The Dark King – Chapter 520 ทีมเวิร์ค
เทียนมองกลับไปที่กำแพงยักษ์ จากการคำนวณของเขาตอนนี้พวกเขาอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของกำแพงยักษ์ ถ้าเขาเดินตรงไปทางซ้ายเขาก็จะไปถึงบริเวณกำแพงชั้นนอก บริเวณสี่แยกทางด้านทิศตะวันตกและด้านทิศเหนือของกำแพงยักษ์เป็นที่ที่เขาสามารถพบเจอเซอร์กี้ได้
“ฉันต้องคิดถึงวิธีที่จะติดต่อกับเซอร์กี้หลังจากกลับมาที่นี่เมื่อทำภารกิจสำเร็จ” ดวงตาของเทียนเบิกกว้าง เขาต้องการที่จะเริ่มลงมือทำสิ่งประดิษฐ์ชิ้นใหม่ของเขา เขาไม่สามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ในเขตที่ 9 ของโบสถ์แห่งความมืดได้ดังนั้นเขาจึงต้องสร้างฐานที่มั่นใหม่บริเวณนอกกำแพงยักษ์ แม้ว่าเขาจะไม่มีเทคโนโลยีที่มีอยู่ในกำแพงชั้นในแต่เขามีประสบการณ์และสามารถแก้ปัญหานี้ได้
ก่อนหน้านี้เขาวางแผนที่จะสร้างโรงงานทดลองลับในเขตสลัมเพราะเขาต้องการสถานที่ลับในการผลิตสิ่งประดิษฐ์ของเขาขึ้นมา แต่ตอนนี้เขาคิดว่าบริเวณกำแพงยักษ์เหมาะสมกว่าที่สลัมเพราะเขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจดึงดูดสายตาของผู้คนได้
“เทียนอย่างทิ้งระยะห่างจากพวกเรามากไป ความสามารถของนายคือการมองเห็นตรวจจับความร้อนดังนั้นอย่าลืมเตือนเราหากนายตรวจพบสัตว์ร้ายที่อยู่ใกล้กับพวกเรา” เอียนและมาร์ตินเป็นผู้นำทีมอยู่ข้างหน้าพวกเขารู้ว่าหลังจากออกจากกำแพงยักษ์พวกเขาอาจต้องเผชิญกับอันตรายทุกย่างก้าว พวกเขามีโอกาสที่จะเจอกับสัตว์ร้ายที่ทรงพลังมากแม้จะอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกำแพงยักษ์ก็ตาม
เทียนพยักหน้าและเร่งฝีเท้าของเขาเพื่อมาประจำตำแหน่งตรงกลางของทีม เทียนเบิกตาของเขาเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆ
สมาชิกของทีมแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับความสามารถของพวกเขาในช่วง 15 วันของการเตรียมตัวก่อนทำภารกิจ พวกเขารู้ว่าพวกเขาต้องร่วมมือกันขณะปฏิบัติภารกิจนอกกำแพงยักษ์ เทียนรายงานความสามารถในการมองเห็นความร้อนของเขาและเอียนได้มอบหน้าที่ผู้สนับสนุนให้กับเทียน ยูจินสามารถทำให้ผิวหนังแข็งตัวได้ดังนั้นหน้าที่ของเขาคือการต่อสู้และปกป้อง คนอื่นๆต่างได้รับมอบหมายหน้าที่ตามความสามารถของแต่ละคน
“ห่างออกไปประมาณสี่ไมล์ในทิศ 3 นาฬิกา…มีสัตว์ร้าย 4 ตัวดูเหมือนจะเป็นโครงกระดูกยักษ์” เทียนรายงานขณะที่พวกเขากำลังเดินไปข้างหน้า
เอียนถามด้วยน้ำเสียงต่ำ “พวกมันแข็งแกร่งแค่ไหน?”
“ระดับ 25 ถึง 30” เทียนตอบ
“ยูจินไปฆ่าพวกมันซะ” เอียนสั่ง
ยูจินตกตะลึง “ทะ…ทำไมครับ?”
เอียนมองกลับไปที่เขา “ทำไมอะไร?”
ยูจินเกาหัวเมื่อเขาเห็นทุกคนในทีมมองไปที่เขา “ทำไมผมต้องไปคนเดียวครับ? เราพึ่งพาการมองเห็นความร้อนของเทียน แต่เขาอาจประเมินระดับของสัตว์ร้ายผิดพลาดก็ได้หนิครับ”
“ไม่ต้องพูดมาก! ไปได้แล้ว!” มาร์ตินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เราจะรีบไปช่วยเหลือนายถ้าหากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น”
“แต่…” ยูจินรู้สึกลังเล
เอียนขมวดคิ้ว “ยูจินก่อนที่เราจะเข้าไปในพื้นสีส้มที่ 3 ของแดนรกร้างพวกเราต้องเก็บพลังงานไว้ให้มากที่สุดเพื่อรักษาความแข็งแกร่งและกำลังของพวกเราไว้ ตอนนี้นายจะได้ฝึกฝนกับสัตว์ร้ายระดับต่ำ ถ้าเป็นกังวลมากหล่ะก็นายพาเทียนไปด้วยก็ได้!”
ยูจินลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาหยิบดาบออกมาแล้วรีบวิ่งออกไปทันที
เทียนมองยูจินที่กำลังวิ่งออกไปอย่างเงียบๆแต่ไม่ได้ตามยูจินไป เหมือนกับที่เอียนบอกเขาก็ต้องรักษาความแข็งแกร่งไว้เช่นกัน เขาอาจจะต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองภายนอกกำแพงยักษ์นี้
เทียนและคนอื่นๆเคลื่อนที่ด้วยความเร็วปกติเพื่อเก็บแรงเอาไว้ ไม่นานก็เดินมาถึงบริเวณที่ยูจินกำจัดสัตว์ร้าย ดาบของเขากลับมาอยู่ในฝักอีกครั้งแต่มีคราบเลือดกระเด็นไปทั่วบริเวณรอบๆ ศพของโครงกระดูกยักษ์กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน หนึ่งในนั้นถูกฟันเข้าที่หน้าผากในขณะที่อีกตัวถูกตัดแขนเป็นชิ้นๆก่อนที่จะถูกฆ่า
พวกเขาเดินทางกันต่อ
ยูจินกลับมาที่ตำแหน่งของเขาในทีมอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นาน
“ผมทองฉันรู้ว่านายกำลังคิดเกี่ยวกับ…” ลูน่าโน้มตัวเข้าหายูจินแล้วหัวเราะ “นายไม่ต้องกังวลกับการสูญเสียพลังงานของนายไปกับการกำจัด “อุปสรรค” ของทีม พวกเราจะปกป้องนายเองนั่นเป็นเหตุผลที่เราถูกเรียกว่าทีม”
ยูจินยิ้มเมื่อเขามองเธอ “ผมรู้ครับ”
ลูน่าพูดต่อ “เราจะไม่ทิ้งใครทั้งนั้นพวกเราไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของใครบางคน เบื้องบนจะหักคะแนนรางวัล 10% ต่อสมาชิกหนึ่งคนในทีมที่ตายขณะทำภารกิจดังนั้นไม่ต้องกังวลอะไรเลย”
“มีกฏแบบนี้ด้วยหรอครับ?” ยูจินรู้สึกประหลาดใจ “พวกเขาตั้งกฏได้รอบคอบอย่างมาก”
“แน่นอนแม้ว่าจะไม่มีกฎข้อนี้ในตอนแรก แต่หลังจากเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยพวกเขาก็ตั้งกฏนี้ขึ้นมา” ลูน่าหัวเราะ
เทียนรายงานว่ามีสัตว์ร้ายซ่อนตัวอยู่หลายแห่งขณะที่ยูจินและลูน่าคุยกัน
เอียนไม่ได้เรียกให้ยูจินไปฆ่าสัตว์ร้ายเพราะพวกมันอยู่ห่างจากเส้นทางของพวกเขาและระดับของพวกมันต่ำกว่า 30
เทียนจดจำเส้นทางและทำแผนที่ในใจของเขาในขณะที่เขาสังเกตสถานที่โดยรอบ เขารู้ว่าในกรณีที่เอียนหรือคนอื่นเสียชีวิตพวกเขาจะต้องเดินทางกลับทันทีดังนั้นเขาจึงจดจำเส้นทางที่สามารถกลับไปยังกำแพงยักษ์หากสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในอนาคต
เทียนสามารถเห็นสิ่งก่อสร้างในเมืองที่ไม่สมบูรณ์หรือทรุดตัวลงเมื่อพวกเขาเข้าไปในที่ลึกของถิ่นทุรกันดาร เถาวัลและมอสได้ปกคลุมซูเปอร์มาร์เก็ตและอาคารสูง ถนนลาดยางมะตอยถูกทำลายในขณะรถบนท้องถนนถูกปกคลุมด้วยพืชสีเขียวไฟถนนถูกกัดกร่อนด้วยฝุ่นและตะไคร่น้ำ
มีรอยเท้าอยู่บนหิมะสีดำเบื้องหน้าพวกเขา
หิมะสีดำละลายเร็วมาก แต่ในหลายๆพื้นที่ก็ยังมีหิมะสีดำที่หนา
“เราต้องเดินทางไปอีก 80 หรือประมาณ 90 กิโลเมตรเพื่อไปถึงพื้นที่สีส้มของแดนรกร้าง” เอียนมองดูลูน่า “เธอได้กลิ่นสัตว์ร้ายขนาดใหญ่หรือสัตว์ร้ายที่อันตรายบ้างไหม?”
ลูน่าส่ายหัว “ตอนนี้ยังไม่ได้กลิ่นอะไรเลย”
เอียนพยักหน้าและหันไปทางเทียน “รายงานฉันทันทีเมื่อนายรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็นตัวอะไรก็ตาม เข้าใจไหม?”
เทียนพยักหน้าและมองไปยังลูน่า เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตามแต่บทบาทของเธอแตกต่างกับเขาเล็กน้อย ลูน่ามีความสามารถในการดมกลิ่น ยูรีน(ปัสสาวะ)ของสัตว์ร้ายที่ได้ถ่ายเอาไว้มันสามารถล่อสัตว์ร้ายระดับสูงให้ออกมาได้เนื่องจากพวกมันจะเข้าใจผิดคิดว่ากลิ่นนี้เป็นอาหารอันโอชะของมัน
ลูน่าจะรู้ว่าสัตว์ร้ายระดับสูงอยู่รอบตัวเมื่อกลิ่นปัสสาวะถูกทำลายไป
และอีกหนึ่งในความสามารถของลูน่าคือความแข็งแกร่งทางร่างกายของเธอดีกว่าคนอื่นๆในระดับเดียวกัน นอกจากนี้เธอยังมีความสามารถในการรับรู้กลิ่นที่ไวอย่างมาก
“หยุดพักกันสักหน่อย ก่อนที่พวกเราจะเข้าไปยังแดนรกร้าง” เอียนพูดขึ้น
ทุกคนหยุดพักทันทีที่เอียนพูด
รูบี้วางกระเป๋าใบใหญ่และเปิดกระเป๋าออก เขาหยิบอาหารและน้ำออกมาแจกจ่ายให้กับสมาชิกในทีม พวกเขาจะกินอาหารและน้ำจากกระเป๋าเสบียงใบใหญ่ของรูบี้ก่อน ส่วนอาหารและน้ำในกระเป๋าของแต่ละคนจะเก็บไว้ใช้เป็นเสบียงมื้อสุดท้ายหรือยามฉุกเฉิน
แม้ว่าพวกเขาจะกินอาหารก่อนออกจากกำแพงยักษ์มาแล้ว แต่พวกเขาใช้พลังงานไปเยอะมากในการเดินทางมาที่นี่
พวกเขาใช้เวลาไม่นานในการกินอาหารและน้ำ พวกเขามีเวลาพักเพียง 5 นาทีในช่วงก่อนและหลังกินอาหาร
เทียนและลูน่าใช้ความสามารถของพวกเขาเพื่อช่วยทีมหลีกเลี่ยงที่จะปะทะกับสัตว์ร้ายและการสิ้นเปลืองพลังงานที่ไม่จำเป็นระหว่างทาง พวกเขาเจอกับสัตว์ร้ายที่ระดับมากกว่า 30 และบางครั้งพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายตั้งแต่ระดับ 40 ถึง 45 มีเพียงมาร์ตินและเอียนที่สามารถเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายระดับสูงเช่นนี้ได้ ดังนั้นคนอื่นๆจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะอยู่ห่างจากพวกมัน ความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อยากให้เกิดกับตัวเองมากที่สุดในขณะที่พวกเขายังไม่ได้เข้าไปในพื้นที่สีส้มของแดนรกร้าง