บทที่ 590 ความหวังของขุนนางสามัญ
เด็กชายโฮลค์กำลังดื่มสกายบลูใส่น้ำแข็ง แต่แล้วก็ถึงกับต้องอาเจียนออกมา หมดสภาพมารยาทผู้ดี หลังได้ยินคำตอบของลูเซียน ไวเคานต์เทรนน่าและขุนนางคนอื่น ๆ ต่างพากันนิ่งเงียบมองลูเซียนด้วยความฉงนสงสัย และซุบซิบกันอยู่เงียบ ๆ
คาลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว นางกำลังจะพูดว่า ‘ช่างบังเอิญจริง ๆ ที่ท่านก็ชื่อลูเซียน อีวานส์’ แต่ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว นางอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก
แม้จะไม่เจอเห็นท่านลูเซียน อีวานส์ หรือภาพเขียนของเขามาก่อน แต่กลุ่มขุนนางที่เข้าข้างสภาเวทมนตร์เคยบรรยายถึงรูปร่างหน้าตาของมหาจอมเวทคนนี้ให้กับบรรดาขุนนางได้ฟัง เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผมดำ ตาดำ รูปร่างสันทัด และมีกิริยามารยาทงดงามไร้ที่ติ
แต่เนื่องจากมีชายหนุ่มมากมายที่มีคุณสมบัติตรงตามคำบรรยายนี้ คาลี่จึงไม่ได้เฉลียวใจตอนที่นางเพิ่งพบเขา แต่หลังจากเขาแนะนำตัวเอง ดูเหมือนคำบรรยายนั้นจะสอดคล้องตรงกับลูเซียน อีวานส์ ตัวจริงทุกอย่าง ทั้งผมสีดำ ตาสีดำ และความเป็นสุภาพบุรุษ!
คาลี่ประสานมือทั้งสองข้างของนางและถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ท่านคือมหาจอมเวทเจ้าแห่งลำดับธาตุเหรอคะ?”
คนทั่วไปยังไม่มีใครรู้จักชื่อตำแหน่งระดับชั้นตำนาน ‘ผู้บัญชาอะตอม’ ของลูเซียน คาลี่จึงถามเขาด้วยสมญานาม ‘เจ้าแห่งลำดับธาตุ’ เหมือนที่คนรู้จักดักลาสในนาม ‘จักรพรรดิแห่งอาร์คานา’
“ข้าไม่คิดว่าจะมีใครปลอมตัวเป็นข้าหรอกนะ” ลูเซียนตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
“จริงเหรอเนี่ย?” ไม่ทันได้เช็ดปากตัวเอง โฮลค์มองลูเซียนด้วยดวงตาเป็นประกายที่ทำให้ลูเซียนนึกถึงอัลเฟอร์ริส มังกรคริสตัลตัวน้อย
ลูเซียนพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม แต่ก็ไม่พยายามแสดงหลักฐานอะไรให้เห็น เขาตั้งใจที่จะไม่ปกปิดตัวตน ถ้ามีคนสงสัย เขาก็จะพิสูจน์ได้ด้วยเวทมนตร์เล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร ถ้าคนพวกนี้ไม่เชื่อ
คาลี่ยังไม่คลายสงสัย แต่บิดาของนางก็พูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มสดใส “ท่านมหาจอมเวท ท่านคือสัจธรรมแห่งธาตุและเสาหลักแห่งการควบคุมกาลและอวกาศ ขอสดุดีการเปลี่ยนแปลงที่นำมาสู่ชีวิตพวกเรา เราเคยอยู่กันอย่างป่าเถื่อนและไร้อารยธรรมก่อนจะมาถึงตอนนี้”
เขาเป็นเจ้าแห่งลำดับธาตุจริง ๆ เหรอ? คาลี่ส่งสายตาตั้งคำถามไปยังบิดาของนาง เท่าที่นางนึกได้ พ่อก็ไม่เคยเจออีวานส์มาก่อน ไม่งั้น ทำไมพ่อเพิ่งมานึกออกตอนนี้
เทรนน่าลอบพยักหน้าให้บุตรสาว พวกเขารู้ข้อมูลมากกว่าโฮลค์และคาลี่ โดยรู้มาก่อนว่ามหาจอมเวทเจ้าแห่งลำดับธาตุมาจากเขตชุมชนแออัดในอัลโต้ และครอบครัวเวสลีย์ก็มาจากสลัมในอัลโต้เหมือนกัน…
หลังจากเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ เข้ากัน พวกเขาก็ยืนยันตัวตนของลูเซียนได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็เห็นแหวนสองวงบนมือขวาของลูเซียน ทั้งสองวงต้องเป็นแหวน ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ที่เลื่องชื่อแน่ ๆ
“ข้าเพียงช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าขอรับ จริง ๆ แล้ว การเปลี่ยนแปลงสังคมเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว เมื่ออาร์คานาพัฒนาขึ้น” ลูเซียนตอบออกมาจากใจจริง (โดยเฉพาะเมื่อสภาเวทมนตร์ต้องการเสียงสนับสนุนจากขุนนางและสาธารณชนเพื่อต่อต้านศาสนจักร)
โฮลค์ยิ่งตื่นเต้นหนักขึ้น หลังผู้ใหญ่ยืนยันตัวตนของคนแปลกหน้าผู้นี้ เขาเกาหัวแกรก ๆ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา จนในที่สุด เมื่อถูกคาลี่ผลัก เขาก็รีบวิ่งไปที่โต๊ะ หยิบปากกาและกระดาษมา “ท่านมหาจอมเวท ข้าขอลายเซ็นได้ไหมขอรับ? ข้าอยากได้กำลังใจเรียนเวทมนตร์!”
ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา จากความโด่งดังของละครโอเปร่า ชาวโฮล์มก็หันมาสนใจนักร้องนักแสดงฝีมือจัดจ้านมากขึ้น กระแสการมอบดอกไม้และแจกลายเซ็นก็เริ่มตามมา
ลูเซียนรับกระดาษมา และเขียนอะไรบางอย่างลงไปด้วยความรู้สึกขบขัน
ขณะที่เขียน ลูเซียนแอบบ่นถึงขีดจำกัดของยุคสมัย ถ้าเขาประดิษฐ์กล้องเวทมนตร์ขึ้นมา หรือถ้าใส่ฟังก์ชันลงไปในอุปกรณ์สื่อสารพกพาได้ โฮลค์คงไม่มานั่งขอลายเซ็น แต่จะพูดว่า “ท่านมหาจอมเวท ข้าขอเซลฟี่กับท่านได้ไหม?”
โฮลค์ไม่คิดว่าคนที่เขาคลั่งไคล้จะเต็มใจแจกลายเซ็นง่าย ๆ เขาถึงกับลิงโลดและขอบคุณลูเซียนไม่หยุด ตอนที่ลูเซียนส่งกระดาษกลับมาให้ คาลี่ก็จ้องมองกระดาษอย่างฉงนสงสัย
บนกระดาษมีตัวหนังสือยึกยือเขียนอยู่สองประโยค “ตั้งใจเรียน อนาคตก้าวไกล แด่โฮลค์”
“จาก ลูเซียน อีวานส์”
ฮะ? โฮลค์และคาลี่ต่างงงงวย รู้สึกว่าไวยากรณ์ประโยคนี้แปลก ๆ แต่เด็กชายก็ดีใจมากจนไม่ใส่ใจ ก่อนจะพับกระดาษเก็บลงในกระเป๋าเสื้อ
ไวเคานต์เทรนน่าก็ตื่นเต้นเช่นกัน แต่เขาก็รักษารอยยิ้มเป็นกันเองบนหน้า “โฮลค์ขอเรียนเวทมนตร์มาหลายปี แต่เราไม่กล้าออกนอกกรอบในตอนที่ยังมีพวกหัวรุนแรงอยู่ ตอนนี้ เราจะได้ส่งเขาไปเรียนเวทมนตร์ที่อัลลินเสียที ท่านมหาจอมเวทอีวานส์ ช่วยบอกเราทีเถิดว่าเขาควรเข้าสำนักไหน?”
สิ่งสำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด ก่อนหน้านี้ การเป็นนักเวทหมายถึงการสละสิทธิ์สืบทอดมรดก
“จริงเหรอท่านลุง?” โฮลค์ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีก เขามองลุงและพ่อ ก่อนจะกระโดดลิงโลด หลังจากได้รับคำตอบยืนยันหนักแน่น
ลูเซียนตอบง่าย ๆ “ขึ้นอยู่กับสาขาที่โฮลค์สนใจ”
“ธาตุ! การเล่นแร่แปรธาตุ!” โฮลค์ประกาศอย่างเด็ดเดี่ยว
“ถ้าเช่นนั้น ทั้งสำนักเวทมนตร์ดักลาสและสำนักเวทมนตร์อัลบอร์กก็เหมาะ” ลูเซียนรู้จักทั้งสองสำนึกนี้เป็นอย่างดีจากประสบการณ์การสอนที่ผ่านมา
คาลี่รวบรวมความกล้าและขอถามบ้าง “ท่านมหาจอมเวทอีวานส์ มันจะ… สายไปไหมคะ ถ้าจะเริ่มเรียนเวทมนตร์ตอนนี้? ข้าก็โตแล้ว… ถ้าอยากเรียนเวทมนตร์ ข้าควรเข้าสำนึกไหนคะ?”
“ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเรียนรู้ ตราบที่เจ้ามุ่งมั่นและมีทักษะพื้นฐาน แต่เวทมนตร์สายแพทย์จะต้องคลุกคลีกับซากศพ เจ้าต้องคิดให้ดี สำนักเวทมนตร์อัลลินช่ำชองการแพทย์ที่สุด” ลูเซียนตอบอย่างจริงใจ แล้วเขาก็เป็นฝ่ายถามบ้าง “ข้าได้ยินเจ้าพูดถึงสิ่งประดิษฐ์ ดูเหมือนเจ้าจะชอบมันมากนะ บอกข้าหน่อย มีสิ่งประดิษฐ์อะไรอีกบ้างที่เจ้าอยากได้? พูดได้เต็มที่เลยนะ ข้ากำลังหาแรงบันดาลใจ”
“ข้าอยากบินได้! ข้าอยากได้สิ่งประดิษฐ์ที่ทำให้คนธรรมดาบินได้!” โฮลค์อิจฉานักเวทและอัศวินอาภาที่สามารถบินได้มาตลอด
เอาล่ะ เครื่องบิน หรือคอปเตอร์ไม้ไผ่ของโดราเอมอนดีนะ? ลูเซียนยิ้มให้กับคนอื่น ๆ
คาลี่เตรียมใจรับมือกับซากศพอยู่แล้ว นางจึงไม่หวาดหวั่น อย่างไรเสีย นางกลัวว่าแม่ของนางอาจจะไม่รับได้มากกว่า นางจึงสนใจกับสิ่งประดิษฐ์การเล่นแร่แปรธาตุด้วยเช่นกัน “ข้าหวังว่าสักวันบันทึกแผ่นเสียงเวทมนตร์จะเป็นที่นิยม เราจะได้มีเพลิดเพลินกับเสียงเพลงในบ้านเราได้”
เทรนน่ายิ้ม “ข้าฝันว่าจะเข้าถึงยาที่ช่วยยืดอายุของเราได้ง่าย ๆ แต่…”
เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นง่าย ๆ
“รถไฟไอน้ำเวทมนตร์ก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากพอ พาหนะขนส่งอื่น ๆ ก็จำเป็นเหมือนกัน พวกขุนนางอย่างเราใช้รถม้าได้ แต่ชาวบ้านทั่วไปมีปัญหา” บารอนสตีเวนส์พูดขึ้น
ขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากันอยู่ เสียงฝีเท้าก้าวเร็ว ๆ ก็ดังสะเทือนเข้ามา อะลิซ่าโผล่มาตรงประตู แล้วพูดโพล่งขึ้นพร้อมกับตาแดงระเรื่อ “อีวานส์ จอห์นกลับมาแล้ว!”
หลังจากนางโทรศัพท์ องครักษ์ก็แจ้งว่าจอห์นกลับมาถึงแล้ว นางก็รออยู่หน้าประตูหลังจากโทรบอกข่าวโจแอล โชคดีที่จอห์นกลับมาบ้านเร็ว หลังจากผ่านมาไม่กี่นาที
จอห์นโผล่มาจากด้านหลังอะลิซ่า เขาดูค่อนข้างสูงและแข็งแรงอยู่ในชุดเกราะสีเงิน เขามองลูเซียน แล้วสืบเท้าเข้าไปหาด้วยความตื่นเต้น เขายกกำปั้นขวาขึ้น ราวกับเขากำลังจะต่อยบ่าลูเซียนเหมือนที่พวกเขาเคยทักทายกันในอดีต แต่เขาก็หยุดชะงักอยู่เพียงครึ่งทาง ตัวตนที่เปลี่ยนไปและการแยกจากกันหลายปีทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้นเป็นพิเศษ
ลูเซียนเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับรอยยิ้ม เขายกมือขวาขึ้นชกบ่าขวาของจอห์น “ไม่เจอกันนานนะ”
จอห์นยิ้มออกมาอย่างจริงใจและชกบ่าขวาของลูเซียนด้วยกำปั้นขวาเหมือนกัน “ดีใจที่เจ้ากลับมา”
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ประโยคสั้น ๆ ประโยคเดียวทะลายความเหินห่างระหว่างทั้งสองคน หลังจากแยกจากกันหลายปี
…
งานเลี้ยงเต้นรำเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ อะลิซ่าขอตัวออกมาตอนรับแขก ขณะที่ลูเซียน โจแอล และจอห์นยังอยู่ในห้องรับรองแขกต่อ เพื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ
“อีวานส์ เจ้าเป็นคนแนะนำสมาคมนักดนตรีให้รับลุงใช่ไหม?” โจแอลถามด้วยสภาพกรึ่ม ๆ ผมสีทองของเขาหงอกขาวเสียแล้ว
จอห์นยิ้มให้พ่อที่กำลังอิ่มเอมความสุข “พ่อ งานเลี้ยงเพิ่งเริ่ม แต่พ่อซดเหล้ารัมไปทั้งขวดแล้ว ไม่ไหวนะพ่อ”
“ข้า… ข้ามีความสุขที่อีวานส์น้อยกลับมา!” โจแอลพูดลิ้นแข็ง
ลูเซียนหัวเราะคิกคัก “ลุงโจแอล ข้าว่านี่แค่ข้ออ้างกินเหล้ามากกว่า ป้าอะลิซ่าคงเข้มงวดกับลุงมากสินะ”
“อีวานส์น้อย เจ้าไม่เข้าใจคำถาม” โจแอลพยายามเบี่ยงประเด็น
ลูเซียนส่ายหน้า “นาตาชารู้ว่าลุงเก่งมากพอที่จะสอน ‘บทเรียน’ ให้กับนักดนตรีเรนทาโต”
“ราชินีทรงตาแหลม” โจแอลภูมิใจในความก้าวหน้าทางดนตรีของตน
“ไอเวินไปไหนล่ะ?” ลูเซียนนึกถึงไอเวินขึ้นมาได้
โจแอลยิ้ม “ไอเวินไม่อยากร่วมงาน เลยไปที่บ้านนอกเมืองกับเพื่อน ๆ เขาปลุกพลังโลหิตไม่ได้ แต่เขาก็สนใจสิ่งประดิษฐ์มาก ๆ เขายังพอเรียนเวทมนตร์ได้ไหม?”
“ส่งไอเวินไปที่สำนักเวทมนตร์ดักลาส ให้ลองเรียนดู ข้าจะคุยกับพวกเขาเอง” แล้วลูเซียนก็พูดขึ้น “ตอนนี้ ข้าไม่มีเวลาสอนแล้วล่ะ วิธีการสอนของข้าก็ไม่เหมาะกับเขาด้วย”
“ข้ารู้ เพราะงี้เราถึงอยากส่งไอเวินไปโรงเรียนเวทมนตร์” จอห์นพูดเสริม
โจแอลมองหน้าจอห์น “ห่วงตัวเองก่อนจะห่วงไอเวินเถอะ เจ้าแก่กว่าอีวานส์แค่ปีเดียว เข้าไปในงานได้แล้ว ข้าจะอยู่กับอีวานส์เอง”
แม้ปกติจะเป็นคนสุขุม จอห์นก็หน้าแดงด้วยความเขินอาย และไม่รู้จะมีตอบอย่างไร
เห็นอย่างนั้น ลูเซียนก็พยายามเปลี่ยนบรรยากาศกระอักกระอ่วน เขาส่งกุญแจดอกหนึ่งให้โจแอล “ลุงโจแอล นี่เป็นกุญแจคฤหาสน์ของข้าที่อัลลิน ลุงมาพักได้เต็มที่เลย… นี่ที่อยู่หอคอยเวทมนตร์ของข้า…”
โจแอลพยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบอะไร
เมื่ออะลิซ่าเร่งเร้า จอห์นก็ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ลูเซียน ไว้คุยกันหลังงานเลี้ยงนะ”
“ไปได้แล้ว ข้าจะแต่งงานอยู่แล้ว แต่เจ้ากลับไม่มีเพื่อนหญิงสักคน” ลูเซียนพยักหน้าไปทางประตูพร้อมกับรอยยิ้ม
โจแอลตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มเปื้อนหน้า “ขอให้ราชินีกับเจ้ามีความสุขมาก ๆ นะ”
จอห์นเกิดความรู้สึกมากมายประดังประเด “ความทรงจำวัยเด็กเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่ทุกคนโตขึ้นและมีครอบครัวของตัวเองแล้วในชั่วพริบตา เวลามอบอนาคตให้แต่ละคนต่างกัน…”
ใช่ ความทรงจำบางอย่างในอัลโต้ยังแจ่มชัด ราวกับเพิ่งเกิดขึ้น แต่บางอย่างก็พร่ามัว ราวกับเป็นเรื่องของชาติก่อน เวลาช่างไม่แน่นอนเอาเสียเลย!
…
ปี 825 มาพร้อมกับสายลมหนาว
แอนนิคหอบวารสารอาร์คานา วารสารเวทมนตร์ และวารสารอื่น ๆ ในมือเดินเข้าบ้านอย่างครุ่นคิด “เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับพลังงาน วงโคจร และควอนไทเซชันของอิเล็กตรอนในการเล่นแร่แปรธาตุระบบใหม่ แต่ดูเหมือนยิ่งมีความผิดปกติเกิดขึ้น และฉีกกรอบความคิดเดิม”
“หรือเราควรจะหาวิธีอื่น? เจ้าลืมอะไรหรือเปล่า?” สปรินต์ก็กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดในห้องโถง
เมื่อเร็ว ๆ นี้ แม้แต่มหาจอมเวทและนักเวทชั้นอาวุโสก็กำลังตั้งข้อสงสัย ทุกคนปรับเปลี่ยนโมเดลระบบการเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อพบปัญหามากยิ่งขึ้น ทุกคนก็ยิ่งรู้สึกว่าการเล่นแร่แปรธาตุระบบใหม่เดินมาถึงทางตัน และต้องมองข้ามบางอย่างเพื่อมองหาทางออก
แอนนิคปิดประตูและมองไปยังหอคอยเวทมนตร์ของลูเซียน “ดูเหมือนอาจารย์ก็เจอปัญหาเหมือนกัน ท่านไม่ได้ตีพิมพ์บทความมาสองเดือนแล้ว”
………………………………………………………….
ตอนต่อไป