The Dark King – Chapter 527 รังที่สยดสยอง
เทียนนึกถึงนกหัวขวานแห่งความตายที่เป็นองครักษ์ของมัจจุราชไร้เงา เขาพูดออกมาเบาๆว่า “ระวังตัวด้วยครับ อาจจะมีสัตว์ร้ายตัวอื่นๆที่มีความฉลาดหลบซ่อนตัวอยู่ภายในถ้ำนี้”
เมื่อเอียนและคนอื่นๆได้ยินคำพูดของเทียนก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที เอียนหันไปหาเทียนพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “นายเห็นอะไรบ้างหรือเปล่า?”
เทียนส่ายหัวแต่ชี้ไปที่เกล็ดที่เขาได้เห็น “เกล็ดนี้ไม่ใช่ของมัจจุราชไร้เงา อาจเป็นไปได้ว่ามีสัตว์ร้ายอีกตัวที่อยู่ภายในถ้ำนี้และมันต้องการให้พวกเราเข้ามาที่นี่ ผมคิดว่าสัตว์ร้ายตัวนี้อาจจะมีสติปัญญาและความฉลาด”
เอียนเดินไปดูจุดที่เทียนชี้ เขามองไปที่เกล็ด 2 อันนั้นและขมวดคิ้วขึ้นมา เอียนพูดออกมาว่า “ระวังตัวด้วย!”
ยูจินหัวเราะออกมา “ไม่เอาน่า! มันก็แค่เกล็ดของอะไรบางอย่าง บางทีมันอาจจะเป็นเกล็ดของสัตว์ร้ายที่มัจจุราชไร้เงานำมากินที่นี่ก็ได้ สัตว์ร้ายที่มีสติปัญญางั้นหรอ? อย่าหลอกให้พวกเรากลัวหน่อยเลย? โอ้!”
มาร์ตินไม่สนใจยูจิน เขาหันไปหาเอียนและพูดว่า “ที่เทียนพูดมาก็เป็นไปได้ พวกเราต้องระวังตัวให้ดี!”
เอียนพยักหน้า เขากำดาบเอาไว้ในมือแน่น เอียนเดินไปข้างหน้าช้าๆ
ยูจินขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีเมื่อเขาเห็นว่าไม่มีใครสนใจคำพูดของตนเอง เขาหัวเราะออกมาเพราะเขารู้ดีว่าคงไม่มีใครเชื่อใจเขาอีกต่อไปแล้วจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรและเดินตามหลังทุกๆคนไปอย่างสบายๆ
สายลมพัดออกมาจากส่วนลึกของถ้ำ มันนำพากลิ่นเหม็นที่รุนแรงออกมาด้วย เทียนและคนอื่นๆต่างก็ขมวดคิ้วเพราะกลิ่นที่ลอยออกมา ลูน่าปิดจมูกของเธออย่างแน่นหนา เธอพยายามหายใจให้น้อยที่สุดเพราะความสามารถของเธอกลายเป็นจุดอ่อนในตอนนี้
ที่กำแพงของถ้ำก็เต็มไปด้วยเศษเลือด เศษเนื้อเน่า และของเหลวอื่นๆอีกมากมาย ที่แห่งนี้ช่างน่าสะอิดสะเอียนอย่างยิ่ง หลังจากที่เดินมาประมาณ 100 เมตรเพราะเขาก็ได้เห็นกองกระดูก เศษขน เลือด และชิ้นเนื้อของสัตว์ร้าย เอียนนั่งลงไปและตรวจสอบร่องรอย “นี่คือรังของมัจจุราชไร้เงา!”
ทุกคนพยักหน้าขณะที่พวกเขาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
เอียนเดินต่อไปอีกครั้ง
ผนังถ้ำเริ่มแคบลงมาเรื่อยๆ
ทุกๆคนต่างก็เป็นกังวลและพยายามเคลื่อนไหวให้เงียบที่สุดเพราะพวกเขากลัวว่ามัจจุราชไร้เงาอาจจะโจมตีเข้ามาได้ทุกเมื่อ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังไม่แน่ใจว่ามีสัตว์ร้ายตัวอื่นที่อยู่ในรังของมัจจุราชไร้เงาด้วยหรือไม่
เทียนอยากจะจุดคบเพลิงและรมควันให้สัตว์ร้ายที่อยู่ในถ้ำนี้ออกมา แต่ยังมียูจินและปัจจัยเสี่ยงอื่นๆอีกจึงทำให้เขาได้แต่เก็บความคิดนี้เอาไว้
เพียงพริบตาพวกเขาก็ได้เดินเข้ามาในถ้ำนี้เป็นระยะทางกว่า 500 เมตรแล้ว ผนังของถ้ำในส่วนนี้เรียบผิดปกติ
พวกเขาเห็นร่างของซอมบี้ที่ถูกกินไปแล้วเมื่อเดินเข้ามาในถ้ำนี้ประมาณ 400 เมตร ซอมบี้บางตัวหัวหายไปบางตัวร่างกายท่อนบนหายไป พวกมันพยามคลานอยู่ที่พื้นและส่งเสียงร้องออกมา สิ่งที่ได้เห็นช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง
เอียนฆ่าซอมบี้พวกนี้ทันทีด้วยความโกรธ
“เฮ้!” เอียนหรี่ตาลงขณะที่เขายกมือเพื่อบอกให้ทุกคนหยุดเดิน ลูน่า เทียน และทุกๆคนต่างก็รีบเดินทันที ฝ่ามือของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อที่เย็นเยียบ
เอียนเดินไปตรวจสอบสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาหน้าซีดด้วยความกลัวและตะโกนกลับมาว่า “นี่คืออสูรโลหิตสังหาร!”
สีหน้าของมาร์ตินเต็มไปด้วยความหวาดกลัวทันที อสูรโลหิตสังหารนั้นเป็นสัตว์ร้ายหายากที่อยู่ในระดับเดียวกันกับมัจจุราชไร้เงาและนกหัวขวานแห่งความตาย ถ้าหากว่าพวกเขาต้องปะทะกับมัจจุราชไร้เงาและอสูรโลหิตสังหารในเวลาเดียวกันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน!
เอียนพูดต่อไปว่า “และมันตายแล้ว!”
“ตายหรอ? มาร์ตินตกตะลึง
ลูน่าและรูบี้ก็รู้สึกสงสัย
การมองเห็นในความมืดของเทียนนั้นดีกว่าเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ เขาสามารถมองเห็นรอยแผลขนาดใหญ่ที่อยู่บนหน้าอกของอสูรโลหิตสังหาร เลือดที่ไหลออกมานั้นแห้งไปแล้ว
เอียนกลืนน้ำลายขณะที่เขาเดินเข้าไปใกล้อสูรโลหิตสังหาร เขาแทงดาบในมือไปที่ร่างกายของสัตว์ร้ายเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันตายแล้วจริงๆ
เอียนใช้ดาบของตนเองแทงไปที่อสูรโลหิตสังหารหลายครั้ง
เขาถอยกลับมาด้วยใบหน้าซีดเซียว ดูเหมือนว่าอสูรโลหิตสังหารจะตายมานานแล้วและศพของมันเริ่มแข็งแล้วในตอนนี้
สีหน้าของเอียนดูย่ำแย่ขึ้นมาทันที แล้วสัตว์ร้ายตัวไหนกันที่ฆ่ามัน?
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า “รูบี้ ไปตรวจสอบดูว่าหนอนวิญญาณกาฝากยังอยู่ในร่างกายของมันหรือเปล่า”
เอียนมองไปรอบๆตัวเพราะเขายังคงกลัวอันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่ รูบี้ค่อยๆเดินเข้าไปตรวจสอบทันที “หนอนวิญญาณกาฝากยังอยู่ในร่างกายของมัน” เขาชูหลอดแก้วที่บรรจุหนอนที่เหมือนกับตะขาบเอาไว้ภายในนั้น หนอนวิญญาณกาฝากกำลังดิ้นอยู่ภายในหลอดแก้วเพื่อหนีออกมาข้างนอก
โดยทั่วไปแล้วหนอนวิญญาณกาฝากของสัตว์ร้ายจะตายไปในระยะเวลาครึ่งชั่วโมงถึง 3 ชั่วโมงถ้าหากว่ามันไม่สามารถหาที่อยู่ใหม่ได้ เห็นได้ชัดว่าอสูรโลหิตสังหารถูกฆ่าตายมามากกว่า 3 ชั่วโมงแล้ว แต่ร่างกายของมันนั้นพิเศษกว่าสัตว์ร้ายตัวอื่นๆ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหนอนวิญญาณกาฝากภายในร่างกายของมันจึงยังไม่ตาย
เอียนพูดออกมาเบาๆว่า “ระวังตัวด้วย! ที่นี่แปลกประหลาดเกินไปแล้ว!”
รูบี้เก็บหนอนวิญญาณกาฝากกลับมาด้วยความตื่นเต้น เขายังคงถือขวานของตนเองเอาไว้แน่น
ทุกๆคนเดินทางต่อและได้พบกับทางเลี้ยวเมื่อเดินมาได้ประมาณ 100 เมตร มีเสียงสะท้อนเบาๆดังมาจากทิศทางนั้น ดูเหมือนว่ามันเป็นเสียงของอะไรบางอย่างที่กระทบกัน
เอียหรี่ตาลงขณะที่เขาส่งสัญญาณมือเตือนทุกๆคน เขาถือดาบของตนเองเอาไว้แน่นและพุ่งออกไปที่ทางเลี้ยวทันที
ฟิ้ว!
เขาพุ่งตัวออกไปพร้อมกับเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ทุกเมื่อไม่ว่าจะเจอกับอะไรก็ตาม
แต่เอียนก็ต้องตกตะลึงทันทีที่ได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
มีสัตว์ร้ายตัวหนึ่งนอนอยู่บนพื้น ร่างกายท่อนล่างของมันเหมือนกับแมงมุม ร่างกายท่อนบนของสัตว์ร้ายตัวนี้เหมือนกับสุนัข มันมีศีรษะที่เหมือนกับสุนัขและมีเขี้ยวที่น่ากลัว ใบหูของมันดูแปลกประหลาด หูของมันไม่ได้อยู่ที่ข้างศีรษะแต่เป็นเหมือนรูปพัดที่กางออกรอบศีรษะ มันดูเหมือนกับหมวกกันน็อคที่ปกคลุมศีรษะไว้
“นี่มัน … มัจจุราชไร้เงา?” เอียนตกตะลึงไปทันที
มาร์ตินและรูบี้ที่ตามเอียนมาติดก็ตกตะลึงไปทันทีเมื่อพวกเขาได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
มัจจุราชไร้เงากำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้น ร่างกายท่อนล่างที่เหมือนกับแมงมุมของมันมีรูขนาดใหญ่ที่ดูน่ากลัว ลำไส้และอวัยวะภายในอื่นๆของมันไหลลงมากองอยู่ที่พื้น ขาและเท้าของมันหลุดออกมาจากข้อต่อ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือขากรรไกรของมันได้หายไปแล้ว ปากของมันเหลือเพียงฟันบนเท่านั้นและมันไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้
เทียนตกตะลึงไปทันทีเมื่อเขาได้เห็นอาการบาดเจ็บของสัตว์ร้ายตัวนี้ เขาขนลุกขึ้นมาทันทีและอดไม่ได้ที่จะมองกลับไปยังทางออกของถ้ำ
เอียนเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาและรีบพุ่งเข้าไปทันที เขาใช้ดาบในมือของตนเองตัดศีรษะของสัตว์ร้ายตัวนี้
เขาถอยหลังกลับมาเมื่อเห็นเลือดของมันกระเด็นออกมา จากนั้นก็หันไปหารูบี้ด้วยความโล่งใจ “ไปเก็บหนอนวิญญาณกาฝากของมันมา!”
“อื้ม” ดวงตาของรูบี้เบิกกว้างขึ้นขณะที่เขากำลังวิ่งเข้าไปหาสัตว์ร้ายตัวนี้
เอียนเช็ดคราบเลือดที่อยู่บนดาบของเขา
ลูน่ายิ้มออกมาในตอนนี้ “ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันที่โชคดีของพวกเรา! พวกเราไม่ต้องปะทะกับสัตว์ร้ายตัวไหนเลยแต่สามารถเก็บหนอนวิญญาณกาฝากของทั้งอสูรโลหิตสังหารและมัจจุราชไร้เงากลับมาได้! นี่มันโชคดีจริงๆ!”