บนท้องฟ้าทางช้างเผือก
หม้อกลั่นปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ ปล่อยอุณหภูมิที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
โครงกระดูกสีทองตั้งอยู่ภายใน ดูราวกับว่าหลอมมาจากโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สามารถทำลายได้ ปลดปล่อยรัศมีอมตะหนาแน่น
มีอักขระโบราณอยู่บนโครงกระดูก ให้ความรู้สึกว่าโครงกระดูกนี้ถูกสร้างขึ้นในยุคแรกของโลก
แต่ถึงแม้จะเป็นโครงกระดูก แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวาที่เลือนลางภายใน
ด้านนอกหม้อกลั่นจิตวิญญาณเจดีย์วั้นกู่ก็พยักหน้าเบาๆ ท่าทางเคร่งขรึมลง อึดใจเขาก็สะบัดแขนเสื้อหมอกสีม่วงทองรวมตัวกันจากสภาพแวดล้อม หมอกนี้ก็คือแก่นอมตะที่บริสุทธิ์มาก
เมื่อหมอกพุ่งลงไปในหม้อกลั่นก็ห่อหุ้มโครงกระดูก อวัยวะภายในเริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย…
กระบวนการสร้างขึ้นใหม่เชื่องช้ามาก ผ่านไปหลายวันก็มีเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้นที่เกิดขึ้น
ทว่าเลือดเนื้อที่สร้างขึ้นใหม่ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เนื้อเยื่อบรรจุไปด้วยไอสีม่วงทองซึ่งทำให้ดูเหมือนลึกลับซับซ้อนนัก
เมื่อจิตวิญญาณเจดีย์วั้นกู่เห็นฉากนี้ก็พยักหน้าเบาๆ ขั้นตอนต่อไปคือการหลอมรวมเนื้อหนังและเมื่อเสร็จสิ้น มู่เฉินจะได้รับกายานิรันดร์ที่แท้จริง
แน่นอนว่านี่ไม่ได้เป็นนิรันดร์แท้จริง แต่แสดงถึงการปรับแต่งร่างกายในระดับที่สูงขึ้น แม้แต่ในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งในมหาพันภพก็มีคนจำนวนไม่มากนักที่จะก้าวไปถึงขั้นตอนนี้ได้
จิตวิญญาณเจดีย์วั้นกู่หลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราเพื่อรอร่างกายมู่เฉินที่จะฟื้นขึ้นมาใหม่
การรอคอยนี้กินเวลาไปอีกหนึ่งปีเต็ม
เมื่อจิตวิญญาณเจดีย์วั้นกู่เปิดดวงตาขึ้นอีกครั้งกล้ามเนื้อครึ่งหนึ่งบนโครงกระดูกก็สร้างขึ้นใหม่เสร็จสมบูรณ์พร้อมกับผิวหนังเริ่มก่อตัว
นอกจากนั้นยังมีแรงกดดันเลือนรางกำจายออกมาจากร่างกายที่สร้างขึ้นใหม่ด้วย
จิตวิญญาณเจดีย์วั้นกู่สามารถบอกได้ว่ากายานิรันดร์ของมู่เฉินมาถึงเก้าส่วนแล้ว จากนี้ก็ต้องรอสร้างผิวหนังให้เสร็จสิ้นสำหรับร่างกายอันทรงพลัง…
เวลาผ่านไปกว่าสี่เดือน
ขณะที่มู่เฉินอยู่ในเจดีย์วั้นกู่ ในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมาสิ่งที่เกิดขึ้นในเผ่าหมัวเฮอก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนทั่วมหาพันภพ
นั่นเป็นเพราะไม่มีใครคิดว่าแรงกดดันภายนอกเจดีย์จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป มากจนแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนหลายคนยังรู้สึกหายใจไม่ออก
หมัวเฮอเทียนยืนอยู่บนแท่นโดยไม่มีการแสดงออกใดๆ พร้อมกับจอมยุทธ์สามสิบคนยืนอยู่ข้างหลัง ทำให้เกิดความผันผวนยิ่งใหญ่ สวรรค์และโลกสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น เนื่องจากทุกคนล้วนอยู่ในระดับเทียนจื้อจุน!
จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนสามสิบคน!
นี่คือรากฐานของเผ่าหมัวเฮอที่สร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับขั้วอำนาจอื่นได้ ขั้วอำนาจธรรมดาสามัญจัดตั้งขึ้นได้ด้วยจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนหนึ่งเดียว แต่เผ่าหมัวเฮอมีถึงสามสิบคน!
แน่นอนว่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนทั้งสามสิบคนไม่ได้น่าตกใจที่สุด แต่เป็นชายชราสองคนที่ถือไม้เท้าสีขาวและสีดำสองคนที่ยืนห่างจากหมัวเฮอเทียนครึ่งก้าว
ใบหน้าของพวกเขาเหี่ยวย่นตามวัย ดวงตาลึก ความกดดันที่เล็ดลอดออกมาทำให้แม้แต่แผ่นโลกยังส่งเสียงคราง
ทั้งสองคนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง!
เมื่อรวมหมัวเฮอเทียนเข้าไปก็มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งสามคน ทั้งหมดจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนสามสิบคน นี่เป็นพลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าหมัวเฮอ ซึ่งพวกเขาได้เปิดเผยต่อหน้าสาธารณะชนครั้งนี้…
อีกด้านหนึ่งก็มีจอมยุทธ์ยี่สิบกว่าคน โดยที่สองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็คือชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียน ที่เยื้องไปด้านหลังเป็นเฉวียนกวาง มั่วถงและชิงเทียน รวมทั้งเหล่าผู้อาวุโสขุมพลังเทียนจื้อจุนคนอื่นๆ
เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้วที่ชิงเหยี่ยนจิ้งและหมัวเฮอเทียนยืนประจันหน้ากันในบรรยากาศตึงเครียด อีกทั้งเผ่าหมัวเฮอก็ส่งคนข่มขู่อยู่ตลอด ทว่าคนอย่างชิงเหยี่ยนจิ้งก็ไม่ได้ขาดอะไร นางใช้อำนาจในฐานะผู้อาวุโสใหญ่เรียกระดมพลจอมยุทธ์เผ่าฝูถูมา
ทั้งสองเผ่ายืนเผชิญหน้ากันสร้างแรงกดดันที่น่ากลัวซึ่งทำให้ผืนฟ้าและผืนดินโยกคลอน
ณ เวลานี้เมืองวั้นกู่ไร้ผู้คนเนื่องจากทุกคนอดทนไม่ไหว เพียงแค่ความกดดันจากทั้งสองเผ่าอย่างเดียวก็ทำให้พวกเขาหายใจไม่ได้แล้ว
ดังนั้นขั้วอำนาจเหล่านี้จึงวิ่งออกไปตั้งหลักไกลๆ เพราะเกรงว่าอาจถูกลากเข้าไปในสงครามครั้งนี้ด้วย…
“เกือบครึ่งปีแล้ว…”
หมัวเฮอเทียนมองไปที่เจดีย์วั้นกู่พร้อมกับแสงน่ากลัวและเกรี้ยวกราด “มันซ่อนตัวทำอะไรอยู่ข้างในกันแน่?!”
ตอนแรกเขาคิดว่ามู่เฉินจะซ่อนตัวอยู่ในนั้นไม่เกินหนึ่งเดือน แต่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แม้ว่าจะเป็นเวลาครึ่งปีแล้วก็ตาม
“ใจเย็นๆ” ชายชราถือไม้เท้าสีดำกล่าวปลอบโยนก่อนที่จะพูดต่อ “เราได้ปิดทางหนีทั้งหมดแล้ว ไอ้เด็กเหลือขอนี่ไม่สามารถวิ่งหนีออกไปได้ หากมันคิดจะอยู่ข้างในตลอดชีวิต เผ่าหมัวเฮอก็จะรอคอยอยู่เป็นเพื่อนมัน”
“ใช่ เผ่าหมัวเฮอพิทักษ์ร่างมหาเทพนิรันดร์มาหลายหมื่นปี เราจะปล่อยให้ร่างมหาเทพปฐมกาลนี้ตกอยู่ในมือของคนนอกไม่ได้เด็ดขาด!” ชายชราถือไม้เท้าสีขาวกล่าวเสียงเย็นชา
หมัวเฮอเทียนพยักหน้าปรายตามองไปที่เผ่าฝูถูกล่าวเสียงเย็นเยียบว่า “ดูเหมือนว่าเผ่าฝูถูยืนกรานที่จะเปิดสงครามกับเรา”
ดวงตาของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทั้งสองเย็นเยือกลงก่อนจะพูดต่อ “ไม่ต้องห่วง หากพวกมันไม่รู้จักกาลเทศะ ก็ให้พวกมันได้ลิ้มรสว่าทำไมเผ่าหมัวเฮอถึงแข็งแกร่งที่สุดในห้าเผ่าโบราณ!”
ฝั่งเผ่าฝูถู
“ผู้อาวุโสใหญ่แน่ใจหรือว่าเราจะเผชิญหน้ากับเผ่าหมัวเฮอที่นี่? พลังของพวกเราอ่อนแอกว่าพวกเขาหลายส่วนนะ” เฉวียนกวางพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด ขณะมองไปที่การรวมตัวที่น่ากลัวของเผ่าหมัวเฮอ
“ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นอาณาเขตของเผ่าหมัวเฮอด้วย…” มั่วถงกล่าวเสริม
พวกเขาสองคนเคยมีความแค้นกับมู่เฉินในอดีต ดังนั้นจึงไม่เต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับเผ่าหมัวเฮอเพื่อช่วยชายหนุ่ม
ชิงเหยี่ยนจิ้งมองไปที่ทั้งสองอย่างเย็นชาพลางตอบว่า “พวกเจ้ากลับไปได้เลยถ้าไม่เต็มใจที่จะอยู่ที่นี่”
เฉวียนกวางและมั่วถงชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่จะเงียบเสียงลง เพราะถึงยังไงพวกเขาก็เป็นสมาชิกของเผ่าฝูถู ต่อให้พวกเขาต้องการไปแต่เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาก็ไม่เต็มใจแน่นอน เพราะแม้จะแบ่งตระกูล แต่พวกเขาก็อยู่เผ่าเดียวกัน ดังนั้นจะรอดหรือตายก็ต้องไปด้วยกัน
“อย่าพูดไร้สาระ ตอนนี้มู่เฉินคือประมุขคนใหม่เผ่าฝูถู ดังนั้นเราต้องปกป้องเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!” ฝูถูเฉวียนเค้นเสียงอย่างเย็นชา
เฉวียนกวางและมั่งถงเบ้ปาก พวกเขาหมายมั่นปั้นมือกับตำแหน่งประมุขมานานหลายปี แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกต่อต้านเล็กน้อยที่จู่ๆ ตำแหน่งนี้จะหล่นใส่มือมู่เฉิน
ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากมู่เฉินเป็นเจ้าของร่างมหาเทพนิรันดร์ พวกเขาทราบถึงความสำคัญของร่างมหาเทพปฐมกาลดี หากมู่เฉินได้ครอบครองต่อจากนี้ก็ไม่ต้องกลัวแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง
ในแง่ของพลังมู่เฉินมีคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่งประมุขจริงๆ
ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนสายตากันจากนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการจัดการที่ดีก็อาจทำให้ทั่วมหาพันภพสั่นสะเทือนได้…
“เรื่องนี้จัดการได้ยากเสียจริง…”
ฟู่ ฟู่!
เปลวไฟสีม่วงทองส่งเสียงดังฉ่าๆ หมอกไร้ขอบเขตเทลงในหม้อหม้อกลั่นอย่างไม่รู้จบ
รังไหมสีม่วงทองที่ก่อตัวขึ้นภายในหม้อกลั่นก็สั่นสะท้าน เปลือกตาของร่างเงาภายในกระตุกเบาๆ ก่อนจะเปิดขึ้น หลังจากปิดลงเป็นเวลาห้าปี
ชี่!
เมื่อเขาลืมตาขึ้นลำแสงสองสายก็พุ่งผ่านหม้อกลั่นออกไปไกลกว่าหลายแสนจั้งก่อนที่จะค่อยๆ สลายไป
เขาเปิดปากกลืนกินหมอกสีม่วงทองที่เหลือทั้งหมดเข้าสู่ร่างกาย
เมื่อหมอกค่อยๆ หายไป ร่างมนุษย์คนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากภายในหม้อกลั่น ผิวขาวของเขาเรียบรื่น เส้นขนบนร่างกายเอิบอาบไปด้วยแสงสีม่วงทองเบาบางพร้อมกับรัศมีนิรันดร์ไหลเวียนอยู่รอบตัว ทำให้เขาดูลึกลับอย่างยิ่ง
มู่เฉินก้มศีรษะลงมองก็อึ้งไปเมื่อเห็นร่างเนื้อใหม่ เขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ไม่เคยมีมาก่อนภายในร่างกาย เขาก็เงยหน้าขึ้นส่งเสียงคำราม
ตู้ม ตู้ม!
ผืนฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวสั่นสะเทือนพร้อมกับเสียงคำราม
เมื่อจิตวิญญาณเจดีย์วั้นกู่เห็นฉากนี้ รอยยิ้มพอใจก็ผุดขึ้นบนริมฝีปาก
ห้าปีแห่งสมาธิ ในที่สุดมู่เฉินก็บรรลุ…กายานิรันดร์
ที่ด้านนอกเจดีย์
ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนต่างเงยหน้าขึ้นมองไปที่เจดีย์ พวกเขาได้ยินเสียงคำรามแว่วมาจากในเจดีย์
“ในที่สุดก็มีความเคลื่อนไหวแล้ว!”
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป บรรยากาศตึงเครียดระอุขึ้น
ที่นอกเมืองผู้คนที่เฝ้ามองก็สูดอากาศเย็นอัดปอด การเผชิญหน้าที่หยุดชะงักมาครึ่งปีในที่สุดก็จะปะทุขึ้นในวันนี้แล้ว…