รัศมีปีศาจดังก้องไปทั่วทั้งภูมิภาค
ไอเชี่ยวกรากพรั่งพรูออกมาไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้พื้นที่ในดินแดนวั้นมู่ราวกับดินแดนปีศาจ
เมื่อรัศมีปีศาจเพิ่มขึ้นก็สามารถมองเห็นร่างทรงพลังท่ามกลางพวกมัน ดวงตาแต่ละคู่เย็นเยือกขณะมองเหล่าจอมยุทธ์เทียนจื้อจุนที่อยู่ภายในราวกับกำลังมองเหยื่อ
ในดินแดนวั้นมู่เหล่าจอมยุทธธ์ก็มองไปที่รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากด้วยความตื่นตระหนกแฝงความวิตกกังวลบนใบหน้า เพราะที่สุดแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นพวกปีศาจเต็มๆ นอกจากนี้ที่มาที่นี่ทั้งหมดก็เป็นสุดยอดนักรบอีกด้วย
สีหน้าของฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อเย็นชาลง พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ร่างปีศาจเหล่านั่นพลางเอ่ยเสียเย็น “จักรวรรดิปีศาจต่างมิติกล้าหาญแท้จริงที่บุกลึกเข้ามาในมหาพันภพ ไม่กลัวที่จะถูกสังหารโดยกองทัพพันธมิตรมหาพันภพรึ?”
เมื่อรัศมีปีศาจพวยพุ่งก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ร่างสวมชุดคลุมสีดำก็ก่อตัวขึ้น ร่างนั้นถูกปกคลุมไปด้วยรัศมีน่ากลัวไร้ขอบเขตราวกับว่าเป็นผู้นำหมู่มวลปีศาจ ทว่ารูปลักษณ์เขาดูเป็นมิตรมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตา เมื่อมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นก็ไม่มีใครสามารถเกิดความเกลียดชังในหัวใจและรู้สึกถึงความเคารพ
“ฮ่าๆ เมื่อพวกข้าปรากฏตัว ดินแดนวั้นมู่ก็ถูกปิดผนึกหมดแล้ว ดังนั้นต่อให้เกิดความวุ่นวายที่นี่ ภายนอกก็ไม่มีทางรับรู้” ร่างชุดดำยิ้มขณะที่จ้องมองไปที่ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อพลางพูดอย่างเป็นมิตร “สหายถ้าพวกเจ้ายอมปล่อยเทพปีศาจจักรพรรดิ จักรวรรดิปีศาจต่างมิติสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับมหาพันภพได้”
“จอมปีศาจเซิ่งเทียน…”
ฉิงเทียนมองไปที่ร่างชุดดำก็จำตัวตนนั่นได้ทันที นี่คือผู้นำของจักรวรรดิปีศาจ ตำแหน่งของเขาอยู่ภายใต้เทพปีศาจจักรพรรดิเท่านั้น ดูเหมือนว่าพวกปีศาจจะนำพลังทั้งหมดออกมาเพื่อช่วยเหลือเทพปีศาจจักรพรรดิแล้ว
“เผ่าปีศาจโหดเหี้ยม มองว่าทุกชีวิตในมหาพันภพเป็นเหมือนวัชพืช คงเป็นเรื่องตลกมากที่ได้ยินคำว่า ‘สันติ’ จากปากเจ้า” ปู้สื่อตอบอย่างเย็นชา
เมื่อได้ยินคำตอบจอมปีศาจเซิ่งเทียนก็ยิ้มอย่างสบายๆ “กฎการล่าเป็นความจริงทั่วทุกที่ ในเมื่อจักรวรรดิปีศาจต้องการดำรงอยู่ก็ต้องบุกมหาพันภพและเปลี่ยนคลื่นหลิงที่น่าขยะแขยงให้กลายเป็นคลื่นปีศาจ ตราบใดที่พวกเจ้ายอมสวามิภักดิ์ ข้าก็ยินดีจะแปลงร่างกายทั้งหมดของพวกเจ้าเพื่อปรับแต่งให้เข้ากับมหาพันภพใหม่นะ”
“สามหาว บังอาจกล้าทำให้คลื่นหลิงแปดเปื้อน!” ใบหน้าของเหล่าจอมยุทธ์เปลี่ยนไปขณะร้องลั่น คลื่นหลิงเป็นรากฐานของมหาพันภพ หากถูกแปรเปลี่ยนพวกเขาจะพบกับการขาดพลังงาน นั่นหมายความว่าการฝึกฝนมาทั้งหมดจะสูญสิ้นไป
พวกปีศาจมีเป้าหมายต้องการลบรากฐานของคลื่นหลิงในมหาพันภพ
ชิงซันกุมกระบี่มองไปที่เซิ่งเทียนพลางยิ้ม “ไอ้เผ่าปีศาจหยุดฝันเฟื่องได้แล้ว ไสหัวกลับไปในที่ที่แกมา เราจะไม่ปล่อยให้แกทำให้มหาพันภพแปดเปื้อน”
จอมปีศาจเซิ่งเทียนถอนหายใจด้วยความเสียใจ “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่สนคำแนะนำของข้านะ งั้นแบบนี้…”
หลังจากหยุดชั่วครู่สายตาที่เป็นมิตรก็เพิ่มขึ้นด้วยความเย็นชา “ถ้างั้นพวกข้าก็ต้องล้างบางพวกเจ้าทั้งหมดออกไปแล้ว”
“ฮ่าๆ เจ้าก็น่าจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะ ทำไมต้องไปเสวนากับพวกพื้นเมืองมหาพันภพ แค่เอาชนะพวกมันบีบให้ยอมจำนนและเปลี่ยนให้เป็นทาสซะก็หมดเรื่อง”
รัศมีปีศาจพุ่งขึ้นรอบๆ จอมปีศาจเซิ่งเทียนก่อตัวเป็นปีศาจที่ทรงอำนาจรุนแรง รูม่านตาคล้ายกับกระแสน้ำวนสีดำ เขาก็คือประมุขเผ่าเทียนหมัว
เวลานี้เขากำลังมองไปที่จอมยุทธ์ในดินแดนวั้นมู่ด้วยรอยยิ้มขณะเลียริมฝีปาก ราวกับหมาป่าหิวโหยที่เห็นกระต่าย
“ยโสจริง แกคิดว่าสามารถเข้าสู่ค่ายกลนี้ได้เหรอ?” หมัวเฮอเทียนเย้ยหยัน
เผ่าปีศาจต่างมิติเคลื่อนทัพมาในลักษณะยิ่งใหญ่ แต่กลับไม่เคลื่อนไหวอะไร ชัดว่ากำลังหวาดกลัวต่อค่ายกลดับแสงพันปีศาจที่ยิ่งใหญ่ที่ถูกวางไว้โดยเทพจักรพรรดินิรันดร์ ค่ายกลนี้มีพลังอันยิ่งใหญ่ที่สามารถสังหารสมาชิกของเผ่าปีศาจที่แหยมเข้ามาได้
จอมปีศาจเซิ่งเทียนก้มศีรษะมองไปที่ค่ายกลใหญ่ที่ล้อมรอบดินแดนวั้นมู่พร้อมกับแววตาสั่นไหวด้วยประกายบางอย่าง ครู่ต่อมาเขาก็ถอนหายใจ “พวกข้าไม่คิดมาก่อนว่ามหาพันภพจะมีคนอย่างเทพจักรพรรดินิรันดร์…”
เขาส่ายหัวพูดต่ออย่างไม่แยแส “แต่ต่อให้ค่ายกลนี้ทรงพลังก็ไม่มีชีวิต ถ้าเจ้าคิดว่าค่ายกลนี้สามารถปกป้องความสงบสุขของมหาพันภพได้ ข้าว่าพวกเจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
หลังจากพูดจบมือเขาก็สะบัดออก จากนั้นประโยคไร้อารมณ์ก็ดังก้อง “เผ่าสือหมัวเคลื่อนพล”
ขณะที่เขาพูดรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากก็พวยพุ่งออกมาจากรอยร้าวมิติ ร่างปีศาจนั่งอยู่นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ร่างกายของพวกมันมีของเหลวสีดำหยดแหมะซึ่งทิ้งร่องรอยการกัดกร่อนไว้ในมิติ
เผ่าสือหมัวมีความสามารถในการกัดกร่อนตั้งแต่กำเนิด ซึ่งมีความบีบคั้นอย่างมาก พลังใดที่ถูกแปดเปื้อนโดยพวกมันจะค่อยๆ สึกกร่อน
โฮก โฮก!
ปีศาจจำนวนมากส่งเสียงคำราม อึดใจรัศมีปีศาจก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของพวกมันราวกับกระบี่คม
ปัง!
เมื่อแสงปีศาจกวาดออก ร่างปีศาจร่างหนึ่งและร่างหนึ่งก็ระเบิดตัวกันเป็นทอด พร้อมกับการระเบิดร่างกายที่หยดด้วยของเหลวสีดำหนาแน่นก็ค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
ของเหลวนี้มีสีดำเข้มข้นมาก ไม่มีแม้แต่มิติสักริ้วจะยังรักษาลักษณะการกัดกร่อนได้ นอกจากนี้ยังมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวแทรกซึมออกมาราวกับว่าสามารถกัดกร่อนอะไรก็ได้
ซ่า ซ่า!
ขณะของเหลวรวมตัวกันก็กลายเป็นสายธารสีดำพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ตกลงไปบนขบวนแถวแสงของค่ายกลดับแสงพันปีศาจ
ชี่ ชี่!
เมื่อพลังงานสองชนิดปะทะกันและกัน ควันก็ลอยขึ้นและขบวนแถวแสงกระเพื่อมเป็นระลอก พลังลึกลับและน่าเกรงขามกวาดออกไปทำให้สายธารสีดำบริสุทธิ์อย่างรวดเร็ว
“ฮา”
เมื่อเหล่าจอมยุทธ์เห็นสิ่งนี้ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจเนื่องจากดูเหมือนว่าความสามารถในการป้องกันของค่ายกลดับแสงพันปีศาจเกินความคาดหมายของพวกเขาไปไกล
“ทำต่อไป!”
ใบหน้าของจอมปีศาจเซิ่งเทียนไม่เปลี่ยนแปลง เสียงที่ไม่แยแสดังก้องอีกครั้ง
“เพื่อเผ่าพันธุ์!”
นักรบเผ่าสือหมัวคำราม คนแล้วคนเล่าระเบิดตัวเอง ทันใดนั้นของเหลวสีดำก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ารวมตัวกันเป็นสายธารไหลไปสู่ค่ายกล
ชี่ ชี่!
แต่ไม่ว่าพลังการกัดกร่อนจะน่ากลัวเพียงใดก็ยังคงถูกทำให้บริสุทธิ์โดยค่ายกลไม่มีร่องรอยของความเสียหาย
ทว่าจอมปีศาจเซิ่งเทียนก็ยังเพิกเฉยต่อภาพนี้และสั่งการให้เผ่าสือหมัวทำลายตัวเองต่อไป
มู่เฉินขมวดคิ้วกับฉากนี้ ไม่นานดวงตาก็หดลง รีบตะโกนขึ้นว่า “พวกมันพยายามที่จะใช้พลังของค่ายกลเพื่อชะลอเวลาหอกก่อตัว”
เมื่อได้ยินเสียงของมู่เฉิน ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อก็หัวใจสั่นสะท้านขณะจ้องมองไป ภาพที่เห็นก็เป็นอย่างที่มู่เฉินพูด เวลาที่ใช้ในการสร้างหอกในค่ายกลเริ่มที่จะลากยาวออกไป!
ก่อนหน้านี้หอกใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป แต่ตอนนี้ลากออกไปเกือบครึ่ง
ชัดว่าพวกเผ่าปีศาจไม่ได้คาดหวังว่าค่ายกลจะหมดพลังอย่างสมบูรณ์ พวกมันแค่อยากให้เวลาเลื่อนออกไป
“ทุกคนเติมพลังลงไป!” ฉิงเทียนตะโกน
เมื่อได้ยินคำสั่งของเขา เหล่าจอมยุทธ์ก็นั่งลงและหมุนเวียนคลื่นหลิงเทเข้าไปในโลงศพ
ปู้สื่อจ้องมองไปที่รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากน่ากลัว “ไอ้พวกปีศาจเป็นพวกบ้าอย่างแท้จริง เพื่อทำลายผนึกพวกมันเต็มใจที่จะเสียสละทั้งเผ่าพันธุ์”
เผ่าสือหมัวถูกทำราวกับเป็นเครื่องสังเวย ความเหี้ยมโหดนี้ทำให้หัวใจของทุกคนเย็นเยือกลง
“หากสถานการณ์นี้ยังคงดำเนินต่อไปก็จะกลายเป็นการต่อสู้ที่เหนื่อยยาก เผ่าปีศาจมาพร้อมกับความดุร้ายพยายามที่จะบุกมหาพันภพและเราก็ไม่มีกองกำลังแข็งแกร่งที่สุดมารวมอยู่ที่นี่” ชิงซันกล่าวต่อ “หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปจะต้องเกิดช่องโหว่แน่ อาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น”
ดวงตาของฉิงเทียนวูบไหว “ไม่ว่ายังไงก็ตามเราต้องรักษาสถานการณ์นี้ไว้จนกว่าหอกเล่มที่เก้าสิบเก้าจะลงมา พวกปีศาจก็จะจบสิ้นเมื่อชีวิตของเทพปีศาจจักรพรรดิดับสูญ”
“พวกมันพยายามทำให้ค่ายกลหมดพลังเพื่อถ่วงไว้ งั้นเราสามคนก็ผนึกกำลังซื้อเวลาให้ค่ายกลกัน”
“ได้เลย” ชิงซันและปู้สื่อพยักหน้า
ฟิ้ว!
ทันใดนั้นพวกเขาทั้งสามก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเข้าไปในขบวนแถวของค่ายกล
ตู้ม!
คลื่นหลิงเชี่ยวกรากกวาดออกราวกับคลื่นยักษ์ เป่ากระแสน้ำสีดำสามสายกระจายออกไป
“พวกแกสามคนคิดสู้กับเผ่าปีศาจรึ?” เสียงเยือกเย็นของจอมปีศาจเซิ่งเทียนดังก้องพร้อมกับโบกมือลง
เมื่อมือของเขาโบกลง รัศมีปีศาจก็พุ่งพรวดออกมาเบื้องหลัง ร่างปีศาจหกร่างก้าวย่างออกมาพร้อมกับพลังไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อมู่เฉินและคนอื่นๆ เห็นปีศาจทั้งหกในดินแดนวั้นมู่แววตาของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ทั้งหกคนนั้นเป็นจอมปีศาจซึ่งเทียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายสุด
“พวกเราไปช่วยด้วยกัน!” หมัวเฮอเทียนหันไปมองประมุขเผ่าโบราณอีกสี่เผ่าและเอ่ยออกมา
“ไม่ได้ เราต้องรักษาการเติมพลังคลื่นหลิงลงในค่ายกลไว้เพื่อให้หอกเล่มที่เก้าสิบเก้าก่อตัวขึ้นให้จงได้!” คิ้วของมู่เฉินขมวดเข้าหากัน
ชิงเหยี่ยนจิ้งพยักหน้าเห็นด้วย “มู่เฉินพูดถูก เราผลีผลามไม่ได้!”
หลังจากลังเลวูบหนึ่งไท่หมิง เฮยเธียนและหวางฉิวก็พยักหน้าเช่นกัน ตอนนี้การสังหารเทพปีศาจจักรพรรดิมีความสำคัญมากที่สุด
หมัวเฮอเทียนส่งเสียงขึ้นจมูก แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไร เขารู้ว่าอะไรสำคัญกว่าในขณะนี้
“ฮ่าๆ พวกข้าจะใช้ชีวิตของแกทั้งสามต้อนรับการปรากฏตัวอีกครั้งของท่านเทพปีศาจ!” จอมปีศาจทั้งหกยืนอยู่ระหว่างฟ้าดิน ขณะที่เสียงคำรามนำพาพลังปีศาจไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งครอบคลุมไปยังฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อ
ที่เบื้องหลังนักรบปีศาจนับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองยอดยุทธ์ทั้งสามอย่างเย็นชา
เมื่อเห็นนักรบเหล่านั้นสีหน้าของฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อก็กลายเป็นเย็นชาโดยไม่มีความหวาดเกรงพวกเขาทำเพียงหมุนเวียนคลื่นหลิง ทำให้ทั้งภูมิภาคสั่นสะเทือน
“ฆ่า!”
จอมปีศาจทั้งหกคำรามทะยานใส่ยอดยุทธ์ทั้งสาม
โฮก!
แต่ทันทีที่พวกเขาเคลื่อนไหว เสียงคำรามมังกรที่เสียดแก้วหูก็ดังก้อง มองเห็นแสงสีทองฉีกผ่านชั้นรัศมีปีศาจก่อตัวเป็นมังกรสีม่วงทองพร้อมกับความกดดันมังกรรุนแรงที่แทรกซึมไปทั่วทั้งภูมิภาค
“ฮ่าๆ พี่ฉิง เผ่าเทพอสูรก็เป็นสมาชิกมหาพันภพนะ ศึกนี้ลืมพวกข้าไปได้ยังไง?!”
ร่างมังกรสีทองปกคลุมดวงอาทิตย์ ที่เบื้องหลังรัศมีทรงพลังกระเพื่อมไหว ภาพเงาขนาดใหญ่จำนวนมากทะยานเข้ามา พวกเขาล้วนเป็นมหาเทพอสูรผู้ยิ่งใหญ่แห่งมหาพันภพ
ในดินแดนวั้นมู่ เมื่อมู่เฉินและจอมยุทธ์คนอื่นเห็นร่างมหาเทพอสูร ความปีติยินดีก็ฉายในดวงตา ในที่สุดเหล่าเทพอสูรก็มาถึงแล้ว!