บทที่ 462 รุ่งอรุณ
ก้อนหินตกลงมาดั่งหยาดฝน และเมื่อสายฟ้าหายไป ฮาโรลด์มองเห็นอีกครั้ง ในตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าเหล่าแวมไพร์ได้หายไปหมดแล้ว รวมถึงห้องโถงที่พังทลาย
“นี้แค่… เหรียญเงิน…” คนแคระคนหนึ่งพึมพำออกมา
ฮาโรลด์สงบใจลงอย่างรวดเร็วและกล่าวเสียงดุ “เหรียญนั้นมีอำนาจของพระเจ้า! พระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ทรงอำนาจ พระองค์ไม่เพียงแต่เป็น ‘เทพจักรกล’ เท่านั้น แต่ยังเป็น ‘เจ้าแห่งชีวิต และความตาย’ ‘ราชาแห่งสายฟ้า’ และ ‘เจ้าแห่งการลงทัณฑ์ด้วย!’”
“ทำไมต้องเป็นเหรียญเงิน” คนแคระอีกคนถาม
ฮาโรลด์อธิบายเรื่องแบบนี้ไม่เก่ง เขาเค้นคำพูดออกมาด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวด “นั่นแสดงให้เห็นว่า ’พระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ทรงฤทธานุภาพ’ พระองค์ยังเป็น ‘พระเจ้าแห่งความมั่งคั่ง’ ‘กษัตริย์เหนือกษัตริย์’ พระเจ้าที่อยู่เหนือrพระเจ้าทั้งปวง!”
ทุกสิ่งสามารถอธิบายได้ด้วยความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
ภายใต้คำพูดที่น่าเชื่อถือแบบนี้ทำให้คนแคระพยักหน้ารับ พวกเขาทั้งหมดรวมทั้งฮาโรลด์วางมือบนหน้าอก และโค้งคำนับตรงหน้าประตู
“ไอน้ำจงเจริญ!”
จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าประตูไปเป็นคู่ๆ ภายในครึ่งชั่วโมงพวกเขาทั้งหมดก็ออกจากห้องโถงใต้ดินเรียบร้อยแล้ว
ทันทีที่พวกเขาจากไปพลังที่กดทับพื้นที่อยู่ก็หายไปทันที และพื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แสงดาวร่วงหล่นลงมาจากด้านบน และในไม่ช้าประตูทั้งบานก็หายไปพร้อมกับการพังทลายของพระราชวังใต้ดิน
…
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ดยุกแวมไพร์ผู้เป็น ‘บิดา’ ของสเนลสันก็มาถึงซากปรักหักพังจากการเชื่อมโยงทางสายเลือดระหว่างสเนลสันกับเขา เขาต้องการรู้ว่าทำไมสเนลสันถึงหายตัวไปหลายวัน
ประตูมิติ! ดยุคแวมไพร์ตกใจมาก
เมื่อจ้องมองไปที่พระราชวังใต้ดินที่พังทลาย ตอนนี้เขาไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับสเนลสันอีกต่อไปแล้ว เขาโกรธมาก เขาหันไปรอบๆ และพร้อมที่จะสอนบทเรียนดีๆ ให้กับวลาด เพราะถึงแม้ว่าเขาจะหลับไหลเพื่อที่จะฟื้นฟูตัวเอง แต่วลาดก็ยังต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้
ประตูมิติที่ไม่เคยถูกรายงานในดินแดนของเขา! ศาสนจักรอาจพบ และเข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ!
ไม่กี่วันต่อมาก็มีเสียงดังขึ้นทางทิศที่ปราสาทของเคานต์วลาดตั้งอยู่ ความโกรธมหาศาลของแวมไพร์พุ่งสูงขึ้นเสียดฟ้า
“ข้าจะฆ่าไอ้คนที่มันไล่ต้อนข้า!”
แต่วลาดไม่รู้ว่าใครทำแบบนี้กับเขา และเขาก็ไม่มีเงื่อนงำ หรือเบาะแสที่จะติดตาม หรือแม้ก็ทั้งจะใช้หลัก ‘โหราศาสตร์’
…
ออกัสตุสจุดคบเพลิงเพื่อให้เห็นเมืองร้าง ที่นี้มีปล่องไฟหนาทึบ ท่อโลหะ สลักเกลียว สปริง และเฟืองอยู่ทุกที่ ‘อารยธรรมไอน้ำ’ อยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
เขาเข้าใจได้ทันที จากนั้นน้ำตาก็พรั่งพรูออกมา เขาร้องไห้ด้วยความตื่นเต้นและเศร้าโศก “นี่คือบ้านเกิดของเรา บรรพบุรุษของเราทำงาน และอาศัยอยู่ที่นี้!”
ออกัสตุสคุกเข่าลงกับพื้นดิน และจูบลงบนดินแดนอันหนาวเหน็บที่เต็มไปด้วยวัชพืช “เรากลับมาแล้ว! ในที่สุดเราก็กลับมาแล้ว!”
คนแคระทั้งหมดทำตามเขา พวกเขาคุกเข่า และจูบบนดินแดนต้นกำเนิดของพวกเขา พวกเขาร้องไห้อย่างขมขื่น น้ำตาที่ไหลของพวกเขาก็เพื่อสำหรับสิ่งที่พวกเขาสูญเสียไป
หลังจากที่ฮาโรลด์ และคนแคระที่เหลือมาถึง ประตูก็อันตรธานหายไป ออกัสตุสหายใจเข้าลึกๆ และพูดกับคนแคระกว่าสองหมื่นคนว่า “นี่ไม่ใช่จุดหมายสุดท้ายของเรา เราจะกลับขึ้นไปที่พื้นดิน และเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเรา! จะไม่มีการเป็นทาสอีกต่อไป จะไม่มีความตายที่เจ็บปวดอีกต่อไป จะไม่มีความทุกข์ทรมานอีกต่อไป!”
ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความหวัง และความมุ่งมั่น “คว้าคบเพลิงของเจ้าแล้วตามข้ามา! อย่าลังเล อย่ากลัว นี่คือสิ่งที่ ‘พระเจ้าแห่งไอน้ำ’ ทรงแสดงให้เห็น!”
“ไอน้ำจงเจริญ!” คนแคระตอบพร้อมกัน
คบเพลิงถูกยกขึ้น พวกเขาปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ที่เขานับถือ คนแคระเดินอย่างเป็นระเบียบตามครอบครัว และหมู่บ้าน ผ่านเมืองแห่งไอน้ำที่ถูกทิ้งร้าง เหล่า ‘อัศวินจักรกล’ ถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เพื่อปกป้องในสี่ทิศทาง
เมืองใหญ่มาก การสร้างแสงสว่างของคบเพลิงคือความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด ในความมืด สีเขียวเรืองแสงของมอสเป็นแสงเดียวท่ามกลางความมืด แต่มันไม่ได้สะดวกสบายสำหรับคนแคระเลย พวกเขากลัวความมืด และแสงสีเขียวก็ดูเหมือนดวงตาที่กระหายเลือดของสัตว์ประหลาดนับไม่ถ้วน
มีอะไรอยู่ในนั้น? พวกเขาไม่รู้
ความเงียบงันครอบคลุมพวกเขามีเพียงเสียงก้าวเดินเท่านั้นที่ได้ยิน การเดินทางดูเหมือนจะยาวนานขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าพวกเขาจะไม่สามารถออกจากที่แห่งนี้ได้
เมื่อคนแคระเริ่มหลงทาง และตื่นตระหนกขึ้นเรื่อยๆ เสียงของออกัสตุสก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“อย่าลังเล ไม่ต้องกลัว ตามข้ามา!”
“ใช่!” คนแคระตอบแม้ว่าจะไม่ค่อยมั่นใจนัก
ออกัสตุสยกไม้เท้าขึ้นสูง
“‘พระเจ้าแห่งไอน้ำ’ อยู่กับเรา! ไม่มีความยากลำบาก ไม่มีอันตราย ไม่มีความทุกข์ใดที่จะสามารถพิชิตเราได้!”
เมื่อได้ยินชื่อของ ‘พระเจ้าแห่งไอน้ำ’ คนแคระก็กล้าหาญขึ้นมา พวกเขาพูดชื่อพระเจ้าอย่างเงียบๆ ตอนนี้พวกเขาพร้อมด้วยความกล้าหาญที่จะสยบความมืด พวกเขาค่อยๆ เดินเร็วขึ้น และเร็วขึ้น
ปัง ปัง! เสียงปืนไรเฟิลยิงสกัดขว้างสัตว์ประหลาดที่กระโจนออกมาจากความมืดให้ร่วงลงสู่พื้นด้วยเลือด และเนื้อ
พวกเขามีพลังของไอน้ำดังนั้นพวกเขาจึงอยู่ยงคงกระพัน!
“‘พระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ทรงอำนาจ’ ‘เจ้าแห่งชีวิต และความตาย’ ราชาแห่งสายฟ้า ‘เจ้าแห่งการลงทัณฑ์ด้วย’ ‘พระเจ้าแห่งความมั่งคั่ง…’”
“พระองค์คือพระเจ้าเหนือพระเจ้าทั้งปวง กษัตริย์เหนือกษัตริย์…”
เหล่าคนแคระต่างร้องเรียกชื่อซึ่งกันและกัน เสียงของพวกเขาดังกึกก้อง และขับไล่สิ่งมีชีวิตที่หลบซ่อนอยู่ในความมืด
ในที่สุดกองทัพขนาดใหญ่นี้ก็เดินออกจากเมืองผ่านอุโมงค์ และมาถึงถ้ำที่เชื่อมต่อกันเหมือนใยแมงมุม
“นี่เป็นการทดสอบครั้งสุดท้าย ผู้ศรัทธาที่แท้จริงเท่านั้นที่จะสามารถเดินออกจากเขาวงกตได้ อย่าลังเล ไม่ต้องกลัว ตามข้ามา!”
“ใช่!” คราวนี้เสียงของพวกเขาดังขึ้นกว่าเดิมมาก และเต็มไปด้วยความมั่นใจ
คราดทั้งหมดดูเหมือนกันหมด และคนแคระก็กลัวที่จะหลงทาง แต่ออกัสตุสหัวหน้าของพวกเขากลับหลับตาเดินตามหัวใจของเขา
เมื่อเห็นว่าหัวหน้าของพวกเขากำลังทำอะไร ไฟแห่งความหวังก็สว่างขึ้นในใจของคนแคระอีกครั้ง
พวกเขาควรมีศรัทธาใน ‘พระเจ้าแห่งไอน้ำ’ ผู้ทรงอำนาจ มีศรัทธาในผู้ที่พระองค์ทรงเลือก ที่นี่ไม่ควรใช้ตาและหูในการแสวงหาเส้นทาง แต่เป็นหัวใจ และความศรัทธาต่างหาก!
พวกคนแคระเดินต่อไป ตอนนี้พวกเขาไม่ตื่นตระหนก และไม่สับสนอีกต่อไป
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เห็นแสงไฟสลัวตรงหน้า และป่ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
พวกเขาทำได้!
ตอนนี้พวกเขาอยู่บนพื้นดินแล้ว!
ทันใดนั้น เมอร์นาก็ชี้ไปที่ท้องฟ้า และพูดว่า “ดูนั้นสิ!”
ที่ปลายสุดของท้องฟ้าที่สว่างขึ้น มีดวงดาวที่สดใสประดับอยู่บนนั้น ดวงดาวที่เงียบงัน แต่แวววาวเพื่อที่นำไปสู่เส้นทางชั่วนิรันดร์
“รุ่งอรุณ…?”
“รุ่งอรุณกำลังจะมา”
คนแคระเหล่านี้เกิดใน ‘มิติภูเขารัตติกาล’ และพวกเขาไม่เคยเห็นกลางวันมาก่อน พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับดวงดาวยามเช้าจากเรื่องราวที่ผ่านมาหลายชั่วอายุคน และรู้ว่ามันเป็นตัวแทนของการมาเยือนของแสง
“พระองค์คือเจ้าแห่งชีวิต และความตาย ดวงดาวที่สุกสกาว พระองค์เชื่อมต่อทั้งกลางวัน และกลางคืน พระองค์ทำให้เรามีชีวิตใหม่!” ออกัสตุสกล่าวอย่างมีศรัทธา
ดวงดาวยามเช้าถูกแทนที่ด้วยแสงสีส้มทางทิศตะวัน ออกจากนั้นลูกไฟก็ค่อยๆ ลอยขึ้นเหนือขอบฟ้า
คนแคระไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้ ตอนนี้พวกเขาเริ่มรู้สึกถึงการมาถึงของชีวิตใหม่จริงๆ!
ออกัสตุสชูแขนขึ้น และส่งเสียงให้กำลังใจ “ชีวิตใหม่ของเราเริ่มต้นขึ้นแล้ว เราจะมุ่งมั่นเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของแอตแลนติส! แอตแลนติสบนพื้นดิน!”
“มุ่งมั่นเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของแอตแลนติส!” คนแคระกว่าสองหมื่นคนตอบสนองในเวลาเดียวกัน เสียงที่ดังของพวกเขาทำให้ฝูงนกที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าแตกตื่น
ในเวลานี้เอง ท่วงทำนองที่เต็มไปด้วยความหลงไหลดังมาจากที่ไกลๆ
คนแคระหันหน้าไปทางเสียงนั้นด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง พวกเขาเห็นชายร่างอ้วนที่สวมเสื้อกันลมยาวสีดำ และหมวกเบเร่ต์ เดินมาหาพวกเขาตามด้วยกลุ่มมนุษย์จำนวนหนึ่ง ทำนองนี้เองที่มาจากกล่องเล็กๆ ที่สลักลวดลายสีดำแปลกๆ ในมือของเขา
ก่อนที่คนแคระจะตอบสนอง ออกัสตุสบอกพวกเขาว่า “เขาเป็นคนนำทาง ข้าได้รับพระวจนะของ ‘พระเจ้าแห่งไอน้ำ’ เขาจะนำเราไปสู่ชีวิตใหม่”
คนแคระไม่กลัวอีกต่อไป ความเชื่อทำให้พวกเขามีอำนาจในการเอาชนะความกลัว พวกเขาจ้องมองไปที่ชายร่างอ้วน และคณะของเขาอย่างเงียบๆ เหมือนที่พวกเขาศึกษาว่าพวกเขามองถังเบียร์อย่างไร และแวมไพร์มองเลือดอย่างไร
“ข้าคืออาร์เธอร์ ดอยล์ผู้ที่จะนำเจ้าไปสู่ชีวิตใหม่ ชีวิตที่มีความสุขมากกว่าครั้งก่อนๆ ที่เจ้าเคยมีใน ‘มิติภูเขารัตติกาล’” อาร์เธอร์ยิ้มกว้างให้กับคนแคระ
ในสายตาของเขา กลุ่มคนแคระเป็นสัญลักษณ์ของเงินจำนวนมาก เพราะคนแคระที่มีทักษะเกี่ยวกับการผลิตผลิตภัณฑ์การเล่นแร่แปรธาตุจำนวนมาก
คนแคระเดินตามอาร์เธอร์เดินลงไปที่สถานี บนชานชาลาเมื่อพวกเขาเห็นรถไฟไอน้ำเวทมนตร์ พวกเขาก็หลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง พวกเขาเชื่อมั่นอีกครั้งว่าสถานที่แห่งนี้คือบ้านเกิดของพวกเขา สวรรค์แห่งไอน้ำ
คนแคระจ้องมองรถไฟไอน้ำเวทมนตร์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พวกเขาหวังว่าจะถอดมันออก และตรวจสอบทุกส่วนจนกว่าจะขึ้นรถไฟ
“ทำไมคำชี้ทางที่ ‘พระเจ้าแห่งไอน้ำ’ ส่งมาให้ถึงเป็นนายธนาคาร” เมอร์นาเพิ่งได้เรียนรู้คำว่า ‘ธนาคาร’
ฮาโรลด์กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้าบอกแล้ว พระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ทรงอำนาจ พระองค์ยังเป็นพระเจ้าแห่งความมั่งคั่งด้วย มันสมเหตุสมผลมาก”
จากนั้นเขาก็พูดอย่างโหยหาว่า “ข้าเห็นเหรียญเงินกลายเป็นระเบิดที่มีกระแสไฟฟ้าทรงพลัง… ข้าสงสัยว่า ‘อารยธรรมไอน้ำ’ เลือกศึกษาผิดด้าน ควรจะศึกษาเรือรบ และปืนใหญ่หรือไม่ บางที… บางทีเราควรประดิษฐ์ปืนใหญ่แบบใหม่โดยใช้พลังงานไฟฟ้า…?”
“นี่ไงหนังสือเล่มใหม่จากพระเจ้า” ออกัสตุสยิ้มพลางส่งหนังสือให้ฮาโรลด์
ฮาโรลด์หยิบมันขึ้นมา ชื่อหนังสือก็คือ ‘วิศวกรรมไฟฟ้าพื้นฐาน’
ต่อมาอาร์เธอร์ก็เดินไปที่ตู้สุดท้ายของรถไฟ และนั่งลงต่อหน้าชายหนุ่มที่สวมสูทกระดุมสองแถว เขาพูดกับชายหนุ่มคนนี้เหมือนเพื่อนเก่า แต่ก็ให้ความเคารพว่า “อีวานส์ ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าท่านจะพบคนแคระที่มีทักษะมากมายขนาดนี้!”
ลูเซียน อีวานส์ คือผู้ที่จะเป็นมหาจอมเวทคนต่อไป อาร์เธอร์ต้องแสดงความเคารพต่อเขา
ลูเซียน ถือถ้วยน้ำชาไว้ในมือและกล่าวว่า “ดูแลให้ดี ให้เงินเดือน และอิสระเพียงพอแก่พวกเขา หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกจากสถานที่นั้นเพราะข้า เมื่อพวกเขาได้รับทักษะ และความรู้พื้นฐานด้านวิศวกรรมไฟฟ้าแล้ว พวกเขาก็จะสามารถฝึกอบรมพนักงานได้มากขึ้น”
เนื่องจากเจ้าชายแวมไพร์ และแวมไพร์ที่ทรงพลังที่สุดใน ‘มิติภูเขารัตติกาล’ ได้ออกจากมิติลึกลับเพื่อไปค้นหาบรรพบุรุษต้นกำเนิด ทำให้แผนการช่วยเหลือของลูเซียนดำเนินไปอย่างราบรื่น เขาได้รับคำชี้แนะโดยใช้พลังในการปลุกคนตายจากเสื้อคลุมเวทมนตร์บัลลังก์อมตะ และเวทมนตร์แม่เหล็กไฟฟ้าบทใหม่ก็คือ ‘ปืนแม่เหล็กไฟฟ้าของลูเซียน’ แม้ว่าเวทมนตร์นี้จะไม่ได้ทรงพลังมากเท่าไหร่ แต่เมื่อลูเซียนขึ้นไปถึงสู่ระดับที่สูงขึ้นพลังของเวทมนตร์บทนี้ก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
“ท่านไว้จำคำพูดของข้า ข้าจะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี” อาร์เธอร์กล่าวโดยไม่ลังเล เขาไม่ได้ถามอะไรสักอย่างเดียวเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า ‘พระเจ้าแห่งไอน้ำ’
รถไฟไอน้ำเวทมนต์กำลังเข้าใกล้นครเรนทาโตเข้าไปทุกที แสงยามเช้าในนครเรนทาโตยังคงสว่างไสวราวกับกลุ่มดาวในความฝันอันแสนหวาน
คนแคระตกตะลึงมากจนไม่สามารถหุบปากได้ ราวกับว่าพวกเขากลับมาที่แอตแลนติสอีกครั้ง
…
“อีวานส์ นักเวทส่วนใหญ่ของ ‘สำนักแม่เหล็กไฟฟ้า’ และ ‘สำนักแสง-ความมืด’ ขออภัยที่ข้าต้องพูดแบบนี้ พวกเขาไม่ชอบเจ้ามาก เพื่อความปลอดภัยของเจ้า เรากำลังหาข้ออ้างอื่นๆ ต่อสาธารณชนในการจัดงานเลี้ยงนี้ แทนที่จะบอกคนอื่นว่า เป็นงานเลี้ยงที่เจ้าได้รับรางวัล ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ” วาคีนประธานของสหพันธ์บทเพลงจันทรา ผู้เป็นจอมเวทระดับเก้า และผู้วิเศษระดับเก้ากล่าวในขณะที่ยิ้ม
เนื่องจากบรูคเพิ่งยืนยันให้การรับรอง ‘ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับควอนตัมของแสง’ ของลูเซียน ที่เขาใช้การเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมตรวจสอบไปเมื่อหลายวันก่อน ซึ่งใช่ไม่ว่า ‘สหพันธ์บทเพลงจันทรา’ จะไม่เต็มใจแค่ไหนพวกเขาก็ต้องยอมรับ
ลูเซียนยิ้ม ตามที่วาคีนกล่าว “เราสามารถจักการปัญหาได้ ท่านสามารถมอบให้รางวัลข้าได้ ข้ากังวลว่าการปรากฏตัวของข้าอาจสร้างความประหลาดใจให้กับแขกมากเกินไป”
“ไม่ นี่เป็นประเพณี เราต้องมีงานเลี้ยงชั้นยอดเพื่อมอบเหรียญให้เจ้าอยู่แล้ว” ประธานส่ายศีรษะอย่างจริงจัง
มิฉะนั้นประชาชนจะดูถูก ‘สหพันธ์บทเพลงจันทรา’ โดยกล่าวหาว่าพวกเขาใจแคบเกินไปที่จะรับรู้ถึงผลงานที่ยอดเยี่ยมของลูเซียน