ภายในเมืองนิรนาม
‘มังกรฟ้า’ เมสัน และ เฟร็ด ‘อัศวินน้ำค้างแข็ง’ ค่อย ๆ บินร่อนลงตรงหน้าแมททิวที่เป็นที่รู้จักในนาม ‘ความพิโรธแห่งพสุธา’
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าทั้งคู่ตัดสินใจถูกแล้ว การที่พวกเจ้าตามข้าไปที่บ้านผู้ดูแลเมืองเพื่อรับโทษนั้นเป็นทางเลือกที่ฉลาดมาก” แมททิวกล่าวถากถางด้วยเสียงสูง
ตามปกติเสียงแบบนี้จะไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ตอนนี้มันค่อนข้างน่ารำคาญ ในขณะที่นักผจญภัยทั้งหลายในเมืองนิรนามอยู่ภายใต้ความกดดัน และความวิตกกังวลอย่างมาก น้ำเสียงเช่นนี้ฟังดูไม่น่าพอใจ และสามารถยั่วยุพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
เมสันกำหมัดแน่น เขาพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองอย่างมาก “ …แมททิว ข้าหวังว่าข้าจะสามารถผ่านการสอบสวนร่วมกันของเอลฟ์และนักเวทได้ก่อน แล้วจึงจะไปที่บ้าน ถ้าหากข้าคิดจะหนีเจ้าก็สามารถติดตามข้าได้ตลอดเวลา ฟังดูดีไหม”
ไม่มีทางที่อัศวินฝึกหัด หรืออัศวินที่ยศต่ำกว่าระดับสูงจะสามารถต่อรองกับผู้รักษาเมืองเช่นนี้ได้ แต่เมสันและเฟร็ดเป็นอัศวินอาภา ตราบใดที่พวกเขาเต็มใจที่จะรับการลงโทษ พวกเขาก็จะได้รับการยกเว้นอะไรบางอย่าง
เมสันพร้อมที่จะให้ความสำคัญกับท่าทีแปลกประหลาดของแมททิว และผู้คนของเขาเมื่อเขาต้องผ่านการสืบสวนของนักเวท และเอลฟ์ ด้วยวิธีนี้เองแม้ว่าแมททิวจะมีแผนอื่น แต่เขาก็จะไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้ เพราะพวกเขาจะถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิด
แต่อย่างไรก็ตามแมททิวก็ระเบิดเสียงหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา “ไม่ นั่นฟังดูไม่ดีเท่าไหร่สำหรับข้า เจ้ากำลังทำให้ข้าเสียเวลา! เจ้าเป็นอัศวินอาภา และข้าก็เช่นกัน! เวลาทุกวินาทีของข้ามีค่า เจ้าสองคนตามข้าไปที่บ้านตอนนี้ดีกว่า ไม่งั้นข้าจะไม่มีความเมตตาใดๆ อีก”
น้ำเสียงของเขาเย็นชา และนั่นคือคำเตือนครั้งสุดท้าย
เมสันและเฟร็ดแลกเปลี่ยนสัญญาณระหว่างกัน และเริ่มพูดคุยกันโดยใช้พลังโลหิตของมังกรฟ้า
“พวกเรามีเรื่องขัดแย้งกันระหว่างแมททิวหรือไม่?” เมสันถามอย่างสับสน เขาสงสัยว่าทำไมแมททิวต้องรุนแรงขนาดนี้ มีความเป็นไปได้สองอย่าง: อย่างหนึ่งคือก่อนหน้านี้พวกเขาทำให้แมททิวโกรธ หรือแมททิวจะมีแผนอื่น”
ดวงตาของเฟร็ดเป็นสีฟ้าน้ำแข็ง และตอนนี้ท่าทางพวกเขาดูจริงจังมาก “เปล่า พวกเราแทบไม่ได้คุยกับเขาเลย แสดงว่าต้องมีเหตุผลอะไรลึกซึ้งกว่านั้นที่ทำให้เขาแสดงพฤติกรรมแบบนี้ เราไปบ้านนั้นไม่ได้!”
ในฐานะอัศวินอาภาสัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าถ้าพวกเขาจะตามแมททิวไปที่บ้านผู้ดูแลเมือง พวกเขาจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก ความรู้สึกนี้เกาะกุมอยู่ในหัวใจของเขา และมันพร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลา
เมสันพยักหน้าเล็กน้อย และเขาหันไปมองที่ ‘ความพิโรธแห่งพสุธา’ “แมททิว เจ้าไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจ เราจำเป็นต้องเห็นเหล่าเอลฟ์ และนักเวทระดับสูงเหล่านั้น พวกเขาคือผู้ที่มีสิทธิ์จะตัดสิน!”
เขากล่าวเสียงดังและมั่นคง เขาพยายามทำให้นักผจญภัยทุกคนที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ยิน เช่นเดียวกับพวกเอลฟ์
เอลฟ์ที่ทำการปิดเมืองหันกลับมามอง แต่เมื่อพวกเขาพบว่าเป็นแมททิวที่กำลังทำธุระของเขาอยู่ พวกเขาเหล่านั้นทั้งหมดก็หันหลังกลับ
เมสันไม่สนใจและเดินต่อไป เขาคำรามเหมือนมังกร “เจ้ากล้าไปพบนักเวทกับพวกเราไหม!”
ตอนนี้สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว
จากนั้นเขาก็หันกลับ และเดินไปอีกด้านหนึ่งของเมืองตามด้วยเฟร็ด กล้ามเนื้อด้านหลังตื่นตัวเต็มที่
แมททิวหัวเราะเยาะ และพูดออกมาดัง ๆ ว่า “พวกนักเวทและเอลฟ์ระดับสูงเป็นผู้มอบหมายให้เราทำเรื่องนี้!”
ก่อนที่คำพูดของเขาจะจางหายไป พื้นที่เมสันและเฟร็ดยืนอยู่ก็เริ่มเคลื่อนไหว บ้าน และกระท่อมที่อยู่ตามถนนสั่นไหวราวกับจะพังลงได้ทุกเมื่อ
สัญชาตญาณของเมสันตอบสนองอย่างรวดเร็ว สายฟ้าฟาดขนาดใหญ่ถูกเรียกออกมา และเริ่มโจมตีไปที่ แมททิวอย่างดุเดือด
ภายในไม่กี่วินาทีร่างกายของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นสองเท่า ผิวหนังของเขาปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีฟ้า และมีสายฟ้าเล่นผ่าน
ดาบของเฟร็ดตัดผ่านสายลมออกไป และอุณหภูมิในเมืองเล็ก ๆ นี้ก็ลดลงฮวบฮาบ ท่ามกลางลมหนาวนี้ เกร็ดน้ำแข็งที่แหลมคมราวกับใบดาบก็หมุนรอบแมททิวท่ามกลางสายลมแรง
ระหว่างนี้ แสงจากดาบสีฟ้าก็ก่อตัวเป็นน้ำแข็งแหลม และทำให้บนพื้นมีชั้นน้ำแข็งหนาปรากฏอยู่
ในเวลานี้จุดที่แมททิวยืนอยู่ก็แยกออก และลาวาสีแดงแผดเผาก็พุ่งออกมา ด้วยอุณหภูมิที่รุนแรงนี้ทำให้เกิดน้ำค้างแข็ง และน้ำแข็ง ในขณะเดียวกันมือของแมททิวก็คว้าค้อนขนาดใหญ่สีน้ำตาลแกมเหลืองที่ได้รับพลังจากสายฟ้าเอาไว้
“เอลฟ์ และนักเวทย์ระดับสูง…พวกเขามาช่วยแมททิวหรือ?” เมสันรีบพูดกับเฟร็ดผ่านทางพลังโลหิตพิเศษ
เฟร็ดกระโดดขึ้นสูงและฟาดดาบลงมาอย่างแรง ทำให้น้ำแข็งหนาปรากฏขึ้นมาปิดกั้นทางลาวา
“แม้ว่าจะใช้ แต่ก็เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ เราต้องทำให้เรื่องนี้ใหญ่พอที่พวกเขาทุกคนจะรู้!”
ความคิดของเขาเด็ดขาดมากในฐานะอัศวินอาภา
เมื่อเขากำลังจะเริ่มโจมตีด้วยพายุ เขาก็รู้สึกว่าสนามรบเล็ก ๆ ของพวกเขาถูกแยกออกจากเมือง และเข้าไปในเงามืด
เสียงคำรามจองพายุและสายฟ้าทั้งหมดถูกปิดกั้นอยู่ในเงามืด ทำให้สิ่งเหล่านี้ไม่มีทางที่จะปรากฏออกไป และดึงดูดความสนใจของเอลฟ์และนักเวทได้
มันคือเงาบารอน! หัวใจของเมสันกระตุก เงาบารอนเป็นผู้ดูแลเมืองอีกคน เขามาเร็วขนาดนี้ได้ยังไง? จะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น!
ภายในเงา มีเงาร่างบางอย่างกระโดดไปมา เงาร่างนี้ควบคุมสกัดกั้นเฟร็ดได้ทั้งหมดเนื่องจากมันกระโดดไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว มันเร็วมากจนกระทั้งสามารถกระโดดออกมาจากเงาและโจมตีได้ตลอดเวลา
แมททิวลากค้อนอันหนักอึ้ง และกระโดดไปที่เมสัน “พวกเขากำลังจะมาเร็ว ๆ นี้ เลิกโง่ซะที! บทลงโทษไม่ได้จะฆ่าเจ้า!”
เขาพูดเพื่อทำให้เจตจำนงในการต่อสู้ของเมสัน และเฟร็ดอ่อนแอลง
จากคำพูดของแมททิวทำให้เมสันโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ และเขารู้ว่าสถานการณ์นั้นอันตรายยิ่งขึ้นไปอีก ทันใดนั้นเขาก็ตัดสินใจกลายร่างเป็นมังกรสีฟ้า
ท่ามกลางท้องฟ้าที่ขมุกขมัว ทันใดนั้นร่างมังกรก็ระเบิดออกเหมือนดอกไม้ไฟ!
งูไฟฟ้าสีขาวเงินแผ่ทั่วอากาศในเงามืด ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นมหาสมุทรแห่งสายฟ้า
เงาถูกพลังสายฟ้าทะลุทะลวง!
นี่คือพลังโลหิตขั้นสูงสุดของเมสัน และพลังต้องห้ามในเลือดของเขา ทั้งหมดที่เขาทำนี้เพียงเพื่อทำลายเงา และทำให้เอลฟ์ และพวกนักเวทรับรู้
นี่คือการต่อสู้ระหว่างความเป็นและความตาย
…
ในบ้านต้นไม้ หลังจากลังเลอยู่นานในที่สุด ไอริสทีนก็พูดว่า “ข้าไม่ได้ต่อต้าน แต่การค้นบ้านต้นไม้ของท่านมาร์ธา จะทำให้เอลฟ์จากนิกายกบฏธรรมชาติทุกคนโกรธ เราต้องระมัดระวังให้มาก ข้ามีแผนอื่น เราสามารถแอบเข้าไปดูว่าเราสามารถหาหลักฐานที่แน่นหนาได้หรือไม่ และจากนั้นการสอบสวนอย่างละเอียดก็จะสามารถดำเนินการได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ แต่ถ้าหากเราไม่พบหลักฐานมันก็จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาใด ๆ ตามมา”
เฟลิเป้เอามือล้วงกระเป๋า เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “งั้นเราจะแอบเข้าไปเหมือนขโมยเหรอ? ถ้ามาร์ธารู้จะเกิดอะไรขึ้น? ใครจะกล้าเสี่ยงล่ะ?”
“ฝ่าบาท” เฟลิเปกล่าวเสริม “มีสิ่งหนึ่งที่ท่านต้องคิด เราได้รับเชิญให้มาที่นี่เพื่อตรวจสอบสิ่งที่ทำให้เกิดรอยแยกและมลพิษในนรก เราไม่ใช่คนถาม แต่ถ้าเรามีข้อสงสัยและเราก็ถาม ท่านพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสนับสนุนเรา แต่เราไม่ต้องการเพิ่มความเสี่ยงใด ๆ เพราะถ้าเราหาเหตุผลไม่ได้เราก็ไม่ใช่คนที่ต้องกังวล ท่านเข้าใจไหม?”
จูรีเซียนพยายามทำให้สถานการณ์ง่ายขึ้น “นายท่าน มันข้างง่ายมาก เอลฟ์ทุกคนต้องมีส่วนช่วยในเรื่องนี้เพื่อหยุดมลพิษของต้นไม้เอลฟ์ ขอนายท่านโปรดรายงานเรื่องนี้ต่อฝ่าบาทเพื่อให้เราสามารถสืบค้นบ้านต้นไม้ของท่านมาร์ธาได้โดยไม่ต้องกังวลใด ๆ ข้ารู้ว่ามันยาก แต่เราต้องการความช่วยเหลือจากท่าน”
คนหนึ่งรับบทเป็นคนดี อีกคนเป็นคนเลว เฟลิเป้และจูรีเซียนทำให้เจ้าหญิงไม่มีอะไรจะพูดอีก
ไฮดี้พูดกับแอนนิคผ่านทางกระแสจิตว่า “ฝ่าบาทเยังขาดประสบการณ์เกินไป แต่เราก็มีเหตุผลที่ดี”
เมื่อไฮดี้กำลังพูด นางก็หันไปมองไอริสทีน ทันใดนั้นนางก็เห็นมังกรขนาดเท่าสุนัขอยู่ข้างหลัง มังกรตัวน้อยมีเกล็ดกึ่งโปร่งแสง และกำลังยุ่งกับผลเบอร์รี่หลากสีในอุ้งเท้าอย่างเพลิดเพลิน
“อัลเฟอร์ริส เจ้ามาที่นี่ทำไม” ไฮดี้รู้สึกประหลาดใจ ไม่มีใครเดาได้ว่าเจ้าคริสตัลน้อยนี้ต้องการไปปรากฏตัวที่ไหน และเมื่อใด
อัลเฟอร์ริสพูดอย่างจริงจังว่า “ข้ากำลังเล่นกับเพื่อนเอลฟ์ในป่าใกล้ ๆ แต่ข้าก็ได้ยินมาว่าเจ้าต้องการใครสักคนที่จะแอบเข้าไปในบ้านต้นไม้ของมาร์ธา ดังนั้นข้าจึงอยู่ที่นี่ ข้าเก่งเรื่องเวทมนต์ลวงตา และข้าก็อยู่ในระดับวงแหวนที่เจ็ด ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าข้าอีกแล้ว!”
บ้านต้นไม้ การค้นหา ผู้ถือครองไม้ค้ำจุน อัลเฟอร์ริสเห็นชัดว่ากองสมบัติกำลังโบกมือให้มัน!
มุมปากของไฮดี้กระตุกเล็กน้อย สัญชาตญาณของอัลเฟอร์ริสช่างเฉียบคม!
“เอาล่ะ ข้าจะคุยกับท่านแม่ของข้า” ในที่สุดไอริสทีนก็ตอบตกลง
“ไม่จำเป็นต้องแอบเข้าไปหรอ?” อัลเฟอร์ริสรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
…
บนที่ราบสีแดง ลูเซียน นาตาชา และมัลฟิวเรียนก็ได้เข้าใกล้ป้อมปราการเลือดเนื้อมากขึ้นทุกที แต่อย่างไรก็ตามปีศาจในนั้นกลับเงียบสนิท ไม่มีใครออกมาจากปราสาทเลย ไม่ว่าจะเป็นปีศาจลูกกระจ๊อกหรือปีศาจระดับสูง นั่นเป็นเพราะพวกเขาทั้งสามคนได้แผ่บรรยากาศที่ตึงเครียดจากพลังระดับตำนานออกมา!
ท้องฟ้าเป็นสีเลือด สีแดงก่ำราวกับว่าจักรวาลอยู่ใกล้พอที่จะสัมผัสได้ แสงของธาตุที่แตกต่างกันส่องประกายระยิบระยับ จากดินที่ชุ่มไปด้วยเลือดปรากฏพืชสีเขียวแปลก ๆ งอกออกมาขจัดทรายและคำสาปในอากาศ แน่นอนว่ากระแสไฟฟ้าขั้นดีในอากาศมีพลังที่น่ากลัวมากพอที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้
สำหรับปีศาจเหล่านั้นที่เคยกลั่นแกล้งผู้ที่อ่อนแอ และหวาดกลัวผู้ที่แข็งแกร่ง เมื่อพวกมันต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาทั้งสาม พวกมันก็จะไม่มีวันที่จะก้าวออกจากป้อมปราการอย่างเด็ดขาด
“ราชันย์โลหิตไม่ได้อยู่ที่นี่” ลูเซียนต้องการเช่นนี้ “เราควบคุมอากาศ และเข้าไปใกล้แท่นบูชาตรงโขดหินได้”
ในเวลานี้เอง เสียงคำรามที่น่าสยดสยองก็ดังออกมาจากโขดหิน และทำให้พื้นดินทั้งหมดสั่นสะเทือน เสียงที่โกรธเกรี้ยวนั้นดังก้องไปทั่ว
“กลิ่นของมนุษย์! ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด!”