ปลายเดือนแห่งสายลมร้อน (สิงหาคม) ณ เขตพลเรือน นครเรนทาโต
หลังจากพ่อแม่ออกไปทำงานที่บริษัทอาหารทะเลและโรงงานตะเกียงแล้ว ลองแมนอ่านหนังสือที่เพิ่งซื้อมาอยู่ที่บ้านคนเดียว ขณะที่เขาแสดงความขอบคุณพระเจ้าแห่งสัจธรรม และจอมเวทจากก้นบึ้งของหัวใจ
นับตั้งแต่กลุ่มนักบวชชั่วร้ายสายหัวรุนแรงถูกสภาเวทมนตร์ขับไล่ และกลุ่มสายกลางขึ้นสู่อำนาจ หนังสือที่เคยแพงหูฉี่ก็ราคาถูกลงมาก แม้แต่เด็ก ๆ จากครัวเรือนสามัญชนอย่างเขาก็สามารถซื้อหนังสือเล่มสองเล่มได้ทุก ๆ สองเดือน นั่นเป็นความหรูหราเกินกว่าจะจินตนาการถึงในอดีต ในฐานะหนอนหนังสือ เขารู้สึกว่าแม้แต่ดวงอาทิตย์ก็งดงามและอบอุ่น
จากรายการเสียงแห่งอาร์คานา ลองแมนได้รู้ว่ากระดาษถูกประดิษฐ์ขึ้นหลายร้อยปีก่อน หลังจากการปรับปรุงแก้ไขมายาวนาน ราคากระดาษก็ถูกลงมาก และเทคโนโลยีการพิมพ์ อย่างไรก็ตาม ในการผูกขาดความรู้และช่องทางการสื่อสารกับพระเจ้า กลุ่มนักบวชหัวรุนแรงขัดขวางเทคโนโลยีการพิมพ์และส่งเสริมสำเนาจากการคัดลายมือ จึงทำให้หนังสือมีราคาสูงลิบ นอกจากขุนนางและนักธุรกิจรายใหญ่ การเข้าถึงการเรียนอ่านเขียนและความรู้ของสามัญชนเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ แต่ก็เป็นเพราะการลักลอบเผยแพร่ความรู้ของสภาเวทมนตร์ที่ทำให้ระดับความรู้พื้นฐานของชาวเรนทาโตอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
ปัจจุบัน เวลาผันเปลี่ยนไป ขณะที่ความรู้เป็นสิ่งมีค่า ความรู้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เข้าถึงไม่ได้อีกต่อไป เพราะโรงงานและขุนนางแนวหน้าต่างต้องการแรงงานที่มีความรู้พื้นฐาน
เขาพลิกอ่านดูหนังสือของเขา นั่นเป็นหนังสือเล่มที่บรรยายถึงสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติด้วยภาพประกอบเหมือนจริง ลองแมนที่เรียนรู้วิธีการอ่านหนังสือมาจากพ่อค่อนข้างสนใจเรื่องนี้ พ่อของเขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการระดับกลางของบริษัทจากคนงานธรรมดา ๆ หลังจากนั้น พ่อของเขาก็เรียนรู้การอ่าน รวมถึงความรู้ในอุตสาหกรรมการประมง
“มนุษย์หมาป่า โคโบลด์ ก็อบลิน ยักษ์ คนเถื่อน นกดูดู…” เมื่ออ่านหนังสือ ลองแมนรู้สึกว่าเขาได้ออกสู่โลกกว้าง ชื่นชมสัตว์ต่าง ๆ ชนิดที่มีอวัยวะคล้าย ๆ กัน แต่ก็มีลักษณะเฉพาะที่ชวนมองต่างกันออกไป “คุ้มจริง ๆ ที่อุตส่าห์เก็บเงินซื้อเล่มนี้ตั้งหลายเดือน!”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก มีคนเคาะประตูบ้าน ปลุกลองแมนให้ตื่นจากมหาสมุทรแห่งความรู้
“นั่นใคร?” เขาตะโกนถามเสียงดัง นั่งยืดตัวจริงและรู้สึกเป็นกังวล ข้าเป็นเด็กอยู่บ้านคนเดียว ถ้าเป็นโจร หัวขโมย หรือ ‘ผู้พิทักษ์ราตรี’ นิสัยอันธพาลอย่างที่ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ เล่าไว้ล่ะ…
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงชายคนหนึ่งดังก้อง ขณะที่เขายังเคาะประตูต่อไป “เปิดประตู ข้าเป็นบุรุษไปรษณีย์ของทางการ มีจดหมายถึงเจ้า!”
ลองแมนโล่งอกขึ้นมาทันที หัวเราะเยาะตัวเองที่ฟังเรื่องสยองขวัญจากเสียงแห่งอาร์คานามามาก จนเขาเก็บมาหวาดกลัวจะเป็นตอนกลางวัน ไม่ใช่โจร หัวขโมย และผู้พิทักษ์ราตรีก็โผล่มาเฉพาะตอนกลางคืนนี่นา?
ลองแมนเปิดประตูเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนยิ้มอย่างสุภาพ เขาสวมเครื่องแบบสีเขียวเข้มแบกถุงพัสดุท่าทางหนัก มีจดหมายสองฉบับอยู่ในมือเขา
“จดหมายถึงเจ้า” บุรุษไปรษณีย์พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
ลองแมนรับจดหมายมา เขาเห็นแสตมป์ลวดลายงดงามบนซองจดหมายฉบับแรก แสตมป์ดวงนี้อยู่ในเป็นแสตมป์ชุดแรกที่ราชอาณาจักรตีพิมพ์ออกมา บนแสตมป์มีรูปราชินีและอีวานส์ รวมถึงราคาแสตมป์
“แสตมป์ดวงนี้สวยจัง ข้าต้องตัดเก็บสะสมไว้…” ลองแมนคิดขึ้นมาทันที แล้วเขาก็ดูชื่อผู้ส่ง จึงรู้ว่าป้าที่ไปแต่งงานที่เขตแพฟอสเป็นคนเขียนส่งมา เขาดีใจมาก ป้ากับเขาสนิทกันมากก่อนที่จะแต่งงานออกไป อย่างไรก็ตาม สามีของป้าทำงานอยู่ที่เขตแพฟอส แม้ว่าจะไม่ไกลจากเรนทาโตมากนัก แต่การติดต่อสื่อสารก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะมีสหายที่ไว้ใจได้ไม่กี่คนที่เต็มใจรับฝากจดหมายไปส่งให้ พวกเขามักจะได้ติดต่อกันเพียงปีละครั้ง
แต่ปัจจุบันทุกอย่างเปลี่ยนไป ลองแมนเห็นราคาบนแสตมป์ที่ซองจดหมาย และก็รู้ว่าเขามีเงินพอที่จะส่งจดหมายเดือนละฉบับด้วยเงินค่าขนมที่ได้
ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณราชินี ขอบคุณท่านอีวานส์ ขอบคุณนายกรัฐมนตรีรัสเซล และขอบคุณกรมไปรษณีย์ของราชอาณาจักร… เขาทำเครื่องหมายกางเขนบนหน้าอกและอ่านจดหมายฉบับที่สอง ดวงตาของเขาเบิกโพล่ง “หนังสือแจ้งผลการสอบผ่าน? โรงเรียนสามัญที่หนึ่งแห่งเรนทาโต?”
ฮ้า? ฮ้า! ข้าสอบติด!
ลองแมนรู้สึกดีใจมากจนเหมือนมีอะไรจะระเบิดออกมาจากในหัวใจของเขา เขามัวแต่เอ่ยปากขอบคุณบุรุษไปรษณีย์ไม่หยุด ดวงตาของมีน้ำตานอง
เนื่องจากเป็นเพียงการทดลองเท่านั้น ราชสำนักและสภาเวทมนตร์ได้ก่อตั้งโรงเรียนสามัญขึ้นเพียงสองแห่งในเรนทาโต ซึ่งตั้งชื่อว่า ‘ที่หนึ่ง’ และ ‘ที่สอง’ ดังนั้น เนื่องจากค่าเล่าเรียนอยู่ในระดับที่ประชาชนเข้าถึงได้ ผู้คนมากมายต่างฝันจะเข้าเรียนในโรงเรียนทั้งสองแห่ง อัตราค่าเทอมถูกกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์เสียอีก!
ราชินีกำหนดการคัดเลือกนักเรียนที่ยุติธรรมที่สุดด้วยการสอบเข้าวิทยาลัย เพราะฉะนั้น เขาถึงสามารถพัฒนาตัวเองได้
“ข้าจะได้ศึกษาความรู้จริง ๆ และเรียนอาร์คานาและเวทมนตร์…” ลองแมนตะลึงงัน จนไม่รู้จะสงบสติลงยังไง ความคิดมากมายพลุ่งพล่านอยู่ในหัว
“ช่วยลงชื่อรับจดหมายด้วย พิมพ์ลายนิ้วมือก็ได้ ถ้าเจ้าเขียนไม่เป็น” วันนี้เขาไปส่งจดหมายตอบรับเข้าเรียนมาหลายฉบับ บุรุษไปรษณีย์คนนี้จึงชินกับสถานการณ์นี้ดี
ลองแมนตั้งสติกลับมาได้ เขารับปากกาหมึกซึม ซึ่งว่ากันว่าประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อประชาชน จากมือบุรุษไปรษณีย์และลงชื่อรับจดหมายอย่างสุขุม
“ขอบคุณลุงมากที่วันนี้มาส่งข่าวดี” ลองแมนขอบคุณบุรุษไปรษณีย์อย่างจริงใจ เมื่อเขาส่งปากกาหมึกซึมคืน
บุรุษไปรษณีย์ยิ้ม “ข้าก็ดีใจที่เห็นเจ้ามีความสุข ถ้าข้าเก็บเงินได้มากพอ ข้าก็อยากเข้าโรงเรียนสามัญเหมือนกัน มีโอกาสที่เราจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันในอนาคตนะ”
เขาหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น ลองแมนถามออกไป “ขอให้พระเจ้าอวยพรท่านลุง ลุงเป็นบุรุษไปรษณีย์เหนื่อยไหมขอรับ? ลุงต้องแบกจดหมายกับพัสดุเยอะแยะทุก ๆ วัน”
ลุงบุรุษไปรษณีย์ตอบด้วยรอยยิ้ม “ก็หมดแรงเลยทีเดียว แต่เดี๋ยวก็จะดีขึ้น เรารู้มาว่าเราจะได้ใช้รถที่เรียกว่าจักรยาน”
“จักรยาน?” ลองแมนขมวดคิ้วอย่างสับสน
หลังจากเห็นบุรุษไปรษณีย์เดินจากไป เขาก็รีบเปิดหนังสือตอบรับเข้าเรียนอ่าน ขณะที่ค้นศัพท์จากพจนานุกรมของพ่อ
“ภาษาสามัญ คณิตศาสตร์พื้นฐาน ประวัติศาสตร์เบื้องต้น ธรรมชาติเบื้องต้น สามัญสำนึกแห่งเวทมนตร์ พื้นฐานเชิงตรรกศาสตร์ อัตลักษณ์สัญลักษณ์ กายบริหาร… วิชาพื้นฐานส่วนใหญ่เป็นวิชาบังคับ ส่วนวิชาดนตรี ฟันดาบ วาดเขียน การจัดการเอกสาร แม่เหล็กไฟฟ้าเบื้องต้น ธาตุเบื้องต้น สามัญสำนึกเชิงจิตวิทยา พื้นฐานการแพทย์ สัญศาสตร์ ภาษาเวทมนตร์โบราณ การเมืองการปกครอง เศรษฐศาสตร์… วิชาเหล่านี้เป็นวิชาเลือก ข้าสามารถเลือกความรู้พื้นฐานของแนวทางต่าง ๆ ตามสถานการณ์ของข้าเองในปีที่สามของการศึกษาสามัญ…” ลองแมนอ่านประมวลวิชาและสรุปย่อเนื้อหาโดยละเอียด หลับตานึกถึงอนาคตของเขา
“ข้าจะเป็นเลขานุการ นักการเมือง นักดนตรี จิตกร อัศวินฝึกหัด หมอ หรือว่าจอมเวทดีนะ…?” ลองแมนรู้ว่าเขาไม่มีพรสวรรค์พื้นฐานด้านเวทมนตร์ เขาจึงมองว่าจอมเวทจะเป็นตัวเลือกสุดท้าย
ไม่ทันรู้ตัวก็หมดวันแล้ว พ่อแม่ของเขากลับบ้านและเห็นจดหมายตอบรับ
หลังจากอ่านจดหมายตอบรับ พ่อของลองแทนพยักหน้าเบา ๆ “ยังเร็วไปที่ลูกจะคิดเรื่องนี้ ลูกจะรู้ว่าเก่งอะไร ไม่เก่งอะไรหลังจากลูกเริ่มเรียนจริง ๆ แน่นอน พ่อแนะนำให้ลูกเริ่มศึกษาการขี่ม้า ฟันดาบ ดนตรี เศรษฐศาสตร์ และการประมงในปีสี่ พอลูกมาทำงานกับบริษัทของพ่อในอนาคต แปบเดียวลูกก็จะได้เป็นผู้จัดการด้วยความรู้ที่มี และเป็นเพื่อนกับพวกขุนนางและพ่อค้ารายใหญ่ ๆ ส่วนเรื่องเวทมนตร์ ลูกก็น่าจะรู้ความสามารถของตัวเองดี”
เขาหวังว่าลูกชายจะเติบโตภายใต้การดูแลของเขา
ส่วนแม่ของลองแมนไม่เห็นด้วยกับพ่อ “โรงงานสิ่งประดิษฐ์กำลังเป็นที่นิยม ถึงลองแมนจะไม่เก่งเวทมนตร์ เขาก็น่าจะเรียนเวทมนตร์กับการเล่นแร่แปรธาตุให้มากขึ้น เป็นผู้จัดการโรงงานสิ่งประดิษฐ์ดีกว่าผู้จัดการโรงงานอาหารทะเลเป็นไหน ๆ”
พ่อกับแม่ของเขาเถียงเรื่องนี้กันอย่างดุเดือดจนเสียงแห่งอาร์คานาเริ่มรายการ
ลองแมนที่นิ่งเงียบมาตลอดนั่งอยู่ในลานบ้าน ฟังรายการ ‘แฉศาสนจักร’ ทั้งด้วยความตื่นเต้นและตะลึงงัน…
“… หลังจากการสำรวจโลกแห่งวิญญาณ นักเวทชั้นตำนานยืนยันการมีอยู่ของหุบเขาวิมาน มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าพระเจ้าแห่งสัจธรรมกำลังหลับใหล และโป๊บขโมยพลังของเขาไป!”
“… พูดถึงโป๊บ เราก็ต้องพูดกันถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา จริง ๆ แล้วเขาก็คือไวเค็น นักเวทชั้นตำนาน ผู้กระหายเลือดและป่าเถื่อนจากจักรวรรดิ์เวทมนตร์โบราณ เขากลายเป็นนักบุญแห่งสัจธรรม และขโมยพลังของพระเจ้าแห่งสัจธรรม…”
“… ไวเค็นเคยปิดล้อมเมืองและตัดเส้นทางขนส่งเสบียง เพื่อให้คนในเมืองเข่นฆ่ากันเองในการทดลองหนึ่งของเขา เล่ากันว่ามีเสียงร้องไห้และกรีดร้องดังไม่หยุดกว่าครึ่งเดือน จนถึงวันนี้ ผีพวกนั้นก็ยังวนเวียนอยู่ในเมือง…”
ในภาวะงงงวย ลองแมนคิดอยู่ในหัว “โป๊บเป็นนักเวทโบราณจริงเหรอ? ดูเหมือนจะมีทฤษฎีทำนองนี้ในอดีต แต่ก็เป็นแค่ข่าวลือ…”
ยิ่งมีรายการวิทยุออกอากาศมาก ลองแมนก็ค่อย ๆ เลิกกังวล และสนใจเฉพาะรายการโปรดของเขา
“… วิทยาลัยเวทมนตร์โฮลต์จัด ‘การแข่งบิน’ ครั้งแรกขึ้นในวันนี้ เป็นการแข่งขันความเร็วและลีลา ผู้เข้าแข่งขันที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่อาศัยความแข็งแกร่ง ส่วนนักเวทระดับล่างที่ถนัดการควบคุมสิ่งของ…”
การแข่งบิน? ลองแมนฟังรายการใหม่ด้วยความสนใจอย่างยิ่ง เป็นช่องข่าวที่นำเสนอเหตุการณ์สนุก ๆ ในสภาเวทมนตร์
เมื่อได้ฟังเรื่องราวเหตุการณ์ที่น่าสนใจ ลองแมนก็ตกตะลึงในทันที เสียงที่ดูเหมือนกำลังคำรามอยู่ภายในใจของเขา
จริงอยู่ที่ข้าไม่มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่มีพรสวรรค์ด้านอาร์คานา! ท่านอีวานส์ใครก็สามารถศึกษาอาร์คานาได้ ถ้ามีพลังวิญญาณพียงพอที่จะควบคุมสิ่งประดิษฐ์ธรรมดา ๆ ได้! สาขาวิชาที่ศึกษาความจริงของโลกก็เหมือนกับคณิตศาสตร์ พรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ไม่ได้ข้อบังคับ!
เสียงในหัวใจของเขาค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น
“ความฝันของข้าคือการเป็นจอมเวท!”
…
ภายในมิติอาณาจักรแม่เหล็กไฟฟ้า บรูคถือบทความชิ้นหนึ่งอยู่ในมือ มันเป็นบทความเรื่องการสปินของอิเล็กตรอนของสปรินต์และแอนนิค เขาได้รับแรงบันดาลใจ ตอนที่เขาสร้างฟังก์ชันคลื่นของอิเล็กตรอน เขาดูเหมือนมองข้ามปัญหานี้ไป
ปากกาขนนกในมือของเขาเคลื่อนที่ไม่หยุด เขาเจอเส้นทางที่ถูกต้องในการสร้างฟังก์ชันใหม่
กระแสไฟฟ้าสีเงินและสนามแม่เหล็กดำมืดดูเหมือนกำลังวิ่งพลุ่งพล่านอย่างเดือดดาล
ภายในมิติโรงละครแห่งการทำลายล้าง การพังทลายและการล่มสลายของหมู่ดาวก็หยุดชะงัก ภายในหอคอยเวทมนตร์ของเขา โอลิเวอร์ก็อดแสดงความตื่นเต้นออกมาอย่างคุมไม่ได้ เพราะดูเหมือนเขาจะค้นพบฟังก์ชันคลื่นที่ถูกต้องของอิเล็กตรอนผ่านกระบวนการคณิตศาสตร์
‘โลกจริง’ ปรากฏ ก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งปัญญาของเขา…
ขณะเดียวกัน ลูเซียนก็กำลังง่วนอยู่กับการบูรณาการกลศาสตร์ควอนตัม และทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษอยู่ในห้องสมุด
……………………………………………..