หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1506 ศึกขั้นเทพ

บทที่ 1506 ศึกขั้นเทพ

ฝ่ามือทองคำกดลงมา

ประหนึ่งเทพทำลายล้าง ราวกับว่าสิ่งที่อยู่ข้างใต้จะลดลงเหลือเพียงเถ้าธุลี

นี่คือการหลอมรวมสมบูรณ์แบบระหว่างกายาเซิ่งและพลังระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลางของมู่เฉิน ในแง่ของพลังอำนาจแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งธรรมดาก็ไม่สามารถปะทะตรงๆ ได้

ที่นอกเมืองทุกคนมองมาที่มู่เฉินด้วยความหวั่นเกรงและหวาดกลัวในสายตา

ใบหน้าของหมัวเฮอโยวเขียวคล้ำ ขณะเดียวกันความหวาดกลัวและความไม่เต็มใจพล่านในสายตา ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งปีก่อนมู่เฉินสามารถต่อสู้กับเขาได้สูสีเท่านั้น แต่ช่องว่างระหว่างพวกเขาตอนนี้คือหุบเหวกว้างใหญ่…

การโจมตีกระบวนท่านี้จากมู่เฉินสามารถทำลายล้างเขาได้เป็นพันครั้งเลยทีเดียว

“ไอ้บ้านี่คิดว่าจะเอาชนะพี่ชายข้าได้ด้วยสิ่งนี้หรือ? ฝันเฟื่อง!” ใบหน้าของหมัวเฮอโยวดูน่ากลัวสายตาจ้องมองไปที่ท้องฟ้าด้วยความคาดหวังว่าพี่ชายตนจะสามารถบดขยี้มู่เฉินให้แหลกลาญได้

ภายใต้สายตาของทุกคน หมัวเฮอเทียนเผยร่องรอยความเคร่งขรึมในสายตา เมื่อมองไปที่ฝ่ามือ การโจมตีกระบวนท่านี้ของมู่เฉินทำให้เขารู้สึกว่าถูกคุกคาม

“ประมาทไอ้เด็กคนนี้ไม่ได้จริงๆ”

หมัวเฮอเทียนพึมพำกับตัวเอง เผชิญหน้ากับมู่เฉินที่เต็มกำลัง แม้แต่ตัวเขาก็ไม่กล้าลังเล เขาหายใจเข้าลึกรัศมีสีดำขาวก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายก่อตัวเป็นกำแพงแข็งแกร่งห่อหุ้มเขาไว้ภายใน

“ปราการวิญญาณหมัวเฮอ!”

เสียงลึกต่ำดังก้องขณะที่ลูกทรงกลมสีดำขาวลอยอยู่บนท้องฟ้าเอิบอาบความเจิดจรัสยิ่งใหญ่

ปราการวิญญาณหมัวเฮอเป็นวิทยายุทธระดับเสินทงในการป้องกันที่ยอดเยี่ยมของเผ่าหมัวเฮอ นี่เป็นสิ่งที่สามารถขัดขวางการโจมตีของจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันได้เลยทีเดียว

ตู้ม!

ฝ่ามือใหญ่กดลงมากระแทกเข้ากับลูกทรงกลมสีดำขาวจังใหญ่ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน ทันใดนั้นสวรรค์และโลกก็เงียบงัน…

บนท้องฟ้าสูง มิติล้วนแตกสลายราวกับกระจก ชิ้นส่วนมิติตกลงจากฟ้า…

ภายใต้พายุบ้าคลั่ง ลูกทรงกลมก็ราวกับหินผายิงเข้าไปในเมืองวั้นกู่

ครืนๆๆๆ!

ทั้งเมืองเริ่มวินาศสันตะโรพร้อมกับความผันผวนทำลายล้างแพร่กระจายออกไป อาคารบ้านช่องในเมืองพังยับเยินในเวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจ ก่อนที่เมืองวั้นกู่จะเหลือเพียงซากปรักหักพัง

มีเพียงหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่ที่ไร้ก้นบึ้งอยู่ใจกลางเมือง

เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ พวกเขารู้ว่าจอมยุทธ์ทั้งสองคนออมฝีมือไว้ มิฉะนั้นพื้นที่ภายในรัศมีแสนลี้คงจะกลายเป็นมิติเวิ้งว้างไปแน่

ดวงตาคมกริบของมู่เฉินราวกับเหยี่ยวขณะมองไปที่ปากปล่อง รัศมีสีทองรอบตัวเขาวูบไหวสะท้อนบนร่างกาย

“สมกับเป็นประมุขเผ่าหมัวเฮอ จัดการยากซะจริง…”

มู่เฉินพึมพำขณะมองไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

การโจมตีก่อนหน้านี้บรรจุพลังทั้งหมดของเขา แต่เขารู้สึกได้ว่าหมัวเฮอเทียนสามารถต้านทานไว้ได้

ลำแสงสายหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทุกคนเห็นลูกทรงกลมสีดำขาวลอยคว้าง

ลูกทรงกลมนี้เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวราวกับว่ากำลังจะทลายลง ทว่าก็ไม่ได้แตกเป็นเสี่ยงๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการป้องกันที่น่ากลัว

แกร็ก

เมื่อรอยแตกกระจายไปทั่วบนพื้นผิวลูกทรงกลมก็ค่อยๆ สลายไป ภาพเงาของหมัวเฮอเทียนปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของทุกคนอีกครั้ง

หมัวเฮอเทียนยืนอยู่บนท้องฟ้าไม่ได้รับบาดเจ็บใด ไม่แม้แต่เสื้อผ้าจะเสียหาย แต่ว่ากลับมีแสงน่าขนพองสยองเกล้าวูบวาบในดวงตา

เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของมู่เฉิน ขนาดตัวเขายังถูกบังคับให้ต้องใช้การป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด

ตัวเขาเป็นใคร? เขาเป็นประมุขเผ่าหมัวเฮอที่ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของมหาพันภพ ครึ่งปีก่อนมู่เฉินไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะโดดเด่นแค่ไหนก็เป็นเพียงมดปลวกในสายตา

เพราะเขาสามารถบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย

แต่หลังจากผ่านไปเพียงครึ่งปี มดตัวนั้นกลับบังคับให้เขาต้องใช้วิชาป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด

นี่เป็นความอัปยศสำหรับหมัวเฮอเทียน

ทว่าสติบอกว่าเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานแน่หากยังคิดประเมินมู่เฉินต่ำต่อไป…

ฮา

หมัวเฮอเทียนหายใจเข้าลึกระงับความโกรธที่สะท้อนอยู่ในดวงตา ความดูถูกก็ถูกเก็บลงไปหมด ใบหน้ากลับสู่ความเย็นชาอีกครั้ง

ทว่ามู่เฉินรู้สึกได้ว่าหมัวเฮอเทียนได้หมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างกายอย่างสมบูรณ์แบบและไม่สนใจอารมณ์อื่นใด อีกฝ่ายเข้าสู่สภาวะพร้อมรบแล้ว

นั่นหมายความว่าตอนนี้หมัวเฮอเทียนปฏิบัติกับเขาเท่าเทียมกันแล้ว

“ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเขาถึงสามารถต่อสู้กับเทพจักรพรรดิอัคคีในตอนนั้นได้…” เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น ดวงตาของมู่เฉินก็สั่นระริก ชื่อเสียงของหมัวเฮอเทียนไม่ใช่เรื่องโม้ ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาสามารถมองเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจนและเข้าสู่สภาพพร้อมรบ แสดงให้เห็นว่าจิตใจของเขาทั้งมั่นคงและไม่สั่นคลอน

“มู่เฉิน เจ้ามาถึงระดับนี้ได้ด้วยอายุเพียงนี้ พรสวรรค์และจิตใจที่ตั้งมั่นเหนือล้ำไปกว่าทุกคน ถ้าให้เวลาอีกสักหน่อย เจ้าอาจมีตำแหน่งในจุดสูงสุดของมหาพันภพ”

“แต่นั่นจะไม่ใช่วันนี้ เผ่าหมัวเฮอของข้าพิทักษ์ร่างมหาเทพนิรันดร์มาเป็นเวลาหลายหมื่นปี ดังนั้นเราไม่อนุญาตให้ใครมาทำให้แปดเปื้อนได้!”

ม่านตาของหมัวเฮอเทียนหมุนเวียนด้วยสีดำและสีขาว ขณะที่เสียงไม่แยแสดังก้องออกมาพร้อมกันนั้นคลื่นหลิงทรงพลังก็รวมตัวกัน ก่อตัวเป็นมหาสมุทรเชี่ยวกรากที่ข้างหลัง

มหาสมุทรกลิ้งตัวไปมา ผืนฟ้าและผืนดินสั่นสะเทือน

หมัวเฮอเทียนคำราม กลืนกินมหาสมุทรคลื่นหลิง จากนั้นทุกคนก็เห็นร่างกายเขาเปลี่ยนเป็นผลึกบริสุทธิ์ ทว่าแบ่งเป็นสีดำและสีขาว ดูอัศจรรย์ใจยิ่งนัก

แรงกดดันที่น่ากลัวเอิบอาบไปทั่วร่าง ทำให้มิติสั่นสะเทือนจากแรงกดดันนี้

“กายาหลิงเซิ่ง…”

เมื่อมองไปที่ฉากนี้ท่าทางของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด จากระดับหนึ่งกายาหลิงเซิ่งก็เป็นพลังกายที่ทรงประสิทธิภาพนัก ทว่าก็ยังด้อยกว่ากายานิรันดร์ของเขาเนื่องจากไม่ใช่พลังกายที่บริสุทธิ์ นี่เป็นการหลอมรวมระหว่างคลื่นหลิงกับพลังกายเพื่อนำการเปลี่ยนแปลงชั่วคราวมาสู่ร่างกาย

แม้ว่ากายาหลิงเซิ่งจะด้อยกว่ากายานิรันดร์ แต่เมื่อบวกกับขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางของหมัวเฮอเทียนก็ยังคงน่ากลัวจนอธิบายไม่ได้

ปัง!

หมัวเฮอเทียนทะยานเข้ามา มิติถูกฉีกออก เขามาปรากฏตัวเบื้องหน้ามู่เฉิน หมัดกวาดซัดผ่านขอบฟ้าพุ่งเข้าใส่มู่เฉิน

เมื่อมองฉากนี้ ดวงตาของมู่เฉินก็กะพริบก่อนที่จะยกแขนขึ้นกันเป็นรูปกากบาทพร้อมกับรัศมีสีทองที่ไหลเวียน

ตึง!

เสียงอื้ออึงจากการปะทะกันดังขึ้นพร้อมกับคลื่นกระแทกใหญ่ ร่างมู่เฉินสั่นสะท้านแล้วปลิวออกไปหมื่นจั้ง

วาบ!

ก่อนที่มู่เฉินจะทรงตัวได้ ภาพเงาของหมัวเฮอเทียนก็ปรากฏขึ้นและเริ่มโจมตี

ตึง ตึง ตึง!

ในเวลาสิบกว่าลมหายใจ มู่เฉินและหมัวเฮอเทียนก็ปะทะกันหลายร้อยกระบวนท่า นอกจากนี้มู่เฉินดูเหมือนจะถูกปราบ เนื่องจากหมัวเฮอเทียนนำพลังระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางออกมาใช้อย่างเต็มที่

“ขุมพลังหลิงของมู่เฉินอ่อนแอเกินไป แม้ว่าพลังกายจะทรงศักยภาพ แต่เขาก็ไม่มีสามารถเทียบได้กับหมัวเฮอเทียน” ฝูถูเฉวียนแสดงความคิดเห็นขณะที่มองการต่อสู้

เมื่อเฉวียนกวางและมั่วถงได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่น ‘ขนาดนี้ยังไม่พอใจอีกหรือ? ครึ่งปีก่อนมู่เฉินไม่สามารถประลองกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขาสามารถต่อสู้กับหมัวเฮอเทียนถึงระดับนี้ ท่านผู้เฒ่ายังต้องการอะไรอีก?’

ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้มหวาน “ในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว เฉินเอ๋ออาจจะถูกปราบปรามโดยหมัวเฮอเทียน แต่อย่าลืมทักษะเทพที่เฉินเอ๋อเชี่ยวชาญ…”

ฝูถูเฉวียนอึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่จะหดดวงตา เนื่องจากเขาเห็นมู่เฉินหยุดลงฉับพลัน ก่อนที่ลำแสงสีดำและสีขาวจะพุ่งออกมาจากร่างกลายเป็นอีกสองร่างยืนเคียงกัน

วิชาสามพิสุทธิ์!

ตอนนี้มู่เฉินทั้งสามยืนอยู่บนท้องฟ้า นอกเหนือจากร่างหลักแล้ว ร่างรองทั้งสองก็ยังเปล่งประกายด้วยแสงสีทอง เห็นได้ชัดว่ามีกายาเซิ่งด้วยเช่นกัน

นี่คือจุดทรงพลังของวิชาสามพิสุทธิ์ ไม่ว่าร่างหลักจะครอบครองสิ่งใดก็จะส่งต่อให้ร่างรองเสมอ

ชี่!

เสียงแหลมบาดแก้วหูมาถึงที่เบื้องหน้า หมัวเฮอเทียนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับรัศมีสีดำขาวจากกำปั้นไหลเวียนประหนึ่งกระแสน้ำวน

แต่คราวนี้มู่เฉินไม่ได้ถอยเมื่อเผชิญหน้ากับหมัวเฮอเทียน เขาแผดสียงคำราม ร่างทั้งสามก็ชกหมัดออกไป หมัดและฝ่ามือปะทะกัน

ตึง!

คลื่นกระแทกพัดออกมา แต่ทุกคนต่างตกตะลึงในครั้งนี้ เพราะมู่เฉินไม่ได้ถอยออกไปแม้แต่ครึ่งก้าว…

ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนเคร่งขรึม แต่ก็ยังปล่อยการโจมตีและภาพมายาออกมาไม่หยุด

มู่เฉินทั้งสามนำกายาเซิ่งเร้าไปถึงจุดสุดยอด เผชิญหน้ากับการโจมตีเหล่านั้น

ทั้งโลกพลิกผันจากการปะทะยกนี้

ไม่กี่นาทีต่อมาหมัวเฮอเทียนก็ถอยออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นั่นเป็นเพราะเมื่อมู่เฉินใช้วิชาสามพิสุทธิ์ก็สามารถสู้กับเขาโดยไม่เสียเปรียบแล้ว

เผชิญหน้ากับมู่เฉินแบบนี้ แม้แต่กายาหลิงเซิ่งของเขาก็ไม่สามารถได้เปรียบ

หมัวเฮอเทียนหายใจเข้าลึกๆ มือประสานเข้าด้วยกันพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออกมา ในเวลาเดียวกันยักษ์สีดำขาวก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา

สายตานับไม่ถ้วนมองไปที่ร่างมหึมาด้วยความตกใจพร้อมกับเสียงอุทานตามมาอย่างรวดเร็ว

“นั่นคือ… อันดับแปดในทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง… ร่างเทพมหันต์!”

“หมัวเฮอเทียนถูกบังคับมาถึงจุดนี้แล้วเชียว…”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท