หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1551 รางวัล

บทที่ 1551 รางวัล

พร้อมกับความตายของจอมปีศาจเฮยซือเทียน

ภัยพิบัติที่กลืนกินทวีปเป่ยชางก็สลายหายไป ความสงบสุขกลับคืนมาอีกครั้ง แต่ก็ได้ทิ้งร่องรอยไว้บนฏลก ซึ่งต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวอีกพักใหญ่

หลังจากนั้นอีกสองวัน มู่เฉินก็นำลั่วหลี หลินจิ้งและเซียวเซียวตระเวนไปทั่วมหาพันภพ พวกเขาช่วยกันดับหายนะที่เกิดขึ้นรอบๆ

เมื่อมีการช่วยเหลือของมู่เฉิน ภัยพิบัติก็ไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป ในเส้นทางที่พวกเขาก้าวผ่าน ภัยพิบัติปีศาจจะถูกระงับอย่างรวดเร็วไม่สามารถก่อให้เกิดความปั่นป่วนใดๆ ได้

ภายใต้ประสิทธิภาพนี้ความสงบก็กลับคืนสู่มหาพันภพในเวลาเพียงสองวัน

ทวีปเป่ยชาง สำนักศึกษาเป่ยชาง

หลังจากผ่านสงครามมาได้ทั่วทั้งสำนักศึกษาก็อยู่ในสภาพย่ำแย่ขีดสุด ตอนนี้ทั้งหมดรอการฟื้นฟูอยู่

แม้ว่าสถานที่จะถูกทำลาย แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บล้มตายมากนัก ดังนั้นบรรยากาศในสำนักศึกษาจึงยกขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีมู่เฉินอยู่ ก็สร้างขวัญและกำลังใจได้มาก มิหนำซ้ำทุกคนยังยอมรับว่าสำนักศึกษาเป่ยชางมาถึงจุดสูงสุดแล้ว

บนภูเขาที่ตั้งอยู่ด้านหลังชุมนุมเทพธิดาลั่ว

มู่เฉินและลั่วหลีเดินขึ้นเขาช้าๆ ก่อนที่จะไปหยุดยืนอยู่ที่จุดสูงสุดมองลงไปที่กองบัญชาการใหญ่ของชุมนุมเทพธิดาลั่ว เฝ้ามองเหล่าศิษย์น้องที่กำลังช่วยกันสร้างบ้านพัก

ทั่วทั้งสำนักศึกษาตอนนี้เต็มไปด้วยพลังชีวิต

ศิษย์บางคนที่สังเกตเห็นมู่เฉินและลั่วหลี ก็มองไปด้วยความอิจฉา เพราะภายใต้แสงอาทิตย์ร่างเงาทั้งสองดูพร่างพราวโดดเด่นยิ่งนัก

“ข้าจำได้ว่าตอนนั้นเราช่วยกันก่อตั้งชุมนุมเทพธิดาลั่วขึ้นที่นี่…” มู่เฉินมองไปที่ทะเลสาบพร้อมกับรอยยิ้มหวนคำนึงประดับบนริมฝีปาก

ในตอนนั้นเขากร้าวแกร่งได้พบเจอสหายและคู่ต่อสู้มากมายในสำนักศึกษาแห่งนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปบางส่วนก็ถูกลืมเลือน กลายเป็นคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเท่านั้น

แต่โชคดีที่หญิงสาวที่ยืนข้างกายเขาไม่เปลี่ยนแปร

ดวงหน้าบอบบางของลั่วหลีเปล่งประกายด้วยความเงางามราวกับหยกอ่อน รอยยิ้มอ่อนโยนเผยออกมา ในเวลานั้นพวกเขานำศิษย์ใหม่รวมตัวกันและก่อตั้งชุมนุมเทพธิดาลั่วขึ้น ทุกคนทำงานอย่างหนักสร้างฐานรากในสำนักศึกษาเป่ยชางไว้

เมื่อหวนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ช่างเต็มไปด้วยความทรงจำงดงาม

ลั่วหลีมองไปที่สิ่งปลูกสร้างในสำนักศึกษาทันใดนั้นนางก็ยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าภาคเบญจภาคีกำลังจะรวมกันเป็นหนึ่ง พวกเขาตั้งใจจะให้เจ้าตั้งชื่อเพื่อเป็นอนุสรณ์ด้วยนะ”

“โอ้?” มู่เฉินประหลาดไปจากนั้นก็พยักหน้า “นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ในมหาพันภพสำนักศึกษาเพิ่มขึ้นทุกวัน บางแห่งมีรากฐานที่เหนือกว่าภาคเบญจภาคี ตอนนี้เมื่อพวกเขารวมเข้าด้วยกัน บางทีอนาคตอาจสามารถเขย่ามหาพันภพได้

“สำหรับชื่อ…”

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นและยิ้ม “งั้นสำนักศึกษาชังจ่งแล้วกัน”

ด้วยการใช้ชื่อของทำเนียบเหนือภพ เขาหวังว่าจะมีศิษย์น้องจากที่นี่ทิ้งชื่อไว้บนทำเนียบในอนาคตเพิ่มได้อีก

“สำนักศึกษาชังจ่ง…”

ลั่วหลีพึมพำเบาๆ ก่อนจะยิ้ม “ไม่เลว ฟังดูทรงพลังมาก”

“แต่ถ้าห้าสำนักศึกษารวมตัวกัน ศึกเบญจภาคีก็จะไม่มีอีกต่อไปในอนาคต”

ลั่วหลีนั่งลงบนผืนหญ้าและพูดด้วยความกระเง้ากระงอดเล็กน้อย นางจำได้ว่าตนเองและมู่เฉินต้องต่อสู้กันอย่างไรและเอาชนะคู่แข่งขันในตอนนั้นได้

มู่เฉินนั่งลงพลางเหยียดแขนออกไปโอบเอวเล็ก ท่อนแขนเขาแนบข้างตัวนางจับแน่นสัมผัสส่วนโค้งเว้าที่น่าประทับใจ

เมื่อรู้สึกถึงการกระทำของมู่เฉิน ลั่วหลีก็เงยหน้ามองมาที่เขาเขม็ง

ถ้าเป็นคนอื่นคงยอมแพ้ต่อสายตานี้ไปแล้ว แต่มู่เฉินหน้าด้านทำเป็นไม่เห็น เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด

“เจ้านี่หน้าด้านจริงๆ”

ลั่วหลีหยิกเอวมู่เฉินเบาๆ ก่อนที่เธอเอนศีรษะซบบนไหล่มู่เฉิน ยามนี้นางรู้สึกว่าร่างกายผ่อนคลายลง

ขณะที่ทั้งสองกอดกันและกัน ลั่วหลีก็มองไปที่มู่เฉิน “มู่เฉิน ครั้งนี้เราจะสามารถเอาชนะเทพปีศาจจักรพรรดิได้ไหม?”

มู่เฉินเม้มปากลังเลชั่วครู่ก่อนจะตอบว่า “ก่อนที่เทพปีศาจจักรพรรดิจะเผยตัวตน ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่ามันจะมีพลังเพียงใด”

“ดังนั้นข้าไม่แน่ใจว่าเราจะเอาชนะได้หรือไม่ ต่อให้ท่านเซียวเหยียน ท่านหลินต้งและข้ารวมพลังกัน”

คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น แม้ว่าเขาจะแสดงความมั่นใจต่อหน้าคนอื่น แต่เขาก็บอกความคิดเห็นไม่ปิดบังเมื่ออยู่กับลั่วหลี

นั่นเป็นเพราะเทพปีศาจเก้าเนตรยากแท้หยั่งลึก

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน สีหน้าลั่วหลีก็เคร่งเครียดลงมาก นางมองคิ้วที่ขมวดแน่นของชายคนรักก็รู้สึกปวดใจ นางรู้ว่ามู่เฉินกดดันมากแค่ไหน

“มู่เฉิน เจ้าทำได้ดีมากแล้ว” ลั่วหลีเอื้อมมือคลายหัวคิ้วของมู่เฉินออก

“ยังจำได้ไหม…เจ้าเคยบอกข้าว่าจะเป็นยอดยุทธ์และปกป้องข้าจากพายุโหมกระหน่ำ… ตอนนี้ข้าพูดได้เต็มปากว่าเจ้าทำได้อย่างที่พูดตอนนั้นจริงๆ แล้ว…”

“เจ้าคือยอดยุทธ์หนึ่งเดียวในหัวใจข้า”

แววตาของลั่วหลีอ่อนหวานจนถึงจุดที่ทำให้ผู้คนมึนเมาได้

นางจ้องมองมู่เฉิน ใบหน้าก็แดงระเรื่อ น้ำเสียงอ่อนโยนของนางราวกับรำพึงรำพัน

“มู่เฉิน ข้าโชคดีจริงๆ…ที่ได้พบเจ้าในสงครามเทพยุทธ์…”

เสียงนุ่มนวลเปล่งออกมา มู่เฉินก้มศีรษะลงมองใบหน้าแดงก่ำในอ้อมกอด เขารู้สึกถึงหัวใจเต้นรัว

เขามองไปที่ริมฝีปากของหญิงสาวคนรัก ก็รู้สึกว่าอารมณ์ตกอยู่ในความว้าวุ่น เขาค่อยๆ กระชับมือที่โอบเอวบางของลั่วหลีเข้ามาแนบชิด

สัมผัสได้ถึงแววตาร้อนแรงของมู่เฉิน ลั่วหลีก็กะพริบตาอย่างกระวนกระวายเล็กน้อย

“ลั่วหลี ข้าโชคดีที่ได้ช่วยเหลือเจ้า… ในสงครามเทพยุทธ์ครั้งนั้น…”

พูดจบมู่เฉินก็ไม่สามารถข่มกลั้นอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในใจได้อีกต่อไป เขาก้มศีรษะลงจูบริมฝีปากสีดอกกุหลาบ

เมื่อริมฝีปากทั้งสองสัมผัสกันก็กำจายด้วยความอบอุ่น

ร่างเล็กของลั่วหลีเอนลงบนผืนหญ้า มู่เฉินเหยียดแขนตั้งฉากบนพื้นมองไปที่ใบหน้าตื่นตระหนกของคนรัก

มือลั่วหลีพยายามดันหน้าอกของมู่เฉินออก ขณะที่กัดริมฝีปากหลบสายตาเขา “มู่เฉิน เจ้าคิดจะทำอะไร?”

นางมองเห็นไฟปรารถนาที่ลุกโชนในดวงตาของมู่เฉิน

มู่เฉินยิ้มกริ่มพลางโบกสะบัดแขนเสื้อ คลื่นหลิงกลายเป็นหมอกหนาทึบกระจายออกไปปิดกั้นบริเวณนี้ไม่ให้ถูกรบกวน

“ลั่วหลี เจ้าอยากให้รางวัลข้าบ้างไหม?”

เหมือนจะได้ยินความปราถนาที่ไม่ดีของมู่เฉิน ลั่วหลีก็ส่ายหน้าหวือ

“ในเมื่อเป็นแบบนี้…ก็อย่าหาว่าข้าแกล้งนะ!” มู่เฉินยิ้มก้มศีรษะลงจูบริมฝีปากสีดอกกุหลาบอีกครั้ง

เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันเป็นเวลานาน ก่อนที่มู่เฉินจะดึงตัวออก ลมหายใจของทั้งคู่หนักหน่วงขึ้น

ลั่วหลีกัดริมฝีปาก ม่านตากระจ่างใสเต็มไปด้วยอารมณ์เข้มข้น ยิ่งมองไปที่มู่เฉิน นางก็รู้สึกได้ถึงไฟปรารถนาลุกโชนในดวงตาของคนรัก นางค่อยๆ คลี่ยิ้มอ่อนโยน

รอยยิ้มของนางตอนนี้ดูเปล่งประกายยิ่งนัก

มู่เฉินถึงขนาดอึ้งไปเลยทีเดียว เขาไม่คิดว่าลั่วหลีจะมีด้านทรงเสน่ห์เช่นนี้

“มู่เฉิน เจ้าต้องการรางวัลจริงๆ หรือ?” น้ำเสียงของลั่วหลีแฝงความเย้ายวนกระเพื่อมออกมา เวลานี้นางได้วางกฎเหล็กทั้งหมดลง นางรู้สึกได้ถึงอารมณ์ของมู่เฉินและนางก็ไม่คิดต่อต้าน กลับกันหัวใจยังเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำ

สัมผัสกับความร้อนที่แผ่ซ่านมาถึงโพรงจมูกมู่เฉินก็พยักหน้า

“งั้น…เจ้าจะยังเป็นองครักษ์ของข้าไหม?”

“ตลอดไปจักรพรรดินีแห่งข้า” มู่เฉินจับมือลั่วหลีขึ้นมาจูบที่หลังมือ

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…”

ลั่วหลียิ้มอ่อนหวานก่อนที่จะดันเอวขึ้น ร่างทั้งสองกลิ้งไป แต่ครั้งนี้เป็นลั่วหลีที่พลิกนั่งอยู่บนเอวของมู่เฉิน ดวงตาผลึกแก้วใสช้อนลงมามองเขาประหนึ่งจักรพรรดินี

จากนั้นนางก็พูดอย่างมั่นในว่า “งั้นจักรพรรดินีขออยู่บน”

นางเชิดคอเรียวระหงดังไข่มุกขึ้นพลางหายใจเข้าลึกราวกับว่าตัดสินใจแน่นอนแล้ว มือขาวเรียวเลื่อนไปที่สาบเสื้อกระตุกพันธนาการออก ใบหน้าของนางแดงระเรื่อไปหมด

เมื่อเสื้อผ้าเลื่อนหล่นออกจากผิวกายก็เผยให้เห็นถึงรูปร่างไร้ที่ติ แสงแดดส่องลงมากระทบร่างของนางเปล่งประกายจนถึงจุดที่ดูเหมือนว่าทุกสรรพสิ่งจะหยุดชั่วคราวภายใต้รูปร่างงดงามนี้

ในที่สุดเลือดก็ไหลออกจากโพรงจมูกที่ร้อนฉ่า

“มู่เฉิน นี่คือ…รางวัลที่ข้าให้เจ้า”

หญิงสาวยิ้มหวานร่างแนบลงมาช้าๆ

ในเวลานั้นสายลมฤดูใบไม้ผลิก็พัดพาเข้ามาพร้อมกับเสียงครวญครางดังก้องในหมอกหลิง ร่างสองร่างเกี่ยวกระวัดรัดรึงเข้าด้วยกัน

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท