ตู้ม ตู้ม!
ขณะที่ร่างมนุษย์ปีศาจยืนอยู่บนท้องฟ้า แรงกดดันที่น่ากลัวก็ปลดปล่อยออกมาทำเอาฟ้าดินขมุกขมัวลง เหล่าจอมยุทธ์ที่อยู่บนโลงศพต่างมองดูด้วยสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม พวกเขาตกใจจากแรงกดดันของปีศาจที่เกิดขึ้นนี่
แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งบางคนก็ยังขมวดคิ้วด้วยความกังวล เจียงหยาทรงพลังมาก กระทั่งอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางก็ยังอยู่ในอันดับต้น ๆ
เมื่อเผชิญหน้ากับนักรบแบบนี้แม้แต่หมัวเฮอเทียนก็เปรียบไม่ได้ เว้นแต่เขาจะใช้ขวดมหาเพลิงวารีเท่านั้น
มู่เฉินที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าก็ฉายท่าทางเคร่งเครียดเมื่อมองไปที่นักรบมนุษย์ปีศาจ เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายมากล้น
“ตู้ม!”
ขณะที่มู่เฉินจ้องเขม็ง เจียงหยาก็ปล่อยเสียงคำรามออกมาแล้วฟาดหมัดออกไป รัศมีสีม่วงดำกวาดเข้าพร้อมกับความดุร้ายที่ไม่อาจอธิบายได้ลอยหวือเข้าหามู่เฉินราวกับอุกกาบาต
ทุกหมัดสามารถทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะต้นบาดเจ็บได้เลยทีเดียว
เผชิญหน้ากับการโจมตีของเจียงหยา มู่เฉินก็ไม่กล้าที่จะลังเลส่งเสียงคำรามออกมา ร่างมหาเทพนิรันดร์ที่อยู่ข้างหลังลุกขึ้นยกฝ่ามือปะทะกับหมัดดุร้าย
ปัง ปัง ปัง!
พลังสองสายปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้มิติพังทลายลงพร้อมกับเศษเสี้ยวมิตินับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นพื้นที่ผิดเพี้ยน แม้แต่จอมยุทธ์บางคนที่อยู่ใกล้ๆ ก็ต้องล่าถอยเพราะกลัวว่าจะถูกกวาดเข้าไปด้วย
ทั้งสองโจมตีใส่กันไม่หยุดยั้ง ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ปะทะกันมากกว่าพันกระบวนท่าแล้ว ทว่าก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะหาผู้ชนะ
โฮก!
เมื่อการต่อสู้ดำเนินต่อไป เจียงหยาก็ยิ่งโกรธเกรี้ยวพลางคำรามไม่หยุด ดวงตาเขามองผ่านชั้นสีม่วงดำจับจ้องไปที่ร่างมู่เฉิน
เขายกฝ่ามือขึ้น ดวงตาสีม่วงดำก็เบิกกว้างเต็มที่พร้อมกับรัศมีและความผันผวนน่ากลัวระเบิดออก
มองไปที่นัยน์ตาสีม่วงดำคู่นั้น มู่เฉินก็รู้สึกเย็นเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง นี่ช่างคุกคามนัก เห็นได้ชัดว่าเจียงหยาชักอดรนทนไม่ไหว กำลังเร้ากระบวนท่าขั้นสุดยอดออกมา
“สารเลวตายซะ!”
เจียงหยาคำราม อึดใจก็ยกฝ่ามือขึ้นดวงตาสีม่วงดำจับจ้องไปที่มู่เฉินพร้อมกับรัศมีสีม่วงดำควบแน่นตัวรุนแรง ทำให้มิติโดยรอบพังทลายลง
“ดวงตาวิญญาณปีศาจ แสงปีศาจสังหารเทพ!”
เสียงคำรามดังก้องพร้อมกับจิตสังหาร อึดใจลำแสงสีม่วงดำก็ยิงออกมา
ทันทีที่ลำแสงปรากฏก็วาบหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทว่ามู่เฉินกลับรู้สึกเจ็บแปลบที่ผิวหนังเนื่องจากอันตรายที่ซ่อนอยู่ สีหน้าเขาเคร่งขรึมพร้อมกับแสงวูบไหวในนัยน์ตา แม้ว่าโดยรอบจะเงียบสงบ แต่เขาสัมผัสได้ถึงลำแสงที่ซ่อนอยู่ในความว่างเปล่า ช่วงเวลาที่เขาเปิดเผยข้อบกพร่องเล็กน้อยเขาก็จะถูกฆ่า
“เป็นท่าไม้ตายที่ทรงพลังจริงๆ”
สายตาของมู่เฉินเคร่งขรึมลง เผ่าเสียหลิงคู่ควรครอบครองคุณลักษณะของทั้งสองเผ่าพันธุ์ การโจมตีครั้งนี้อาจเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่าในตำนานเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมองไม่เห็นและซ่อนอยู่ในความว่างเปล่า ดังนั้นจึงทำให้ยากที่จะป้องกัน
มู่เฉินรู้ดีว่าหากตนเองพยายามปลดปล่อยการโจมตี แม้ว่าจะจัดการทำลายพวกมันได้บางส่วน แต่ช่องโหว่ของเขาก็จะถูกเปิดเผยให้เห็น เผชิญหน้าลำแสงเหล่านั้นเขาไม่กล้าพอที่จะรับพวกมันแม้จะมีกายาเซิ่งก็ตาม
“พลานุภาพเหลือรับ…”
สายตาของมู่เฉินวูบไหว อึดใจก็สูดหายใจเข้าลึกและนั่งลงบนท้องฟ้า ในเวลาเดียวกันร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ทำเหมือนกันด้วย
“คัมภีร์โบราณปู้สิ่ว!”
ขณะที่ทั้งสองนั่งลง ทั้งร่างมหาเทพนิรันดร์และมู่เฉินก็เปิดปากขึ้นพร้อมกัน เสียงบทสวดโบราณเริ่มดังก้องไปทั่ว
บทสวดเก่าแก่มากราวกับว่าเป็นเสียงธรรมชาติเมื่อโลกถูกสร้างขึ้น
คลื่นกระแทกกระเพื่อมไม่หยุดยั้ง โดยมีมู่เฉินเป็นศูนย์กลางการกระจายออกไปรอบๆ
ความว่างเปล่าเริ่มแปรปรวน ลำแสงที่ซ่อนอยู่ก็เริ่มพังทลายเมื่อสัมผัสกับคลื่นเสียงที่กระจายออกไป
ภายใต้ชุดเกราะใบหน้าของเจียงหยาก็เปลี่ยนไปด้วยความไม่เชื่อ เขาไม่เคยคิดว่ามู่เฉินจะสามารถตั้งรับกระบวนท่าสูงสุดของเขาได้ ต้องรู้ว่าต่อให้เป็นเหล่าประมุขสามสิบสองเผ่าใหญ่ นอกจากน้อยคนอย่างจอมปีศาจเซิ่งเทียน อั้นเทียน ประมุขคนอื่นๆ ก็ยังกลัวจนหัวหดเลย
แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรกับมู่เฉินซึ่งเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนได้!
“ไป!”
แม้จะตกตะลึงในหัวใจ แต่เจียงหยาก็ไม่กล้าลังเล ลำแสงที่ซ่อนอยู่ในมิติพุ่งเข้าหามู่เฉินทันที
ฮึ่ม!
ทว่าเมื่อคลื่นเสียงขยายตัวก็ไม่มีการเปิดเผยข้อบกพร่องใดๆ ดังนั้นแม้ลำแสงจะพยายามโจมตีอย่างไร แต่ก็สลายไปโดยคลื่นเสียง
เพียงไม่กี่สิบลมหายใจอันตรายที่ใกล้เข้ามาก็สลายหายไปโดยคลื่นเสียง
ชี่ ชี่!
มิหนำซ้ำส่วนที่เหลือของคลื่นเสียงยังครอบเจียงหยาที่อยู่ในระยะไกล ทำให้ร่างกายเขาสั่นสะท้าน เกิดเส้นสีดำลึกกระจายอยู่บนชุดเกราะ ราวกับถูกเฉือน รอยเลือดสดไหลออกมา หน้ากากบนใบหน้าก็ค่อยๆ ล่วงหล่น เผยให้เห็นใบหน้าซีดขาว
มู่เฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้น สายตาเขายังคงสงบ-ลึกซึ้ง-ไม่อาจหยั่งรู้ได้
“มหาพันภพเป็นสถานที่ที่มีมังกรซ่อนพยัคฆ์หมอบแท้จริง แม้แต่จอมยุท์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ทรงพลังมาก” เจียงหยามองไปที่มู่เฉินขณะเสียงแหบพร่าดังก้อง
มู่เฉินฉายสีหน้าสงบน้ำเสียงเฉยเมยสะท้อนออกมา “ออกจากดินแดนวั้นมู่ไปซะ ศัตรูของมหาพันภพคือจักรวรรดิปีศาจไม่อยากนำไปยุ่งเกี่ยวกับผู้อื่น”
เจียงหยาส่ายหัว “พวกเจ้าไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้หรอก”
“เจ้าทรงพลังนัก ดังนั้นข้าต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อเอาชนะให้ได้เท่านั้น”
เจียงหยาไม่ได้พูดอีกต่อไป แต่จ้องมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา มือของเขาประสานเข้าด้วยกันกลายเป็นตราประทับแปลกประหลาดพร้อมกับเสียงดังก้องในความว่างเปล่า
“เปลี่ยนแปรวิญญาณปีศาจ!”
พูดจบ เขาก็อ้าปากดูด เกราะบนร่างเริ่มละลายกลายเป็นของเหลวถูกดูดเข้าไปในร่าง
ปัง ปัง ปัง!
การระเบิดดังก้องออกมาจากภายในร่างกายของเขา พลังงานสองสายปะทะกันแล้วระเบิดด้วยพลังที่น่ากลัวยิ่งขึ้น
“เขากำลังประสานงานพลังปีศาจกับพลังหลิง…”
ม่านตามู่เฉินหดเกร็ง การปะทะกันระหว่างพลังทั้งสองสร้างพลังที่น่ากลัวยิ่งขึ้น แต่ในทำนองเดียวกันเจียงหยาจะได้รับบาดเจ็บหนัก มากจนอาจเสียชีวิตเลยก็ได้
ปัง ปัง!
ร่างของเจียงหยาหดตัวลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับการระเบิด ขณะที่พ่นเลือดออกมาจากปาก
เพียงแค่ไม่กี่สิบลมหายใจการระเบิดก็หยุดลง ร่างสัตว์ประหลาดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ร่างนั้นมีขนาดหลายจั้ง ร่างกายราวกับพื้นดินที่แห้งกรังจนแตกออก รูม่านตาสีม่วงดำมีลวดลายแปลกประหลาดปรากฏขึ้น ซึ่งวูบไหวด้วยรัศมีหลิงและรัศมีปีศาจที่น่ากลัว
ความผันผวนของการทำลายล้างแทรกซึมจากร่างสัตว์ประหลาดตัวนั้นอย่างช้าๆ ทำให้สีหน้าของหมัวเฮอเทียน ชิงเหยี่ยนจิ้งและคนอื่นๆ เปลี่ยนไปอย่างมาก
แม้แต่พวกเขายังรู้สึกครั่นคร้ามกับความผันผวนนั่น
ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียด เขารู้สึกว่าถูกคุกคามมากจนสัมผัสได้ถึงปากเหวความตาย
ภายใต้สภาวะนี้เจียงหยาอาจจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายได้เลย
“ภายใต้สภาวะนี้ วันนี้แกต้องตายแน่นอน!” สัตว์ประหลาดที่สร้างโดยเจียงหยามองไปที่มู่เฉินอย่างดุร้ายและคำราม
ฮา
มู่เฉินเม้มริมฝีปากหายใจเข้าลึกสุดปอด ท่าทางสงบลง
“ในเมื่อเจ้าใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน ข้าจะกลัวทำไม?”
มู่เฉินจ้องมองเจียงหยา น้ำเสียงสงบเรียบแทรกซึมไปด้วยไอสังหารไร้ขอบเขต
“ข้ารู้สึกถึงโชคร้ายที่เผ่าเสียหลิงของเจ้าต้องเผชิญ แต่ถ้าเจ้าต้องการให้ครอบครัวและสหายของข้าอยู่ในสถานะเดียวกับเจ้า วันนี้… ข้าก็จะทำลายให้สิ้นซาก!”
เมื่อคำสุดท้ายดังก้อง มู่เฉินก็ประสานมือเข้าด้วยกัน ในเวลาเดียวกันร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ยืนขึ้นพลางก้าวออกมาก่อนที่จะรวมเข้ากับร่างกายของเขา
เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งและคนอื่นๆ เห็นฉากนี้ก็ตกใจ ก่อนที่ชิงเหยี่ยนจิ้งจะตะโกนลั่น “นั่นคือทักษะเหยินฝ่าเหอยี? เฉินเอ๋อหยุดเดี๋ยวนี้! ทักษะนี้มีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายเท่านั้นที่สามารถทนได้!”
มู่เฉินหลับตาลงตัดเสียงทั้งหมดออกจากโสตประสาท มีเพียงเสียงเขาดังก้องในหัวใจ
“ทักษะเหยินฝ่าเหอยี—คนวิทยายุทธรวมเป็นหนึ่ง!”