หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1487 หกสิบแปดล้าน

บทที่ 1487 หกสิบแปดล้าน

ครืน!

ท้องฟ้าคำรน มหาสมุทรคำรามพร้อมกับรัศมีจั้นยี่มังกรตัวมหึมาขดอยู่ ลวดลายจั้นเหวินหกสิบแปดล้านลายกำลังเต้นระริกอยู่บนร่างของมัน รัศมีจั้นยี่ตลบอบอวลทำเอามิติสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น…

ลวดลายจั้นเหวินหกสิบแปดล้านลาย!

เมื่อเห็นจำนวนลวดลายจั้นเหวินที่มีมากมายมหาศาล ผู้คนที่อยู่นอกเจดีย์ก็สูดอากาศเย็นสุดปอดพร้อมกับฉายสีหน้าตกตะลึง ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะประสบความสำเร็จเพียงนี้ได้…

“ไอ้เด็กบ้านั่น…”

หมัวเฮอเทียนฉายความดำมืดในดวงตากับฉากนี้ เผชิญหน้ากับลวดลายจั้นเหวินหกสิบแปดล้านลาย กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายยังต้องล่าถอย

ประจันหน้ากับพลังนี้ไม่ต้องพูดถึงซื่อหลัวเลย แม้แต่หมัวเฮอโยวก็ยังต้องถอยหนี

ยามนี้มู่เฉินคุกคามหมัวเฮอโยวได้อย่างแท้จริง

“เขายังมีไพ่ตายอยู่ในมืออีกเหรอเนี่ย?” ฝูถูเฉวียนตกใจกับฉากนี้ ตอนแรกเขาคิดว่ามู่เฉินคงจะตกที่นั่งลำบาก ที่ไหนได้ชายหนุ่มกลับพลิกโอกาสกลับมาได้อีกครั้ง

“แต่ว่ารัศมีจั้นยี่ระดับนี้เกินการควบคุมของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าซื่อหลัวจะบีบให้เขาต้องนำไพ่ตายออกมา”

ฝูถูเฉวียนเห็นน้ำตาเลือดไหลจากมุมตาของมู่เฉิน นี่เป็นเพราะรัศมีจั้นยี่รุนแรงและทรงพลังเกินไป ด้วยเหตุนี้มู่เฉินจึงไม่สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ แต่โชคดีที่เขาประสบความสำเร็จสูงไม่งั้นอาจจะตายจากพลังล้นเหลือนี่ก็ได้

ชิงเหยี่ยนจิ้งพยักหน้าเบาๆ ทอดถอนหายใจและรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว นางรู้ว่าก่อนที่พวกนางแม่ลูกจะได้พบกัน มู่เฉินบีบตัวเองอยู่ในสถานการณ์การต่อสู้ท้าทายขีดจำกัดตนเองมาตลอด

เพราะต้องใช้ชีวิตสู้เท่านั้นเขาถึงจะประสบความสำเร็จเช่นนี้

ขณะที่มหาสมุทรคำราม

ซื่อหลัวก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่มังกร แรงกดดันที่เอิบอาบทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบที่ผิวหนัง

ความกดดันมหาศาลปกคลุมไปทั่ว

“ไม่คิดว่าเจ้าจะทำถึงระดับนี้ได้…” ซื่อหลัวถอนหายใจ

มู่เฉินเช็ดน้ำตาเลือดบนแก้มแล้วคลี่รอยยิ้ม ใบหน้าเขาดูน่าขนพองสยองเกล้าเล็กน้อย “คู่ต่อสู้ทรงพลังเกินไป ดังนั้นข้าก็ต้องใช้ความแข็งแกร่งให้เต็มที่”

ตอนแรกทักษะนี้เป็นสิ่งที่เขาเก็บไว้เพื่อใช้กับหมัวเฮอโยว แต่ดันโชคร้ายมาเจอศัตรูทรงพลังอย่างซื่อหลัวก่อน ดังนั้นจึงต้องงัดไพ่ตายนี้ออกมา

“งั้นข้าก็รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก”

ซื่อหลัวยิ้มก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม แม้จะเผชิญกับแรงกดดันเช่นนี้คนอย่างเขาก็ไม่ยอมแพ้ มือประสานเข้าด้วยกัน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ขอข้าทดสอบความแข็งแกร่งของลวดลายจั้นเหวินหกสิบแปดล้านลายหน่อยเถอะ”

มู่เฉินไม่ได้พูดอะไรอีก แต่หลับตาลงและประสานมือเข้าด้วยกัน

โฮก!

มังกรคำราม ดวงตาเปล่งประกายราวกับดาวสองดวงจ้องมองไปที่ซื่อหลัว อึดใจต่อมาหางมังกรก็ฟาดลงพร้อมกับการยุบตัวของมิติ ภาพเงาขนาดใหญ่กลายเป็นคลื่นรัศมีจั้นยี่รุนแรงเล็งเป้าไปที่ซื่อหลัว

ขณะที่คลื่นกวาดลงมาก็ทำให้ทุกอย่างที่ขวางหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆ

หลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่ก่อตัวในมหาสมุทรเบื้องล่างจนน้ำไม่สามารถเติมเต็ม

โดยที่มีซื่อหลัวยืนอยู่ตรงกลาง

เมื่อมองไปที่มังกรดำดิ่งลงซื่อหลัวก็หายใจเข้าลึกๆ “ทักษะมหาวัชระ!”

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ทันใดนั้นเลือดในร่างซื่อหลัวก็เดือดพล่านพร้อมกับรัศมีแวววาว ตัวเขาเริ่มขยายขนาด ในช่วงเวลาสั้น ก็กลายเป็นยักษ์สูงร้อยจั้งที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายสีทองโบราณ เลือดสีทองไหลออกมาจากรูขุมขน

กลิ่นอายดุร้ายระเบิดออกมาจากร่างของเขา

“นั่นคือวิทยายุทธระดับเสินทงที่แข็งแกร่งที่สุดของขุมกำลังยอดวิญญาณ มีข่าวลือว่าเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าเลยทีเดียว!”

เมื่อมองไปที่ยักษ์สีทอง ความปั่นป่วนก็กวนตัวที่ด้านนอกเจดีย์พร้อมกับผู้คนจำนวนส่งเสียงฮือฮา เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครคิดว่าซื่อหลัวจะประสบความสำเร็จในการฝึกฝนทักษะเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของขุมกำลังยอดวิญญาณ

เห็นได้ชัดว่านั่นคือไม้ตายของซื่อหลัว ซึ่งถูกมู่เฉินบังคับให้ต้องใช้

โฮก!

ยักษ์สีทองคำราม วงล้อสีทองขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นระหว่างมือ เมื่อเกิดการหมุนก็ปล่อยแรงกดดันที่น่ากลัวซึ่งราวกับโล่ที่แข็งแกร่งที่สุด

ตู้ม!

รัศมีจั้นยี่กวาดข้ามขอบฟ้าก่อนที่จะซัดลงมาที่วงล้อสีทอง

ทุกคนที่อยู่นอกเจดีย์สามารถมองเห็นคลื่นกระแทกน่ากลัวแผ่ออกไปพร้อมกับรัศมีสีทองปกคลุมท้องฟ้า แม้แต่คนที่ยืนอยู่ข้างนอกยังสัมผัสได้ถึงการเผชิญหน้าที่น่ากลัว…

กระบวนท่าครั้งนี้สามารถฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นปลายได้เลยทีเดียว

“ใครชนะ?”

แต่ดวงตาทุกคู่ก็เกาะแน่นอยู่ที่กระจกขณะที่แสงสีทองพร่างพราวกินเวลาสิบกว่านาทีก่อนที่จะค่อยๆ สลายไป ทุกคนจับจ้องไปโดยไม่กะพริบตา

มหาสมุทรยุบตัวลง น้ำไม่สามารถเติมเต็มปากปล่องขนาดใหญ่ได้ น้ำราวกับน้ำตกขณะตกลงมาจากรอบด้าน…

ในปากปล่องสามารถมองเห็นร่างปกคลุมไปด้วยเลือด หัวโล้นเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวบอกว่านั่นคือซื่อหลัว

แต่ขณะนี้คลื่นหลิงรอบตัวเขาลดลง ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บหนัก

บนท้องฟ้าไกลออกไป มหาสมุทรจั้นยี่ก็เบาบางลง แต่ร่างเงาอ่อนเยาว์ยังนั่งอยู่ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน…

รอบเจดีย์วั้นกู่เงียบกริบ ทว่าผลลัพธ์นี้ชัดเจนแล้ว

เหนือมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ที่เบาบางลง มู่เฉินมองไปที่ซื่อหลัวที่หมดสติด้วยสีหน้าซีดเซียว อึดใจเขาก็กระอักเลือดออกมา

“จอมทัพมู่ นักรบมังกรดำหนึ่งหมื่นคนได้รับบาดเจ็บหนัก ต้องใช้เวลาหลายเดือนในการฟื้นตัว” เสียงของเจียงหลงดังก้อง มู่เฉินหันไปมองก็เห็นใบหน้าอีกฝ่ายซีดขาวเช่นกัน มีรอยเลือดไหลลงจากมุมปากด้วย

ครั้งนี้แม้จะเอาชนะซื่อหลัวได้ แต่กองทัพมังกรดำก็จ่ายราคามหาศาล

มู่เฉินสะบัดแขนเสื้อขวดหยกบินไปหาเจียงหลง “ในนี้มีของเหลวจื้อจุนสามร้อยล้านหยด แจกจ่ายให้ทั่ว ทุกคนต้องฟื้นตัวรวดเร็วที่สุด”

“รับทราบ!”

เจียงหลงฉายท่าทางยินดี กองทัพมังกรดำสามารถฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้นด้วยจำนวนของเหลวจื้อจุนทั้งหมดนี้

มู่เฉินโบกมือเรียกกองทัพมังกรดำกลับมา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนมองร่างที่ลอยอยู่ในมหาสมุทร

ซื่อหลัวทรงพลังอย่างแท้จริง แต่โชคดีที่เขาชนะ

มิติบิดเบี้ยวรอบร่างซื่อหลัวห่อหุ้มร่างกายนำออกจากเจดีย์วั้นกู่

พร้อมกับการหายไปของซื่อหลัว ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับแสงสีม่วงทองสายใหญ่บินออกมา

โฮก!

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของมู่เฉินเปล่งเสียงคำรามด้วยความกระหายก่อนที่ดูดกลืนลำแสงนั้น

ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ บังเกิดรัศมีสีทองบนหน้าผากของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ก่อนที่มันจะเงยหน้าขึ้นจ้องมองขึ้นไปบนสวรรค์และโลก

เมื่อมองไปที่ภาพนี้ มู่เฉินก็เหม่อลอยไป ไม่รู้ใช่ความเข้าใจผิดหรือไม่ เขารู้สึกได้ถึงแรงกระตุ้นจากร่างเทพสุริยะรันดร์ที่คิดจะสลายตนและหลอมรวมเข้ากับฟ้าดินนี้…

ความรู้สึกนั้นคงอยู่เพียงวูบเดียว มู่เฉินฟื้นสติอย่างรวดเร็วมองไปที่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ลวดลายสีทองราวกับชั้นชุดเกราะสีทองยากทำลายปกคลุมบนร่างของมัน

เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ มู่เฉินก็ยิ้มก่อนที่จะโบกมือเรียกร่างเทพสุริยะนิรันดร์กลับคืน

เขารู้สึกได้ว่ามิติโดยรอบเริ่มบิดเบี้ยวอีกครั้ง

นั่นแสดงว่าเขาผ่านชั้นนี้และกำลังจะเข้าสู่ชั้นถัดไป ซึ่งเขาใกล้จะได้แตะร่างมหาเทพนิรันดร์แล้ว!

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ดวงตามู่เฉินก็ลุกโชกด้วยไฟปรารถนา เลือดทั้งกายเหมือนจะเดือดพล่านในเวลานี้ ความโหยหาที่ไม่เคยมีมาผุดขึ้นจากส่วนลึกของจิตใจ

ร่างมหาเทพนิรันดร์!

เขารอวันนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ?

นับตั้งแต่ที่เขาเริ่มฝึกฝนร่างเทห์สวรรค์เขาก็โหยหาถึงวันนี้ แต่ในเวลานั้นเขายังอ่อนแอเกินไป จึงทำได้เพียงซ่อนความปรารถนาไว้ในใจ

หลังจากผ่านไปหลายปีในที่สุดลูกนกก็เติบใหญ่โผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

ในตอนนี้เขาเป็นจอมยุทธ์ระดับสุดยอดของมหาพันภพและมีคุณสมบัติที่จะแสดงความปรารถนาในใจของตนเอง…

มู่เฉินค่อยๆ หลับตาลง ปล่อยให้ร่างถูกห่อหุ้มด้วยคลื่นมิติบิดเบี้ยวแล้วค่อยๆ หายไป

“ร่างมหาเทพนิรันดร์ ข้ามาแล้ว”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท