หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1540 แกะรอยปีศาจและแปดเนตร

บทที่ 1540 แกะรอยปีศาจและแปดเนตร

สามปีผ่านไปนับตั้งแต่มหาพันภพโจมตีมิติปีศาจ

ในช่วงสามปีที่ผ่านมากองทัพสมาพันธ์มหาพันภพทำลายล้างแปดในสามสิบสองเผ่าใหญ่และเผ่ารองลงมาหลายสิบเผ่า พวกเขาถือว่าทำให้กองทัพจักรวรรดิปีศาจอ่อนแอลงได้ถึงหนึ่งในสี่ส่วนเลยทีเดียว

ทว่าเซียวเหยียนกับหลินต้งไม่ได้ยินดีกับชัยชนะเหล่านี้เลย ใบหน้าของพวกเขากลับดูเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป

นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่พบร่องรอยของเทพปีศาจจักรพรรดิในช่วงสามปีครึ่งที่ผ่านมานี้เลย แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันทรงพลังที่ก่อตัวขึ้นอย่างคลุมเครือ เห็นได้ชัดว่าเทพปีศาจซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งเพื่อฟื้นคืนกำลัง…

พวกเขาจินตนาการได้เลยว่าจักรวรรดิปีศาจจะเปิดฉากการโจมตีรุนแรงอย่างไรเมื่อเทพปีศาจฟื้นคืนสู่ร่างเก้าเนตรและชำระหนี้แค้นคืนมหาศาลให้กับสิ่งที่พวกเขาทำมาตลอดสามปี

ในเวลานั้นพายุเลือดจะกวาดล้างมหาพันภพแน่นอน

ในมิติปีศาจที่ตั้งอยู่ในทวีปรกร้าง การสั่นไหวของคลื่นหลิงปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าทำให้ทวีปมีชีวิตชีวาขึ้น

ร่างเงาเหล่านี้ก็คือกองทัพสมาพันธ์มหาพันภพ

หลินต้งและเซียวเหยียนยืนอยู่บนภูเขาสูงตระหง่าน สองตาปิดลงเปิดประสาทสัมผัสการรับรู้โยงใยผ่านมิติเพื่อตรวจจับพิภพเขตล่างที่มีความผันผวนแปลกประหลาด

กระบวนการนี้ใช้เวลาครึ่งวัน แต่ก็ไม่มีผลลัพธ์ใดๆ ดูเหมือนว่าเผ่าปีศาจจะถอนทัพออกไปไกลแล้ว

ความคิดนี้วูบผ่านในใจ ทั้งสองเตรียมจะถอนการค้นหา ทว่าทันใดนั้นหัวใจก็สั่นสะท้านเมื่อพวกเขาดึงรับรู้และเพ็งเข้าไปยังจุดพิกัดหนึ่ง

เมื่อสักครู่พวกเขารู้สึกได้ถึงความผันผวนคุ้นเคย

นั่นเป็นของเทพปีศาจจักรพรรดิ!

“พบแล้ว!”

ขณะนี้แม้แต่เซียวเหยียนและหลินต้งก็อดไม่ได้ที่จะเกิดคลื่นในใจ พวกเขาส่งพลังยิ่งใหญ่ออกมาทันทีเพื่อฉีกพิกัดมิติออกจากกัน

หลุมดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า คลื่นหลิงยิ่งใหญ่สองสายที่บรรจุคลื่นจิตของเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามพุ่งลงมาจากท้องฟ้า

พอมาถึงระดับของพวกเขา ต่อให้เจ้าตัวไม่อยู่ก็สามารถส่งการโจมตีออกไปได้อย่างรวดเร็วตราบใดที่อยู่ในระยะการรับรู้

คลื่นหลิงทรงพลังสองสายพุ่งเข้าไปในหลุมดำ ซัดเข้าใส่วังที่ลอยอยู่ในความมืดมิด ที่ภายนอกพวกเขาเห็นจอมปีศาจเซิ่งเทียนฉายสีหน้าเคร่งขรึมอยู่

ทว่าหลินต้งและเซียวเหยียนไม่ได้สนใจจอมปีศาจเซิ่งเทียนสักเล็กน้อย แต่เล็งไปที่ส่วนลึกที่พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนที่น่ากลัวที่กำลังก่อตัวขึ้น

“เทพปีศาจจักรพรรดิ!”

คลื่นหลิงยิ่งใหญ่สองสายปลดปล่อยเสียงคำรามดังก้องขณะที่ครางกระหึ่มไม่หยุด

ความมืดที่ครอบงำถูกฉีกออกจากกัน มองเห็นร่างปีศาจร่างหนึ่งนั่งอยู่ นี่คือเทพปีศาจจักรพรรดิที่สัมผัสได้ถึงการโจมตีที่เข้ามา ดังนั้นเขาจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น

ดวงตาดำสนิทราวกับว่าสามารถกลืนกินแสงใดๆ ได้

“แกสองคนน่ารำคาญจริงๆ…” เทพปีศาจจักรพรรดิมองคลื่นหลิงขนาดมหึมาสองสายอย่างไม่แยแสพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยันผุดที่ริมฝีปาก

“แต่พวกแกสองคนมาช้าเกินไป!”

เมื่อเทพปีศาจพูดจบ นอกจากดวงตาปกติสองดวงและสามดวงบนหน้าผาก ดวงตาบนฝ่ามือและหน้าอกก็เปิดออกด้วย

แปดตา!

เมื่อดวงตาชั่วร้ายทั้งแปดเปิดออกรัศมีปีศาจไร้ขอบเขตก็แผ่กระจายไปทั่วมิติสร้างกลุ่มควันขึ้นก่อนที่จะรวมตัวเป็นวงล้อมหึมาฉีกผ่านสวรรค์ในเส้นทางที่พุ่งผ่าน

ตู้ม!

เมื่อวงล้อปะทะคลื่นหลิงที่ลงมาจากฟากฟ้า พิภพเขตล่างแห่งนี้ก็สั่นสะเทือนใกล้จะพังทลายลง

“แค่คลื่นหลิงที่ซัดเข้ามายังคิดจะสู้กับแปดตาของข้าเรอะ? ฝันหวานไปแล้ว!”

เทพปีศาจหัวเราะร่าขณะวงล้อเร่งความเร็วขึ้น พิภพเขตล่างนี้ถูกฉีกออกจากกัน ในเวลาเดียวกันคลื่นหลิงยิ่งใหญ่สองสายก็ถูกบดขยี้

หลังจากทำลายคลื่นหลิงยิ่งใหญ่สองสาย วงล้อก็ไม่ได้สลายไปแต่เกาะเข้ากับบางสิ่งและหายไป

ในอีกมิติหนึ่ง หลินต้งและเซียวเหยียนลืมตาขึ้นพร้อมกับสีหน้าเปลี่ยนไปรุนแรง จากนั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นวงล้อปีศาจมหึมาฉีกผ่านท้องฟ้าเคลื่อนลงมาราวกับว่ากำลังพยายามแบ่งดินแดนออกเป็นสองส่วน

การโจมตีกะทันหันดูดความสนใจของเหล่าจอมยุทธ์สมาพันธ์มหาพันภพทันที ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปเมื่อรู้สึกถึงพลังน่ากลัวที่บรรจุอยู่ในวงล้อ

ใบหน้าของเซียวเหยียนเย็นชาลงขณะมือประสานเข้าด้วยกัน เสื้อคลุมพลิ้วสะบัดพร้อมกับเพลิงจักรพรรดิลุกโชนพุ่งออกมาก่อร่างเป็นมังกรปะทะกับวงล้อปีศาจ

ตู้ม!

เมื่อพลังทั้งสองปะทะกัน มังกรเพลิงก็ขาดออกจากกันแต่วงล้อปีศาจจางลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หลินต้งชกกำปั้นออกไปจากระยะไกล ทำให้มิติแตกร้าวในเส้นทางที่ผ่าน สุดท้ายวงล้อปีศาจก็แตกเป็นเสี่ยงๆ

“ไม่เลว ไม่เลว เจ้าสองคนมีพัฒนาการที่ดีขึ้นในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา แต่นี่ยังไม่ใช่เวลาที่เราจะปะทะกัน รออีกหน่อยนะ รอให้ดวงตาที่เก้าของข้าฟื้นฟูซะก่อน แล้วข้าจะไปหาพวกเจ้าถึงบ้านเลย”

“ฮ่าๆ พวกแกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจของข้าอย่างป่าเถื่อน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาข้าจะจ่ายคืนให้เป็นร้อยเท่า!”

วงล้อปีศาจพังลง แต่เสียงหัวเราะเทพปีศาจกลับดังก้องไปทั่วขอบฟ้า

จอมยุทธ์จากมหาพันภพต่างมีสีหน้าไม่น่าดู ความกลัวและความโกรธพล่านในดวงตาพวกเขา

หลินต้งและเซียวเหยียนแลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขาสามารถมองเห็นความเคร่งขรึมในดวงตาของกันและกัน ในการเผชิญหน้าช่วงสั้นๆ พวกเขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของเทพปีศาจจักรพรรดิที่เพิ่มขึ้น

ถ้าในอดีตเมื่อพวกเขาร่วมมือกันแล้วได้เปรียบ มิหนำซ้ำยังสามารถหาจุดอ่อนของเทพปีศาจและปราบปรามได้ ในตอนนี้พวกเขาไม่มีข้อได้เปรียบอีกต่อไปแล้วถึงจะร่วมมือกันก็ตาม

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา พวกเขาก็ไม่ได้ผ่อนคลาย พลังมีการเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าเทพปีศาจเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งรวดเร็วกว่า

วาบ!

ฉิงเทียน ชิงซันและจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทั้งหมดมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเทพจักรพรรดิทั้งสองพร้อมกับท่าทางเคร่งเครียดรุนแรง “ท่านเทพจักรพรรดิอัคคี ท่านเทพจักรพรรดิสงคราม พวกเจ้าพบร่องรอยของเทพปีศาจหรือไม่?”

หลินต้งและเซียวเหยียนพยักหน้าตอบว่า “เจอแล้ว แต่ข้าเกรงว่าตอนนี้เทพปีศาจเปลี่ยนตำแหน่งไปแล้ว ปีศาจตัวนี้ระวังตัวแจ ดูเหมือนว่าก่อนที่เขาจะอยู่ในสภาพพร้อมรบสูงสุด เขาไม่มีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับพวกข้าสองคน”

“จากคำบอกของไอ้เทพปีศาจ ตอนนี้มันเปิดดวงตาดวงที่แปดได้แล้ว” สีหน้าของฉิงเทียนน่าเกลียดลง

หลินต้งและเซียวเหยียนถอนหายใจกับคำพูดเหล่านั้น

“แล้วตอนนี้เราควรทำอย่างไร? เราควรจะติดตามต่อไปหรือไม่?” จักรพรรดิมังกรแท้จริงถามขึ้น

หลินต้งและเซียวเหยียนส่ายหัวตอบว่า “เตรียมเถอะ กองทัพของเราเหนื่อยล้าตลอดสามปีมานี้ เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ไอ้เทพปีศาจจะฟื้นตัวขึ้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้เราควรจะฟื้นฟูพลังเต็มที่เตรียมพร้อมสำหรับศึกใหญ่ดีกว่า”

นอกจากนี้พวกเขาก็ไม่สามารถเป็นภัยคุกคามต่อเทพปีศาจได้อีกต่อไป แม้ว่าจะหาเจอก็ตาม ใครจะรู้พวกเขาอาจถูกลากเข้าสู่สงครามยาวนานและกองทัพสมาพันธ์มหาพันภพอาจได้รับการตอบโต้กลับจากเผ่าปีศาจต่างๆ

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบหลังจากได้ยินคำพูดของเทพจักรพรรดิทั้งสอง ในช่วงสามปีที่ผ่านมานอกเหนือจากการกำจัดเผ่าปีศาจบางส่วน พวกเขาก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายสุดท้ายได้

อีกก้าวเดียวเทพปีศาจก็จะเปิดดวงตาที่เก้าได้แล้ว

แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้วันนั้นมาถึง

“ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง ผู้อาวุโสปู้สื่อเพิ่งส่งข่าวมาว่ามู่เฉินบรรลุขั้นสามพิสุทธิ์ได้แล้ว ตอนนี้เขากำลังฝึกฝนร่างมหารัศมีอนันด์และร่างมหาปราชญ์วิญญาณ หากเขาทำสำเร็จก็จะมีโอกาสสูงที่จะก้าวขึ้นเป็นจอมยุทธ์คนที่สามบนทำเนียบ ถึงเวลานั้นเราอาจจะสามารถต่อสู้กับเทพปีศาจเก้าเนตรได้” เมื่อเห็นทุกคนไม่สบายใจเซียวเหยียนก็เอ่ยปลอบใจ

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ท่าทางของทุกคนก็คลายลง สายตาเต็มไปด้วยความหวัง

“ออกคำสั่งให้ทุกคนถอยทัพ”

ทุกคนประสานมือรับคำสั่งก่อนที่จะทะยานออกไป ร่างแสงนับไม่ถ้วนบินออกไปอย่างรวดเร็ว กองทัพสมาพันธ์มหาพันเริ่มถอยออกจากมิติปีศาจ

หลินต้งและเซียวเหยียนยืนอยู่บนภูเขาพลางถอนหายใจขณะมองไปที่ร่างเงาผู้คน จากนั้นสีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เนื่องจากพวกเขารู้ว่าความทุกข์ยากกำลังจะมาถึงในไม่ช้า

หากพวกเขาประมาทในเวลานั้น มหาพันภพก็จะถูกทำลาย…

“เวลานี้ก็ได้แต่ฝากความหวังไว้กับมู่เฉินแล้ว…”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท