Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 535

ตอนที่ 535

บทที่ 534 ปีศาจพิษ
เนื่องจากเขาสามารถใช้เวทมนตร์ที่น่าเหลือเชื่อมากมาย ลูเซียนมั่นใจมากว่าไวน์ที่เขาตรวจสอบแล้วปลอดภัย แต่ความมั่นใจของเขากลับกลายเป็นข้อผิดพลาดสำคัญของวันนี้ เขาดื่ม ‘สกายบลู’ ที่ผสมยาพิษที่ร้ายแรงและคำสาปแปลกประหลาดไปเพียงแก้วเดียว

ไม่ ไม่ใช่แค่ไวน์!

ลูเซียนมองไปที่คามิล ในฐานะอัศวินอาภาระดับแปดที่รับผิดชอบความปลอดภัยของนาตาชา นางไม่ดื่มหรือกินอะไรทั้งนั้นในโอกาสเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม หน้าของนางก็สีคล้ำและทั้งร่างของนางก็สั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ นางตั้งใจะใช้พลัง ‘คลื่นสมุทร’ แต่พลังคลื่นทะเลสีฟ้าก็สลายไปทันที หลังปรากฏขึ้นมา เห็นได้ชัดว่านางเองก็ถูกวางยาพิษและถูกคำสาปเหมือนกัน!

แล้วต้นตอของยาพิษและคำสาปอยู่ที่ไหน?

ทันใดนั้นลูเซียนก็ได้กลิ่นจางๆ แต่หอมหวานของดอกไม้ เหมือนที่อยู่นอกคฤหาสน์ เว้นแต่ว่ากลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่หอมหวานและเมามายยิ่งกว่า

กลิ่นหอมนี้เป็นอะไรบางอย่างผิดปกติ!

คงมีสายลับ หรือมีอะไรบางอย่างถูกดัดแปลงจนสามารถนำอุปกรณ์ที่ปล่อยกลิ่นดังกล่าวเข้ามาภายในคฤหาสน์ เมื่อผสมกับไวน์ที่ถูกใช้เป็นลูกเล่น ไวน์และอากาศกลายเป็นยาพิษและคำสาปที่เกินกว่าจิตนาการ ไม่น่าแปลกที่เขาไม่พบอะไรจากการตรวจสอบ

แต่นี่ไม่ใช่เวลามองหาสายลับหรือผู้สมคบคิด ลูเซียนเดินโซซัดโซเซไปที่นาตาชา ภาพตรงหน้าของเขาดูพร่ามัวและสั่นเทิ้มไปหมด

แต่โชคดีที่ลูเซียนมีแหวนคอนกัซซึ่งสามารถสลายพิษได้ เขาไม่เหมือนกับคามิล เจมส์ และขุนนางคนอื่นๆ ซึ่งไม่เพียงมึนศีรษะหน้ามืด แต่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงด้วย จนแทบจะไม่อาจยืนทรงตัวอยู่ได้

เคานต์เฮนสันซึ่งไม่ได้เรียกใช้พลังความแข็งแกร่งของอัศวิน ก็สลบและล้มลงด้วย ‘อาการเมาค้าง’

ร่างกายของลูเซียนยังคงแข็งแรงอยู่ เขาค่อยๆ เดินเข้าไปถึงนาตาชาด้วยอาการท่าทางเหมือนกับคนเมา แม้เขารู้สึกหนักหัว แต่ก็ยังจดจำทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ พลังโลหิตขั้นสูงสุดที่สามารถตัดได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็มีพลังต้านทานคำสาป ดังนั้น นาตาชาจึงน่าจะถูกยาพิษเพียงอย่างเดียว แม้ความแข็งแกร่งจะเสื่อมสลายไปจากร่างของนาง แต่สมองของนางยังคงคิดได้ชัดเจน ตราบใดที่นางสวมและเรียกใช้พลังจาก ‘เข็มขัดสุขภาพ’ พิษในร่างของนางก็น่าจะสลายไปในไม่ช้า

‘เข็มขัดสุขภาพ’ อุปกรณ์เวทมนตร์ระดับแปดชิ้นนี้ ก็สามารถต้านทานพิษที่ต่ำกว่าระดับตำนานได้!

สำหรับแหวนคอนกัซ แม้ว่าลูเซียนอยากจะมอบให้นาตาชา แต่ก็นางก็ไม่สามารถใช้งานได้

เคานต์เดวิด ซึ่งมีพลังอ่อนแอเป็นลำดับรองสุดท้ายจากทุกคน ก็ล้มพับลงเหมือนกับเคานต์เฮนสัน แต่เขาไม่ได้ ‘หมดสติ’ สิ้นสมประดีไปเสียทั้งหมด แต่ยังขยับตามองไปมาด้วยความกระวนกระวาย

พลังของคำสาปกระจายจากปอดและช่องท้อง และแผ่ซ่านขึ้นสู่อวัยวะด้านบน ส่งผลต่อสมองและวิญญาณของลูเซียน หัวของเขาบวมเป่งและหัวใจก็เต้นรัว เขาไม่อาจร่ายเวทมนตร์สักบทหรือเรียกใช้พลังจากอุปกรณ์แม้แต่ชิ้นเดียว

หลังจากเขาเดินซวนเซไปถึงนาตาชา ลูเซียนก็ถอดเข็มขัดและใส่ให้กับนาง

นาตาชาพูดออกมาเสียงแผ่วเบา ราวกับว่านางพูดอย่างยากลำบาก “ข้ารวบรวมอำนาจจิตของข้าไม่ได้… ข้าใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ไม่ได้ ไป… หนีไป ข้าคง… เป็นเป้าหมาย…”

นาตาชาไม่ยอมเสียเวลาหรือยอมแพ้ นางพยายามควบคุมร่างกาย ขณะที่นางเร่งเร้าลูเซียนอีกครั้ง “รีบหนีไป… เจ้ายังมีพลังเหลือ… ขอกำลังเสริม… จากขุนนางข้างนอก…”

อย่างน้อย ลูเซียนก็จะไม่ตายไปพร้อมกับนาง

แล้วนางก็จะสามารถแสวงหาโอกาสอันน้อยนิดเพื่อเอาตัวชีวิตรอดโดยไม่ต้องกังวล

เสียงปรบมือดังสะท้อนมาจากประตู “ช่างเป็นคู่ที่รักกันจริงๆ หวังว่าตายไปแล้ว จะได้อยู่ด้วยกันนะขอรับ”

ลูเซียนเงยหน้าขึ้น และพบกับชายผมสีเขียวท่าทางแปลกประหลาดอยู่ตรงประตู ดวงตาของเขาไม่มีลูกตาดำ แต่มีเพียงสีขาวโพลนที่ดูน่ากลัว เสื้อผ้าของเขาดูไม่ปกติเช่นกัน เพราะเขากำลังสวมผ้าคลุมสีดำที่คลุมทั้งตัว แม้ในวันที่อากาศร้อนเช่นนี้

ชายแปลกประหลาดผู้นี้ที่ดูเหมือนอายุราวๆ สามสิบปีค้อมศีรษะลงและกล่าวทักทาย “ฝ่าบาท กระหม่อมขออนุญาตแนะนำตัว กระหม่อมคือพรีมัส ‘ปีศาจพิษ’ จากสภาแห่งความมืด”

‘ปีศาจพิษ’ พรีมัสเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในลำดับที่หกสิบสองของบัญชีกวาดล้าง อัศวินดำระดับเก้า และทายาทของ ‘เจ้าแห่งปีศาจ’ เขาได้รับการยกย่องว่าความเลิศด้านพิษและคำสาป แม้ว่าอันดับของเขาจะต่ำกว่าลูเซียน แต่เขาแข็งแกร่งกว่าลูเซียนอย่างแน่นอน

นาตาชาไม่ได้ตอบโต้เขา แต่พยายามตั้งสมาธิให้แน่วแน่ และลูเซียนก็กำลังต้านทานพลังคำสาปด้วยพลังวิญญาณของเขาเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม พรีมัสไม่ได้ลงมือในทันที แต่ยังพูดต่อไป “ฝ่าบาทไม่รู้จักกระหม่อมหรือ? เอาล่ะๆ ฝ่าบาทรู้แค่ว่ากระหม่อมมาเพื่อปลงพระชนม์ก็พอ สภาแห่งความมืดเฝ้ารอให้ศาสนจักรฝ่ายใต้ประกาศสงครามกับสภาเวทมนตร์มานานเหลือเกินแล้ว”

ดูเหมือนพลังโลหิตจะมีอิทธิพลเหนือเขา หรือไม่ก็มั่นใจในชัยชนะมาก จนอารมณ์ของเขาค่อนข้างพลุ่งพล่าน

“ตราบใดที่กระหม่อมปลงพระชนม์ฝ่าบาท สังหารท่านลูเซียน อีวานส์ ดยุกเจมส์ และขุนนางที่เหลือแล้ว และแสร้งว่าเป็นฝีมือพวกผู้พิทักษ์ราตรีหัวรุนแรง ศาสนจักรกับสภาเวทมนตร์จะประกาศสงครามกันแน่นอน กระหม่อมเก่งเรื่องปั่นหัวอยู่แล้ว กระหม่อมคิดว่าสามารถทำให้นักเวทชั้นตำนานและพระคาร์ดินัลชั้นนักบุญเชื่อได้ว่า ‘เทวทูตต้องคำสาป’ กรันเวลจากผู้พิทักษ์ราตรีเป็นคนลงมือทั้งหมดนี้”

เมื่อได้ฟังคำพูดพล่ามอย่างประสาทเสียของเขา ทั้งลูเซียนและนาตาชาก็พยายามขับพลังคำสาปหรือพิษออกจากร่าง แต่ดูเหมือนพลังนั้นจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นๆ เมื่อเวลาผ่านไป จนทั้งสองแทบจะล้มลงกองกับพื้น

พรีมัสดูเหมือนไม่รับรู้ถึงการดิ้นรนของทั้งสอง และไม่สนใจดยุกเจมส์และขุนนางคนอื่นๆ ที่ไม่สามารถตอบโต้ได้เพราะอ่อนพลังเกินไป เขายังคงพล่ามต่ออย่างมีความสุข “ในการสังหารพวกท่าน ข้าต้องใช้ความพยายามอย่างหนักควบคุมให้ข้ารับใช้และคนสวนค่อยๆ เปลี่ยนต้นไม้ในสวน ถ้าท่านเป็นคนรักดอกไม้จริงๆ นะ ท่านดยุกเจมส์ ท่านคงรู้ตัวมานานแล้วล่ะ น่าอายที่ท่านมีสวนดอกไม้ไว้โอ้อวดเท่านั้น พอพวกท่านเข้ามาในห้องที่มีกลิ่นดอกไม้นี้ ส่วนประกอบที่ไม่เป็นภัยในน้ำไวน์ก็กลายเป็นพิษร้ายได้”

“เพื่อไม่ให้พวกท่านรู้ตัว ข้าไม่ได้ใช้พิษและคำสาปที่รุนแรงถึงตาย แต่แค่ทำให้อ่อนแรงและเป็นอัมพาตเท่านั้น ดูเหมือนจะได้ผลดี และทำให้ข้ามีเวลาเหลือพอมาถึงทันก่อนที่ท่านจะหมดสติ ท่านดยุกเจมส์”

คำพรรณนาของเขายืนยันข้อสันนิษฐานของลูเซียน และดูเหมือนจะตัดความเป็นไปได้เรื่องสายลับทิ้งไป

อย่างไรก็ตาม ลูเซียนจะไว้ใจคนบ้าเช่นเขาได้อย่างไร?

“ฮ่าๆ ท่านคิดว่าข้าโง่จนจะปล่อยให้ท่านมีเวลาพอที่จะสลายพิษและคำสาปงั้นหรือ?” จู่ๆ พรีมัสก็ยิ้มออกมา

ลูเซียนที่กำลังคิดหาทางรอดต้องตกตะลึง เมื่อพลังคำสาปที่จู่โจมสมองของเขาส่งผลทำให้สมองทำงานช้าลง

พรีมัสหน้าตาบูดบึ้ง “ส่วนผสมพิษและคำสาปของข้าชื่อว่า ‘จุมพิตหม่นหมอง’ ยิ่งผ่านไปนานเท่าไร พลังของท่านก็จะยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ ถ้าไม่อยากรีบตาย ข้าจะให้ท่านได้ฟังแผนของข้าต่อไป ข้ายินดีที่เจ้าให้ความร่วมมือ”

ขณะเขาพูด เขาก็ปรบมือ “นิ่งไว้! นิ่งไว้! นิ่งไว้!”

ดยุกรัสเซลและคามิลล้มลงก่อน พร้อมด้วยดวงตาที่สิ้นหวังและเศร้าสลด ตามด้วยดยุกเจมส์ ซึ่งเท้าของเขาไม่อาจยืนหยัดพยุงร่างได้อีกต่อไป

“ว้าว ตามคาดเลย องค์ราชินีและท่านลูเซียน อีวานส์ พวกท่านสองคนทนได้นานกว่าใคร ขอเดานะ พลังโลหิตของราชินีลบพลังคำสาปได้ แล้วท่านอีวานส์ก็คงมีอุปกรณ์ต้านพลังพิษ” พรีมัสหมุนข้อมืออุ่นเครื่องเตรียมพร้อมจู่โจม

ลูเซียนก้าวออกมาข้างหน้า หัวของเขามึนหนักขึ้นกว่าเดิม และเขาคิดออกเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็คือการยืนขวางหน้านาตาชา อย่างไรก็ตาม ระบบการคิดอันสมเหตุสมผลและเป็นระบบที่เขาสร้างรากฐานมาก็ยังบอกเขาว่าพอมีความเป็นไปได้ที่จะพลิกสถานการณ์ เขาจะล่อให้พรีมัสเข้ามาใกล้ๆ แล้วโจมตีเขาด้วยมือซ้าย โดยหวังว่ามือซ้ายที่มีพลังสลายพลังได้จะช่วยจัดการพลังเหนือธรรมชาติของอัศวินดำระดับเก้า และทำให้ศัตรูบาดเจ็บได้

พรีมัสหัวเราะคิกคัก “ดูเหมือนว่าข้าจะได้รางวัลตอบแทนเพียบเลยงานนี้ ท่านอีวานส์ ท่านนี่เป็นคลังอุปกรณ์เวทมนตร์เคลื่อนที่ที่หาได้ยากจริงๆ”

เขาถอดผ้าคลุมออกและเผยให้เห็นร่างกายที่น่าสยดสยอง ลำตัวเต็มไปด้วยแผลพุพอง ซึ่งมีเมือกสีเหลืองสีเขียวผุดออกมาและเปรอะเปื้อนทุกๆ อย่าง

“ท่านพร้อมจะตายแล้วสินะ?” พรีมัสลงมือ ลูเซียนมองตามไม่ทัน และตอบโต้เขาด้วยเพียงมือซ้าย

พรีมัสไม่เคยประมาทเมื่อเปิดฉากการต่อสู้ แต่ถือว่าลูเซียนเป็นศัตรูในระดับเดียวกันกับเขา ฉะนั้น ถึงแม้ความสามารถจู่โจมระยะประชิดของเขาไม่ยอดเยี่ยมเหมือนอัศวินดำระดับเก้าทั่วไป แต่ก็ไม่ใช่การจู่โจมที่ลูเซียนจะต้านทานไหว

ตู้ม! เงาสีเหลืองและเขียววูบผ่านด้านข้างของลูเซียน ก่อนจะกระแทกเข้ากลางหน้าอกของเขาอย่างจัง

พิษที่ดูเหมือนจะทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นไอสังหารทำให้หัวของลูเซียนหนักอึ้งขึ้นไปอีก เขายกมือซ้ายขึ้นแต่ก็ตอบโต้ไม่ทันกับความเร็วของพรีมัส หน้าอกของเขาเจ็บปวดแสนสาหัส

ลูเซียนหายตัวไปและปรากฏตัวอีกครั้งในเงาตรงประตูอย่างไร้สุ้มเสียง

‘เวทปลุกอาคม’ เวทมนตร์ที่เขาเตรียมการไว้ล่วงหน้า ช่วยชีวิตลูเซียนไว้ในนาทีวิกฤต

“ข้าเกือบลืมไปว่าท่านก็เป็นนักเวท ท่านอีวานส์ แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะหลบพ้นอีกครั้งหรอกนะ จริงไหม?” พรีมัสเยาะเย้ยลูเซียนและพุ่งเข้าใส่ลูเซียนด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

ลูเซียนพยายามยกมือซ้ายขึ้นมาป้องกันบริเวณหน้าอก แต่พรีมัสก็หายตัวไปตรงหน้าและแวบไปโผล่ด้านหลัง ก่อนจะเตะเข้าเต็มหลังของเขาอย่างจัง ทันใดนั้น พลังคำสาปสีเหลืองและพิษสีเขียวเข้มพุ่งออกมาในทันที

ด้วยเสียงหนักแน่น ผิวกายสีเทาสามชั้นที่ปรากฏบนตัวของลูเซียนก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และเกิดช่องโหว่บนเสื้อคลุมบัลลังก์นิรันดร์ของเขา ลูเซียนกระเด็นไปทางนาตาชา กระอักเลือดออกมา และแผ่นหลังของเขาก็เกือบหักเป็นชิ้นๆ

หากเขาไม่ได้ศึกษา ‘เวทจัดลำดับเวทมนตร์’ มาเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ และร่าย ‘เวทร่างหิน’ เวทมนตร์ระดับสี่ไว้ล่วงหน้าถึงสามชั้น ลูเซียนคงจะขาดใจตายในทันที!

“ท่านยังไม่ตายอีกนะ? นี่แหละ ข้าถึงเกลียดนักเวทที่สุด!” พรีมัสเดือดดาลมากยิ่งขึ้น

ขณะดยุกเจมส์และขุนนางคนอื่นๆ กังวลว่าลูเซียนจะหลบการจู่โจมครั้งที่สองของพรีมัสได้อย่างไร พวกเขาก็พยายามตั้งสมาธิรวบรวมอำนาจจิต แต่ก็แทบไม่มีประโยชน์

พรีมัสก็กลายเป็นหอกสีเขียวเข้มและพุ่งเข้าจะเสียบลูเซียนที่กองอยู่บนพื้น

ทันทีที่ลูเซียนพลิกตัวหมุนด้วยมือและเท้าอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเข้าเห็นศัตรูพุ่งเข้ามา เขาตั้งใจจะต้านการจู่โจมครั้งนี้ด้วยเวทมนตร์ แต่ก็ไม่สามารถตั้งสมาธิพลังวิญญาณซึ่งอยู่ภายใต้แรงกดของคำสาปได้

ข้าต้องตายที่นี่อย่างนั้นหรือ?

ทันใดนั้น เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าลูเซียน ดาบยาวเล่มหนึ่งถูกชักออกมา และเกิดช่องว่างขึ้นมาป้องกันหอกเอาไว้หอกที่เป็นร่างจำแลงของพรีมัสถูกป้องกันไว้ด้วยดาบยุติธรรมจืดจาง เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่เทียบเท่ากับพลังชั้นตำนานของเจ้าแห่งปีศาจ เขาก็ก้าวถอยออกไป ด้วยร่างกายที่มีแผลพุพองเต็มตัว เขาหรี่ตามองนาตาชาที่ยืนจวนเจียนจะล้ม ก่อนที่เขาประกาศออกมาทีละคำๆ “พลังโลหิตของฝ่าบาทกลายพันธุ์? ยิ่งบาดเจ็บมากเท่าไร ยิ่งแข็งแกร่งใช่ไหมพะยะค่ะ?”

นาตาชาไม่ได้ตอบโต้อะไร แต่ยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าลูเซียนและถือดาบยาวไว้ในมือ ดูเหมือนพลังโลหิตของนางก็ถูกพลังพิษของพรีมัสกดไว้ ซึ่งก็ขับพลังที่ได้รับมาใหม่ของนางออกไปเรื่อยๆ เช่นกัน นางไม่อาจเป็นฝ่ายโจมตี แต่ทำได้เพียงตั้งท่าป้องกันไปก่อนเท่านั้น

เนื่องจากแผลบนท้องของนางที่เปรอะเปื้อนไปด้วยพิษไม่อาจเยียวยาได้ การเสียเลือดมากก็ยิ่งทำให้ร่ายกายของนางอ่อนแอลงไปอีก

พรีมัสตะโกนเสียงดังที่ฟังดูเดือดดาลและบ้าคลั่ง “เวทปลุกอาคม เวทป้องกันจากอุปกรณ์เวทมนตร์เมื่อถูกกระตุ้น พลังโลหิตกลายพันธุ์ ทำไมเจ้าสองคนถึงไม่ยอมให้ข้าฆ่าง่ายๆ? ขยะแขยงชะมัด จะขัดขืนหาพระแสงอะไร? เจ้าต้องตายด้วยมือของข้าอยู่ดี ไม่ใช่หรือ? ให้มันจบเร็วๆ ไม่ดีกว่าหรือไง?”

ลูเซียนเหมือนกับคนที่ดื่มเหล้ารีสไปสามขวด สมองของเขาเฉื่อยชาเกินกว่าจะคิดหาทางออก เวทมนตร์ก็มีประสิทธิภาพลดลง เขาสัมผัสได้เพียงแรงพลังที่โคจรรอบๆ คอผ่านเลือดและแผ่กระจายไปยังสมอง แล้วพลังของคำสาปก็เริ่มส่งผลต่อการทำงานของร่างกาย ยกเว้นเพียงมือซ้ายของเขา ร่างกายส่วนที่เหลือสูญเสียพลังไปทั้งหมด

‘ไม่ ข้าต้องหาวิธีกำจัด ‘พิษเมา’ นี้ ไม่อย่างนั้น เราต้องตายแน่นอน!’

‘ข้ารอให้พลังฟื้นฟูโดยไม่หาทางรอดไม่ได้ มีโอกาส 99.99% ที่จะตายก่อนที่พลังจะฟื้นคืนมา’

‘นาตาชากำลังตกอยู่ในอันตราย!’

ความคิดยุ่งเหยิงมากมายผุดขึ้นในหัวของลูเซียน เขาโบกมืออย่างสิ้นหวัง พยายามรีดเค้นแรงกระตุ้นให้หลุดออกจากปัญหา

พรีมัสหยิบกริชออกมาสองเล่ม ซึ่งถูกเคลือบด้วยของเหลวสีเขียวเข้มที่โสโครกซึ่งหยดลงบนพื้น และขณะเดียวกันก็ทำให้พื้นที่ทั้งหมดสกปรกและเปรอะเปื้อน

“เจ้าจะต้องถูกลงโทษที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือ!” พรีมัสตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด แล้วเขาก็เริ่มจู่โจมรัวเป็นพายุบุแคมจนลูเซียนมองตามไม่ทัน พื้นที่โดยรอบค่อยๆ ปนเปื้อนไปด้วยของเหลวสีดำ เขียว และเหลืองที่บิดเบี้ยวไปมา ทุกคนที่เข้ามาในพื้นที่นี้จะถูกกดด้วยคำสาป พิษ และโรคร้าย

นี่เป็น ‘พรมแดนอำนาจจิตกึ่งภาพมายา’ ของอัศวินทองคำระดับเก้า

พรีมัสเกรงอำนาจของ ‘ดาบยุติธรรมจืดจาง’ ในมือนาตาชา เขาจึงยังไม่เริ่มการปะทะซึ่งๆ หน้า แต่ด้วยแรงกดความเร็วและพรมแดนอำนาจจิต เขามองหาจุดอ่อนในเพลงดาบของนาตาชา และทิ้งบาดแผลไว้บนเรือนร่างของนางด้วยกริชคู่เป็นระยะๆ

ขณะที่นาตาชามีพลังโลหิตที่ทำให้นางแข็งแรงขึ้นเมื่อแผลบาดเจ็บมากขึ้น นางก็อ่อนแอกว่าพรีมัสตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และนางก็ได้รับผลจากพลัง ‘จุมพิตหม่นหมอง’ การฟื้นฟูพลังหนึ่งในสามของนางกลับมาได้ก็ไม่เลวนัก แต่นางก็ยังไม่สามารถเทียบกับพลังของพรีมัสได้อยู่ดี และทำได้เพียงป้องกันตัวเองด้วยดาบยาวเท่านั้น

การป้องกันของนางทำท่าจะดีอยู่ในช่วงสิบวินาทีแรก ด้วยการป้องกันอันไร้ที่ติและพลังเหนือความชั่วร้ายและปีศาจของดาบยุติธรรมจืดจาง นาตาชายังสามารถต้านทานการโจมตีของปีศาจพิษได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น พลัง ‘จุมพิตหม่นหมอง’ ก็ยิ่งแสดงผลชัดเจนมากขึ้นๆ ความแข็งแกร่งของนางหมดลงเรื่อยๆ และเพลงดาบของนางก็เริ่มมีรูโหว่ปรากฏให้เห็นมากขึ้น พรีมัสคว้าโอกาสนั้นจ้วงแทงทะลุชุดล่าสัตว์ของนาง เฉือนผิวหนังและสร้างบาดแผลที่น่ากลัวไว้บนร่างของนาง

ด้วยแรงกระตุ้นจากบาดแผล พลังของนาตาชาก็ฟื้นคืนขึ้นมาบางส่วน แต่นางก็หายใจด้วยความยากลำบากมากขึ้นๆ นางเหมือนกับคันธนูที่ถูกรั้งจนตึงและพร้อมจะหักได้ตลอดเวลา

ทันใดนั้น พรีมัสก็หลบดาบยุติธรรมจืดจางและพลิกตัวเอาแผ่นหลังพุ่งเข้าใส่ แล้วใส่ข้อศอกกระแทกเข้ากลางอกของนาง

กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ เสียงกระดูกซี่โครงหักดังลั่น นาตาชาอาเจียนออกมาเป็นเลือดสีเงินปนแดง นางมีเวลาเพียงป้องกันการโจมตามมาของพรีมัส ก่อนที่จะกระเด็นออกไปชนกำแพงใกล้กับลูเซียน

หลังจากเสียงตู้ม ผนังของห้องลับที่มีวงพลังอาคมเทพป้องกันก็เกือบพังลง

พรีมัสเกรงว่าเขาจะหลบดาบยาวชั้นตำนานที่สามารถกดพลังโลหิตสายปีศาจไม่พ้น เขาจึงไม่รีบจัดการศัตรูในทันทีหลังจู่โจมทั้งสองคนเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เขาคิดถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลัก เขาพยายามหลีกเลี่ยงวิถีดาบยุติธรรมจืดจาง มิฉะนั้น นาตาชาคงถูกเขาสังหารไปนานแล้ว

“เจ้ายืนไม่ขึ้นแล้ว ใช่ไหมล่ะ” พรีมัสตะโกนด้วยความตื่นเต้นและกระหายเลือด แต่แล้วเขาก็คำรามออกมาอีกครั้ง “ทำไม ทำไมเจ้ายังจะยืนอยู่อีก? นอนเฉยๆ ให้ข้าจบชีวิตเจ้าเสียดีกว่า”

ลูเซียนมองดูนาตาชากระเสือกกระสนลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เลือดและเหงื่อของนางหยดลงพื้น และร่างของนางเต็มไปด้วยแผลที่น่าสยดสยอง แต่นางก็ยังยกดาบขึ้นตั้งท่าป้องกันอย่างมุ่งมั่น

“เจ้าไม่มีวันผ่านไปได้ จนกว่าข้าจะตาย”

เพราะบาดแผลสาหัส เสียงของนาตาชาไม่ได้ฟังดูอ่อนแรงเหมือนก่อน แต่ความอ่อนแอของนางจึงไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

ลูเซียนเกลียดตัวเองที่ไม่อาจช่วยอะไรได้ในตอนนี้ ตอนนี้ เขายังไม่อาจใช้พลังวิญญาณ เขามีพลังอัศวินหลวงเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวอย่างมากที่สุด และเขาไม่อาจร่วมสู้ในการรบชั้นสูงได้แน่นอน

‘ข้าต้องกำจัดวิกฤตนี้!’

‘ข้าต้องฟื้นฟูพลังวิญญาณ!’

‘เพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณ ข้าจะต้องแก้คำสาปให้ได้’

‘จะแก้คำสาปอย่างไร?’

หัวของเขาเต็มไปด้วยเลือด ลูเซียนค่อยๆ คิด สัมผัสได้ถึงพลังคำสาปที่พุ่งขึ้นมาจากลำคอถึงส่วนหัว

“ข้าขอประกาศว่าข้าเกลียดเจ้าที่สุดยิ่งกว่าพวกนักเวท! พลังโลหิตกลายพันธุ์ของเจ้าน่ารังเกียจยิ่งกว่า!’ พรีมัสเดือดดาลหนักยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้กระทบต่อพลังของเขาแต่อย่างใด แต่ยิ่งทำให้เขากระหายเลือดและคลุ้มคลั่งมากยิ่งขึ้น

ความหน้าเลือดและพลังโลหิตอันยุ่งเหยิงไม่ได้ทำให้พรีมัสสูญเสียการตัดสินใจพื้นฐาน เขายังระดมโจมตีอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วและความปราดเปรียว ถือไพ่เหนือนาตาชาที่ต้องปกป้องลูเซียนไปด้วย และพละกำลังและความคล่องแคล่วของนางก็กำลังจะหมดลง

เมื่อเลือดสีแดงหยดลงพื้น ลูเซียนรู้สึกว่าเขาได้ยินเสียงชีวิตของนาตาชากำลังนับถอยหลัง เขาถูกครอบงำด้วยความสิ้นหวังและความเกลียดตัวเอง

อย่างไรก็ตาม สำหรับลูเซียน สิ่งที่มาพร้อมกับความสิ้นหวังกลับไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เป็นความดื้อด้านที่เป็นเหมือนเงื่อนไขการสะท้อนกลับ พลังวิญญาณแห่งการไม่ยอมจำนนหลอมลวงเข้ากับวิญญาณของเขาตั้งแต่เขาบรรเลงเพลง ‘ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’

ความกังวล ความสิ้นหวัง ความรังเกียจตัวเอง และความรู้สึกอื่นๆ ทั้งหมดมลายหายไป แม้สมองของลูเซียนยังคงมึนงงและเฉื่อยชา เนื่องจาก ‘พิษเมา’ แต่สมองก็เรียกความสามารถในการคิดกลับมาได้บางส่วน หลังจากอารมณ์อคติหมดไป

‘พลังคำสาปส่งผลต่อร่างกายและวิญญาณ เนื่องจากผลกระทบต่อสมอง…’

‘หลังจากหลอมเข้าร่างกาย ก็มีพลังส่งไม่หยุด คำสาปจะเข้าสู่หัวของข้าโดยมีคอเป็นสะพาน… พลังวิญญาณของข้าจะถูกกดในไม่ช้า ก่อนที่จะเข้าสู่ ‘ฝันเมามาย’… บางทีนั่นคือสาเหตุที่พรีมัสบอกว่ายิ่งนาน คำสาปยิ่งออกฤทธิ์แรงยิ่งขึ้น…’

ขณะพยายามวิเคราะห์กระบวนการทำงานของคำสาป ลูเซียนก็ยังหาทางแก้ไม่ได้ เพราะการถอนคำสาปต้องอาศัยเวทมนตร์ และเขาไม่อาจใช้เวทมนตร์ได้ในตอนนี้ที่ถูกคำสาปกดอยู่ จนตอนนี้เขาอยู่ในสภาวะสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

‘มีวิธีอื่นไหม?’ ลูเซียนตรวจสภาพร่างกายและรู้ตัวว่ามีเพียงมือซ้ายเท่านั้นที่มีพลังกำลังเหลืออยู่

‘มือซ้าย?’

‘ไม่โดนอยู่คำสาป!’

จู่ๆ ตาดำของลูเซียนถลึงออกมา

จังหวะนั้นเอง นาตาชาก็ถูกพรีมัสซัดกระเด็นไปชนผนังด้วยเสียงดังสนั่น แต่ห้องเก็บเสียงห้องนี้ได้รับการป้องกันจากวงพลังอาคมเทพ ทำให้ขุนนางคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านนอกไม่ได้ยินเสียงอะไร

นาตาชาไถลตัวลงตามกำแพง นางยันตัวกับพื้นด้วยมือซ้ายและพยายามยืนขึ้นมาอีกครั้ง แต่ข้อมือของนางก็หมดเรี่ยวแรง แล้วนางก็ล้มพับลงอย่างหมดหวัง

แต่นาตาชายังไม่ยอมแพ้ นางยังคงพยายาม แม้พรีมัสจะเดินเข้ามาใกล้ นางก็ไม่ยอมหยุดความดื้อด้านของนาง หากนางต้องจบชีวิตลงจริงๆ นางก็จะพยายามอีกครั้งก่อนจนกว่าตาของนางจะปิดลงจริงๆ!

“ว้าว ยืนขึ้นมาสิ! ทำไมเจ้าไม่ยืนขึ้นมาล่ะ! ดูสิ เจ้าจะยืนขึ้นมาอีกครั้งได้ไหม!” พรีมัสตะโกนอย่างบ้าคลั่งอย่างกับคนบ้า เยาะเย้ยความพยายามที่ไร้ค่าของนาตาชา

แล้วเขาก็หันกลับไปมองลูเซียน และค้อมศีรษะลงพร้อมวางมือซ้ายทาบอก “เจ้าสองคนไปลงนรกได้แล้ว!”

หลังจากนั้น เขาก็คว้ากริชทั้งสองเล่มขึ้นมาและพุ่งเข้าใส่หัวของลูเซียนและนาตาชาพร้อมกัน

ลูเซียนยกมือซ้ายที่สั่นเทิ้มของเขาขึ้นมา แต่กริชก็พุ่งมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ทุกอย่างดูเหมือนจะถึงจุดจบ

จังหวะนั้นเอง เงาของนาตาชาก็ปรากฏอยู่ด้านหน้าลูเซียนอีกครั้ง บาดแผลบนตัวของนางน่าสยดสยองมาก เท้าของนางยืนได้ไม่มั่นคง แต่ดูเหมือนด้วยพลังจิตบางอย่างทำให้นางยืนขึ้นได้อีกครั้ง และช่วยให้นางปัดป้องกริชของพรีมัสด้วยดาบยุติธรรมจืดจาง

ผมยาวสลวยสีม่วงที่มัดไว้ของนาตาชาปลิดปลิว ผมสลายออกไปด้านหลังของนางเหมือนกับเกลียวคลื่นและปิดใบหน้าที่เปื้อนเลือดของนาง จนทำให้นางมองไม่เห็นอะไร

ภาพที่เห็นทำให้ลูเซียนประทับใจอย่างมาก แต่เขาก็ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่นมากนัก เขากำหมัดซ้ายแน่น

พรีมัสคำรามเสียงดังด้วยความฉุนเฉียว “เจ้ายังยืนได้อีก!”

“ข้าจะไม่ล้มจนกว่าร่างจะแตกเป็นเสี่ยง!” นาตาชาดูเหมือนกำลังตะโกนออกมาด้วยวิญญาณของนาง แต่พละกำลังของนางก็ลดลงอย่างหนัก จนพลังโลหิตกลายพันธุ์ของนางก็ไม่อาจสร้างพลังทดแทนได้ และนางก็เริ่มยกดาบยุติธรรมจืดจางไม่ขึ้น

ในตอนนั้น สายตาของพรีมัสเบิกโพลง ขณะที่เขาเห็นลูเซียนแบมือซ้ายและจ้วงแทงเข้าไปที่คอของตัวเองอยู่ด้านหลังของนาตาชา เลือดของเขาทะลักออกมาและกระจายไปทั่วหลังของนาตาชา

‘เขาฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ?’

ความเจ็บปวดเหนือจินตนาการไปตามเส้นประสาททำเอาลูเซียนดิ้นทุรนทุรายไปมาบนพื้น แต่โชคดีที่เขาไม่มีพละกำลังพอที่จะฆ่าตัวตาย

เมื่อสกัดกั้นความเจ็บและไม่ได้ควานหาอะไรเป็นพิเศษ ลูเซียนกำมือขยับไปมาราวกับพยายามบิดอะไรบางอย่าง พลังของคำสาปที่กำลังหลั่งไหลเข้าสู่สมองของเขาก็สลายไปในจังหวะที่คำสาปปะทะเข้ากับพลังของดวงจันทร์สีเงินและสิ่งมีชีวิตปริศนาจากโลกแห่งวิญญาณ

พลัง ‘จุมพิตหม่นหมอง’ เป็นพลังระดับเก้าในตัวเอง แต่พลังพิษเป็นพลังที่แตกย่อยออกมา พลังที่เหลือของคำสาปไม่อาจต้านทาน ‘หัตถ์ซ้ายพระเจ้า’ ได้แน่นอน

มวลอากาศสีดำผุดขึ้นรอบคอของลูเซียนเหมือนกับงู และสลายไปในอากาศ

ระบบประสาทส่วนกลางของเขาเสียหาย ลูเซียนไม่รู้สึกถึงอวัยวะส่วนต่างๆ ตั้งแต่คอลงไป แต่สำหรับนักเวท ตราบใดที่สมองและวิญญาณยังคงอยู่ ทุกอย่างก็ยังคงอยู่!

พลังวิญญาณของเขาพลุ่งพล่านราวกับพายุทอร์นาโดในมหาสมุทร พลังคำสาปเมื่อสูญเสียพลังเสริมก็ถูกต้อนจนมุมและกำลังจะสลายไป

‘มือซ้ายของมันมีบางอย่างผิดปกติ!’

พรีมัสเริ่มกังวลเมื่อเขาเห็นมวลอากาศสีดำสลายไป ไม่มีเวลาเหลือให้จัดการนาตาชา เขาพยายามจัดการปัญหากับนักเวทเป็นคนแรก

อย่างไรก็ตาม เขาเองก็ไม่อยากยุ่งยากมากไปกว่านี้ นักเวทระดับหกหรือเจ็ดไม่มีปัญหาหลุดออกจากพรมแดนอำนาจจิตกึ่งภาพมายาด้วยตัวเองอยู่แล้ว!

แต่ตอนนั้นเอง เขาก็เห็นลูเซียนยื่นมือซ้ายออกมาและพูดด้วยสำเนียงที่ฟังแปร่งๆ ที่ฟังดูไม่เหมือนภาษามนุษย์แม้แต่น้อย ‘เวทจองจำวิญญาณ!’

อย่างไรก็ตาม หอกนั้นทรงพลังมากจนแทงทะลุร่างของนาง แม้จะมีดาบยาวขวางอยู่ แต่เลือดอุ่นๆ ของนางสาดกระเซ็นลงมาท้อง หน้าอก และหน้าของลูเซียน

“นาตาชา…” ลูเซียนร้องออกไปตามสัญชาตญาณ

หน้าของนาตาชาแดงก่ำผิดปกติ บาดแผลที่ท้องของนางไม่อาจเยียวยาเนื่องจากพลังพิษ นางเสียเลือดจำนวนมาก เท้าของนางสั่นเทิ้มอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่านางแทบจะยืนทรงตัวอยู่ไม่ไหว แต่เสียงของนางยังคงหนักแน่นเหมือนเดิม “อัศวินไม่เคยหลบอยู่ข้างหลัง”

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท