บทที่ 586 แผนการ
ลูเซียนเกือบลืมเรื่องคนแคระไปเสียแล้ว พอนาตาชาถามขึ้นมา เขาจึงนึกเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก่อนจะตอบออกมาพร้อมรอยยิ้มและวางจานคาเวียร์ไว้ข้างตัว “ข้ายังไม่ได้เล่าเรื่องการผจญภัยในมิติภูเขารัตติกาลให้ฟังสินะ?”
“ใช่สิ เจ้าร้ายมาก เจ้าเพิ่มชั้นป้องกันภายนอกแกนระบบป้องกันของเคานต์แวมไพร์ จนมัน ‘แข็งแกร่ง’ ยิ่งกว่าเดิม!” นาตาชายังนึกขำถึงเรื่องนี้ไม่หาย ส่วนลูเซียนกลับหัวเสียกับเรื่องนี้ไม่เบา แต่นางกลับชอบ!
ลูเซียนค่อนข้างพอใจกับปฏิกิริยาของเขาในตอนนั้นเหมือนกัน “ตอนนั้น เพื่อหลอกให้คนแคระยอมกลับมา ข้าต้องเล่นละครเป็นพระเจ้าแห่งไอน้ำของพวกเขา หลังจากพวกเขาเข้าใจผิดว่าเข้าเป็นพระเจ้า ข้าถึงขนาด ‘แสดง’ แอตแลนติส อาณาจักรพระเจ้าจำลองให้พวกเข้าดู ภายในแอตแลนติส เต็มไปด้วยจินตนาการของข้าเกี่ยวกับอนาคตของอุตสาหกรรมแร่แปรธาตุ ฮ่า ๆ ตอนนั้นนะ ข้าคิดไปถึงระเบิดแร่แปรธาตุที่ดูเหมือนดวงอาทิตย์ขึ้นที่สร้างขึ้นจากการพัฒนาธาตุและการเล่นแร่แปรธาตุ แล้วเจ้ารู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นต่อมา ความจริงเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าจินตนาการเสมอ ก็ตอนนี้เราถึงมีเวท ‘เปลวไฟนิรันดร์’”
ณ ตอนนี้ที่ทั้งคู่กำลังสนทนากันถึงเรื่องคนแคระ ลูเซียนก็อธิบายให้นางฟังคร่าว ๆ ถึง ‘แอตแลนติส’
ตอนแรกนาตาชาก็ประหลาดใจกับคำตอบของลูเซียน แต่แล้วนางก็ถึงกับหัวเราะงอหายจนถึงกับฟุบหน้าลงกับโต๊ะ “ข้ากำลังสงสัยเลยว่าพวกคนแคระบูชาอะไรกัน กลายเป็นพวกเขาบูชาระเบิดแร่แปรธาตุ ฮ่า ๆ ตลกเสียไม่มี! ข้าไม่เคยเห็นศาสนาที่ตลกแบบนี้มาก่อน!”
พวกเขาแค่เป็นกลุ่มผู้ศรัทธาในระเบิดนิวเคลียร์ ลูเซียนเคยเห็นคนกลุ่มนี้มามากรนักต่อนักในอดีตตอนที่เล่นเกม ลูเซียนยิ้มให้นาตาชา ขณะที่นางหัวเราะเสียงดังลั่น
นาตาชาพยายามตั้งสติ ก่อนพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะ “ตามข้อมูลจากหน่วยข่าวกรอง คนแคระพวกนั้นอุทิศชีวิตบูชาแร่เงิน … ฮ่า ๆ ระเบิดที่สร้างจากเหล็กสีเงิน ตั้งแต่ ‘เปลวไฟนิรันดร์’ ที่ผ่านมา ร่ำร้องหาความเมตตาจากพระเจ้า การมาถึงของแอตแลนติสต่าง ๆ นานา พวกหน่วยข่าวกรองพยายามควานหาตัวคนใช้ ‘เปลวไฟนิรันดร์’ เพราะพวกเขาเชื่อว่าคน ๆ นั้นต้องเป็นเทวทูตและนักบุญของพระเจ้าแห่งไอน้ำ”
“ถ้าพวกเขารู้ว่านั้นเป็นเวทมนตร์ที่ข้าสร้างขึ้น ข้าคงถูกลดชั้นจากพระเจ้าแห่งไอน้ำเป็นคนธรรมดาแน่ๆ” ลูเซียนส่ายหัว แล้วเขาก็มีความคิดแปลก ๆ ผุดขึ้นมา ถ้าพวกคนแคระพัฒนาลัทธิและพิธีกรรมให้ไร้ที่ติ พลังแห่งศรัทธานั้นจะผ่านมายังเขาไหม? หรือมันจะพุ่งรวบรวมไปยังระเบิดนิวเคลียร์?
ลูเซียนยังไม่อยากกลายเป็นพระเจ้า เขาได้บทเรียนอันล้ำค่ามาจากแอล อย่างไรเสีย เขาก็ปรารถนาจะศึกษาการรวบรวมพลังแห่งศรัทธามาเสมอ หากพระเจ้าถูกเปิดเผยตัวตน ปริศนาอันลึกลับของโลกก็จะถูกเปิดเผยเช่นกัน
หลังจากสนทนากันถึงการชักนำความเชื่อของคนแคระแล้ว นาตาชาก็เช็ดปากด้วยผ้าเช็ดปาก “ข้าจะจัดสรรอารามหลวงให้กับศาลาว่าการที่ภักดีให้เป็นสถานที่ตั้งโรงเรียนสามัญ”
หลังจากศาสนจักรฝ่ายใต้อพยพออกไป จำนวนผู้ศรัทธาก็ลดลงมาก ในการควบคุมกลุ่มผู้ศรัทธา นาตาชาได้ยึดอารามหลวงและอสังหาริมทรัพย์ของศาสนจักรบางส่วน ซึ่งเข้ามาสู่ท้องพระคลังของราชินี นางจึงอนุมัติแผนของลูเซียนโดยไม่ลังเล นางใช้ทรัพย์สินส่วนตัวและไม่ต้องขออนุมัติจากรัฐสภาขุนนาง
“หลังจากสร้างโรงเรียน เจ้ากับสภาคงสร้างคนเก่ง ๆ ออกมาคนแล้วคนเล่า ข้าเชื่อว่าราชวงศ์ก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น” ลูเซียนตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
นาตาชาวางผ้าเช็ดปากลงและมองหน้าลูเซียน “นี่มันแผนของเจ้า และข้าสนับสนุนเจ้าเต็มที่ อีกอย่างนะ ข้าเชื่อเจ้าสนิทใจ”
ลูเซียนพยักหน้าด้วยท่าทีขรึม “ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และสังคมยังดักดานไร้การพัฒนาเหมือนที่ผ่านมา แล้วเราจะมีความสุขกับความสำเร็จได้ยังไง? จะมีประโยชน์อะไรกับการเป็นหัวหน้าฝูงควาย? จอมเวทตัวจริงควรช่วยให้สังคมก้าวหน้าและสร้างความสะดวกด้วยสิ่งประดิษฐ์จากการเล่นแร่แปรธาตุ นั่นถึงจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของจอมเวท…”
เมื่อได้ยินคำพูดที่จับใจของลูเซียน นาตาชาก็เงียบลงและมีท่าทีดูมุ่งมั่น เขาดูมีเสน่ห์มากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลังจากลูเซียนพูดจบ นาตาชาก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มสดใส “ถูกแล้ว การเป็นราชินีในประเทศยากจนด้อยพัฒนาที่คนส่วนใหญ่ไม่แม้แต่จะเขียนหนังสือได้คงไม่น่าอภิรมย์เท่ากับการเห็นประเทศเจริญรุ่งเรือง”
ลูเซียนมองลีโอและสาวใช้สองคนที่กำลังทำงานอยู่ใกล้ ๆ แล้วก็ลุกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม “มาดูภาพของแอตแลนติสกันเถอะ”
นาตาชาถึงกับตะลึงงันในตอนแรก แล้วนางก็ตระหนักว่าลูเซียนมีอะไรอยากจะบอก นางจึงหยิบหมวกขึ้นมาและเดินตามลูเซียนไปยังห้องนั่งเล่นอย่างไม่รีบร้อน
หลังจากลูเซียนเปิดวงเวทอิสระ นางก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มีอะไร?”
“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าไม่ได้ ‘โกรธ’ ที่ข้าไม่ได้บอกเรื่องที่ข้าพัฒนาขึ้นชั้นตำนานใช่ไหม?” ลูเซียนมองนาตาชาพร้อมกับรอยยิ้ม
นาตาชาหน้าแดงราวกับว่านางเพิ่งนึกอะไรออก แล้วนางก็กระแอมและคิดอย่างรวดเร็ว “เจ้าวางแผนจะปกปิดความจริงว่าเจ้าเป็นระดับชั้นตำนานแล้ว เพื่อต่อกรกับพวกพลังชั้นตำนานที่ศาสนจักรอาจส่งมาฆ่าเจ้าใช่ไหม?”
ลูเซียนยกนิ้วโป้งขึ้น นาตาชามีวิสัยทัศน์ไกลเสมอ “ใช่ เราต้องกำจัดพวกพลังชั้นตำนานของศาสนจักรให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ถ้าข้าประกาศให้ทุกคนรู้ พวกมันคงไม่กล้าลงมือ แล้วก็อาจมีนักเวทชั้นตำนานถูกสังหาร อีกอย่างนะ เงาของคริโตเนียก็อาจทำให้เจ้าไม่เป็นสุข ข้าคิดว่านี่เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”
เมื่อเห็นว่าลูเซียนทำแบบนี้ก็เพราะต้องการช่วยนางรับมือกับคริโตเนีย นาตาชาก็อยากจะปฏิเสธ แต่นางก็ล้มเลิกความคิดของนางหลังจากเห็นความมุ่งมั่นของลูเซียน นางก็ยิ้ม “ปัญหาก็คือ เจ้าวางแผนลอบสังหารคนอื่นได้เสมอ แต่เราไม่อาจรับมือกับการลอบสังหารได้ตลอดไป”
“เพราะฉะนั้น เราถึงต้องล่อพวกมันมาทั้งหมด” ลูเซียนตอบโดยไม่ลังเล ตราบใดที่ศัตรูประเมินความแข็งแกร่งของเขาผิดไป เขาก็จะสามารถต่อกรถ่วงเวลาศัตรูไว้จนกว่าท่านประธาน อาจารย์ของเขา และแฮทธาเวย์มาช่วย
นาตาชาเกาคาง “คริโตเนียกับมือสังหารของศาสนจักรคงไม่โดนหลอกง่าย ๆ พวกเขาประสบการณ์สูง พวกเขาจะพบจุดอ่อนของเราและใช้ประโยชน์ หากเราเดินเกมพลาด”
“ใช่ เราไม่อาจไปไหนมาไหนได้สะดวก ต้องมีเหตุที่สมเหตุสมผลโต้แย้งไม่ได้” ลูเซียนขมวดคิ้วตอบ
นาตาชาเริ่มคิดหาวิธีสร้าง ‘โอกาส’ เช่นกัน ทันใดนั้นเอง ดวงตาของนางก็เป็นประกายแล้วนางก็ปรบมือขึ้น “แต่งงาน! งานแต่งของเรา! ถ้าให้ท่านย่าแฮทธาเวย์กับเจ้าแห่งวายุเป็นประธาน งานแต่งของเราจะมีคนมามากมายและวุ่นวาย ทำให้มือสังหารมีโอกาส”
“ทุกคนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะจัดงานแต่งตอนที่สถานการณ์เป็นปกติแล้ว” ลูเซียนพยักหน้าเห็นด้วย
นาตาชาพูดต่อ “เรายังไปได้อีกขั้นหนึ่ง สมมติถ้าเจ้าเป็นมหาจอมเวท และข้าเป็นราชินี งานแต่งของเราก็เสมอภาคกัน เราจัดงานแต่งที่ปราสาทเนคโซ และอีกงานที่อัลลิน หรือไม่เจ้าก็มารับข้า ท่านพ่อ ป้าคามิล กับสมาชิกราชวงศ์คนอื่น ๆ ที่ปราสาทเนคโซไปอัลลิน ถ้าแบบนั้น ท่านย่าแฮทธาเวย์จะช่วยคนเดียวที่ดูแลเราระหว่างทาง ก็จะเปิดโอกาสให้ลอบสังหาร”
งานแต่งทั่วไปมักจะจัดขึ้นในโบสถ์ แต่เนื่องจากลูเซียนเป็นนักเวท โบสถ์จึงไม่เหมาะอีกต่อไป
“ถ้าศาสนจักชิงลงมือ ก็น่าจะเป็นเพลิงต้นกำเนิดหรือหนึ่งในมืออันดับต้น ๆ ของคณะไต่สวน ตามบันทึกแล้ว พวกเขาทุกคนล้วนใจกล้าและรอบคอบ ปัญหาเดียวก็คือคริโตเนียจะร่วมมือกับพวกเขาไหม ถ้าไม่ พวกเขาจะใช้กำลังจากไหนมาป่วนท่านย่าแฮทธาเวย์? เราต้องวางแผนไว้สองแผน” ลูเซียนตอบอย่างเร็ว ทั้งสองคนเริ่มวางกรอบแผนงาน หลังจากหารือกัน
ในที่สุด นาตาชาก็ถามขึ้น “เจ้าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะประทับเวทมนตร์ชั้นตำนานที่เหลือสองบทในดวงจิตของเจ้า?”
“อย่างน้อยครึ่งปี อย่างมากก็แปดเดือน” ลูเซียนประเมินเวลา
นาตาชาพยักหน้าและยิ้ม “แล้วเราจะจัดงานแต่งในวันที่ 10 เมษายน ปีหน้า วันที่เราแยกจากกันเป็นครั้งแรก ข้าจะปล่อยข่าวก่อน เวลาพอไหม?”
“พอนะ” ลูเซียนเชื่อว่าเวลาขนาดนี้เพียงพอที่เขาจะสร้างอุปกรณ์ชั้นตำนานของเขาขึ้นมา แต่ปัญหาก็คือเขายังไม่มีวัตถุดิบล้ำค่ามากพอ
ราวกับนางเดาความคิดของลูเซียนถูก นาตาชาหัวเราะหึ ๆ ก่อนตอบ “งั้นเราก็ได้วันแต่งงานแล้ว และเจ้าเป็นคู่หมั้ของข้า ท้องพระคลังของราชวงศ์ก็พร้อมเปิดให้เจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะเจอวัตถุดิบล้ำค่าที่เจ้าต้องการ ถ้าไม่เจอ เจ้าก็เอาสมบัติภายในท้องพระคลังไปแลกกับนักเวทชั้นตำนานคนอื่น ไม่ว่าจะท่านย่าแฮทธาเวย์ หรือเจ้าแห่งวายุ”
แม้แต่ราชวงศ์แห่งโฮล์มที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี ก็คงมีวัตถุดิบชั้นตำนานไม่เกินห้าชิ้น
“เรื่องนั้น…” สมบัติเหล่านั้นล้ำค่าจนแม้แต่คนเห็นแก่เงินอย่างลูเซียนยังลังเล อย่างไรเสีย หลังจากเห็นสายตาที่หนักแน่นและกรุ่มกริ่มของนาตาชา เขาก็ปล่อยผ่านไปและตอบพร้อมกับรอยยิ้มในทันที “ตกลง”
หลังจากตกลงเรื่องนี้กันได้ ลูเซียนก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติและเกาหัวแกรก ๆ “พูดก็พูดเถอะ เราตกลงเรื่องงานแต่งกันแล้ว? แล้วมีใครขอแต่งงานหรือยัง?”
นี่เป็นเรื่องปกติตรงไหน?
นาตาชาตะลึงเล็ก ๆ “อะไรนะ เจ้าอยากให้ข้าขอเจ้าแต่งงานงั้นรึ?”
หลังจากพูดออกไป ทั้งนางและลูเซียนก็ขบขัน ทั้งสองมีประสบการณ์ บุคลิกภาพ และความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใคร แล้วทำไมทั้งสองต้องเดินตามความปกติ?
นาตาชายื่นมือขวาออกมาคว้ามือซ้ายของลูเซียน ก่อนที่นางจะประกาศเสียงแผ่วเบา
“ถ้าพวกเขากล้ามา เลือดของพวกพลังชั้นตำนานจะย้อมแดงให้พรมงานแต่งของเรา!”
“นี่จะกลายเป็นงานวิวาห์ที่ไม่มีใครลืม” ลูเซียนตอบเห็นด้วยพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วเขาก็เตือนนาง “เจ้าต้องระวังตัวให้มากถึงมากที่สุดในหลายเดือนต่อจากนี้”
…
ทั้งสองใช้เวลาช่วงบ่ายในหอคอยเวทมนตร์ ตกกลางคืน ขณะที่ลูเซียนกำลังจะพานาตาชาไปยังสถานีวิทยุสกายเป็นการเยือนแบบลับ ๆ จู่ ๆ เขาก็ได้รับข้อความจากซาแมนธา “เราพบช่องแปลก ๆ ดูเหมือนเป็นสถานีวิทยุที่ศาสนจักรเพิ่งตั้งขึ้นมา”
“จริงรึ? เดี๋ยวข้าจะแวะไปที่นั่น” ลูเซียนกับนาตาชามองหน้ากัน ทั้งสองต่างสังเกตเห็นความสงสัยในดวงตาของอีกฝ่าย
…………………………………………………………….