The Dark King – Chapter 583 วัตถุโบราณ
ท่ามกลางฝุ่นที่คละคลุ้งขึ้นมานั้นนิ้วของยูเรก้าจับเข้าไปที่มีดสั้นที่เก็บเอาไว้ที่ต้นขาของตนเอง และแทงเข้าไปที่บริเวณหูของซอมบี้ยักษ์ทันที
ร่างกายของซอมยักษ์สั่นเล็กน้อยและหยุดเคลื่อนไหวไปในทันที
ยูเรก้าถอนหายใจและเก็บมีดสั้นของเขากลับมา เขาใช้มีดสั้นทั้ง 2 เล่มในมือปาดเข้าหากัน เพื่อสะบัดให้คราบเลือดที่ติดอยู่บนใบมีดออกไปให้หมด
เมื่อเห็นว่าซอมบี้ยักษ์ถูกฆ่าตายไปแล้วผู้พิทักษ์ทั้ง 3 คนก็เดินออกมาพร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ท่านนายพลสุดยอดเสมอ!”
” ท่านนายพลแข็งแกร่งจริงๆ ดูสิซอมบี้ยักษ์ตัวนี้ทําอะไรไม่ได้เลย!”
ทั้งสามคนต่างก็เลยชื่นชม เทียนหันไปมองซอมบี้อีกครั้งและพูดกับยูเรก้าว่า “คุณไม่เอาผลึกเหมันต์ที่อยู่ในศีรษะของมันหรอครับ?”
ทั้ง 3 คนหันมามองเขาทันที
ยูเรก้าก็หันมองมาที่เทียนและกล่าวว่า “นายเอาไปสิ มันไม่มีประโยชน์สําหรับฉันหรอก”
“ได้เลย!” นั่นคือสิ่งที่เทียนต้องการ เขารีบดึงมีดสั้นของตนเองออกมาและแทงเข้าไปที่ศีรษะของซอมบี้ตามรอยแผลที่ยูเรก้าได้สร้างเอาไว้ เขาอยากจะตัดผ่านกะโหลกศีรษะของมันแต่กะโหลกศีรษะของมันนั้นก็แข็งมากยิ่งกว่าเหล็กทงสเตน มีดสั้นของเขาไม่สามารถทําอะไรได้เลย
เขารู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่ากะโหลกของมันมีความแข็งแข็งมากขนาดนี้ ถ้าหากเขาต้องสู้กับมันคงยากที่เขาจะฆ่ามันได้แน่นอน
ยูเรก้าสายศีรษะของเขาเมื่อเห็นว่าเทียนใช้เวลากับกะโหลกศีรษะของซอมบี้ตัวนี้ไปนานมาก “มีดของนายไม่มีประโยชน์หรอก” จากนั้นเขาก็ดึงมีดสั้นของตนเองออกมาและตัดกะโหลกศีรษะของซอมบี้ตัวนี้ออกเป็นชิ้นๆทันที
“ขอบคุณ” เทียนกล่าวออกมาพร้อมกับแยกกะโหลกศีรษะของซอมบี้ตัวนี้ออกจากกัน กะโหลกศีรษะที่แยกออกจากกันนั้นมีแก็สสีขาวลอยออกมาซึ่งทําให้แขนซ้ายของเขาเริ่มกลายเป็นน้ำแข็ง เมื่อสัมผัสกับความเป็นแขนซ้ายของเขาจะมีปฏิกิริยาทันที
เขารีบควบคุมการเต้นของหัวใจด้วยเคล็ดวิชาโลหิตมังกร
ไม่นานความเย็นก็เริ่มจางหายไป ในเวลาเดียวกันแก๊สสีขาวที่ออกมาจากกะโหลกศีรษะของซอมบี้จนหมด เหลือไว้เพียงสมองซึ่งกลายเป็นน้ำแข็งจนดูเหมือนกับผลึกแก้วสีแดงอันงดงาม
เทียนขมวดคิ้วขณะที่ลองใช้มีดสั้นของเขาแทนเข้าไป
โชคดีที่สมองของมันไม่ได้แข็งเหมือนกับกะโหลกศีรษะ เขาสามารถตัดผ่านเข้าไปอย่างง่ายดายและลูกแก้วสีน้ำเงินเข้มก็อยู่ภายในนั้น
เขาหยิบมันขึ้นมาทันที ผลึกเหมันต์ชิ้นนี้ปลดปล่อยความเย็นออกมาจนทําให้นิ้วของเขาที่สัมผัสรู้สึกซา
เขาเพ่งมองและเห็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับหนอนอยู่ในผลึกเหมันต์อันนี้
“ไปกันเถอะ” ยูเรก้าพูดออกมาเมื่อเห็นว่าเทียนหยิบผลึกเหมันต์ขึ้นมาแล้ว
เทียนใช้มือขวาของเขาหยิบผลึกเหมันต์ขึ้นมา
ยูเรก้าเดินออกไปช้าๆเพราะว่าเขาไม่ได้เร่งรีบมากนักพร้อมกับกวาดตามองอันตรายที่อาจอยู่ รอบตัว เพราะถ้าหากเขาระวังตัวไม่ดีพอเขาเองก็อาจจะตายได้ในแดนรกร้างแห่งนี้ เมื่ออยู่ที่นี่ความประมาทถือเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างมาก
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงยูเรก้าก็นั่งลงบนกองหินและพูดว่า ” พักกันที่นี้ก่อน”
ทั้งสามคนหยุดพักที่นี่ทันที หญิงสาวที่มีผมสีทองเปิดกระเป๋าสัมภาระของเธอออกและหยิบขวดน้ำออกมาพร้อมกับเดินไปหายูเรก้าและยื่นขวดน้ำให้กับเขาด้วยมือทั้งสองข้าง ” ท่านนายพลคะ ทานน้ำหน่อยค่ะ”
ยูเรก้ามองมาที่เธอและพูดว่า “ไม่จําเป็น ฉันมีของฉันเอง” จากนั้นเขาก็เปิดกระเป๋าของตนเองออกและหยิบน้ำออกมา
หญิงสาวคนนั้นดูผิดหวังเล็กน้อยเธอเดินถอยกลับมาแล้วกลับไปหาอีก 2 คนทันที ทั้งสามคนต่างก็นั่งลงที่กองหินที่อยู่ใกล้ๆหยิบอาหารแห้งและน้ำออกมาแจกจ่ายให้กันในขณะเดียวกันก็ระมัดระวังภัยให้กันและกัน
เทียนเดินตรงเข้าไปหายูเรก้าและนั่งลงใกล้ๆเขา
หลังจากพักมาประมาณ 10 นาที่ยูเรก้าก็ยืนขึ้นพร้อมกับบอกกับทั้ง 3 คนว่า “พวกเราจะพักที่นี่ในคืนนี้ พวกนายไปโรยผงซอมบี้เอาไว้รอบๆพื้นที่นี้”
ทั้ง 3 คนมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หลังจากนั้นก็ก้มศีรษะลง 1 ครั้งพร้อมกับเดินออกไปทําตามคําสั่งที่ตนเองได้รับ
“ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะ เราจะไม่ไปกันต่อหรอครับ?” เทียนรู้สึกสงสัย
ยูเรก้ายักไหล่ “ภารกิจของฉันคือพานายออกจากปัญหาไม่ใช่ตามล่าพวกสัตว์ร้าย ไม่จําเป็นต้องเดินทางไปไหนไกลหรอก ถ้าหากเฮลี่ย์ไล่ตามพวกเรามาจริงๆ พวกเราจะไปหยุดพักกันที่ธงของพื้นที่ถัดไป”
เทียนรู้สึกตกใจในตอนแรกแต่เขาก็เข้าใจได้ทันที
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ผ่านไปกว่า 3 วันแล้วและพวกเขาอยู่ในพื้นที่หมายเลข 2
ในตลอด 3 วันที่ผ่านมานี้ยูเรก้ายังคงเดินนาทุกๆคนลัดเลาะไปตามชายแดนของพื้นที่หมายเลข 2 พวกเขาไม่ได้เข้าไปในส่วนลึกของพื้นที่ที่ยังไม่ได้สํารวจเพื่อป้องกันไม่ให้ปะทะกับพวกสัตว์ร้าย ด้วยเหตุนี้สิ่งที่พวกเขาได้เจอก็มีเพียงซอมยักษ์และพวกซอมบี้ธรรมดาเท่านั้นซึ่งส่วนใหญ่แล้วยูเรก้าและผู้พิทักษ์ตระกูลดราก้อนอีก 3 คนที่เหลือก็สามารถฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดาย
เทียนไม่ได้เข้าไปร่วมต่อสู้เลย เขาถูกคนอื่นๆปกป้องเอาไว้ซึ่งเขาก็ยินดีที่มันเป็นแบบนี้
“ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีซอมบี้ระดับสูงที่บริเวณชายแดนของพื้นที่เยอะขนาดนี้” ยูเรก้าขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับแทงมีดสั้นในมือของเขาเข้าไปที่ลําคอของซอมบี้ตัวหนึ่ง เขาเช็ดคราบเลือดออกจากมีดสั้นและหันไปมองรอบๆตัว
ชายหนุ่มผมสีทองก็กล่าวว่า “ท่านนายพลครับ พวกซอมบี้ระดับสูงอาจจะออกมาจากส่วนลึกของพื้นที่หมายเลข 2 นี้ครับ”
“คิดว่าฉันไม่รู้หรอ?” ยูเรก้าถอนหายใจออกมาจากนั้นก็มองลึกเข้าไปในพื้นที่หมายเลข 2 เขาสงสัยว่าในส่วนลึกของพื้นที่หมายเลข 2 นั้นมีอะไรจึงทําให้พวกซอมบี้หวาดกลัวและออกมาอยู่บริเวณชายแดน
เขาเริ่มรู้สึกกังวลและออกคําสั่งว่า “กลับกันเถอะ เรามาลึกเกินไปแล้ว”
ทั้งสามคนต่างก็หันมามองหน้ากัน ลึกเกินไปหรอ? ถ้าพวกเขากลับไปตอนนี้ก็ต้องออกจากพื้นที่หมายเลข 2
แต่ไม่ว่าไงพวกเขาก็ต้องทําตามคําสั่งของยูเรก้าและปกป้องเทียนเอาไว้ตรงกลางของกลุ่ม
ไม่นานพวกเขาก็เดินทางกลับมาได้ประมาณ 4-5 กิโลเมตร ยูเรก้าหยุดเดินพร้อมกับพูดว่า “เราจะพักกันที่นี่ในคืนนี้ไปเตรียมที่พักให้พร้อม”
ผู้พิทักษ์ตระกูลตราก้อนทั้งสามคนต่างก็เริ่มวาตพื้นที่เป็นวงกลม ติดกระดิ่งเตือนภัย และโรยผงซอมบี้ไปรอบๆ
เทียนนั่งลงบนพร้อมกับหันไปมองรอบๆเผื่อว่ามีสัตว์ร้ายตัวไหนกําลังซุ่มโจมตีอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของลมที่แปลกประหลาดลอยมา เขาเดินตามที่มาของเสียงไปและพบว่ามันออกมาจากรอยแตกของกองหินกองถัดไป
เทียนรู้สึกประหลาดใจทําไมถึงมีเสียงลมดังออกมาจากกองหิน? หรือว่าด้านหลังของกองหินนี้ จะมีอะไรบางอย่างอยู่? หรือว่านี่เป็นเสียงหายใจของสัตว์ร้าย?
“ระวังตัว!” เทียนหันไปพูดกับยูเรก้าทันที “มีอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านใต้กองหินนี้”
ยูเรก้ากําลังนั่งพักผ่อนอยู่บนกองหินก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยและหันไปมองตําแหน่งที่เทียนชี้ เขาตั้งใจฟังเสียงลมที่ดังออกมาเบาๆ เขาค่อยๆเดินไปที่กองหินพร้อมกับถือมีดสั้นเอาไว้ในมือก่อนที่จะหยิบหินก้อนที่อยู่ด้านบนโยนออกไปทันที
สิ่งที่ทุกคนได้เห็นก็คืออุโมงค์ที่มีเพียงความมืดมิดเท่านั้น
เขาโยนก้อนหินเข้าไปและได้ยินเสียงก้อนหินที่กระทบกับพื้น ดูเหมือนว่าจะไม่มีสัตว์ร้ายอยู่ในนี้ เสียงลมยังคงตั้งออกมาอย่างต่อเนื่อง
เขารู้สึกโล่งใจเมื่อรู้ว่ามันไม่ใช่เสียงหายใจของสัตว์ร้าย ดูเหมือนว่านี้จะเป็นช่องอากาศของอะไรบางอย่าง
เขาหยิบก้อนหินที่อยู่รอบๆปากอุโมงค์นี้ออกไป แต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปในอุโมงค์นี้ นอกจากนี้เขายังอยากรู้ว่าลมพวกนี้มาจากไหน
ไม่นานกองหินที่อยู่รอบๆอุโมงค์ก็หายไปจนหมด ยูเรก้าเป็นคนแรกที่เดินเข้าไป
เทียนตามเขาเข้าไปติดๆ
ผู้พิทักษ์ตระกูลดราก้อนทั้งสามคนก็ติดตั้งกระดิ่งเอาไว้หน้าปากอุโมงค์เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเข้ามา
ทั้ง 5 คนเดินเข้าไปใต้กองหิน ทุกๆครั้งที่ก้าวเดินจะมีเสียงก้อนหินที่กระทบกันดังออกมา ความลึกของอุโมงค์หนีมากกว่า 50 เมตรมันเป็นเหมือนถนนที่ราบแบนที่ทอดตัวยาว
เทียนมองเข้าไปและหรี่ตาลงทันที
ที่ปลายสุดของถนนเส้นนี้ห่างออกไปประมาณ 20 เมตรมีประตูเหล็กขนาดใหญ่ตั้งอยู่!
ถ้าหากไม่ใช่รอยแยกที่อยู่ตรงกลางเขาคงคิดว่ามันเป็นแค่ผนังหินแน่นอน
“โบราณสถาน? !” ยูเรก้าอ้าปากค้าง