หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1474 ลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้าน

บทที่ 1474 ลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้าน

จานกระดูกสีเทาปรากฏขึ้นในมือกุ่ยตี้

จานนี้มีผิวเรียบกริบราวกับกระจก ขอบถูกสลักด้วยสัญลักษณ์โบราณที่ปลดปล่อยความผันผวนของคลื่นหลิงน่าสะพรึงกลัวออกมาเบาบาง

เมื่อจานกระดูกนี้ปรากฏขึ้นมู่เฉินก็หดตาลง สีหน้าเปลี่ยนไปรุนแรง “ความผันผวนนี้…อาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นเซียน?”

ความผันผวนนั้นทรงพลังแม้ในหมู่อาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นเซียน ไม่คิดว่ากุ่ยตี้จะมีในครอบครอง… ชัดว่าสิ่งนี้ให้ความมั่นใจมากกับอีกฝ่าย

“ประมุขมู่ ข้าไม่อยากใช้วัตถุนี้หรอกนะ แต่ในเมื่อเจ้าดื้อด้านก็โทษข้าไม่ได้” ถือจานกระดูกไว้ กุ่ยตี้ก็ยิ้มอย่างเย็นชา “แต่ไม่ต้องกังวลเจ้ามีภูมิหลังแข็งแกร่งปานนั้น ดังนั้นข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าจ่ายราคาแพงระยับ!”

มู่เฉินตอบอย่างแผ่วเบาพร้อมกับไม่มีความแปรปรวนบนใบหน้า “เจ้ายังไม่มีพลังพอที่จะทำหรอก”

แม้ว่ากุ่ยตี้จะอยู่ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลาง แต่ในแง่พลังการต่อสู้ยังปะทะกับหวงเฉวียนจือไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะหวงเฉวียนจือสามารถต่อกรกับจอมยุทธ์ที่มีขุมพลังเหนือกว่าของตนเอง และในเมื่อเขาสามารถเอาชนะหวงเฉวียนจือได้ เขาจึงไม่กลัวกุ่ยตี้เลยสักนิด

เห็นได้ชัดว่ากุ่ยตี้ทราบข้อเท็จจริงนี้ดี ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงรวมพลังกับประมุขอีกสี่คนเพื่อต่อสู้กับมู่เฉิน

“งั้นก็ลองดู!”

เมื่อได้ยินเสียงไม่แยแสของมู่เฉิน สีหน้าน่ากลัวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้ากุ่ยตี้ มือของเขาประสานกันอย่างรวดเร็ว จานกระดูกในมือทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ขยายขนาดเป็นพันจั้ง

“รวมพลังกัน!”

กุ่ยตี้ตะโกนพลางมองไปที่ประมุขอีกสี่คน

ประมุขอีกสี่คนก็รู้ว่าจานกระดูกนี้ทรงพลังเพียงใด ดังนั้นพวกเขาจึงพยักหน้า ห้าร่างเวทสวรรค์ปลดปล่อยเสาแสงขนาดใหญ่ห้าเสาเข้าไปในจานกระดูกขนาดใหญ่นั่น

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ระลอกคลื่นพุ่งเข้าในจานกระดูก เกิดระลอกคลื่นด้านบน ความผันผวนที่อธิบายไม่ได้รวมอยู่ภายใน

มิติโดยรอบแสดงร่องรอยการยุบตัวราวกับว่าไม่สามารถทนต่อความผันผวนของคลื่นหลิงได้

เมื่อจิ่วโยวและเฉวียนเทียนเห็นฉากนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกได้ว่าจานกระดูกนี้ได้รวบรวมพลังของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนทั้งห้าคนเอาไว้

ต้องรู้ว่าทั้งห้าทรงพลัง ด้วยพลังที่มารวมกันก็จะทำให้เกิดการปฏิเสธตามธรรมชาติ ทว่าจานกระดูกนี้สามารถรวมเข้าด้วยกันได้จริง

ดังนั้นการโจมตีนี้จึงเทียบไม่ได้กับเมื่อก่อนอีกหน้า ซึ่งเป็นการหลอมรวมสมบูรณ์ระหว่างพลังห้าสายและเป็นสิ่งที่สามารถสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลางได้เลยทีเดียว

ชัดว่านี่น่าจะเป็นไพ่ตายของประมุขทั้งห้า

ขั้วอำนาจอื่นโดยรอบจัตุรัสก็สังเกตเห็นสถานการณ์นี้เช่นกัน การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนไปรุนแรง

พวกเขารู้ดีว่าผลของการต่อสู้ครั้งนี้จะกำหนดตัวเจ้าเหนือหัวทวีปเทียนหลัวแล้ว…

“เมื่อดูสถานการณ์นี้ ประมุขมู่กำลังตกอยู่ในอันตราย ประมุขทั้งห้าได้รวมพลังผ่านจานกระดูก ไม่ต้องพูดถึงระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลาง แม้แต่ขั้นเซียนระยะกลางก็ตายคาที่หากประมาท”

“ประมุขมู่ยังเด็กเกินไป ขณะประมุขทั้งห้าเป็นเฒ่าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ถ้าพวกเขาไม่มีไม้เด็ดสักใบสองใบจะยั่วโมโหอีกฝ่ายทำไม…”

“ถ้าประมุขมู่แพ้ ตำหนักมู่ก็ต้องออกจากทวีปเทียนหลัว การทำงานหนักทั้งหมดของพวกเขาก็ละลายไปในทะเล…”

ทว่ามู่เฉินกลับเพิกเฉยต่อความวุ่นวาย ดวงตาหรี่ลงมองไปที่จานกระดูก ความผันผวนของคลื่นหลิงที่รวมตัวกันทำให้แม้แต่เขาก็ไม่สามารถประมาทได้

ครืนๆๆๆ!

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตรวมตัวกันในกระจกก่อนจะเปลี่ยนเป็นสายฟ้า มันส่องประกายและแผ่ซ่านด้วยความผันผวนของการทำลายล้าง

กุ่ยตี้ยืนอยู่ใต้กระจก ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชาจากคลื่นหลิง ก่อนที่เขาจะมองไปที่มู่เฉินจากนั้นโบกมือเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม

“แกลองทดสอบความสามารถของกระจกรวมเทพโบราณหน่อยเถอะ”

จานกระดูกสั่นไหวเล็งเป้าไปที่มู่เฉิน

ตู้ม!

อึดใจต่อมาคลื่นหลิงพร่างพราวก็รวมตัวกันป่าเถื่อนรอบกระจกกระดูก ก่อนที่จะหดตัวลงอย่างรวดเร็ว สิบกว่าลมหายใจสั้นๆ เสาพลังหลายพันจั้งก็กลายเป็นลำแสงขนาดเท่าฝ่ามือพุ่งออกไป

แม้ว่าจะลดขนาดลง แต่ลำแสงสีเงินก็ฉีกผ่านสวรรค์และโลกทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง

เมื่อมองไปที่ลำแสงสีหน้าของมู่เฉินก็เคร่งขรึมมาก เขารู้สึกถึงไอเยือกเย็นจากเจตนาสังหารบนลำแสงนั้น

ฮา

มู่เฉินหายใจเข้าลึกๆ มือประสานเข้าด้วยกัน รัศมีจั้นยี่ดุเดือดก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นก็หลั่งไหลเข้าไปในวิญญาณสงครามมังกร

เมื่อมีการเพิ่มขึ้นของรัศมีจั้นยี่ปริมาณมาก สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ก็เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น

ที่สำคัญที่สุดคือจำนวนลวดลายจั้นเหวินก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

สิบล้าน… สามสิบล้าน… สี่สิบล้าน…

ด้วยพลังในปัจจุบันของมู่เฉิน เขาสามารถสร้างลวดลายจั้นเหวินได้แล้วในระดับสิบล้าน พูดโดยทั่วไประดับสิบล้านก็เทียบเท่ากับระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิง

เมื่อถึงสี่สิบล้านลายก็เปรียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียน!

ยามนี้มู่เฉินได้ดึงพลังทั้งหมดของกองทัพมังกรดำออกมาโดยไม่รั้งไว้แล้ว

ฟิ้ว!

จังหวะนั้นลำแสงสีเงินขนาดเท่าฝ่ามือก็ยิงเข้ามา

โฮก!

รัศมีจั้นยี่มังกรปล่อยเสียงคำราม อ้าปากสูดลมหายใจ ลมหายใจมังกรมีลวดลายจั้นเหวินสี่สิบล้านลายเลยทีเดียว

ตึง!

ปราณมังกรเชี่ยวกรากปะทะกับลำแสงสีเงิน แต่เมื่อเกิดการโรมรัน ปราณมังกรเชี่ยวกรากก็พังทลายลงอย่างรวดเร็ว

ลำแสงสีเงินทำลายปราณมังกรทั้งหมดที่ขวางหน้า

“แม้ว่าลวดลายจั้นเหวินสี่สิบล้านลายจะน่ากลัว แต่ก็ไร้เดียงสาเกินไปที่แกคิดว่าจะเอาชนะพวกข้าห้าคนได้!” กุ่ยตี้ยิ้มเยาะเมื่อเห็นพลังทำลายล้างของลำแสงสีเงิน

เมื่อมองไปที่ปราณมังกรที่สลายลงจากลำแสงสีเงิน มู่เฉินก็ไม่มีสีหน้าใด เขาหายใจเข้าลึกสะบัดนิ้วออก รัศมีเปล่งประกายออกมาจากแหวน

แสงกระจายออกจากเบื้องหลัง นักรบมังกรดำห้าพันคนก็ปรากฏตัวขึ้น

ตอนแรกเขาคิดจะกั๊กไว้ แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะต้องทุ่มหมดหน้าตักแล้ว

“เร้ารัศมีจั้นยี่ออกมาทั้งหมด!” เสียงของมู่เฉินดังก้องในโสตประสาทของนักรบมังกรดำทุกคน ดวงตาของพวกเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงพลางตะโกนรับ

ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม!

ลำแสงหนึ่งหมื่นห้าพันสายทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ลำแสงทุกเส้นควบแน่นและทนทาน สุดท้ายก็พุ่งเข้าสู่รัศมีจั้นยี่มังกร

โฮก!

มังกรส่งเสียงคำรามและขยายขึ้นอีกครั้ง ขณะเดียวกันจำนวนลวดลายจั้นเหวินก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน…

สี่สิบล้าน… สี่สิบห้าล้าน…

พร้อมกับความเร็วบ้าคลั่งของจำนวนลวดลายจั้นเหวินที่เพิ่มมากขึ้น ความกดดันที่น่ากลัวก็แผ่กระจายทำให้ท้องฟ้ามืดลง

เมื่อมองไปที่ฉากนี้ใบหน้าของประมุขทั้งห้าก็เปลี่ยนไป ลวดลายจั้นเหวินสี่สิบห้าล้านลายเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลางยังรู้สึกหนังหัวชาหนึบ

“ไอ้เด็กนี่เป็นตัวปัญหาจริงๆ!”

กุ่ยตี้ขบฟันพลางสร้างตราประทับทันที ลำแสงสีเงินเพิ่มความเร็วขึ้นขณะพุ่งเข้าหามังกร

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองมังกรด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด เขาถึงขีดสุดในการควบคุมลวดลายจั้นเหวินแล้ว

สายตาของเขาจับจ้องไปที่มังกร ลวดลายจั้นเหวินยังคงเพิ่มขึ้น พร้อมกับการเพิ่มขึ้นของเส้นเลือดปรากฏขึ้นในดวงตาเขา…

ลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลาย…

ในที่สุดก็หยุดลงที่จำนวนนี้ เลือดไหลออกมาจากดวงตาของมู่เฉิน เขาเช็ดออกพลางถอนหายใจยาวๆ

นี่เป็นขีดสุดของกองทัพมังกรดำแล้ว บางทีอาจจะด้อยกว่าสภาพพร้อมรบในอดีต แต่ก็เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลางยังไม่กล้าประมาท

สำหรับจอมยุทธ์ที่อยู่ใต้ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลางจะถูกสังหารทันที

“ไป”

มู่เฉินลูบขมับด้วยความเหนื่อยล้า ไอสังหารพลุ่งพล่านในดวงตาขณะที่ชี้นิ้วออกไป

โฮก!

ภายใต้สายตาตกตะลึงมากมาย พริบตามังกรก็กลายเป็นริ้วแสงสีเทาปะทะกับลำแสงสีเงิน…

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท