หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1496 ควบคุมและปลุก

บทที่ 1496 ควบคุมและปลุก

ตู้ม!

เสียงดังกึกก้อง ดวงอาทิตย์สีม่วงทองลอยขึ้นพร้อมกับการล้างผลาญรุนแรงกวาดออกไป

หมัวเฮอโยวยืนอยู่ในอากาศขณะที่มองฉากนี้อย่างเย็นชาด้วยสายตาเย้ยหยัน นั่นเป็นเพราะพลุงดงามชิ้นนี้เกิดจากเยี่ยฉิง

ด้วยการใช้เข็มทิศแปดกายาสวรรค์ เขาสามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้อย่างน่าพิศวง ดังนั้นแม้ว่าร่างสีทองเข้มจะทรงพลัง แต่ก็กลายเป็นอาวุธของเขาได้

เขาเล่นฉากนี้ซ้ำอีกครั้งเปลี่ยนร่างสีทองเข้มไปที่เบื้องหน้าเยี่ยฉิง แม้ว่าอีกฝ่ายจะตั้งระวังไว้แล้ว แต่เขาจะหลบหนีได้อย่างง่ายดายได้อย่างไรเมื่อร่างสีทองเข้มเข้ามาใกล้ขนาดนั้น?

แม้แต่มู่เฉินก็ถูกบีบให้ต้องระเบิดร่างเทพสุริยะนิรันดร์ด้วยตนเอง แม้ว่าเยี่ยฉิงจะทรงพลัง แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากทำแบบเดียวกันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับร่างสีทองเข้ม

ยามนี้ดอกไม้ไฟสีม่วงทองแตกกระจาย เยี่ยฉิงก็ร่วงลงพร้อมกับทั่วสวรรพางค์กายเต็มไปด้วยเลือด ซ้ำตัวเขาในตอนนี้ก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เนื่องจากระลอกคลื่นหลิงป่าเถื่อนกระเพื่อมอยู่ภายในร่างกาย เจ็บปวดอย่างยิ่ง

ดังนั้นเขาจึงได้แต่นอนพังพาบอยู่ในหลุม สายตามองไปที่หมัวเฮอโยวอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

เผชิญหน้ากับสายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังนั่น หมัวเฮอโยวก็ไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ทั้งมู่เฉินและเยี่ยฉิงสิ้นความสามารถแล้ว ดังนั้นไม่มีใครแข่งกับเขาได้อีก

“ตอนนี้ก็เป็นตาข้าล่ะ”

หมัวเฮอโยวมองร่างสีทองเข้มด้วยความโลภฉายในดวงตา

ไม่ว่านี่จะเป็นร่างมหาเทพนิรันดร์หรือไม่ แต่แก่นอมตะในร่างกายนั้นก็เป็นของแท้ ตราบใดที่เขาได้รับและชำระ ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของเขาก็จะถูกยกระดับขึ้นจนน่ากลัว แม้ว่าเขาจะไม่สามารถรับร่างมหาเทพนิรันดร์ได้ก็ตาม

ซึ่งอาจมากจนมีพลังอำนาจเทียบเคียงกับร่างมหาเทพปฐมกาลก็ได้

โฮก!

ขณะที่สายตาของหมัวเฮอโยวยึดอยู่กับร่างสีทองเข้ม มันก็มองเขาแบบอดรนทนไม่ได้เนื่องจากเหยื่อทั้งสองของมันเลือกที่จะทำลายตัวเอง ดังนั้นมันไม่สามารถปล่อยเหยื่อรายสุดท้ายไปแน่นอน

มันกลายเป็นร่างแสงทะยานเข้าใส่หมัวเฮอโยว

แต่เผชิญหน้ากับร่างสีทองเข้มครั้งนี้ หมัวเฮอโยวไม่ได้หลีกหนี แต่กลับเผยรอยยิ้มน่ากลัวบนใบหน้า

เขายกมือขึ้น เครื่องรางโบราณก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับกำจายความผันผวนที่น่ากลัว

เครื่องรางถูกปกคลุมไปด้วยอักขระสีแดงเข้มที่กลั่นจากเลือดที่มีความผันผวนรุนแรง ดูท่านี่ต้องเป็นเลือดของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแน่นอน

“น่าเสียดายสำหรับเครื่องรางนี้…”

หมัวเฮอโยวมองไปที่เครื่องรางด้วยความปวดใจ นี่คือวัตถุที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้แก่นเลือดระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแท้จริงโดยใช้เวลาสิบกว่าปี

ในเผ่าหมัวเฮอมีเครื่องรางแบบนี้สามชิ้นเท่านั้น ในแง่ของความแข็งแกร่งก็เทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง แต่เป็นวัตถุสิ้นเปลือง ดังนั้นมันจึงเป็นสมบัติที่สำคัญมาก

ทว่าตอนนี้เพื่อจัดการกับร่างสีทองเข้มนี้หมัวเฮอโยวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้

หมัวเฮอโยวเงยหน้าขึ้นมองร่างสีทองเข้มก่อนที่จะสะบัดนิ้วโดยไม่ลังเลใดๆ หยดเลือดไหลออกมาและตกลงบนเครื่องรางโบราณนั้น

ฟู่ ฟู่!

เมื่อเลือดสัมผัสกับเครื่องรางก็เกิดการจุดชนวนขึ้นมาทันที กลายเป็นกลุ่มเพลิงสีแดงเข้มม้วนตัวอยู่ตลอดเวลา

“ไป”

หมัวเฮอโยวหายใจเข้าลึกพลางคำราม เพลิงสีแดงเข้มก็ไปปรากฏเบื้องหน้าร่างสีทองเข้มในช่วงเวลากะพริบตา

ร่างสีทองเข้มซึ่งอยู่ยงคงกระพันกลับรู้สึกถูกคุกคามเป็นครั้งแรก ขณะที่เผชิญกับเพลิงสีแดงเข้มเหล่านี้และมันก็ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว

ชี่!

ทว่ากลุ่มเพลิงนี้ก็แปลกประหลาดอย่างยิ่ง เนื่องจากมันไล่ตามร่างสีทองเข้มไปก่อนที่จะมุดเข้าไปในหว่างคิ้วของมัน

ร่างสีทองเข้มตัวแข็งทันทีก่อนที่ลวดลายสีแดงเข้มจะเริ่มกระจายออกไป ทว่ามันก็พยายามต่อต้านและตัดลวดลายสีแดงเข้มออกไปเรื่อยๆ…

อย่างไรก็ตามลวดลายสีแดงเข้มไม่ธรรมดา พวกมันค่อยๆ แพร่กระจายออกไปแม้จะมีการต่อต้าน…

ตราบใดที่ลวดลายครอบคลุมร่างสีทองเข้มไว้ทั้งหมด มันก็จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของหมัวเฮอโยว

เมื่อมองฉากนี้หมัวเฮอโยวก็ยิ้ม เขาคือผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งนี้

และทั้งเยี่ยฉิงและมู่เฉินจะต้องพ่ายแพ้ในน้ำมือเขา

มู่เฉินนั่งอยู่เบื้องหน้าร่างที่เอิบอาบความกดดันที่น่ากลัว

ตัวเขาชุ่มโชกด้วยเหงื่อ แม้ว่านี่จะเป็นเพียงคลื่นจิต แต่ความรู้สึกนั้นก็ถูกส่งไปยังร่างกายเต็มๆ

“ข้าจะปลุกร่างมหาเทพนิรันดร์ได้ยังไง?”

มู่เฉินเผยสีหน้าแหยเกจากแรงกดดัน เนื่องจากเขาไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เลย

ร่างมหาเทพนิรันดร์อยู่ห่างจากเขาเพียงหนึ่งจั้ง แต่เขาไม่สามารถก้าวออกไปได้ เพราะแรงกดดันจะฉีกทึ้งเขาออกจากกันทันที

ในเมื่อไม่สามารถเข้าใกล้ได้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ทันใดนั้นมู่เฉินก็จมลงในความยุ่งยาก เขาใช้ความพยายามอย่างมากและแม้แต่ทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของตนเพื่อให้ได้มาซึ่งโอกาสนี้ แล้วเขาจะจากไปมือเปล่าจริงๆ เหรอ?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มู่เฉินก็ส่ายหน้าด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ เขาจะไม่ปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้

สายตาของมู่เฉินจับจ้องไปที่ร่างมหาเทพนิรันดร์ขณะค้นความคิดของตน ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดเข้ามาในสมองของเขา

“เจดีย์วั้นกู่กล่าวว่าต้องส่งผลกระทบทรงพลังเพื่อปลุกร่างมหาเทพนิรันดร์ขึ้นมา…”

“…เล่าลือกันว่าร่างมหาเทพปฐมกาลทั้งห้าถูกสร้างขึ้นเพื่อภารกิจปกป้องโลก ถ้าเกี่ยวกับผลกระทบก็น่าจะคล้ายกับมหาพันภพที่ประสบกับการรุกราน…”

ดวงตาของมู่เฉินวูบไหวพลางหายใจเข้าลึกๆ ส่งภาพไปยังร่างมหาเทพนิรันดร์…

ฉากเหล่านั้นคือสิ่งที่เขาประสบในพิภพเขตล่างบ้านเกิดของจอมยุทธ์มังกรขาว เผ่าเสี่ยเสียกดขี่ข่มเหงสิ่งมีชีวิตในพิภพเขตล่างเพื่อสกัดเลือดของพวกเขาและฆ่าทิ้งอย่างป่าเถื่อน…

ทุกครั้งที่ฉากเหล่านั้นปรากฏขึ้นในความคิดของมู่เฉิน เขาก็จะรู้สึกโกรธแค้นอย่างยิ่ง

เมื่อข้อมูลเหล่านั้นถูกส่งผ่าน มู่เฉินมองไปที่ร่างมหาเทพนิรันดร์ แต่ดวงตาของมันก็ยังคงปิดสนิท

ราวกับว่าชั้นบรรยากาศถูกแช่แข็ง เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป

ยิ่งเวลาผ่านไปหัวใจของมู่เฉินก็ยิ่งจมลง กระทั่งวิธีนี้ก็ยังไม่สามารถปลุกร่างมหาเทพนิรันดร์ได้หรือ?

“หรือต้องใช้กำลังทางเดียว?”

ดวงตาของมู่เฉินสั่นไหวด้วยความผิดหวังพลางยิ้มอย่างขมขื่น

ขณะที่มู่เฉินขบฟันต้องการลองวิธีอื่น จู่ๆ ร่างมหาเทพนิรันดร์ก็สั่นสะท้าน

แม้ว่าการสั่นสะเทือนจะแผ่วเบา แต่ก็ไม่หลุดรอดจากสายตาของมู่เฉิน หัวใจของเขาสั่นไหว

‘ใช้ได้เหรอเนี่ย!’

ร่องรอยความสุขฉายบนใบหน้ามู่เฉิน ขณะที่การสั่นสะเทือนของร่างมหาเทพนิรันดร์ชัดเจนยิ่งขึ้น แม้แต่วงรัศมีที่กำจายออกมาก็ทั้งลึกซึ้งและโบราณ

วงรัศมีที่เอิบอาบด้วยไอนิรันดร์ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นด้านหลังศีรษะของร่างมหาเทพนิรันดร์ในขณะนี้

ชี่ ชี่!

ขณะที่สัญลักษณ์สีแดงเข้มค่อยๆ แพร่กระจายก็เข้าครอบครองร่างสีทองเข้มเกือบทั้งหมดแล้ว เมื่อมองไปที่ฉากนี้ใบหน้าขอหมัวเฮอโยวก็ฉายความสุขและความกระหาย

ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดหวัง

แม้ว่าร่างสีทองเข้มจะทรงพลัง แต่ก็ไม่มีจิตใต้สำนึกใด ดังนั้นมันจึงทำอะไรไม่ถูกกับแรงกัดกร่อน

การแพร่กระจายของลวดลายสีแดงเข้มดำเนินต่อไปอีกสิบกว่านาที ในที่สุดก็ครอบคลุมร่างสีทองเข้มอย่างสมบูรณ์ ขณะนี้หมัวเฮอโยวสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงอันเป็นเอกลักษณ์

เขาค่อยๆ ยื่นมือออกไป ร่างสีทองเข้มก็ลดศีรษะลงปล่อยให้หมัวเฮอโยววางมือบนศีรษะ ตอนนี้มันไม่มีความดุร้ายอีกแล้ว ราวกับเป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุม

“ฮ่าๆๆๆ!”

ขณะนี้หมัวเฮอโยวไม่สามารถเก็บความตื่นเต้นไว้ในใจได้จนต้องเปล่งเสียงหัวเราะออกมา ในที่สุดร่างมหาเทพนิรันดร์ในตำนานก็อยู่ในมือของเขาแล้ว!

ในเจดีย์วั้นกู่นี้เขาหมัวเฮอโยวคือผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!

ไม่ว่าจะมู่เฉินหรือเยี่ยฉิงทั้งสองก็ต้องอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาไปชั่วนิรันดร์

ทางด้านมู่เฉิน

เวลาเดียวกันกับที่หมัวเฮอโยวกำลังชื่นชมยินดี ภายใต้การจ้องมองปรารถนาของมู่เฉิน ดวงตาที่ปิดสนิทของร่างมหาเทพนิรันดร์ก็สั่นเทิ้มก่อนที่ดวงตาของมันจะค่อยๆ เปิด

ทันใดนั้นมู่เฉินรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความเป็นนิรันดร์แท้จริง

ในที่สุดร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ตื่นขึ้นแล้ว!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท