ออกัสตุสลดมือข้างขวาที่ปิดดวงตาลงและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พระผู้เป็นเจ้าทรงสดับรับฟังคำภาวนาของเราและได้มอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้แก่เรา เพื่อที่เราจะสามารถเผยแพร่พระสิริและหลักคำสอนของพระองค์ต่อไปได้”
“นี่คือคำชมเชยที่ดีที่สุดสำหรับการอุทิศตนของเรา!”
ขณะที่เขาเอ่ยเสียงดังฟังชัด แสงสีขาวงาช้างรอบกายเขาก็ไหลทะลักออกมากลายเป็นแสงตะวันสีทองและสาดส่องไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้ฮาโรลด์ เมอร์นา และคนแคระคนอื่นๆ จมอยู่ใต้แสงสว่างนั้น
ฮาโรลด์พลันสัมผัสได้ถึงพละกำลังที่เพิ่มพูนขึ้นอีกหนึ่งขั้น เขาตื่นเต้นขึ้นมาโดยพลันและในใจเปี่ยมล้นด้วยความกระหายในการต่อสู้ ไร้ซึ่งความกลัวต่อความสิ้นหวังหรือความเจ็บปวด!
นั่นคือความรู้สึกของนักรบที่แท้จริง!
นั่นก็คือ ‘สายธารนักรบ’ พลังศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า และเป็นระดับที่สูงที่สุดเท่าที่ออกัสตุสจะใช้ได้ในตอนนี้!
ณ เวลานี้ ความกังวลและสังหรณ์ใจถึงภัยร้ายทั้งหมดในใจออกัสตุสได้หายแล้ว มันหาใช่ความจริงไม่ที่ว่าพระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ยิ่งใหญ่ไม่อาจมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเขาได้ พระองค์เพียงแต่ชื่นชอบไอน้ำและจักรกลมากกว่าก็เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าประจำเผ่าจึงแย้มยิ้มเคร่งขรึม “ข้าได้รับฟังคำสอนสั่งของพระผู้เป็นเจ้าและได้เข้าใจว่าความลับอันยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้ซุกซ่อนอยู่ในไอน้ำและจักรกล หากเราเข้าใจพวกมันได้ เราก็จะมีพลังอำนาจเหนือกว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ เช่น อาวุธประเภทที่สามารถสร้างเวทเปลวไฟนิรันดร์ขึ้นมาได้”
“พระผู้เป็นเจ้าบอกเราว่าพลังศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงอาวุธชั่วคราวเพื่อให้เราปกป้องตนเองจากช่วงเวลาหนึ่งๆ ระหว่างการเดินทางของเรา แต่มันมิใช่สิ่งที่เราควรจะพึ่งพาและใช้เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่หลักคำสอนของพระองค์ หลังจากที่เรารอดพ้นช่วงเวลานั้นไปได้ เราก็จะละทิ้งพลังศักดิ์สิทธิ์ไปเสีย และอุทิศตนให้กับไอน้ำและจักรกล เพื่อที่เราจะสามารถขุดคุ้ยปริศนาลี้ลับทั้งหลายออกมาและครอบครองพลังที่แท้จริงของเราด้วยความพยายามของเราเอง มีเพียงวิธีนั้นที่เราจะสามารถสร้างนครแอตแลนติสบนโลกมนุษย์ได้”
ฮาโรลด์ เมอร์นา และคนแคระคนอื่นๆ ต่างเปล่งคำภาวนาตอบรับ “พระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงปกปักษ์รักษาเราและครอบครองพลังสูงสุด เราจักสร้างอารยธรรมไอน้ำอันรุ่งโรจน์ขึ้นใหม่ภายใต้การคุ้มครองของพระองค์!”
ออกัสตุสลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเขานึกถึงบรรยากาศอันสูงส่งและพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แสนมหัศจรรย์ เขาก็เลือกที่จะพูดออกมาด้วยความเคร่งเครียด “พวกเจ้าจงสลับกันขึ้นมากราบไหว้ต่อหน้ารูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ พระผู้เป็นเจ้าท่านจักมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ผู้ที่มีใจศรัทธาอย่างแรงกล้า”
‘อะไรนะ’
‘จริงหรือนี่’
ฮาโรลด์ เมอร์นา และคนอื่นๆ กลับมาตื่นเต้นดีใจจนแทบคลั่งอีกครา หลังจากได้เห็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นไป พวกเขาก็คิดว่านี่คือความชมชอบเป็นพิเศษจากพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อผู้เฒ่าประจำเผ่าของพวกเขา และคิดว่าเหล่าผู้ศรัทธาที่จิตใจถูกสั่นคลอนไม่มากก็น้อยเช่นพวกเขาย่อมต้องรอไปอีกนานกว่าจะได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์อันเป็นรางวัลตอบแทนการกระทำของพวกเขา
พวกเขามิคาดคิดเลยว่าพระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ยิ่งใหญ่จะมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเขาโดยไร้ซึ่งความคับข้องใจใดๆ เช่นนี้!
“พระองค์คือศูนย์รวมของความดีงามทั้งปวง และพระองค์ได้สอนเราถึงความแท้จริงของความเมตตากรุณา”
ฮาโรลด์และคนอื่นๆ ยกมือขวาขึ้นปิดวงตาอีกครั้งและสวดภาวนาด้วยใจสัตย์จริง พวกเขารู้สึกเหมือนว่าสมองของตนว่างเปล่าและความศรัทธาของพวกเขาก็ยิ่งบริสุทธิ์ผุดผ่อง น้ำตาแห่งความปีติถึงกับหลั่งไหลออกมาจากดวงตาของพวกเขา
จากนั้น ฮาโรลด์ก็ยื่นมือออกไปตรงหน้ารูปปั้น ‘ระเบิดริวเคลียร์’ สีเงิน และท่องเนื้อหาใน ‘บันทึกความวินาศแห่งเครื่องจักรกล’
เสียงรอบกายพลันเงียบหายไป เมอร์นาและคนแคระคนอื่นๆ ต่างจ้องมองฮาโรลด์อย่างใจจดใจจ่อและเปี่ยมล้นด้วยความหวัง ‘พระผู้เป็นเจ้าจะแสดงพระกรุณาหรือไม่’
ในทันใดนั้น แสงสว่างเจิดจ้าอันสูงส่งก็แผ่พุ่งออกมาจากรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์สีเงิน มันอาบไล้ไปบนตัวฮาโรลด์และปกคลุมร่างของเขาประดุจเสื้อคลุมตัวยาว ทำให้เขาดูราวกับ ‘ทูตสวรรค์’ ในศาสนานักบุญสัจธรรม
พระองค์ทรงมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้จริงๆ!
เมอร์นาและคนอื่นๆ ต่างตื่นเต้นดีใจ พวกเขาได้เป็นประจักษ์พยานในปาฏิหาริย์และกระกรุณาของพระผู้เป็นเจ้าต่อเหล่าคนแคระด้วยตาตนเอง!
พลังของฮาโรลด์เพิ่มพูนขึ้นพรวดพราดจนกระทั่งเลื่อนขั้นมาถึงระดับบิช็อป
ออกัสตุสค่อนข้างโล่งอกเมื่อได้เห็นเช่นนั้น ตามมาตรฐานของพลังศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาเป็นบิช็อประดับห้า ส่วนฮาโรลด์เป็นบิช็อประดับสาม นั่นทำให้เขายังคงเป็นผู้นำเผ่าคนแคระรัตติกาลและอาร์ชบิช็อปของศาสนจักรไอน้ำ!
หลังจากนั้น คนอื่นๆ ก็ขึ้นมาสวดภาวนาต่อหน้ารูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ตามลำดับ แต่มิใช่ทุกคนที่จะได้รับเมล็ดพันธุ์แห่งศรัทธาและเติบโตขึ้นเป็นหัวใจศรัทธา มีเพียงคนแคระสิบคนเท่านั้น ซึ่งนั่นรวมถึงเมอร์นา ที่ได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ ตามลำดับแล้ว มีเพียงเมอร์นา และอไควนัสเท่านั้นที่กลายเป็นบิช็อประดับสามเหมือนกับฮาโรลด์
ทว่า คนแคระคนอื่นๆ ก็มิได้ร้องเรียนด้วยความไม่พอใจแต่อย่างใด เพราะผู้ที่ได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ก็คือเหล่าผู้มีศรัทธาแรงกล้าและเป็นกลุ่มผู้นำของ ‘การอุทิศตน’ ของพวกเขา หลังจากที่คนแคระกลุ่มนี้ได้เป็นผู้นำ พวกเขาก็ย่อมต้องแสร้งทำเป็นว่ามีศรัทธาแรงกล้าแม้ว่าพวกเขาจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ตาม มิเช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่อาจควบคุมดูแลผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาได้เลย
หลังจากที่พิธีกรรมจบลง อาร์ชบิช็อปออกัสตุสก็เดินไปยืนตรงหน้ารูปปั้นศักดิ์สิทธิ์และเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พลังศักดิ์สิทธิ์นี้ขัดแย้งกับจุดประสงค์ในการสร้างนครแอตแลนติสบนโลกมนุษย์ ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าจึงขอมิให้เราลำพองใจไปกับมัน มิเช่นนั้นเราอาจหลงอยู่ในวงวนแห่งพลังอำนาจ พระองค์ทรงเตือนว่าให้เราเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และสามารถแสดงพลังต่อหน้าผู้ศรัทธาได้เพียงเท่านั้น ผู้ใดก็ตามแพร่งพลายเรื่องนี้ให้กับคนนอกหรือแสดงพลังศักดิ์สิทธิ์ต่อหน้าคนนอกโดยไม่มีความจำเป็นใดๆ จักถูกริบพลังคืนและถูกลงทัณฑ์!”
หากว่ากันตามตรง เขาเองก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่นักว่าเหตุใดพระเจ้าแห่งไอน้ำจึงมอบคำพยากรณ์เช่นนั้นมา แต่หลังจากได้พบเห็นปาฏิหาริย์เมื่อครู่นี้ เขาก็มิกล้าคิดสงสัยอีกเลย
ฮาโรลด์ เมอร์นา อไควนัส และคนอื่นๆ ยิ่งไม่กล้าตั้งคำถามใดๆ นอกจากยกมือขวาขึ้นปิดดวงตาและกล่าวสรรเสริญ
“พระบัญชาของพระองค์ถือเป็นที่สุด พระองค์คือเจ้าแห่งความเป็นและความตาย พระองค์คือมหาราชเหนือราชันย์ทั้งปวง พระผู้เป็นเจ้าเหนือเทพเจ้าทั้งปวง”
แสงสว่างสีขาวงาช้างภายใน ‘รูปปั้นศักดิ์สิทธิ์’ สีเงินค่อยๆ หรี่แสงลง หากมีนักเวทชั้นสูงหรือชั้นตำนานอยู่ที่นั่นด้วย พวกเขาจะมองเห็นจักรวาลอันกว้างใหญ่ภายในแสงสว่างนั้น ซึ่งมีดวงดาวดารดาษเกลื่อนฟ้าที่เปล่งแสงสีสันมากมายอยู่
ภายในจักรวาลอะตอม…
ลูเซียนลอยตัวอยู่เหรือดาวเคราะห์ธาตุซิลิคอนที่ค่อนข้างมั่นคง ตรงหน้าเขาคือแท่นบูชาที่มีลวดลายสัญลักษณ์เวทมนตร์แสนซับซ้อน และบนแท่นบูชานั้นก็มีหุ่นจำลองรูปคนแคระหัวล้านวางอยู่
หุ่นจำลองนี้สร้างมาจากชิ้นส่วนโลหะที่เจียระไนด้วยมือ รอบๆ หุ่นจำลองนั้นแผ่บรรยากาศลี้ลับเย็นเยียบออกมา รอยสักสีเขียวเข้มที่สลักอยู่บนศีรษะดูเหมือนจะปล่อยคลื่นพลังแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่อง
แสงสว่างที่ดูสูงส่งน่าเกรงขามพวยพุ่งจากความว่างเปล่ามารวมตัวกันบนรูปจำลองนั้น มันโฉบเข้าออกวูบวาบ จนกระทั่งหลอมละลายเข้าด้วยกันในท้ายที่สุด ให้ความรู้สึกของความยิ่งใหญ่และเหนือธรรมชาติ
ส่วนจุดแสงที่ไม่หลอมรวมก็เต้นระบำไปรอบๆ ราวกับนางฟ้าตัวน้อยๆ หากว่าผู้ใดตั้งใจฟัง พวกเขาย่อมได้ยินคำภาวนาและคำสรรเสริญมากมาย ซึ่งทำให้อวกาศดูมีความบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์
พลังศักดิ์สิทธิ์หลั่งไหลออกมาจากรูปจำลองลงไปยังแท่นบูชาและดูดซับพลังเวทมนตร์จากแท่นนั้น เกิดเป็นความกลมกลืนอย่างที่ไม่อาจหาใดเปรียบ!
“น่าเสียดายที่หัวใจศรัทธาขัดแย้งกับโลกแห่งปัญญา มิเช่นนั้นเราคงจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวช่วยเป็นสิ่งของเช่นนี้” ยังมีอีกสี่คนที่ลอยตัวอยู่ข้างๆ ลูเซียน นั่นก็คือดักลาส เฟอร์นันโด แฮทธาเวย์ และนาตาชา และก็เป็นดักลาสที่เป็นผู้เอ่ยประโยคนั้น
แม้ว่าเหล่านักเวทจะสามารถสร้างโลกแห่งปัญญาส่วนหนึ่งด้วยพลังศรัทธาได้เหมือนกับอาร์ทิล ผู้ที่มิได้เสียชีวิตจากการที่ศีรษะระเบิดแต่กลับถูกแสงศักดิ์สิทธิ์กลืนกินเมื่อโลกแห่งปัญญาของเขาพังทลายลง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้ เว้นแต่ว่าเขาจะปรับเปลี่ยนโลกแห่งปัญญาของเขาให้กลายเป็นหัวใจศรัทธา ด้วยตรรกะเดียวกันนี้ จึงไม่มีนักบวชคนใด ยกเว้นเหล่ามนุษย์ครึ่งเทพที่อยู่ในสถานะซ้อนทับ ที่จะสามารถสร้างโลกแห่งปัญญาและใช้เวทมนตร์ด้วยหัวใจศรัทธาได้
ลูเซียนพยักหน้า “ทั้งสองอย่างมีพื้นฐานจากสิ่งที่แตกต่างกัน หนึ่งตั้งอยู่บนหลักการของแก่นแท้และความลับของโลกพร้อมกับองค์ความรู้ของคนผู้นั้น ส่วนอีกหนึ่งกลับได้มาจากศรัทธาที่มีต่อพระเจ้าที่คงอยู่อย่างต่อเนื่อง ในการทดลองนี้ ข้าอยากจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับความลับแห่งมนุษย์ครึ่งเทพขอรับ”
นี่คือเส้นทางสู่การเป็นพระเจ้าที่ธานอสและไวเค็นพัฒนาขึ้น มันแตกต่างจากวิธีการแบบโบราณที่พระเจ้าเทียมเท็จอย่างเจ้ามังกรแห่งความมืดใช้เพื่อเลื่อนระดับพลัง
“การมีอยู่คือตัวตัดสินของตัวมันเอง ไม่ว่าเราจะยอมรับมันหรือเกินไปบนเส้นทางนั้น สิ่งมีชีวิตอย่าง ‘เหล่าพระเจ้า’ ก็บ่งชี้ถึงอีกด้านหนึ่งของแก่นแท้ของโลกใบนี้ ดังนั้น เราจึงควรศึกษาพวกมันแทนที่จะหลบเลี่ยง ลูเซียน งานวิจัยในเรื่องนี้ของเจ้ามีคุณค่าอย่างใหญ่หลวง” ดักลาสค่อนข้างเปิดใจกว้างกับเรื่องนี้
ลูเซียนแย้มยิ้ม “ข้าหวังว่าท่านประทาน อาจารย์ และท่านยายแฮทธาเวย์จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับให้ข้าได้นะขอรับ ในเมื่อก่อนหน้านี้เราปกปิดหนทางสู่การเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ ข้าเกรงว่าเรื่องนี้จะทำให้สมาชิกสภาสูงสุดคนอื่นๆ กังขาในตัวข้า เราควรจะเก็บเงียบเรื่องนี้จนกว่าเราจะได้ผลลัพธ์บางอย่างขอรับ”
เขาส่งข่าวเรื่องงานวิจัยชิ้นใหม่ของเขาให้กับมหาจอมเวทเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“ทำตัวลึกลับเสียจริง ข้าล่ะไม่เข้าใจสักนิดว่าเจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่” เฟอร์นันโดถลึงตาใส่ลูเซียน ในสายตาเขา เหตุผลประเภทนั้นช่างไม่น่าเชื่อถือ แต่เขาก็ไม่คิดจะจี้ถาม และตัดสินใจรอดูว่าลูกศิษย์ของตนกำลังวางแผนจะทำอะไรอยู่กันแน่
ส่วนแฮทธาเวย์นั้นล้วงเอาสมุดขึ้นมา ศึกษาปริศนาก่อนหน้านี้ไปพร้อมกับแท่นบูชาและรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์แบบพิเศษ “เจ้ามอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้กับคนแคระได้เพียงสิบคนเท่านั้นหรือ”
“พลังศรัทธาที่รูปจำลองนี้เก็บรวบรวมไว้ในอดีตหายไปมากเพราะขาดความน่าเชื่อถือขอรับ พลังที่เหลืออยู่ไม่พอจะมอบให้กับคนห้าคนเลยด้วยซ้ำ โชคดีที่ข้าได้แลกเปลี่ยนเอาอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนานักบุญสัจธรรมสองสามชิ้นที่ให้พลังศักดิ์สิทธิ์มากกว่ามาไว้ล่วงหน้าแล้ว ตอนนี้ข้ายังทำให้ดีกว่านี้มิได้ขอรับ” ลูเซียนอธิบายอย่างละเอียด
หลังจากที่ดักลาส เฟอร์นันโด และแฮทธาเวย์จากไปพร้อมกับข้อมูลที่ได้รู้เห็นด้วยตนเองแล้ว นาตาชาก็หันไปมองรูปจำลองคนแคระด้วยความสนใจอย่างยิ่ง “ข้าไม่เคยรู้เลยว่าเจ้าจะมีรสนิยมแปลกประหลาดเช่นนี้ เข้าชอบหัวล้านๆ มีรอยสัก…”
ส่วนเรื่องที่มันเป็นคนแคระนั้น นางคิดว่ามันยังพอจะเข้าใจได้ อย่างไรเสีย นี่ก็เป็นพระเจ้าแห่งไอน้ำที่ออกแบบมาเพื่อเหล่าคนแคระอยู่แล้ว
ลูเซียนหัวเราะขัน “รูปจำลองคนแคระตัวนี้มีชื่อว่า ‘ยูกิ’”
“ยูริ…มันเกี่ยวโยงกับอะไรงั้นรึ” นาตาชาถามด้วยความมึนงง
…
ภายในองค์กรหอคอย…
ซาแมนธานั่งอยู่ในห้องสมุดที่แสนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขณะเหม่อมองอากาศตรงหน้า นางคล้ายกับจะได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังห้องอยู่ภายในห้อง
‘ตอนนี้ สิ่งที่ข้าอยากจะพูดก็คือ อาจมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติกับนิยัตินิยม เพราะกระบวนการบางอย่างมีปัญหาและผันกลับมิได้…’
‘นิยัตินิยมต้องตาย…’
ถ้อยคำเหล่านั้นตามหลอกหลอนนางราวกับฝันร้ายมาเป็นเวลานาน ทำให้นางรู้สึกหลงทาง อึดอัดท่วมท้น และหัวเสีย สิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดก็คือการทดลองที่แล้วเสร็จมานับแต่นั้นต่างบ่งชี้ถึงความไม่แน่นอนและความน่าจะเป็นของอนุภาคขนาดเล็กจิ๋ว
นางยกมือขึ้นทาบหน้าผากและเอ่ยเสียงแผ่ว “อาร์คานาจำต้องอยู่ต่อไป ดังนั้นนิยัตินิยมจึงต้องตายเช่นนั้นหรือ”
เสียงของนางเต็มไปด้วยความขื่นขมและการต่อต้าน
ตึงๆๆ นางได้ยินเสียงฝีเท้าดังถี่รัวอยู่ด้านนอก และดูเหมือนว่าจะไม่ได้มาจากคนเพียงคนเดียวเสียด้วย นางเปิดประตูออกไป และก็ได้เห็นว่านักเวทแห่งหอคอยหลายคนมารวมตัวกันอยู่ในห้องห้องหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น” ซาแมนธาเห็นราเชล สหายคนสนิทของตน
ราเชลดูท่าทางเหม่อลอยและเจ็บปวด “ฮาวินฆ่าตัวตาย…”
“เขาทำอะไรนะ” ซาแมนธาถามด้วยความประหลาดใจ ‘ฆ่าตัวตายงั้นรึ ไม่ได้ตายจากการที่หัวระเบิดแต่เป็นการฆ่าตัวตายอย่างนั้นน่ะหรือ’
ตอนนี้ยังมิมีการทดลองสำคัญใดๆ สามารถยืนยันได้ถึงความไม่แน่นอนและความน่าจะเป็น ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือการทดลองทางความคิดที่ไม่อาจปฏิเสธทั้งสองอย่างนั้นได้ ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าฮาวินจะเป็นผู้สนับสนุนนิยัตินิยมอย่างสุดโต่งเพียงใด ความเสถียรมั่นคงของโลกแห่งปัญญาของเขาย่อมไม่มีทางได้รับผลกระทบ
และมันยังเหลือพื้นที่มากพอให้กับสิ่งที่เหลือที่จะใช้รับแรงปะทะจากทั้งสองทฤษฎีนั้น
“เขาอาจจะสิ้นหวังเพราะพัฒนาการของอาร์คานาก็เป็นได้…” ราเชลตอบเสียงแผ่ว
…………………………………………..