The Dark King – Chapter 563 อาวุธเวทมนต์
ภายในอาคารที่ถล่มลงมามีหนูกระดูกหลายตัวกำลังกัดกินซากศพของงูที่ยาวประมาณ 3 ถึง 4 เมตร กรงเล็บอันแหลมคมของพวกมันได้เจาะทะลุเกล็ดงูเข้าไปเอาเนื้อเน่าที่อยู่ข้างในออกมาแล้วกินอย่างเพลิดเพลิน
เทียนที่กำลังหมอบราบอยู่บนพื้นก็รีบวิ่งออกไปในทันที
ฟิ้ว!
เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวพวกมันก็หันหัวกลับมาอย่างกระทันหันและร้องเสียงแหลมออกมา
ฟู่! ฟู่!
เทียนหยุดเคลื่อนที่ในมือของเขาถือหนูสองสามตัวที่บริเวณกะโหลกของพวกมันแหลกสลาย เขามองไปที่ซากศพงูขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ มีแผลลึกบริเวณศีรษะของมันที่เกิดจากกรงเล็บอันแหลมคมเผยให้เห็นกระโหลกสีขาวโพลนที่ฉาบไปด้วยเลือด เขาคาดเดาว่างูตัวนี้ได้รับบาดเจ็บจากสัตว์ร้ายตัวอื่น แต่โชคร้ายของมันที่หนีมาที่นี่ ทำให้งูขนาดใหญ่ตัวนี้กลายเป็นอาหารอันโอชะของเหยื่อมันซะเอง
เทียนเก็บศพหนูลงในกระเป๋าเป้และยังคงมองหาหนูตัวอื่นๆ
เวลาผ่านไปไม่นานกระเป๋าเป้ของเขาก็เต็มไปด้วยซากศพหนู เทียนออกมาจากอาคารแห่งนี้และเก็บรวบรวมกิ่งไม้แห้งระหว่างทางก่อนที่เขาจะกลับไปยังลานกว้างที่กลายเป็นสระน้ำ
ทันทีที่เขาเข้ามาใกล้สระน้ำจมูกของเขาก็ได้กลิ่นเหม็นตลบอบอวนที่ลอยอยู่ ซึ่งเป็นกลิ่นเหม็นจากซากศพของสัตว์ร้ายที่อยู่ใต้น้ำที่ตอนนี้ร่างของมันล้อมรอบไปด้วยแมลงแปลกๆจำนวนมาก
เทียนมองผ่านมันอย่างรวดเร็วและบินไปในทิศทางอื่น จากนั้นก็รีบว่ายลงไปตามช่องระบายน้ำและกลับไปที่กำแพงน้ำแข็ง เขาปีนขึ้นฝั่งโยนกระเป๋าเป้และกิ่งไม้แห้งลงบนพื้น จากนั้นก็เคลื่อนตัวเพื่อสะบัดน้ำออกจากร่างกายของเขาเพื่อให้ร่างกายอุ่นขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
“อาการเป็นยังไงบ้าง?” ไอช่าเห็นเทียนกลับมาและถามออกไปด้วยความกังวลเมื่อเธอเห็นหน้าใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา
เทียนส่ายหัวเล็กน้อยและยิ้มให้เธอ เขาก้มลงเปิดกระเป๋าเป้ออกและโยนร่างอันไร้วิญญาณของหนูลงบนพื้น
“ฉันไม่ได้กินอะไรมาสองสามวันแล้ว ก่อนอื่นจะต้องเติมเต็มกระเพาะอาหารด้วยเจ้าตัวเล็กพวกนี้จากนั้นค่อยออกหาอย่างอื่นในภายหลัง”
เทียนวางหนูไว้ข้างๆและหยิบกิ่งไม้แห้งซึ่งตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำขึ้นมา หลังจากที่สลัดน้ำออกจากกิ่งไม้เขาก็ตัดกิ่งไม้ออกเป็นแผ่นบางๆ
ในกำแพงน้ำแข็งที่หนาวเหน็บแห่งนี้ความชื้นในกิ่งไม้จะระเหยอย่างรวดเร็ว เทียนใช้มีดสั้นตัดกิ่งไม้อันหนึ่งให้มีปลายแหลมจากนั้นก็เลือกกิ่งไม้อีกอันที่ค่อนข้างหนามาตั้งบนพื้น
เขาวางขี้เลื่อยแผ่นบางๆลงบนกิ่งที่หนาจากนั้นก็ปักกิ่งปลายแหลมลงไปและลงมือหมุนมันอย่างรวดเร็ว เป็นวิธีก่อไฟที่เก่าแก่อย่างมากโดยใช้หลักการเสียดสีทำให้เกิดประกายไฟ เวลาผ่านไปไม่กี่นาทีก็มีควันจางๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆและความร้อนที่เกิดขึ้นจะทำให้ความชื้นในขี้เลื่อยหายไป 7-8 นาทีต่อมาควันจางๆก็เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นไฟก็ลุกขึ้นมาจากขี้เลื่อย
ดวงตาของเทียนดูสว่างไสวเนื่องจากกองไฟที่ลุกโชน เขาใช้มือของตัวเองป้องกันไม่ให้ไฟดับและเติมเศษไม้แห้งทั้งหมดที่เขาเตรียมไว้บนกองไฟ ในไม่ช้าไฟก็มีขนาดใหญ่ขึ้น
ไอช่ามองไปที่เทียนจากด้านข้าง เมื่อไฟลุกโชนออกมาดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง แสดงให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข ไอช่าได้รับความอบอุ่นจากกองไฟและเธอก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างมาก เธอไม่เคยคิดเลยว่ากองไฟที่แสนธรรมดาจะทำให้เธอมีความสุขมากขนาดนี้
หลังจากที่กองไฟลุกไหม้เต็มที่ เทียนพูดกับไอช่าว่า “มาผิงไฟและทำให้ตัวอุ่นขึ้น แล้วก็ระวังอย่าให้ไฟมอดและคอยเติมเชื้อเพลิงเข้าไปด้วยครับ”
“ตกลง” ไอช่าพยักหน้าและนั่งลงข้างกองไฟเพิ่มกิ่งไม้แห้งลงในกองไฟเป็นครั้งคราว เธอหันหน้าไปดูสิ่งที่เทียนกำลังทำอยู่และเห็นเขาหยิบหนูขึ้นมาจากพื้น เขาใช้มีดสั้นเพื่อแล่หนูถลกหนังออกและควักไส้อย่างชำนาญ
เทียนถอนขนของหนูพวกนี้ออกมาจนหมด จากนั้นเขาก็ขุดหลุมลึกลงไปในพื้นดินเพื่อฝังอวัยวะภายในทั้งหมด เป็นความเคยชินของเขาจากล่าสัตว์ในถิ่นทุรกันดารเพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นเลือดของเครื่องในดึงดูดสัตว์ร้ายตัวอื่นๆมา นอกจากนี้ยังสามารถชะลอการเน่าเสียและป้องกันจากการเจริญเติบโตของปรสิตบนเครื่องในพวกนี้
หนูพวกนี้มีขนาดตัวเทียบเท่ากับกระต่ายในยุคก่อน หลังจากถอนขนและคว้านไส้พวกมันออกก็เหลือเพียงโครงกระดูกเปื้อนเลือด
เทียนใช้กิ่งไม้เพื่อเสียบเนื้อหนูจากนั้นก็ขยับเข้ามานั่งใกล้กองไฟ เขายื่นหนูเสียบไม้สองอันให้กับไอช่า
ไอช่ามองไปที่เนื้อสดของหนู เธอยื่นมือออกไปรับมันมาจากเทียนและเอาเนื้อไปย่างไฟ จากร่างกายที่แข็งแกร่งเธอสามารถกินเนื้อดิบๆได้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเธอสามารถต้านทานแบคทีเรียที่ซ่อนอยู่ในเลือดของหนูพวกนี้ ความแข็งแกร่งของเธอเปรียบเสมือนสัตว์ร้ายในหมู่สัตว์ร้าย
เลือดบนเนื้อหนูเสียบไม้หยดลงในกองไฟ หลังจากผ่านไปประมาณ 10 นาที เลือดบางๆที่หลงเหลืออยู่บนเนื้อเสียบไม้ก็แห้งและกลายเป็นกลิ่นหอมจางๆติดอยู่บนเนื้อย่าง
เทียนเต็มไปด้วยความรู้สึกหิวกระหายเนื่องจากไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวัน
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง เทียนหั่นเนื้อด้วยมีดสั้นอย่างรวดเร็วเพื่อตรวจสอบว่ามันสุกดีหรือยังและกัดเนื้อเข้าไปคำใหญ่ทันที
หลังจากกินเนื้อย่างไปสองชิ้นเขารู้สึกถึงความอบอุ่นในท้องของตนเอง
ไอช่าก็ลงมือกินอย่างเต็มที่โดยไม่สนใจมารยาทบนโต๊ะอาหาร เนื่องจากความหิวโหยของเธอแม้จะไม่มีเครื่องปรุงรสเธอก็รู้สึกว่ามันอร่อยมาก
“รสชาติเป็นยังไงบ้างครับ?” เทียนพูดพร้อมรอยยิ้มขณะมองดูไอช่าที่กำลังเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“อร่อยมาก” ไอช่ากลืนเนื้อและพูดออกมาด้วยความพึงพอใจ
เทียนยิ้ม เขามองไปบริเวณรอบๆและพบหลอดแก้วซึ่งภายในเต็มไปด้วยหนอนตัวเล็กๆตกอยู่ท่ามกลางอุปกรณ์ฉุกเฉิน โพแทสเซียมไนเตรท และผ้าพันแผล มันคือหนอนวิญญาณกาฝากที่เขาเก็บรวบรวมมา ก่อนหน้านี้เขาไม่มีโอกาสใช้มันแต่ตอนนี้เขาอยู่ในกำแพงน้ำแข็งที่ค่อนข้างปลอดภัยดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการโจมตีของสัตว์ร้ายในระหว่างฉีดพวกมันเข้าสู่ร่างกาย
“นายกำลังจะทำอะไรหรอ?” ไอช่าถามเมื่อเธอเห็นเทียนหยิบขวดขึ้นมา
เทียนหยิบเข็มฉีดยาออกมาจากกล่องและตอบว่า “ผมต้องการฉีดหนอนวิญญาณกาฝากพวกนี้และดูว่าความแข็งแกร่งของร่างกายจะเพิ่มขึ้นไหม”
ประสบการณ์ที่มากมายในดินแดนรกร้างทำให้เขาเข้าใจว่าการเพิ่มความแข็งแกร่งทุกอย่างจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตบางทีครั้งต่อไปที่เขาออกไปหาอาหารอาจจะพบกับสัตว์ร้ายและหนีมันไม่พ้น
ไอช่ารู้สึกตกใจและพูดว่า “นายต้องการใช้หนอนวิญญาณกาฝากขั้นสูงพวกนี้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างนั้นหรอ?”
เทียนพยักหน้า
ไอช่ามองเทียนและพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า “แม้ว่าจะค่อนข้างฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองแต่ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ ความอยู่รอดสำคัญกว่าทุกสิ่ง หากฉันคิดไม่ผิดสัญลักษณ์เวทมนต์ของนายไม่ใช่สัญลักษณ์เวทมนต์ระดับหายากแต่เป็นสัญลักษณ์เวทมนต์ระดับตำนานจากแมลงอสูรโลกันต์”
เทียนรู้อยู่แล้วว่าเธอสามารถจดจำสัญลักษณ์เวทมนต์ของตนเองได้ เขาพูดพร้อมกับพยักหน้า “ใช่ครับ”
ไอช่าจ้องไปในเทียนและกล่าวว่า “มันเป็นลักษณ์เวทมนต์จากลูกของแมลงอสูรโลกันต์อย่างนั้นหรอ?”
เทียนไม่ได้คิดว่าเธอจะเดาได้ถูกต้องในครั้งเดียว เขามองเธอแล้วพยักหน้า “ใช่ครับ หลังจากที่คุณฆ่าแมลงอสูรโลกันต์ผมก็ตามรอยของมันไปและพบกับแมลงอสูรโลกันต์ตัวเล็กๆที่มันให้กำเนิด”
“แบบนี้นี่เอง” ไอช่าผงกหัวเล็กน้อย “ไม่แปลกใจที่นายมีความร้อนภายในร่างกายไม่มากนัก แต่กลับสามารถหลบหนีการไล่ล่าของพาร์นาได้นานมาก ทรัพยากรที่ตระกูลดราก้อนมอบให้นายมันเพียงพอที่จะทำให้กลายเป็นระดับผู้บุกเบิกขั้นต้นใช่ไหม? “
ดวงตาของเทียนส่องประกายและเขาก็พยักหน้า “อาจจะใช่ครับ”
“ดูเหมือนว่าฉันประเมินนายต่ำเกินไป” ไอช่าพูดเบาๆ “ถ้าฉันรู้เรื่องนี้ฉันจะพานายกลับไปยังตระกูลดราก้อน ในตอนนั้นฉันยังเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ฉันสามารถมอบการฝึกฝนที่ดีที่สุดให้นายได้ ในตอนนี้นายอาจจะเป็นผู้บุกเบิกแล้วก็ได้ด้วยสัญลักษณ์เวทย์มนตร์ในตำนานที่นายมี
เทียนยิ้มและพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงไม่ได้รับสัญลักษณ์เวทมนตร์ในตำนานนี้มา”
ไอช่านิ่งเงียบและถอนหายใจออกมา ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ถึงบางสิ่งและพูดว่า “แต่มันยังไม่สายเกินไปหลังจากที่ฉันหายแล้วฉันจะกลับไปที่ตระกูลดราก้อนเพื่อพูดกับผู้นำตระกูลให้ทำอาวุธเวทมนต์ของแมลงอสูรโลกันต์ขึ้นมาเพื่อมอบให้นาย มีเพียงอาวุธเวทมนต์เท่านั้นที่สามารถทำให้นายสามารถใช้พลังที่แท้จริงของสัญลักษณ์เวทมนต์ระดับตำนานได้”