The Dark King – Chapter 564 ความแข็งแกร่งของสัญลักษณ์เวทมนต์ในตำนาน
“อาวุธเวทมนต์อย่างนั้นหรอครับ?”
“ใช่” ไอช่าพยักหน้า “ความแตกต่างระหว่างสัญลักษณ์เวทมนต์ในตำนานกับสัญลักษณ์เวทมนต์อื่นๆราวฟ้ากับเหว ถ้ามีคะแนนเต็ม 100 คะแนนสัญลักษณ์เวทมนต์ธรรมดามีค่าเท่ากับ 1 คะแนน สัญลักษณ์เวทมนต์พิเศษจะเป็น 3 คะแนน ส่วนสัญลักษณ์เวทมนต์ที่หายากคือ 9 คะแนน และสุดท้ายสัญลักษณ์เวทมนต์ในตำนานคือ 100 คะแนนเต็ม! “
“ความสามารถของพวกมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง”
เทียนตกตะลึง
“สัญลักษณ์เวทมนตร์ธรรมดาทั่วๆไปที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้แก่ผู้ใช้ได้พอสมควรถือว่าเป็นสัญลักษณ์เวทมนต์ระดับธรรมดาที่ดีมาก” ไอช่าพูดต่อว่า “สำหรับสัญลักษณ์เวทย์มนตร์ที่หายากนั้นสามารถเพิ่มความสามารถใหม่และช่วยในการเลื่อนขั้นของนักล่าทั้งสามระดับได้ แต่ว่ามันมีทั้งความสามารถที่แข็งแกร่งและอ่อนแอ สัญลักษณ์เวทมนต์ที่หายากบางชนิดทำได้เพียงแค่เพิ่มความสามารถในการมองเห็นบางอย่างให้แก่ผู้ใช้เท่านั้นและก็มีสัญลักษณ์เวทมนต์ที่หายากบางชนิดที่ช่วยเพิ่มความสามารถที่สำคัญให้แก่ผู้ใช้”
“ตัวอย่างเช่นหนอนวิญญาณกาฝากอสูรโลหิตสังหารที่อยู่ในมือของนาย ความสามารถหลักที่ผู้ใช้จะได้รับอย่างแน่นอนก็คือ การควบคุมเลือด! ซึ่งสามารถดูดซับเลือดจากสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ตนเองได้ นอกจากนี้ยังสามารถส่งเลือดจากภายในร่างกายของผู้ใช้ไปยังสิ่งมีชีวิตอื่นๆได้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้เลือดในร่างกายของเป้าหมายเกิดความปั่นป่วนเหมือนกับมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาและสามารถทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้หากเลือดผสมเข้าด้วยกัน นี่เป็นวิธีการโจมตีหลักของสัญลักษณ์เวทย์มนตร์อสูรโลหิตสังหาร”
“ผู้ใช้สัญลักษณ์เวทมนต์ของอสูรโลหิตสังหารนั้นยังสามารถเปลี่ยนโครงสร้างของเลือดได้หลังจากพัฒนาไปสู่ระดับผู้บุกเบิก พูดอีกอย่างก็คือผู้ใช้สามารถควบคุมเลือดในสิ่งมีชีวิตอื่นๆได้ สามารถใช้ในการสังหารเป้าหมายโดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นความสามารถที่น่ากลัวมาก”
เทียนค่อนข้างแปลกใจและก้มลงมองหลอดแก้วในมือของตนเอง หนอนวิญญาณกาฝากของอสูรโลหิตสังหารมีพลังมากขนาดนั้นเลยหรอ?
ไอช่าจ้องที่เทียนและพูดว่า “พวกเราตัดสินความแข็งแกร่งของสัญลักษณ์เวทมนตร์จากความสามารถหลักของมัน นอกจากความสามารถหลักแล้วสัญลักษณ์เวทย์มนตร์อสูรโลหิตสังหารยังมอบความสามารถในการตรวจจับความร้อน การควบคุมอุณหภูมิและความสามารถอื่นๆให้กับผู้ใช้อีกด้วย”
“สิ่งเหล่านี้เป็นความสามารถเสริมทั้งหมดและมันจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ใช้ แต่ความสามารถหลักที่ได้รับจะเหมือนกัน”
“อสูรโลหิตสังหาร … เป็นเพียงสัตว์ร้ายระดับหายากชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วๆไปเท่านั้น มันไม่ใช่สิบอันดับแรกของสัตว์ร้ายระดับหายากเลยด้วยซ้ำ!”
เทียนตกใจและเข้าใจในทันทีว่าเธอหมายถึงอะไร
หมาป่าวิญญาณซึ่งเป็นสัญลักษณ์เวทย์มนตร์แรกของเขาเป็นหนึ่งในสิบสัตว์ร้ายที่หายากและแมลงอสูรโลกันต์สัญลักษณ์เวทมนต์ปัจจุบันของเขาเป็นหนึ่งในสัตว์ร้ายในตำนาน!
ถ้าอสูรโลหิตสังหารเป็นเพียงสัตว์ร้ายระดับหายากทั่วๆไปมันยังเต็มไปความสามารถอันน่าสะพรึงกลัว แล้วความสามารถของสัญลักษณ์เวทมนต์แมลงอสูรโลกันต์จะมีพลังทำลายล้างมากแค่ไหนกัน?
ไอช่าเห็นการแสดงออกของเทียนก็เข้าใจสิ่งที่เขาคิด เธอพยักหน้า “ในปัจจุบันมีสัตว์ร้ายในตำนานที่รู้จักกันอยู่ เพียงแปดตัวทำให้สัญลักษณ์เวทมนตร์ที่ได้มาจากพวกมันถูกจัดอยู่ในแปดอันดับแรก! เหตุผลข้อแรกที่สถาบันวิจัยสัตว์ร้ายตั้งชื่อพวกมันว่าเป็นสัตว์ร้ายในตำนานเพราะพวกมันหายากอย่างมาก เหตุผลที่สองคือพวกมันมอบความแข็งแกร่งและความสามารถอันทรงพลังให้กับผู้ใช้!”
“สัญลักษณ์เวทย์มนตร์แมลงอสูรโลกันต์ของนายเป็นสัญลักษณ์เวทมนต์ของสัตว์ร้ายประเภทโจมตีที่อยู่ในระดับต้นๆส่วนเพรชฆาตเงาอสูรที่นายพบก่อนหน้านี้เป็นสัตว์ร้ายประเภทซุ่มโจมตีที่อยู่ในระดับต้นๆเช่นกัน ความสามารถที่พวกมันมอบให้กับผู้ใช้นั้นมาจากประเภทหลักของพวกมัน!”
และมีอีกอย่างที่สำคัญ ไอช่ากระพริบตาและเธอพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ “อย่างที่นายรู้ยิ่งนายพัฒนาร่างกายของตัวเองก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นและการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในร่างกายที่เป็นผลมาจากสัญลักษณ์เวทมนต์มันจะอยู่กับนายตลอดไปเหมือนกับปีกบนหลังของนาย!”
“การเปลี่ยนแปลงพวกนี้จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นหลังจากกลายเป็นผู้บุกเบิก ร่างกายของผู้บุกเบิกส่วนใหญ่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ร้าย ทำให้พวกเขาถูกต่อต้านและหวาดกลัวโดยเหล่าขุนนางชั้นสูงดังนั้นพวกเขาจึงสามารถใช้ชีวิตอยู่เพียงแค่ในเงามืดเท่านั้น”
เมื่อได้ยินคำพูดของไอช่าเทียนก็อดไม่ได้ที่จะมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เขาก็ไม่พบส่วนที่เป็นสัตว์ร้ายของเธอแม้แต่น้อย
ไอช่าเห็นปฏิกิริยาของเทียนและเดาความคิดของเขา “นี่คืออาวุธเวทมนต์ที่ฉันพูดถึง เหตุผลที่ร่างกายของพวกเรากลายเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ร้ายนอกเหนือจากการถูกแทรกซึมด้วยสัญลักษณ์เวทมนต์ก็คือร่างกายของเราเองที่มองหาการเปลี่ยนแปลงนี้! “
“ความแข็งแกร่ง การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่! เพื่อสองสิ่งนี้ร่างกายของเราจำเป็นต้องกลายเป็นสัตว์ร้ายมากขึ้น!”
“นายจะรู้สึกได้ก็ต่อเมื่อนายต่อสู้ ร่างกายมนุษย์ของเราไม่สามารถใช้ความแข็งแกร่งของสัญลักษณ์เวทย์มนตร์ได้อย่างเต็มที่นั่นเป็นเพราะร่างกายของสัตว์ร้ายที่สัญลักษณ์เวทมนตร์เคยอาศัยอยู่นั้นแตกต่างจากร่างกายมนุษย์มากเกินไป”
หลังจากเทียนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็นึกถึงความรู้สึกขณะที่ต่อสู้กับยูจินขึ้นมาได้ทันที เขามีความรู้สึกว่าร่างกายของตนเองทุกส่วนถูกจำกัดและไม่สามารถออกแรงได้เต็มที่ เหมือนกับว่าร่างกายของเขามีอะไรบางอย่างขาดหายไปความรู้สึกเหมือนมีแขนขาที่ไม่สมบูรณ์
“อาวุธเวทมนต์ถูกประดิษฐ์โดยสถาบันวิจัยสัตว์ร้ายเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกครอบงำจนกลายเป็นร่างแปลงอสูร”
ไอช่ายกมือขึ้นแล้วชี้ไปที่ดาบอันใหญ่โตของตนเองซึ่งห่อด้วยผ้าบนหลังแล้วพูดว่า “ดาบโลหิตอสูรของฉันเป็นอาวุธเวทมนต์ มันถูกสร้างขึ้นมาโดยใช้เลือดของฉันและศพของเจ้าของสัญลักษณ์เวทมนต์ก่อนหน้านี้ ด้วยอาวุธนี้ร่างกายของฉันสามารถหลีกเลี่ยงการกลายเป็นร่างแปลงอสูรได้และในเวลาเดียวกันฉันก็สามารถแสดงความแข็งแกร่งของสัญลักษณ์เวทมนตร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อฉันต้องการใช้ความสามารถของสัญลักษณ์เวทมนต์อย่างเต็มที่ ฉันต้องเปิดใช้งานอาวุธเวทย์มนตร์ของตนเองเพื่อเติมเต็มรูปแบบสัตว์ร้าย”
เทียนตกใจและดูดาบขนากใหญ่บนหลังของเธอ เขาพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “หมายความว่าดาบบนหลังของคุณสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างนั้นหรอครับ?”
“ใช่” ไอช่าพยักหน้า “ถ้าสัญลักษณ์เวทมนตร์ของฉันคือสัญลักษณ์เวทมนตร์แมลงอสูรโลกันต์ การเปิดใช้งานอาวุธเวทมนต์จะเปลี่ยนร่างกายของฉันให้กลายเป็นรูปแบบครึ่งแมลงอสูรโลกันต์และทำให้สามารถใช้ความแข็งแกร่งของสัญลักษณ์เวทมนตร์ได้ 100%”
เทียนตกตะลึง
อาวุธเวทมนต์เป็นอาวุธที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมในร่างกายอย่างนั้นหรอ?
แต่ด้วยเทคโนโลยีของโลกในปัจจุบัน อาวุธทางพันธุกรรมที่ซับซ้อนเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน?
ความลับแบบไหนกันที่ถูกซ่อนอยู่ในสถาบันวิจัยสัตว์ร้ายกันแน่?
เทคโนโลยีจากยุคเก่าไม่ได้ถูกตัดขาดไปโดยสิ้นเชิง แต่ถูกควบคุมโดยคนส่วนน้อยอย่างนั้นหรอ?
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากในการตัดเอาสัญลักษณ์เวทมนตร์ของนายออกมาเพื่อนำไปสร้างเป็นอาวุธเวทมนต์เพราะสัญลักษณ์เวทมนตร์ฝังอยู่ในร่างกายของนายเรียบร้อยแล้ว แต่ยังพอมีหนทางอยู่และราคาก็สูงมากด้วยเช่นกัน”
ไอช่ากล่าวว่า “ถ้านายมีอาวุธเวทมนต์นายจะแข็งแกร่งกว่าตอนนี้อย่างน้อย 5 เท่าและนายก็สามารถต่อกรกับผู้บุกเบิกที่มีสัญลักษณ์เวทมนตร์ที่หายากได้”
เทียนถูกดึงกลับมาจากความคิดของเขาโดยคำพูดของไอช่าและประโยคสุดท้ายของเธอทำให้หัวใจของเขาเต้นรัว อาวุธเวทมนต์สามารถทำให้เขาต่อกรกับผู้บุกเบิกได้อย่างนั้นหรอ? แต่เขาไม่ได้เป็นหน่วยลาดตระเวณแดนรกร้างระดับแรกเริ่มอย่างที่ไอช่าคิดว่าเขาเป็น ตอนนี้เขายังเป็นเพียงนักล่าเท่านั้น!
พูดอีกอย่างก็คือถ้าเขากลายเป็นหน่วยลาดตระเวณแดนรกร้างระดับต้นและใช้อาวุธเวทย์มนตร์เขาไม่เพียงจะ “รับมือ” แต่อาจเอาชนะหรือไม่ก็ฆ่าผู้บุกเบิกได้!
เขาหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับความตื่นเต้นในใจของเขา “ผมว่าเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันทีหลังดีกว่า ในตอนนี้พวกเราจะต้องหาวิธีรอดชีวิตกลับไปให้ได้เป็นอันดับแรก”
หลังจากนั้นเขาก็เปิดหลอดแก้ว เตรียมกระบอกฉีดยาและดูดเลือดของหนอนวิญญาณกาฝากอสูรโลหิตสังหารซึ่งไอช่าได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้เข้าไปในหลอดฉีดยา