หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1541 สงครามใกล้เข้ามา

บทที่ 1541 สงครามใกล้เข้ามา

เกือบสี่ปี

หลังจากการเดินทางของกองทัพสมาพันธ์มหาพันภพ เวลานี้เหล่าจอมยุทธ์ผู้กล้ากลับคืนสู่ถิ่นฐาน พวกเขาไม่ได้ปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้นแต่กระจายข่าวตามความเป็นจริงไปทุกหัวระแหง

แม้ว่าพวกเขาจะสามารถทำให้เผ่าปีศาจอ่อนแอลงได้หลายส่วน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถป้องกันการฟื้นตัวของเทพปีศาจจักรพรรดิได้ อีกไม่นานจักรวรรดิปีศาจจะเปิดสงครามเมื่อเทพปีศาจก้าวเข้าสู่จุดสูงสุด

ข่าวนี้ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างไม่ต้องสงสัยในมหาพันภพ ทุกคนตกอยู่ในอาการหวาดกลัว เนื่องจากความกลัวที่มาจากเทพปีศาจจักรพรรดิเหนือล้ำเกินไป

เพื่อปลอมประโลมทุกคน เซียวเหยียนและหลินต้งประจำการร่วมกับกองทัพสมาพันธ์มหาพันภพที่ชายแดนระหว่างสองมิติเพื่อสร้างแนวป้องกันการรุกรานของจักรวรรดิปีศาจ

ภายใต้การพิทักษ์นี้ครึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

แม้จะมีความไม่สบายใจ แต่จอมยุทธ์ทุกคนก็ไม่สูญเสียการควบคุมภายใต้การนำเทพจักรพรรดิทั้งสอง กลับกันยังเกิดความโกรธเกรี้ยวที่ก่อตัวจากความไม่สบายใจใส่เผ่าปีศาจ

ในเมื่อพวกมันต้องการทำลายล้างมหาพันภพ อย่างน้อยพวกเขาก็จะลากพวกเผ่าปีศาจตายตามไปให้ได้!

ภายใต้ความคลั่งแค้นนี้จำนวนจอมยุทธ์ที่เกิดพัฒนาการก็เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม พวกเขาปล่อยวางปัญหาในจิตใจ เริ่มสร้างความก้าวหน้าเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน

แม้ว่าจะมีผู้ล้มเหลวแต่ก็มีผู้ที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นขุมกำลังทั้งหมดของมหาพันภพจึงทะยานขึ้นเรื่อยๆ

ภายใต้บรรยากาศนี้มหาพันภพไม่ได้ตกอยู่ในความไม่สบายใจอีกต่อไป มีแม้กระทั่งบางคนทนรอไม่ไหว หวังให้จักรวรรดิปีศาจปรากฏตัวด้วยซ้ำ เพราะแทนที่จะรอความตาย สู้ตายอย่างสมศักดิ์ศรีซะจะดีกว่า

ครึ่งปีผ่านไปภายใต้การรอคอยนี้

ชายแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือของมหาพันภพ

ร่างเงาห้าร่างปรากฏขึ้นบนเทือกเขาสายตากวาดมองไปรอบๆ

นี่คือกองลาดตระเวนเล็กที่มีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นสี่คนและขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มหนึ่งคน ซึ่งหน้าที่ของพวกเขาก็คือตรวจตราพื้นที่แห่งนี้

“หัวหน้า เราเฝ้าระวังที่นี่มาประมาณสองเดือนแล้ว” จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นคนหนึ่งยืดเอวขึ้นพลางมองเข้าไปในระยะไกล ไม่มีความผิดปกติแม้แต่น้อยซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกเบื่อหน่าย

“เบื่อความสงบเรอะ?” จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มมองไปตอบว่า “ไม่ต้องกังวล ความสงบสุขนี้จะคงอยู่อีกไม่นาน ต่อไปเจ้าจะโหยหาความสงบนี้เอง”

ทันทีที่จักรวรรดิปีศาจปรากฏขึ้น ก็จะเป็นชนวนพายุเลือดที่ทั้งมหาพันภพจะถูกกวาดล้าง

สมาชิกคนอื่นๆ ก็ตกอยู่ในความเงียบพร้อมกับท่าทางเคร่งเครียด ถ้าในหลายปีก่อนพวกเขาสามารถเป็นผู้นำในทวีปของมหาพันภพได้เลย แต่ในขณะนี้พวกเขาต้องรวมตัวสร้างกลุ่มเพื่อป้องกันแนวหน้าของมหาพันภพไว้เท่านั้น

พวกเขารู้ดีว่านี่เป็นความรับผิดชอบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มิฉะนั้นมหาพันภพจะถึงกัลปาวสาน ทั้งสหายและครอบครัวจะถูกฆ่าจนหมดสิ้น

“หัวหน้า เจ้าคิดว่าเราจะสามารถเอาชนะจักรวรรดิปีศาจได้ไหม? ข้าได้ยินมาว่าไอ้เทพปีศาจกำลังจะเข้าสู่จุดสูงสุดในครั้งต่อไปที่มันปรากฏตัว” สมาชิกกลุ่มคนหนึ่งถามขึ้น

หลังจากเงียบไปชั่วครู่คนเป็นหัวหน้าก็ตอบว่า “ตามข่าวที่ข้าทราบมากระทั่งเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามก็ต่อกรกับเทพปีศาจจักรพรรดิไม่ได้ หากมันเข้าสู่สถานะสุดยอด”

สมาชิกทั้งสี่ตัวสั่นเทา สีหน้าดูเคร่งขรึมลง เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามได้รับการยอมรับให้เป็นจอมทัพสมาพันธ์มหาพันภพขณะนี้และก็เป็นทั้งสองคนที่สร้างความมั่นใจในการต่อสู้กับเผ่าปีศาจให้กับพวกเขา

แต่ตอนนี้กระทั่งหัวหน้ายังบอกว่าเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามไม่สามารถต่อกรกับเทพปีศาจจักรพรรดิได้?

เมื่อมองไปที่ท่าทางของทุกคน คนเป็นหัวหน้าก็ยิ้ม “อย่าสิ้นหวัง ข้ารู้ว่ามีจอมยุทธ์ในมหาพันภพที่กำลังพยายามทุ่มสุดกำลัง หากเขาทำสำเร็จมหาพันภพก็จะมีสามเทพจอมยุทธ์ที่ก้าวเกินขอบเขตระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้ ในเวลานั้นเราก็อาจสามารถต่อสู้กับเทพปีศาจได้”

ทั้งสี่คนร้องเสียงหลงขณะถาม “ใครกัน? ท่านฉิงเทียน? หรือว่าท่านชิงซัน? หรือจะเป็นหนึ่งในจักรพรรดิมหาเทพอสูร?”

คนเป็นหัวหน้าส่ายหัวขณะที่ตอบอย่างลึกลับว่า “ข้าได้ยินมาว่าจอมยุทธ์คนนั้นมาจากตำหนักมู่”

“ตำหนักมู่? หรือจะเป็นประมุขมู่? ราชันมู่?!” ทั้งสี่คนร้องอุทานด้วยความไม่เชื่อ ท้ายที่สุดไม่มีข่าวใดๆ จากมู่เฉินตลอดหลายปี ข่าวสุดท้ายที่พวกเขารู้ก็คือการต่อสู้ของมู่เฉินกับหมัวเฮอเทียน

ในเวลานั้นมู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเท่านั้น ต่อให้มีความสามารถในการต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง แต่ก็ยังมีระยะห่างจากจอมยุทธ์อย่างฉิงเทียนอยู่

ดังนั้นทั้งสี่จึงรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเลยว่ามู่เฉินจะเป็นคนที่กำลังพยายามเข้าสู่ทำเนียบเหนือภพเป็นคนที่สาม

“เรื่องนี้ได้รับการยอมรับจากท่านเทพจักรพรรดิทั้งสองที่เห็นพ้องต้องกัน ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องคาดเดาอะไรต่อไป ในแง่ของมุมมองเราไม่สามารถเทียบเคียงกับท่านเทพจักรพรรดิทั้งสองได้ใช่ไหมล่ะ?” หัวหน้ายิ้ม

ทั้งสี่ยิ้มเขินขณะที่โล่งใจไปด้วย ไม่ว่าอย่างไรชื่อเสียงของเทพจักรพรรดิทั้งสองมาถึงจุดสุดยอดแล้ว ถ้าไม่ใช่พวกเขามหาพันภพก็คงโกลาหลไปนานแล้วก่อนที่จะถูกจักรวรรดิปีศาจโจมตีซะอีก

เมื่อหัวหน้าพูดจบก็ไม่ใส่ใจทั้งสี่คนอีกต่อไป เขายืนขึ้นเตรียมสำรวจไปรอบๆ ต่อ

“หืม?”

ทันใดนั้นท่าทางเขาก็เปลี่ยนไปพลางเงยหน้าขึ้น เกิดสีหน้ารุนแรงเมื่อเห็นอุกกาบาตสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับแสงทำลายล้าง

รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากบีบกดลงมา

“ตู้ม!”

เมื่ออุกกาบาตเหล่านั้นตกลงมา ผลกระทบก็ทำให้เทือกเขาพังทลาย

“ถอย!” หัวหน้าอุทานขณะที่ร้องตะโกน “เผ่าปีศาจปรากฏตัวแล้ว!”

ทั้งกลุ่มตื่นตะลึงก่อนร่างจะเปลี่ยนเป็นลำแสงทะยานออกไปทันที พวกเขาจะต้องแจ้งข่าวนี้ออกไปให้เร็วที่สุด

“คิกๆ จะไปไหนกัน?”

ทว่าเมื่อพวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวเสียงน่าขนลุกก็ดังก้องกรงเล็บปีศาจปรากฏขึ้นคว้าเข้าที่ร่างสมาชิกทั้งสี่

ปัง!

ทั้งสี่ไม่สามารถตอบโต้ได้ด้วยซ้ำ ร่างฉีกขาดอยู่ในกรงเล็บ

เมื่อคนเป็นหัวหน้าเห็นฉากนี้ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความโกรธรุนแรง ทว่าเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังจากคนที่โจมตีเข้ามาว่าจะต้องเป็นนักรบราชันปีศาจแน่นอน ดังนั้นเขาไม่กล้าที่จะอยู่ ทิ้งภาพมายาไว้ข้างขณะทะยานหลบหนี

ทว่าไม่ช้าเขาก็ต้องหยุดชะงักลง เนื่องจากมีปีศาจมาปรากฏตัวต่อหน้าพร้อมกับสายตาโหดร้ายจ้องมองมา

“คิดว่าจะหนีได้เหรอ?” ปีศาจหัวเราะเสียงแหลม

ใบหน้าของหัวหน้ากลุ่มซีดขาว นี่คือนักรบราชันปีศาจแน่แท้แล้ว เขารู้ว่าวันนี้ไม่มีทางหนีได้ ดังนั้นจึงหายใจเข้าลึก ท่าทางเริ่มสงบลงพร้อมกับความเด็ดขาดในสายตา

“ขอสวรรค์จงคุ้มครองมหาพันภพ!”

เขาแผดเสียงลั่นขณะร่างพุ่งออกไปหาปีศาจ

“ความพยายามที่ไร้ค่า” นักรบราชันปีศาจหัวเราะเยาะขณะที่ยื่นมือออกมากำเป็นหมัดแน่น

ตู้ม!

แต่ทันใดนั้นลวดลายวิญญาณก็ปรากฏขึ้นบนร่างหัวหน้าคนนั้นพร้อมกับคลื่นหลิงระเบิดรุนแรง

เมื่อรู้สึกถึงสิ่งนี้ใบหน้าของนักรบราชันปีศาจก็เปลี่ยนไป

ตู้ม ตู้ม!

ร่างของหัวหน้ากลุ่มลาดตระเวนระเบิดออก คล้ายกับดวงอาทิตย์ส่องแสง ความผันผวนคลื่นหลิงรุนแรงสร้างความหายนะ

พักใหญ่เมื่อมวลระเบิดลดลงร่างปีศาจก็ถูกเปิดเผย เขาอยู่ในสภาพย่ำแย่ยามนี้พร้อมกับสีหน้าเขียวคล้ำ เขาไม่คิดว่ามนุษย์คนนี้จะเลือกระเบิดตนเองอย่างเด็ดขาด

“หึ เจ้านี่เยี่ยมดีจริงๆ ตอนแรกกะจะจับทรมาน ตายไปแบบนี้ถือเป็นเรื่องดี”

นักรบราชันปีศาจส่งเสียงขึ้นจมูกขณะโบกมือและหายตัวไป

ในเวลาเดียวกันแสงปีศาจนับไม่ถ้วนก็วูบไหว เหล่านักรบปีศาจพุ่งข้ามขอบฟ้า

ในเมืองยิ่งใหญ่ที่ชายแดนมหาพันภพ

รัศมีแสงเปล่งประกายออกมาเป็นล้านลี้ไมล์ ทำให้ทุกคนถูกครอบคลุมไปด้วยความรู้สึกปลอดภัย

ในเวลาเดียวกันหลินต้งและเซียวเหยียนก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับแววตาเย็นเยือก นั่นเป็นเพราะขณะนี้พวกเขารู้สึกได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิงที่แปลกประหลาดซึ่งเกิดจากการทำลายตัวเอง

เห็นได้ชัดว่ามีกลุ่มลาดตระเวนพบปัญหา

“ในที่สุดพวกมันก็มาแล้วเรอะ…”

พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันจากนั้นก็โบกมือ ระฆังยิ่งใหญ่แกว่งไกวดังก้อง เสียงอันเกรียงไกรกระจายไปทั่วทุกมุมโลก

เสียงระฆังเก้าครั้งแสดงถึงระดับอันตรายสูงสุด

ทุกคนในมหาพันภพเมื่อได้ยินเสียงระฆังก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางของชายแดน พวกเขารู้ว่าจักรวรรดิปีศาจต่างมิติเปิดศึกแล้ว….

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท