัดนิ้วร่างยักษ์สีม่วงทองที่อยู่ใต้เท้าก็พุ่งออกไป เมื่อซื่อหลัวเห็นก็เร้าร่างยักษ์พุ่งเข้ามาปะทะ

ยักษ์ทั้งสองชนกันอีกครั้ง ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ขึ้น

มู่เฉินยืนอยู่บนมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ จากนั้นก็วาดตราประทับด้วยมือเดียว รัศมีจั้นยี่รวมตัวกันเป็นมังกรมหึมาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

มังกรมหึมาปกคลุมไปด้วยลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลาย สามารถทำให้ผู้คนหนังหัวชาหนึบ

นี่เป็นจำนวนที่เทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายทั่วไปเลยทีเดียว

ทว่าซื่อหลัวกลับประจันหน้ากับมังกรด้วยสีหน้าสงบ แม้ว่าลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลายสามารถคุกคามจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายทั่วไปได้ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาเขา

“มู่เฉินกำลังพยายามไร้ประโยชน์จริงๆ พลังของลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลายด้อยกว่าวิชาเจดีย์แปดองค์ซะอีก…” ด้านนอกเจดีย์ทุกคนกระซิบกัน พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมมู่เฉินถึงทำอะไรเปล่าประโยชน์เช่นนี้

มู่เฉินไม่ได้สนใจสายตาเหล่านั้นที่มองมา เขาจับจ้องไปที่ลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลายบนมังกรด้วยสายตาวูบไหว

ร่างแสงสีดำและสีขาวพวยพุ่งออกจากร่างของเขา กลายเป็นร่างรองยืนอยู่ข้างๆ มู่เฉิน

มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ ไปทางทั้งสอง ร่างรองก้าวออกไปก่อตัวเป็นรูปแบบค่ายกลที่ไม่เหมือนใคร

หลังจากวาดตราประทับอย่างรวดเร็ว เสียงหนึ่งก็เล็ดลอดออกมาจากลำคอเขา

“ค่ายกลรบสามกำลัง”

ตู้ม!

ช่วงเวลานั้นเมื่อค่ายกลรบก่อตัวขึ้น ร่างกายของมู่เฉินก็สั่นสะท้านขณะที่รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตระเบิดออกมาราวกับคลื่นโหมกระหน่ำฉีกทำลายมิติจากกัน

รัศมีจั้นยี่พวยพุ่งขึ้นแล้วเทเข้าสู่ร่างมังกรภายใต้การควบคุมของมู่เฉิน…

โฮก!

เสียงคำรามแสบแก้วหูดังก้องจากมังกรขณะที่เริ่มขยายตัว มากจนแม้แต่ลวดลายจั้นเหวินบนร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างดุเดือด

ห้าสิบห้าล้าน…หกสิบล้าน…

“ไม่พอ!”

มู่เฉินรู้สึกว่าหัวกำลังจะแตกออก ขนาดของรัศมีจั้นยี่เกินความสามารถในการควบคุมของเขา เลือดไหลซึมออกมาจากดวงตา

ทว่าเขาไม่ได้หยุด เขาสาดสีหน้าเย็นชาและระงับความเจ็บปวดขณะเทรัศมีจั้นยี่ใส่มังกรตัวมหึมาอย่างป่าเถื่อน…

ดังนั้นรัศมีจั้นยี่จึงขยายตัวออกไปอีก

หกสิบสามล้าน… หกสิบห้าล้าน… ในที่สุดจำนวนลวดลายจั้นเหวินก็มาถึงหกสิบแปดล้านลาย!

ขณะนี้ร่างมังกรมโหฬารปกคลุมท้องฟ้าราวกับเทพมังกรทำลายล้าง

ซื่อหลัวเงยหน้ามองมังกร ใบหน้าที่ไม่มีอารมณ์มาตลอด ในที่สุดก็ฉายความตกใจแล้ว…

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท