หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1528 พวกเขามาแล้ว

บทที่ 1528 พวกเขามาแล้ว

ขณะที่รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากกวาดไปทั่วทุกหัวระแหง

ทุกสรรพชีวิตในมหาพันภพก็เงยหน้าขึ้นด้วยความกลัว พวกเขามองไปทางทิศเหนือที่ตั้งของดินแดนวั้นมู่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่น่ากลัวที่ปกคลุมไปทั่ว

ความรู้สึกนี้ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว

ภายในดินแดนวั้นมู่

เหล่าจอมยุทธ์หน้าซีดเผือดลงเมื่อมองไปที่รัศมีปีศาจ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งอย่างหมัวเฮอเทียนและชิงเหยี่ยนจิ้งก็ยังอดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับความไม่สบายใจ

เทพปีศาจจักรพรรดิเป็นอิสระแล้ว การพยายามปราบปรามอีกครั้งก็ยากราวกับจะขึ้นสวรรค์

สำหรับมหาพันภพนี่เป็นหายนะอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อเหล่าจอมปีศาจเซิ่งเทียนเห็นเทพปีศาจจักรพรรดิ พวกเขาก็ถอยออกไปทันทีไม่สนใจพวกฉิงเทียนอีกเลย เหล่านักรบปีศาจจำนวนมากมายืนเบื้องหน้าเทพปีศาจก้มหัวลงด้วยความเคารพต่อจักรพรรดิแห่งตน

“ยินดีต้อนรับการกลับมาของท่านเทพปีศาจ!”

เผชิญหน้ากับเทพปีศาจจักรพรรดิ แม้แต่ประมุขเผ่าต่างๆ ก็แสดงความเคารพโดยไม่มีความเย่อหยิ่งใดๆ ตรงกันข้ามพวกเขามีความกลัวและนับถือในใจ

ที่เบื้องหลัง รัศมีปีศาจแผ่กระจายออกมานับไม่ถ้วน นักรบปีศาจมากมายคุกเข่าพร้อมกับร่างกายสั่นเทา “ยินดีต้อนรับท่านเทพปีศาจ!”

เมื่อเสียงดังก้องออกไป ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อก็มีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับหัวใจสั่นสะท้าน

ฟิ้ว!

ร่างแสงกลุ่มหนึ่งทะยานเข้ามา พวกเขาคือจักรพรรดิมังกรแท้จริง จักรพรรดิหงส์ฟ้าแท้จริงและประมุขเผ่าสัตว์อสูรสูงสุดอื่นๆ

“ฉิงเทียน พวกเจ้าเป็นอะไรไป? ทำไมไอ้ปีศาจนั่นถึงเป็นอิสระได้!” เสียงกราดเกรี้ยวของจักรพรรดิมังกรแท้จริงดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง ขณะที่มองไปที่ทั้งสามคนอย่างโกรธเกรี้ยว

ฉิงเทียนฉายสีหน้าขมขื่นตอบว่า “ความผิดทั้งหมดเป็นของข้า ถ้าไม่ใช่เพราะเมล็ดพันธุ์หัวใจปีศาจ พวกจักรวรรดิปีศาจต่างมิติก็ไม่มีโอกาสทำลายผนึกได้”

“จักรพรรดิมังกรแท้จริง ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือคิดหาวิธีจัดการกับเทพปีศาจก่อน” ชิงซันส่ายหน้าด้วยสีหน้าหนักใจ

จักรพรรดิมังกรแท้จริงเงยหน้าขึ้นมองไปที่เผ่าปีศาจจากนั้นก็ยิ้มเฝื่อน “เราจะทำอะไรได้อีก? เจ้าก็รู้ว่าเทพปีศาจนั้นน่ากลัวแค่ไหน! แม้แต่ท่านเทพจักรพรรดินิรันดร์ยังต้องสละชีวิตเพื่อผนึก แล้วตอนนี้มีใครในมหาพันภพจะหยุดมันได้อีก?”

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงเช่นนี้ แม้แต่ยอดยุทธ์อย่างพวกเขาก็รู้สึกไร้พลัง

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็สู้ตายเท่านั้น” ใบหน้าปู้สื่อกระตุกขณะที่พูดอย่างไม่แยแส

ทุกคนสบตากันพลางถอนหายใจ แต่ในดวงตาฉายแววตัดสินใจมุ่งมั่นแล้ว พวกเขาลิ้มรสความโหดเหี้ยมของเผ่าปีศาจมาแล้ว หากตกอยู่ในเงื้อมมือพวกมัน สิ่งมีชีวิตทุกชนิดก็จะถูกกดขี่และเลี้ยงไว้เป็นสัตว์ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเขาขอสู้ตายดีกว่า

มองไปที่ด้านนอกมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับความเฉียบคมวูบไหวในดวงตา

ลั่วหลียืนอยู่ข้างๆ มู่เฉิน ดวงหน้าเรียวเล็กก็แสดงความเคร่งขรึม แม้แต่นางก็รู้สึกหวาดกลัวจากสถานการณ์นี้

เมื่อรู้สึกถึงอารมณ์คนรักที่ด้านข้าง มู่เฉินก็จับมือนางเบาๆ “ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน เจ้าจะต้องปลอดภัยตราบเท่าที่ข้ายังมีลมหายใจ”

ความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขาส่งผ่านมาทำให้เกิดความสงบขึ้น นางกระชับมือมู่เฉินเสียงดังแผ่วเบา “แค่อยู่กับเจ้า ข้าก็ไม่กลัวแม้แต่ความตาย”

เมื่อมองไปที่ลั่วหลี มู่เฉินก็ยิ้มและรู้สึกเชื่อมั่นในหัวใจ

แม้เทพปีศาจจะน่ากลัว ทว่าเพื่อปกป้องคนที่รัก เขาจะกลัวความตายทำไม?

แม้จะต้องเผชิญกับความสิ้นหวัง คนอย่างมู่เฉินก็ไม่เคยกลัว

เหล่าจอมยุทธ์ในดินแดนวั้นมู่ตั้งปณิธานแน่วแน่ เทพปีศาจกวาดมองพรรคพวกที่ก้มหน้าลงพร้อมกับรัศมีปีศาจรุนแรงพลุ่งพล่านอยู่รอบตัว

“เซิ่งหมัว ทำได้ดีมาก”

จอมปีศาจเซิ่งเทียนคุกเข่าลงมองไปที่เทพปีศาจพร้อมกับไฟโชนในดวงตา “ข้าทำตามแผนของท่าน”

เทพปีศาจยิ้มไม่แยแสพลางกวาดสายตาไปรอบๆ “แม้ว่าข้าจะออกจากผนึกได้ แต่พลังก็ลดลงอย่างมาก อาหารของข้าเตรียมไว้หรือยัง?”

จอมปีศาจเซิ่งเทียนยิ้ม “ขุนจนอ้วนพีมานานแล้ว”

เมื่อเขาโบกมือมิติก็ฉีกออกจากกัน ภาพพิภพเขตล่างหลายแห่งก็ปรากฏขึ้น ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต

ดวงตาของเทพปีศาจกะพริบด้วยความโหดร้ายขณะที่ยิ้มเย็นชา ด้วยการตวัดนิ้วรัศมีปีศาจหนาแน่นก็พุ่งเข้าสู่พิภพเขตล่าง ล้างผลาญสิ่งมีชีวิตทั้งหมดกลายเป็นหมอกเลือด…

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องแม้จะมีขอบเขตของระนาบพิภพก็ตาม

ฮา

ขณะที่เทพปีศาจสูดลมหายใจ รัศมีปีศาจก็ถูกดึงกลับมา เลือดกลั่นถูกเขากลืนกินจนหมดสิ้น

เมื่อกินเลือดเข้าไป ร่างกายก็เริ่มขยายขนาดพร้อมกับรัศมีปีศาจน่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมา

ในช่วงไม่กี่สิบลมหายใจร่างปีศาจก็บีบอัดตัวอย่างรวดเร็ว สุดท้ายร่างเงาหนึ่งก้าวออกมาจากรัศมีปีศาจ

ร่างนั้นช่างดึงดูดความสนใจของทุกคน เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวปักรูปดวงดาว เมื่อเสื้อคลุมสะบัดขึ้นลงก็ปลดปล่อยรัศมีไร้ตัวตนออกมา

ภาพลักษณ์ช่างละเอียดอ่อนประหนึ่งหยก ดวงตาคู่ของเขาเป็นสีดำสนิทไม่มีสีขาวแทรกอยู่ ดูเหมือนหลุมดำสองหลุมที่สามารถกลืนกินทุกสรรพสิ่ง

นอกเหนือจากดวงตาคู่ก็ยังมีดวงตาสามดวงบนหน้าผาก แต่นอกจากดวงตรงกลาง อีกสองดวงก็ยังปิดลงอยู่

เทพปีศาจคนนี้มีลูกตาห้าดวง!

เมื่อมองไปที่เทพปีศาจชั่วร้าย ฉิงเทียนและคนอื่นๆ ก็รู้สึกถึงความผันผวนที่คลุมเครือซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว ชัดว่าหลังจากที่กลืนกินสิ่งมีชีวิตจากพิภพเขตล่างไปหลายแห่ง เทพปีศาจก็ฟื้นฟูพลังได้แล้วบางส่วน

“แม้ว่าข้าจะฟื้นพลังได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง แต่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว” เทพปีศาจก้มศีรษะลงพลางยิ้มให้กับจอมยุทธ์ของมหาพันภพ ทว่ารอยยิ้มนี้ช่างเต็มไปด้วยความโหดร้าย

ฉิงเทียน ปู้สื่อและจอมยุทธ์ขุมพลังทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายอีกมากมายฉายสีหน้าเคร่งเครียด การรวมตัวของพวกเขาก็น่ากลัวมากแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเทพปีศาจชุดขาว พวกเขากลับรู้สึกถึงไอเยือกเย็นลอยอวลเท่านั้น

“ดินแดนวั้นมู่ผนึกข้ามาสี่หมื่นเก้าพันปีและเต็มไปด้วยเลือดกลั่นของปู้ซิ่ว วันนี้ข้าจะทำลายมันเพื่อส่งสารบอกถึงการกลับมาของตัวเอง” เทพปีศาจกล่าวเสียงเบา

พูดจบดวงตาแนวตั้งก็วูบไหว ทันใดนั้นลำแสงสีดำก็ยิงออกมา

“เนตรผลาญชีวา”

ลำแสงสีดำขยายอย่างรวดเร็ว ดวงตาแนวตั้งที่หลุดออกมาก็ก่อร่างเป็นอุกกาบาตที่เหมือนถูกสร้างขึ้นจากความตาย พร้อมกับรัศมีความตายที่สามารถทำลายทั้งทวีปหากพุ่งลงจอด

เมื่อเห็นอุกกาบาต ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากมัน

พลังนี้สามารถฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายได้เลย!

“เคลื่อนไหวพร้อมกัน!” ใบหน้าของฉิงเทียนเปลี่ยนไปมาก รีบตะโกน

ไม่ต้องพูดให้มากความ จอมยุทธ์คนอื่นๆ ก็คำราม คลื่นหลิงเร้าพุ่งขึ้นสูง ฉีกฟ้าดินออกจากกัน ขณะที่การโจมตีทรงพลังซัดใส่อุกกาบาตสีดำไม่ยั้ง

ด้วยการออกกระบวนท่าของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายจำนวนมาก พลังก็น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด

ตู้ม ตู้ม!

ภายใต้สายตากังวลของทุกคน การโจมตีทั้งหมดก็ปะทะกับอุกกาบาตสีดำ

ปัง!

จังหวะที่ปะทะกันคลื่นกระแทกน่าสะพรึงกลัวก็กวาดออกทำลายทุกสรรพสิ่งในระยะหลายแสนลี้…

ขณะที่มิติพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง ทุกคนก็มองไปที่จุดปะทะด้วยสายตาเคร่งเครียด

เมื่อคลื่นกระแทกค่อยๆ จางลงลำแสงสีดำก็พุ่งออกมาปรากฏในครรลองสายตาของทุกคน

นั่นคืออุกกาบาตที่ปกคลุมไปด้วยรัศมีความตาย กระทั่งขนาดก็ไม่ได้หดลง การโจมตีประสานจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ซื้ด!

ทุกคนที่อยู่ในดินแดนวั้นมู่สูดลมหายใจเย็นพร้อมกับสีหน้าซีดขาว

แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายอย่างฉิงเทียนยังตกตะลึงไป พวกเขารู้สึกได้ว่าพลังที่อยู่ภายในนั้นเกินขอบเขตระดับเทียนจื้อจุนไปแล้ว

“หรือนี่จะเป็นจุดจบของมหาพันภพจริงๆ?” ปู้สื่อพูดด้วยความสิ้นหวังเขียนอยู่ในดวงตา

“ขาตั๊กแตนขวางรถม้า”

เทพปีศาจจักรพรรดิส่ายหัวกับฉากนี้

“ปู้ซิ่วขอให้ศพของแกถูกทำลายไปพร้อมกับสุสานนี้ ไม่ต้องกังวลแกผนึกข้ามาสี่หมื่นเก้าพันปี ดังนั้นข้าจะชำระหนี้นี้ด้วยมหาพันภพ”

ฟิ้ว!

เมื่ออุกกาบาตฉีกผ่านมิติก็มาปรากฏเหนือสุสาน ทำให้ฉิงเทียนและคนอื่นๆ ทำอะไรไม่ถูกเลย ได้แต่ยืนมองมันพุ่งเข้ามา

“ทุกคน ปกป้องด้วยชีวิตเถอะ” ฉิงเทียนหลับตามือประสานกันด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว คลื่นหลิงในร่างกายเริ่มระเบิดขึ้น เขาตั้งใจจะระเบิดตัวตายเพื่อตอบโต้การโจมตีจากเทพปีศาจจักรพรรดิ

เหล่าจอมยุทธ์แลกเปลี่ยนสายตากันพลางยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ โดยไม่มีคำพูดใดๆ คลื่นหลิงในร่างกายของพวกเขาก็เริ่มจุดชนวน

ทว่าเมื่อพลังงานในร่างกายของทุกคนเร้ามาถึงขีดจำกัด มิติก็ฉีกออกจากกันกะทันหัน คลื่นไร้ขอบเขตกวาดออกมาปกคลุมร่างพวกเขาไว้

ทันใดนั้นคลื่นหลิงที่อาละวาดภายในร่างกายก็ถูกยับยั้ง

ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นความผันผวนคุ้นเคย…

“ความผันผวนนี้…”

ขณะที่มิติฉีกออกจากกัน ร่างเงาสองร่างก็ยืนอหังการเหนือดินแดนวั้นมู่

“เพลิงจักรพรรดิ!”

“ฝ่ามือแปดเทวลิขิต!”

เมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นเสียงก็ดังกึกก้องออกมาจากลำคอ

ฟู่!

เพลิงโชติช่วงพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นใบมีดกวาดข้ามขอบฟ้าพร้อมกับความร้อนแรงที่สามารถเผาผลาญโลกได้

ฝ่ามือซัดออกไปซึ่งมีพลังงานแตกต่างกันแปดชนิดหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ ปะทะกับอุกกาบาตสีดำในเวลาเดียวกันกับใบมีดเพลิง

ตู้ม!

เวลานี้มิติสั่นสะท้านจากคลื่นกระแทกของการโจมตีสามสายและพังทลายลง แต่ครั้งนี้อุกกาบาตสีดำสั่นสะเทือนรุนแรงแล้วระเบิดออกภายใต้สายตาไม่อยากเชื่อของเผ่าปีศาจ…

นักรบปีศาจมองไปที่ดินแดนวั้นมู่ด้วยความตกใจหวาดหวั่น พวกเขาเห็นร่างสองร่างยืนอยู่ในห้วงมิติ เงาทั้งสองยืนเอามือไพล่หลังอย่างภาคภูมิใจราวกับว่าสามารถพยุงท้องฟ้าทั้งหมดไม่ให้ร่วงลงมา

เมื่อเหล่าจอมยุทธ์ฝั่งมหาพันภพเห็นภาพเงาทั้งสองก็ตัวสั่นเทา “นั่นคือ…เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม!”

“ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่นี่แล้ว!!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท