หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1479 เมืองวั้นกู่

บทที่ 1479 เมืองวั้นกู่

ทวีปหมัวเฮอเป็นหนึ่งในมหาทวีปของมหาพันภพ

ซึ่งมีดินแดนกว้างใหญ่และทรัพยากรมากมาย ชื่อของทวีปนี้ก็เลื่องลือไปทั่วหล้าด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่าสาเหตุหลักเป็นเพราะการดำรงอยู่ของเผ่าหมัวเฮอ

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในห้าเผ่าโบราณ เผ่าหมัวเฮอยืนยงมาเป็นเวลาช้านาน แม้แต่ในสมัยโบราณเผ่าหมัวเฮอก็เป็นขั้วอำนาจทรงพลังและด้วยการสะสมในตอนนี้ก็สามารถติดอันดับต้นๆ ในมหาพันโลก …

ย้อนกลับไปเมื่อแคว้นหวู่จิ้งฮั่วกำลังขยายตัวในมหาพันภพ หมัวเฮอเทียนก็พยายามที่จะกลืนกินแคว้นหวู่จิ้งฮั่วเมื่อเขาขึ้นเป็นประมุข เพื่อเป็นการข่มผู้ที่ไม่ยอมเขาในเผ่า

ทว่าในเวลานั้นแม้แต่เผ่าหมัวเฮอก็คงไม่คิดว่าเทพจักรพรรดิอัคคีที่มาจากพิภพเขตล่างจะน่าเกรงขามยิ่งนัก ในท้ายที่สุดก็ทำลายความทะเยอทะยานของหมัวเฮอเทียนจนสิ้นซาก ไม่เพียงแต่เขาจะล้มเหลวในการกลืนกินแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เขายังกลับมาพร้อมกับรอยด่างบนชื่อเสียงที่ทำให้สถานะและชื่อเสียงของแคว้นหวูจิ้งฮั่วมั่นคงขึ้น…

แม้ว่าหมัวเฮอเทียนจะเคยพ่ายแพ้ต่อเทพจักรพรรดิอัคคี แต่เมื่อเทพจักรพรรดิอัคคีกลายเป็นยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพ ความพ่ายแพ้ก็กลายเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่ง แม้ว่าหมัวเฮอเทียนจะไม่ชอบในสิ่งนี้ แต่สำหรับทุกคนในมหาพันภพก็จะคิดเช่นนี้…

ท้ายที่สุดแล้วการที่สามารถต่อสู้กับเทพจักรพรรดิอัคคีจนถึงระดับนั้นได้ หมายความว่าความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้เช่นกัน

ดังนั้นชื่อเสียงของเผ่าหมัวเฮอจึงดังกึกก้องเพิ่มขึ้นและอยู่ตำแหน่งสูงในบรรดาห้าเผ่าโบราณ ไม่ว่าจะเป็นรากฐานหรือจอมยุทธ์ พวกเขาสามารถดูแคลนเผ่าโบราณอีกสี่กลุ่มได้

ทวีปหมัวเฮอ เมืองวั้นกู่

เมืองนี้ไม่ได้เป็นเมืองหลวงของทวีปหมัวเฮอ ถึงกระนั้นชื่อเสียงก็ยังสูงกว่าเผ่าหมัวเฮอ เพราะมีข่าวลือว่าสร้างขึ้นโดยเทพจักรพรรดินิรันดร์และเป็นสถานที่จัดงานชุมนุมนิรันดร์ในทุกครั้ง

บนยอดเขาใกล้จากเมืองวั้นกู่ มู่เฉินมองไปที่เมืองที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายโบราณ มีริ้วแสงนับไม่ถ้วนพุ่งพาดผ่านขอบฟ้า ช่างคึกคักยิ่งกว่างานชุมนุมสายเลือดของเผ่าฝูถูเสียอีก

แต่ก็ไม่แปลกเพราะงานชุมนุมสายเลือดและงานชุมนุมนิรันดร์ไม่ใช่งานประเภทเดียวกัน เหตุการณ์แรกเป็นเพียงการเชิญขั้วอำนาจที่คุ้นเคยมารับชม ส่วนเหตุการณ์หลังไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์ด้วยหรือไม่ ขั้วอำนาจเกือบครึ่งหนึ่งในมหาพันภพก็จะเข้ามาร่วมงาน

ท้ายที่สุดเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ครอบครองร่างมหาเทพนิรันดร์

“นี่มันงานชุมนุมยอดยุทธ์ที่แท้จริง”

มู่เฉินถอนหายใจ คนที่สามารถมาที่นี่ได้ล้วนเป็นจอมยุทธ์ชั้นยอดจากขั้วอำนาจต่างๆ คนธรรมดาไม่สามารถแบกรับความกดดันตรงนี้ได้

ขณะที่เขาถอนหายใจในหัวใจ มู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นร่างแสงทะยานเข้าไปในเมือง เมื่อเขากำลังเข้าใกล้เมืองสายตาก็จ้องมองไปที่ประตู เพราะสัมผัสได้ถึงความผันผวนที่มีกลิ่นอายโบราณแทรกซึมมาจากทั้งเมือง

แม้ว่าความผันผวนจะเบาบาง แต่ก็ยังทำให้คลื่นหลิงในร่างกายกระเพื่อมและทำให้เขาต้องร่อนตัวลง

“คลื่นนี่…”

มู่เฉินขมวดคิ้ว นั่นไม่ใช่แรงกดดันจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเป็นอะไรที่ลึกลับยิ่งกว่านั้น

“หรือเป็นสิ่งที่เทพจักรพรรดินิรันดร์ทิ้งไว้ในตอนนั้น?” หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้านเกิดการคาดเดาบางอย่าง เพราะมีเพียงระลอกคลื่นจากจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาพันภพถึงสามารถสร้างแรงกดดันน่ากลัวขนาดนี้แม้จะผ่านมาหมื่นปีแล้วก็ตาม

ทว่าความคิดนี้ก็ถูกระงับในไม่ช้า ด้วยความเคารพในใจที่มีต่อเทพจักรพรรดินิรันดร์ มู่เฉินก็เดินไปที่ประตู

ทันทีที่เข้ามาในเมือง มุมมองก็ขยายออกไปพร้อมกับภาพถนนทอดยาวสุดสายตา ทางเดินเต็มไปด้วยผู้คนซึ่งต่างกำจายด้วยคลื่นทรงพลัง

การปรากฏตัวของมู่เฉินดึงดูดความสนใจ บางคนถึงกับดวงตาพราวแสง เห็นได้ชัดว่าจดจำเขาได้ว่าเป็นใคร

มู่เฉินอึ้งไปครู่หนึ่งกับความสนใจเหล่านี้ก่อนที่เขาจะยิ้มขำตัวเอง เขาต้องยอมรับว่ารู้สึกยินดีที่ตนเองกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในมหาพันภพพร้อมกับผู้คนรู้จักเขามากขึ้น

แต่ความคิดนี้ก็แค่สั่นไหวหัวใจวูบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในเมือง

เขาเดินผ่านถนนหลายสาย ก่อนที่จะเห็นผู้คนมากมายมารวมตัวกันเบื้องหน้า สายตาเขาก็มองตามไป

มีกำแพงผลึกแก้วขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีแสงวูบวาบอยู่

“ตารางวางเดิมพันของงานชุมนุมนิรันดร์”

มู่เฉินมองไปก็เห็นจอมยุทธ์คนแรกเป็นชายในชุดสีดำขาว แม้จะเป็นเพียงภาพ เขาก็ปลดปล่อยแรงกดดันที่ทำให้หัวใจสั่นสะท้าน

มู่เฉินมองไปที่ภาพคุ้นเคยก็หรี่ตาลง เพราะนี่คือหมัวเฮอโยว ขณะนี้การเดิมพันชัยชนะของเขามีถึงสองหมื่นล้านหยดของเหลวจื้อจุน

ชัดเจนว่าหลายคนมองว่าหมัวเฮอโยวจะชนะครั้งนี้ ในแง่ของความแข็งแกร่งเขาทรงพลังอย่างแท้จริงและยังเป็นคนของเผ่าหมัวเฮอซึ่งได้รับการปลูกฝังร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ดังนั้นหากร่างมหาเทพนิรันดร์จะเลือกผู้ครอบครอง ทุกคนก็คิดว่าหมัวเฮอโยวมีโอกาสสูงที่สุด

ถัดลงมาจากหมัวเฮอโยวก็คือหอกอสูรเยี่ยฉิง ราชันทองวัชระซื่อหลัวและดาบเทวะทั่วป๋าชาง

ภาพเยี่ยฉิงที่ฉายเป็นชายหนุ่มผมยาวถือหอกสีแดงเข้มพร้อมกับสายตาไม่แยแสแฝงไปด้วยจิตสังหาร

ซื่อหลัวสวมชุดสีทอง ศีรษะล้านเลี่ยนสะท้อนแสงดูเหมือนดวงดาว เขามีโครงร่างผอม ดูไม่เหมือนคนที่มีความแข็งแกร่งทางด้านพลังกายเลย

ส่วนทั่วป๋าชางสวมชุดสีดำสะพายดาบไว้ที่ด้านหลัง แม้ว่าเขาจะดูธรรมดา แต่ดวงตาแผ่ซ่านด้วยไอคมกริบที่ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าหนังหัวด้านชา

ในตารางเดิมพันหมัวเฮอโยวอยู่อันดับหนึ่งด้วยจำนวนของเหลวจื้อจุนสองหมื่นล้านหยด ขณะที่สามคนอยู่ที่ประมาณห้าพันล้านหยด

จากนั้นมู่เฉินก็ไม่ได้แปลกใจที่เห็นภาพตนเองถัดลงมาจากทั้งสี่คน แต่เมื่อเทียบกับสี่อันดับแรกการเดิมพันของเขามีเพียงหนึ่งพันล้านหยดเท่านั้น…

“มิน่าคนอื่นถึงจำข้าได้” มู่เฉินส่ายหัวช้าๆ มีหน้าจอขนาดใหญ่ปานนี้ตั้งไว้ ใครบ้างจะจำเขาไม่ได้?

มู่เฉินมองไปที่ภาพทั้งสี่เขาก็ยิ้ม คนพวกนี้คือคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาเรอะ?

มู่เฉินเดินเข้าไปที่กำแพงผลึกแก้วซึ่งมีสาวงามกำลังเก็บเงินเดิมพัน พวกนางมาจากเผ่าหมัวเฮอ มีเพียงเผ่าหมัวเฮอเท่านั้นที่กล้าเป็นเจ้าภาพในการวางเดิมพันระดับดังกล่าวได้

“เจ้าสนใจจะพนันหน่อยไหม?” ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ดังออกมาจากด้านข้าง มู่เฉินหรี่ตาหันไปมองก็เห็นร่างคุ้นหน้าส่งยิ้มมาให้เขา นั่นก็คือหมัวเฮอโยวนั่นเอง

ในฐานะเจ้าเหนือหัวทวีปหมัวเฮอ ตำแหน่งของมู่เฉินถูกจับตาโดยเผ่าหมัวเฮอตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาแล้ว

มองไปที่หมัวเฮอโยว มู่เฉินก็ตอบอย่างเยาะเย้ย “ทำไม? ยังคิดจะลงมือที่นี่อีกเรอะ? เผ่าหมัวเฮอของเจ้าขาดความมั่นใจไปหน่อยหรือเปล่า?”

หมัวเฮอโยวส่ายหัวตอบว่า “ไม่ใช่ว่าขาดความมั่นใจหรอก เราแค่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น แต่ไม่ต้องกังวลนี่ก็แค่รอบคัดออก หากเจ้าไม่สามารถทนต่อปัญหาเหล่านั้นได้แสดงว่าเจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วม”

มู่เฉินยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปากพร้อมตอบ “งานชุมนุมนิรันดร์ที่เกิดจากเทพจักรพรรดินิรันดร์ไม่เห็นมีรอบกำจัดแบบนี้นะ ”

หมัวเฮอโยวเผยรอยยิ้มบางตอกกลับ “เผ่าหมัวเฮอของข้าปกป้องร่างมหาเทพนิรันดร์มานาน นี่ถือเป็นสมบัติของเผ่าแล้ว ดังนั้นก็ไม่แปลกที่เราจะทำอะไรเพื่อครอบครองมัน”

มู่เฉินส่ายหัวแสดงความคิดเห็น “เทพจักรพรรดินิรันดร์คงจะสงสัยในตัวเองที่เลือกพวกเจ้าเป็นผู้ดูแล”

หมัวเฮอโยวพูดเสียงราบเรียบ “ตราบใดที่เผ่าหมัวเฮอเป็นเจ้าของร่างมหาเทพนิรันดร์ แม้แต่เทพจักรพรรดินิรันดร์ก็ไม่สามารถเอาคืนได้”

เขามองไปที่มู่เฉินพูดต่อ “มู่เฉินถ้าเจ้ายอมสละร่างมหาเทพนิรันดร์ เผ่าหมัวเฮอจะชดเชยให้”

“แต่นี่ไม่ใช่เพราะพวกข้าไม่มั่นใจ แต่ข้าแค่จะบอกเจ้าว่าเผ่าหมัวเฮอจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องร่างมหาเทพนิรันดร์ได้…”

“เจ้าว่ายังไงล่ะ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของหมัวเฮอโยว ดวงตาของมู่เฉินก็วูบไหวแรงกล้าขณะที่โบกมือ กำไลเฉียนคุนบินไปหาหญิงสาวที่อยู่ใต้กำแพงผลึกแก้ว “หนึ่งพันล้านหยด ข้าเดิมพันตัวเอง”

ภายใต้สายตาตะลึงโดยรอบ มู่เฉินไม่สนใจหมัวเฮอโยวสักนิดขณะเดินจากไป

หมัวเฮอโยวมองภาพเงาที่กำลังจากไปของมู่เฉินอย่างไม่แยแสก็ส่ายหัว “ถ้าไม่ใช่มารดาเจ้า ข้าจะมาเสวนากับเจ้าทำไม… ช่างเป็นไอ้โง่ที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”

“แต่ในเมื่อแกร้องหาความตาย ข้าก็ทำได้เพียงเติมเต็มความปรารถนาให้”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท