บทที่ 406 ผู้ที่เตรียมพร้อมย่อมมองเห็นโอกาส
เสียงถอนหายใจแผ่วเบาเสียดแทงเข้ามาในความคิดโซเฟียราวกับสายฟ้าฟาด กลุ่มควันหนาแน่นถูกปัดเป่าออกไปแล้ว และความทรงจำบางอย่างก็หวนกลับมาหานาง
หลังจากได้รู้ความลับของ ‘ราชันย์แห่งสุริยา’ จากเรล์ฟ โซเฟียก็เลือกที่จะร่วมมือกับดยุกแห่งกอร์สและ ‘มงกุฎรุ่งโรจน์’ เพื่อชิงบัลลังก์ เพื่อที่จะสร้างกับดักอันซับซ้อนขึ้น นางจำต้องหักหลังสหายที่ดีและเหล่าอัศวินที่ซื่อสัตย์ต่อนาง
ทว่า ในท้ายที่สุด กลุ่มคนที่นางเลือกที่จะร่วมมือด้วยกลับกลายเป็นปีศาจชั่วร้าย หากว่าเดนิซไม่เลือกเสียสละชีพเพื่อช่วยชีวิตนาง โซเฟียคงจะตายไปแล้วเป็นแน่ ความฝันและความทะเยอทะยานทั้งหมดได้กลายเป็นเพียงฟองอากาศที่ลอยอยู่เหนือแผ่นน้ำ
และนี่เป็นเพราะความโลภของนาง…
เมื่อหวนนึกถึงยามที่นางหัวเราะเยาะความโลภของเฟรเดอริก เบเยอร์ และอาร์เธน โซเฟียก็ได้ตระหนักว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับนางนั้นช่างย้อนแย้ง
นางรู้สึกเสียดาย รำคาญ ทุกข์ตรม สิ้นหวัง และโดนทอดทิ้ง ความรู้สึกด้านลบมากมายร้อยรัดเข้าด้วยกันในความคิดของโซเฟีย นางรักชีวิตตนอย่างยิ่ง เพราะนางคือเจ้าหญิงผู้เลอโฉม มั่งคั่ง อ่อนเยาว์ และทรงพลัง นางจะไม่ยอมตายง่ายๆ!
“ข้าไม่อยากตาย!”
โซเฟียตะโกนก้อง นางจำต้องวางความหวังทั้งหมดไว้ที่นักเวทหนุ่มปริศนาแล้ว
แม้ว่าพลังของนักเวทผู้นี้จะน่าหวาดเกรงและนางยังเป็นศัตรูของเขา แต่โซเฟียเชื่อว่า ตราบใดที่นางยื่นข้อเสนอที่เย้ายวนใจมากพอ นางจะยังมีโอกาสรอด แต่หากสัตว์ประหลาด… โซเฟียเงยหน้าขึ้นมองปีศาจที่มีกลุ่มควันดำรอยล้อม… หากว่ามันเอาชนะนักเวทได้ นางย่อมถูกสังหารอย่างทุกข์ทรมานเป็นแน่แท้!
นางส่ายศีรษะด้วยความหวาดกลัว จากนั้นดวงตาสีเขียวก็จดจ้องไปทางนักเวทหนุ่ม เขาคือความหวังเดียวของนาง และนางยอมมอบทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เขาต้องการ!
โซเฟียพยายามอย่างที่สุดที่จะฝืนตัวเองให้สงบลงพอจะใช้เวทมนตร์ได้ ทว่า ความรู้สึกมากมายกลับหลั่งไหลตามมาอีกระลอกหนึ่ง
นางรู้สึกประหม่า และวิตกกังวลอย่างหาใดเปรียบ
แม้ว่าปีศาจความเจ็บปวดตนนี้จะแตกต่างจะปีศาจความโลภ แม้ว่ามันจะยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ และหาใช่ปีศาจที่ทรงพลังที่สุดจากปีศาจลึกลับทั้งเจ็ด แต่ร่างที่มันครอบครองก็เป็นถึงอัศวินทองคำระดับเก้า ผู้ที่พลังและความเร็วนั้นเหนือกว่านักเวทระดับสูง และอัศวินอาภาอย่างมาก
นักเวทปริศนาผู้นี้จะเอาชนะปีศาจได้หรือไม่
แต่เมื่อนึกถึงวิธีการต่อสู้ของนักเวทเมื่อครู่นี้ โซเฟียก็ตระหนักว่าเวทมนตร์ที่ทรงพลังที่สุดทั้งหมดที่เขาใช้นั้นมาจากอุปกรณ์เวทมนตร์ ส่วนเวทมนตร์ที่เขาร่ายด้วยพลังจิตกลับสูงสุดที่ระดับห้าเท่านั้น แม้ว่าการเลือกใช้เวทมนตร์ให้เหมาะสมในสถานการณ์ที่ถูกต้องจะสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด แต่ข้อเท็จจริงที่ว่านักเวทหนุ่มผู้นี้มิเคยร่ายคาถาระดับหกเลย ก็ยังทำให้นางกังวลอย่างยิ่ง
บางที… บางทีชายหนุ่มอาจจะเพิ่งเลื่อนขึ้นเป็นนักเวทระดับหกไม่ถึงปี บางทีเขาอาจจะยังมีเวทมนตร์ระดับหกไม่มาก
โซเฟียกลับมารู้สึกสิ้นหวังเหลือจะกล่าว
ดังนั้นนางจึงเริ่มสวดภาวนาขอพรจากพระเจ้าแห่งสัจธรรม แม้ว่านางจะถือเป็นนักเวทผู้หนึ่ง และมันยังไม่เหมาะสมที่นักเวทจะภาวนาอ้อนวอนพระเจ้าแห่งสัจธรรม แต่นางก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้แล้ว
ถึงมันจะดูเหมือนเวลาผ่านไปนาน แต่ความจริงแล้ว ความรู้สึกทั้งหมดที่แล่นผ่านเข้ามาในใจโซเฟียนั้นเกิดขึ้นเพียงสามวินาทีเท่านั้น
เมทาทรอนพึมพำเหมือนกับคนที่อยู่ในภวังค์ความฝัน
“มาเถิด… จงมาหาข้าและตกอยู่ในความเจ็บปวดลึกล้ำ เพราะธรรมชาติของโลกนี้ก็คือความเจ็บปวด เช่นเดียวกับธรรมชาติของชีวิต”
เมทาทรอนฝืนก้าวมาข้างหน้าโดยแบกรับความเจ็บปวดอันหนักหน่วงมาด้วย กลุ่มดาวในดวงตาข้างขวาของลูเซียนขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทว่า เพราะความต่างระหว่างพลังนั้นมากเกินไป ลูเซียนจึงไม่ได้รับข้อมูลใดๆ กลับมา
‘จากอำนาจจิตของเมทาทรอนที่แข็งแกร่งเหนือจินตนาการเพียงอย่างเดียว ปีศาจความเจ็บปวดจึงได้รับพลังอันยิ่งใหญ่จากเขาและเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่อำนาจจิตของเมทาทรอนกลับยังต่อต้าน และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเมทาทรอนถึงเคลื่อนไหวได้เชื่องช้าและแข็งทื่อ ไม่คล่องแคล่วเหมือนอย่างปีศาจความโลภ’
ลูเซียนรู้ดีว่าเขาไม่มีทางต่อกรกับอัศวินขั้นที่เก้าได้ แม้ว่าจะมี ‘ดาบยุติธรรมจืดจาง’ แต่หากว่าเขายังไม่เร็วพอ ลูเซียนก็อาจจะยังถูกเมทาทรอนสังหารได้ภายในดาบเดียว
ใบหน้าบิดเบี้ยวภายในกลุ่มควันที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานเริ่มเอ่ยปาก
“การให้กำเนิดทารกนำความเจ็บปวดมาสู่มารดา…”
“การเติบโตนำความเจ็บปวดมาให้…”
“โรคภัยนำความเจ็บปวดมาให้…”
“ความยากจนนำความเจ็บปวดมาให้…”
“ความรักนำความเจ็บปวดมาให้…”
“ความสิ้นหวังนำความเจ็บปวดมาให้…”
“ความตายนำความเจ็บปวดสูงสุดมาให้…”
แต่ละใบหน้าเป็นตัวแทนของแต่ละแหล่งกำเนิดของความเจ็บปวด บรรยากาศน่าขนลุกที่โอบล้อมลูเซียนเริ่มส่งผลต่อความคิดของเขาไม่มากก็น้อย
ลูเซียนรู้ดีว่าเขาต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง
เขาฝืนตัวเองให้มีสติ แล้วหยิบของออกมาจากกระเป๋าเวทมนตร์
ในตอนนั้นเอง แสงเจิดจ้าก็พลันสว่างวาบขึ้นในใจเมทาทรอนเหมือนกับมงกุฎที่เรืองแสงรุ่งโรจน์ พลังแห่งแสงนั้นยับยั้งกลุ่มควันดำเอาไว้ ทำให้ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดหยุดพูดจาน่ารำคาญ
ลูเซียนพลันมองเห็นโอกาส! พลังโลหิตของเมทาทรอนยังคงต่อต้านพลังปีศาจ!
หากว่าโอกาสนี้หลุดลอยไป ลูเซียนอาจไม่มีโอกาสที่สองเพื่อเอาตัวรอด!
ลูเซียนโยนหลอดแก้วขึ้นไปในอากาศอย่างไม่ลังเล พร้อมกันนั้น เขาก็เริ่มร่ายคาถาและทำสัญลักษณ์มืออันซับซ้อนไปด้วย
แสงนั้นสว่างขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามันกำลังจะเผาผลาญทั้งห้องโถงนี้ให้กลายเป็นจุล
โซเฟียหยีตา พร้อมกับที่ความหวังทั้งหมดของนางเหือดหายไป ภายใต้รัศมีแสงที่จำรัสเจิดจ้าจาก ‘มงกุฎรุ่งโรจน์’ พวกเขาคงจะต้องตายแล้ว
ของแข็งไร้สีภายในหลอดแก้วที่โยนขึ้นไปในอากาศกำลังแผ่ไอเย็นจนแช่แข็งได้
กระตุ้นด้วยพลังจากคาถาและพลังจิตที่สัญลักษณ์มือต่างๆ เป็นสื่อกลาง ของแข็งไร้สีนั้นเริ่มขยับไปมาและเริ่มเย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ ไม่นาน มันก็กลายเป็นลำแสงสลัวรางและพุ่งตรงไปหาเมทาทรอน
ตอนที่ลูเซียนได้รับเหรียญน้ำแข็งและหิมะมาจากเฟอร์นันโด เขาได้รู้ว่าแม่มดแห่งแดนน้ำแข็งเพิ่งจะหาฮีเลียมแบบแข็งมาได้ด้วยการใช้อิทธิพลของแรงดันสูง ดังนั้นลูเซียนจึงขอให้อาจารย์ช่วยนำฮีเลียมแบบแข็งมาให้เขาสองหลอด ฮีเลียมแบบแข็งนั้นบรรจุอยู่หลอดเวทมนตร์อันล้ำค่า ซึ่งถือเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดที่ลูเซียนมีในการเดินทางออกผจญภัยครั้งนี้
ลูเซียนดูแลรักษาชีวิตตนอย่างจริงจังเสมอ!
เวทมนตร์ระดับเก้า คิดค้นโดยลูเซียน ‘เวทแส้เทพธิดาหิมะ!’
ลำแสงแช่แข็งพุ่งไปปักยังแสงอาทิตย์สว่างไสว
เมทาทรอนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งเวทมนตร์ระดับเก้าพร้อมใช้งานแล้ว เขาไม่มีเวลาเหลือพอจะหลบเลี่ยง จึงทำได้เพียงลากกลุ่มควันดำกลับมาบังตนเอง
กลุ่มควันดำนั้นแข็งตัวเป็นปึกแผ่น เช่นเดียวกับโลหิตของเมทาทรอน ผิวหนังของเขาดูใสราวกับคริสตัล และยังสะท้อนแสงอาทิตย์ ภาพนั้นดูงดงามราวกับความฝัน
ใกล้ๆ กับปากทางห้องโถง อากาศและความชื้นภายในที่แห่งนี้พลันหายไปและพื้นที่นี้ก็ตกผลึกเป็นของแข็งทั้งหมด สิ่งที่ยังเคลื่อนไหวได้ก็คือใบหน้าทั้งหลายที่บิดเบ้ แต่พวกมันก็ออกมาจากกลุ่มควันดำที่แข็งตัวเป็นปึกแผ่นไม่ได้
โซเฟียไม่อาจทราบได้ว่านี่คือเวทมนตร์ใด พลังของเวทบทนี้ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ และนางก็ไม่อาจเชื่อในสิ่งที่เพิ่งจะเกิดกับเมทาทรอน อัศวินขั้นที่เก้า!
ชายหนุ่มผู้นี้คือใครกันแน่
โซเฟียไม่นึกสงสัยในพลังของนักเวทปริศนาอีกต่อไป เพราะครั้งนี้เขาหาได้ใช้อุปกรณ์หรือม้วนคาถาใดๆ เพียงหลอดแก้วเวทมนตร์เท่านั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นักเวทปริศนาผู้นี้แข็งแกร่งอย่างมาก!
โซเฟียหวังอยากให้ตัวเองแข็งแกร่งได้เหมือนเขา เพื่อที่เวลาเผชิญหน้ากับภัยร้าย นางจะปกป้องตัวเองได้ด้วยความตกตะลึง ความคิดของโซเฟียจคงเริ่มล่องลอยไปไกล
แต่ลูเซียนมิได้รู้สึกดีเลยสักนิดในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะสามารถร่ายคาถาเวทมนตร์ระดับเก้าได้ แต่เขาก็ฝืนขีดจำกัดของตนเองจนเกินไป ‘เวทแส้เทพธิดาหิมะ’ แทบจะกินพลังจิตของเขาไปจนหมด อาการปวดหัวที่ลูเซียนรู้สึกอยู่นี้กำลังทรมานเขาเหมือนตายทั้งเป็น
ขณะนั้นเอง ความรู้สึกเย็นสดชื่นก็แผ่เข้ามาในตัวลูเซียนจากมือซ้าย แหวนมงกุฎแห่งโฮล์ม ‘ต้นกำเนิด’ ได้คืนพลังจิตที่กักเก็บไว้กลับมายังร่างของลูเซียน อาการปวดหัวของเขาจึงดีขึ้นมาก ลูเซียนฉวยโอกาสนี้ร่ายเวท ‘แรงกระทิง’
น้ำแข็งเย็นเยียบไม่อาจสังหารปีศาจได้ ก่อนที่น้ำแข็งจะละลาย ลูเซียนจำต้องจัดการให้เด็ดขาด!
น้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นไอสีขาวลอยขึ้นไปในอากาศ ลูเซียนหยิบน้ำยาเวทมนตร์ออกมาและดื่มรวดเดียว
ลูเซียนจับดาบไว้แน่น ขณะเดินผ่านโถงกว้างตรงไปหาปีศาจร้าย
หลังจากเงื้อดาบขึ้นสูง ลูเซียนก็ฟาดลงบนใบหน้าทั้งหลายอย่างแรง!
โซเฟียไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมจู่ๆ นักเวทถึงต้องเปลี่ยนเป็นอัศวิน แต่นางหาได้สนใจไม่ เพราะนางรู้แล้วว่าปีศาจตนนี้มิใช้คู่มือของนักเวทหนุ่มและนางก็ปลอดภัยแล้วตอนนี้
‘ดาบยุติธรรมจืดจาง’ ฟาดเข้าใส่กลางแกนของกลุ่มควันดำ แล้วเสียงกรีดร้องเจ็บปวดจากใบหน้าก็ดังก้องห้องโถง
กลุ่มควันดำค่อยๆ หายไป ใบหน้าบิดเบี้ยวเหล่านั้นก็เช่นกัน