บทที่ 380 พระเจ้าแห่งไอน้ำ
แสงสว่างขึ้น และก็มองเห็นรูปร่างได้ชัดขึ้น แต่แสงยังคงแพร่กระจายไปในอากาศ หน้าปกคลุมส่วนหน้าและส่วนบนของร่างนั้นไว้
ตอนนั้นเอง ร่างดังกล่าวก็พลันหายไป มีเพียงแสงสีขาวบริสุทธิ์ที่ยังคงสว่างไสวอยู่ในห้องโถง
ผู้เฒ่าคนแคระ ฮาโรลด์ อไควนัส และคนแคระที่เหลือยังไม่ทันได้เห็นอะไร เนื่องจากพวกเขายังคงหมอบอยู่กับพื้น แต่เทสส์ กาลาต้า เวลส์ และอีดิธเห็นชัดเต็มสองตา
“ฮ่าๆ พระเจ้าของพวกมันหายไปแล้ว! พระเจ้าพวกมันทิ้งมันอีกแล้ว!” เวลส์ถอนหายใจยาวและพูดด้วยความลิงโลด
ตอนที่ท่านบูชามีแสงศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้น เวลส์ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ตอนนั้นเอง เขาก็คิดว่าพระเจ้าของคนแคระลงมาช่วยพวกเขาจริงๆ เวลส์อ่านหนังสือไม่ออก และเพราะเรื่องราวทั้งหมดที่เขาเคยฟังมา เขาก็เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง แม่เขาจะเป็นทาสรับใช้โลหิตของขุนนางแวมไพร์ก็ตาม แต่การเผชิญหน้ากับพลังที่ไม่อาจหยั่งถึงของพระเจ้า ในฐานะผู้ทรยศเช่นเขา หัวใจของเวลส์เต็มไปด้วยความกลัว
อีดิธหัวเราะจนตัวงอ “เห็นไหม…ฮ่าๆ พระเจ้าของพวกเจ้าไม่มีพรให้พวกเราอีกต่อไปแล้ว ตระกูลแวมไพร์คือผู้ถูกเลือก!”
ตอนที่แสงส่องลงมาที่แท่นบูชา อีดิธก็กังวลไม่ต่างกัน
พวกคนแคระรีบแหงนหน้าขึ้นแต่ก็เห็นเพียงแท่นบูชาที่ว่างเปล่า
“พระเจ้าแห่งไอน้ำทอดทิ้งพวกเราหรือ?”
“พวกเราทำอะไร…?”
ความสิ้นหวังเข้าเกาะกินหัวใจของคนแคระที่ยังคงรอดชีวิตอยู่ ตอนนั้นเอง พวกเขาคิดว่ารอดตายเสียแล้ว
“ร่างล่องหนระดับอาวุโส! เขาเป็นนักเวท!” พ่อบ้านแวมไพร์ผู้ปราดเปรื่องตระหนักถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทันที “นั่นมันวงเวทเทเลพอร์ต! จุดเชื่อมอวกาศ!”
“กาลาต้า ฆ่ามัน! ข้าต้องไปแจ้งเรื่องนี้กับท่านเคานต์!” เทสส์วิตกกังวล และปีกค้างคาวสีดำขนาดใหญ่ก็กางออกจากหลังของนาง นางรีบหันกลับไปและหวังจะบินออกจากโถงใต้ดินในทันที
จุดเชื่อมต่ออวกาศเป็นเหมือนประตูของปราสาท ดังนั้น การควบคุมจุดเชื่อมต่ออวกาศให้มากที่สุดมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการปกป้องดินแดน โดยปกติแล้ว จุดเชื่อมต่อประกาศมีการผลัดเปลี่ยนผู้ถือครองในกลุ่มอำนาจต่างๆ
ทั้งเทสส์และกาลาต้ารู้ดีว่าการควบคุมจุดเชื่อมต่ออวกาศนี้มีความสำคัญขนาดไหน!
ขณะเดียวกัน เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่านักเวทผู้นี้มีพลังเพียงใด เทสส์ตัดสินใจถอยกลับไปขอความช่วยเหลือจากเคานต์แวมไพร์ กาลาต้าน่าจะพอถึงเวลาไว้ได้
แม้วลาดจะทนทุกข์ทรมานจากพลังเทพมาเป็นเวลานาน แต่ในฐานะของแวมไพร์ชั้นอาวุโส เขาก็เป็นแวมไพร์ที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนแห่งนี้
โดยปกติแล้ว พลังของแวมไพร์จะเชื่อมโยงโดยตรงกับตำแหน่ง พลังของบารอนแวมไพร์ก็ประมาณได้เท่ากับอัศวินระดับหนึ่งหรือนักเวทความมืด ไวเคานต์แวมไพร์ก็มีพลังเท่ากับนักเวทชั้นกลาง และเคานต์หรือมาร์ควิสแวมไพร์ก็มีพลังเทียบเท่ากับนักเวทชั้นอาวุโส พลังของดยุกแวมไพร์ก็เปรียบเทียบได้กับพลังของผู้พิเศษหรืออัศวินทองคำ และพลังของเจ้าชายแวมไพร์จะอยู่ในระดับเดียวกับผู้วิเศษชั้นตำนาน
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งของแวมไพร์ไม่ได้สะท้อนความจริงเสมอไป แวมไพร์หลายตนอาศัยอยู่ในสังคมมนุษย์หรืออยู่อย่างสันโดษเป็นเวลานานแต่นาน และแม้เมื่อมีพลังเพิ่มขึ้น แวมไพร์พวกนี้ก็ไม่ได้รายงานระดับพลังของตนไปยัง ‘สภาสูงแวมไพร์’ สำหรับไรน์ ผู้ซึ่งอาศัยอยู่บนโลกมานานหลายพันปี เขาชอบใช้ตำแหน่งเคานต์เสียมากกว่า อันที่จริง เขามีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับตำแหน่งเจ้าชายแวมไพร์
กาลาต้าลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็กระโดดขึ้นไปบนแท่นบูชาด้วยความมุ่งมั่น เขาเป็นผู้ภักดีต่อเคานต์แวมไพร์อย่างไม่มีข้อสงสัย และแน่นอน เขาย่อมปฏิบัติตามคำสั่งของเทสส์
แวมไพร์จะมีสัมผัสที่อ่อนไหวต่อพลังชีวิตอย่างยิ่ง กาลาต้ามั่นใจว่านักเวทผู้นั้นยังคงอยู่บนแท่นบูชา
ทันทีที่ลูเซียนถูกส่งมาที่นี่ เขาเห็นเหล่าคนแคระหมอบกราบอยู่บนพื้น สวดมนต์และอ้อนวอนรอบตัวเขา เขาสับสนเป็นอย่างยิ่งในช่วงเวลานั้น จนคิดว่าเขากระโดดทะลุมิติมาโลกอื่นอีกครั้ง!
อย่างไรก็ตาม ลูเซียนก็รีบร่ายเวทมนตร์ระดับสี่ ‘เวทล่องหน’ (ขั้นสูง) เพื่อซ่อนตัว
เมื่อลูเซียนรู้ตัวว่ายังสามารถใช้เวทมนตร์ได้ เขาก็มั่นใจว่ายังอยู่บนโลกใบเดิม
หลังจากล่องหนแล้ว เขาก็เริ่มสงบสติอารมณ์ลง ในฐานะผู้เชียวชาญด้านภาษา ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่เขาจะรู้ว่าคนแคระเหล่านี้กำลังใช้ภาษาโบราณ ซึ่งมีรากศัพท์เดียวกับภาษาคนแคระสมัยใหม่
ลูเซียนสงสัยว่าคนแคระเหล่านี้กำลังทำอะไร อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะคิดหาคำตอบของคำถามต่างๆ เขาก็ได้ยินเสียงแวมไพร์พูดคำว่า ‘จุดเชื่อมต่ออวกาศ’
เมื่อเขาเห็นแวมไพร์ ลูเซียนก็มั่นใจว่าเขามาถึงภูเขารัตติกาลแล้วจริงๆ ในวินาทีต่อมา เขาเห็นแวมไพร์ผู้ชายตนหนึ่งพุ่งตรงมาทางเขา
ลูเซียนหรี่ตาลงเล็กน้อย เขายกมือขึ้นชี้ไปที่แวมไพร์ตนนั้น เขาจะปล่อยให้คนอื่นล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของจุดเชื่อมต่ออวกาศไม่ได้!
เขายังคงต้องการจุดเชื่อมต่ออวกาศในดินแดนภูเขารัตติกาลเพื่อกระโดดข้ามไปมาระหว่างมิติอื่นๆ อีก หากเรื่องนี้รู้ถึงหูของเจ้าชายแวมไพร์ตนไหนๆ ลูเซียนจะตกที่นั่งลำบาก
ไรน์ไม่เคยเอ่ยปากบอกเขาว่าแวมไพร์ตนไหนไว้ใจได้บ้าง นั่นหมายความว่าเขาไม่อาจเชื่อใจใครได้
ฮาโรลด์ จ้องมองที่แท่นบูชาอันว่างเปล่าและแสงบริสุทธิ์ที่ค่อยๆ เลือนลางหายไป เขาเริ่มยอมรับความจริงว่าพระเจ้าเขาทอดทิ้งพวกเขาอย่างไม่ใยดี
หรือเป็นเพราะพวกเขามีศรัทธาไม่พอ?
หรือเป็นเพราะพระเจ้าถือหางพวกแวมไพร์?
หรือเป็นเพราะชะตาชีวิตถูกกำหนดไว้แล้ว?
เขากัดริมฝีปากอย่างรุนแรงจนเลือดกลบปาก เขารู้สึกสิ้นหวัง สับสน และหลงทางอย่างหนัก ฮาโรลด์หวังว่าเขาจะได้ตายลงตรงนี้เลย
มีเพียงความตายที่ยุติความทรมานนี้ได้!
มีเพียงความตายที่จะทำให้เขาสงบสุขเป็นนิรันดร์!
ฮาโรลด์ไม่ใช่คนเดียวที่คิดเช่นนั้น คนแคระทั้งหมดต่างรู้สึกเหมือนกัน รวมถึงแม้กระทั่งท่านผู้เฒ่าคนแคระ ซึ่งสูญเสียศรัทธาในชีวิตทั้งหมดไปแล้ว
เงาร่างหนึ่งกระโจนข้ามพวกเขาไปยังแท่นบูชา
ทุกคนรู้ดีว่านั่นกาลาต้า แต่นั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่พวกเขารับรู้
ทันใดนั้น แสงประหลาดก็ส่องสว่างนัยน์ตาที่ขุ่นมัวของผู้เฒ่าคนแคระ! กาลาต้าถูกปกคลุมด้วยแสงสีแปลกประหลาด!
แดง ดำ และเขียว… มวลแสงระเบิดออก บางส่วนกลายเป็นก๊าซอย่างรวดเร็ว บางส่วนมีกลิ่นเหมือนกำมะถัน บางส่วนเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว และบางส่วนร่วงหล่นลงกองกับพื้น
ภายในวินาทีเดียว กาลาต้าสลายไปไม่เหลือชิ้นดี มีเพียงมวลแสงที่ยังเหลืออยู่
“อะไรกัน?!” เทสส์ตกใจสุดขีด กาลาต้าถูกสังหาร ก่อนที่เธอจะมีโอกาสได้สยายปีกเต็มที่ เป็นไปได้อย่างไรกัน?!
นางไม่เคยเห็นเวทมนตร์เช่นนี้มาก่อน!
นี่คือผู้วิเศษชั้นตำนานอย่างนั้นหรือ? นางเคยได้ยินมาว่าผู้วิเศษที่ชื่อแฮททาเวย์ ‘เจ้าแห่งธาตุ’ มีพลังที่สามารถแยกคนทั้งคนออกเป็นธาตุต่างๆ จำนวนนับไม่ถ้วน!
ความกลัวสุดขั้วหัวใจเข้าเกาะกุมนาง นางรู้ว่านางต้องหนี เดี๋ยวนี้!
กลุ่มควันสีดำปรากฏขึ้นอีกครั้ง และค้างคาวตัวเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนก็บินมาจากทุกทิศทุกทาง
เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมากจนกระทั่งเวลส์และอีดิธไม่มีเวลาพอที่จะทำอะไร
เมื่อเห็นว่าพระเจ้าของพวกเขาทำให้กาลาต้ากลายเป็นผุยผงอย่างง่ายดาย หัวใจของฮาโรลด์ก็เต็มไปด้วยความยินดีและความประหลาดใจ
พระเจ้ายังคงอยู่กับพวกเขา!
พระเจ้าแห่งไอน้ำยังคงจำพวกเขาได้!
เขาร้องไห้ออกมา ธารน้ำตาที่อบอุ่นและอ่อนโยนไหลท่วมร่างของเขา และรู้สึกเหมือนการปลอบโยนที่เขาเคยได้รับจากพ่อแม่สมัยเป็นเด็ก
“นี่หรือพลังของพระเจ้า?” ฮาโรลด์พูดพึมพำ
เขายังไม่อาจคิดอะไรให้ชัดเจน แต่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เขารีบหันหลังกลับไปและเห็นว่ามีควันสีขาวลอยออกมาจากร่างของเวลส์ และชิ้นเนื้อเน่าก็ร่วงหล่นลงบนพื้น ไม่นาน ก็เหลือเพียงโครงกระดูกเวลส์กองอยู่บนพื้น แม่บ้านอีดิธก็เผชิญชะตากรรมเดียวกัน
ใกล้กับทางเดิน ค้างคาวตัวเล็กๆ ทั้งหมดร่วงลงบนพื้น บิดตัวดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด หลังจากนั้นค้างคาวก็หายไปในแสงศักดิ์สิทธิ์โดยเร็ว
‘เวทรัศมีปราบวิญญาณ’
ไม่กี่วินาทีต่อมา ฮาโรลด์ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากเทสส์
“เทสส์และกาลาต้า… ตายแล้ว?” พวกคนแคระไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง
พวกนั้นเป็นแวมไพร์ เป็นฝันร้ายที่ทรมานพวกเขามานานหลายปี!
นี่คือพลังจากพระเจ้าอย่างนั้นหรือ? พวกเขาไม่รู้จริงๆ
อไควนัสอยู่ใกล้กับแท่นบูชามาก และเศษซากที่เหลือของกาลาต้าก็กองอยู่ตรงหน้าของเขา เขาหยิบเศษซากสีดำขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง
ดวงตาของเขาเบิกโพลง และมือของเขาสั่นเทา “นี่เป็นเหล็ก! และถ่านหิน! พระเจ้าแห่งไอน้ำเสด็จมาหาเราแล้วจริงๆ!”
เขารีบขว้างเศษซากชิ้นส่วนในมือทิ้งไป แล้วหมอบกราบลงกับพื้น และสวดภาวนาเสียงดัง “ท่านเจ้าแห่งชีวิตและความตาย! พระองค์โปรดเมตตาเราด้วย พระองค์ทรงมีอำนาจอยู่ในพระหัตถ์”
“โปรดประทานพรให้เราหลุดพ้นจากความเจ็บปวดและทุกข์ยากด้วยพรและเกียรติศักดิ์ของพระองค์ด้วยเถิด!”
เหล่าคนแคระมองไปรอบๆ และมั่นใจว่าพระเจ้าของพวกตนลงมาหาพวกเขาแล้ว!
“ดวงตาของสัตว์โลกไม่อาจมองเห็นพระเจ้า ฝีแปรงภาพเขียนก็ไม่อ่านบรรยายภาพพลังอันสูงสุด เจ้าแห่งชีวิตจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสัตว์โลก!” ผู้เฒ่าคนแคระอธิบายเหตุผลที่พวกเขามองไม่เห็นพระเจ้า และตะโกนด้วยเสียงอันดัง
“พระองค์ปกครองทุกสรรพสิ่ง ตั้งแต่ชีวิตจนถึงความตาย พระองค์คือกษัตริย์เหนือกษัตริย์ พระเจ้าเหนือพระเจ้า”
คนแคระที่เหลือต่างก็โขกหัวตัวเองลงบนพื้นด้วยความปีติต่อท่านบูชาตามผู้เฒ่าคนแคระ ส่วนลูเซียนก็ยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่
“เกียรติยศของเรา ชีวิตของเรา และพลังของเรา ขอมอบแด่พระองค์! พระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ยิ่งใหญ่!”
คนแคระตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกันด้วยท่าทีที่ศรัทธาอย่างยิ่ง
พระเจ้ายิ่งใหญ่ดุจทะเล และแข็งแกร่งดุจภูผา!