ณ มุมหนึ่งของเขตขุนนาง สายลมพัดกวาดต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีพลิ้วไหว
ภายใต้กิ่งก้านปกคลุมของต้นไม้ มีคฤหาสน์สองชั้นที่มีหลังคาโดมกลม นี่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจักรวรรดิ์ชาชราน แต่คฤหาสน์หลังนี้ดูน่าขนลุกเป็นพิเศษท่ามกลางความมืดด้วยเหตุผลบางประการ ราวกับสัตว์ประหลาดซ่อนตัวอยู่ลางๆ ณ ที่แห่งนี้
เมื่อมองคฤหาสน์จากระยะไกล แคทริน่าไม่มั่นใจว่านั่นคือลางบอกเหตุของดาวหลักชะตาลิขิตของนาง หรือเป็นเพียงอาการวิตกกังวลไปเองภายในใจ ร่างของนางที่ดูเหมือนหลอมรวมเข้ากับสายลมยิ่งดูเลือนลางมากยิ่งขึ้นๆ จนหายวับไป
แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านมาหลายเดือน และการป้องกันก็น่าจะยกเลิกไปแล้ว หลังจากคฤหาสน์ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ล้างบาง แคทริน่าก็ยังกล้าชะล่าใจ นางยังใช้เวทมนตร์บท ‘เวทพรางตัวขั้นสูง’ เพื่อแทรกตัวเข้าไป แทนที่จะใช้พลังโลหิตเพียงอย่างเดียว นางเชื่อมมั่นและรักเวทมนตร์มากกว่าพลังโลหิต!
ดวงจันทร์สีเงิน ไม่ได้ถูกบดบังด้วยเมฆ ฉายแสงเป็นประกายลงมาบนผืนดิน เงาต้นไม้ทอดยาวราวกับรูปร่างสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยว แคทริน่าเข้าถึงตัวคฤหาสน์อย่างเงียบงันไร้เสียงด้วยพลังอัศวินแสง เวท ‘พรางตัวขั้นสูง’ ช่วยให้นางไม่ทิ้งร่องรอยไว้ข้างหลัง แม้รถม้าที่วิ่งผ่านนาง ก็ไม่มีใครสัมผัสได้ว่ามีหญิงสาวเดินอยู่ใกล้กับพวกเขา
แคทริน่าเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์อย่างง่ายดาย แล้วร่างของนางก็สลายเป็นไอลอยเข้าไปในห้องโถง ก่อนที่นางจะตรวจสอบ ‘ที่เกิดเหตุฆาตกรรม’ อย่างละเอียดถี่ถ้วน
ห้องโถงปูพื้นด้วยอิฐหินผิวเรียบ โถงแห่งนี้มีขนาดใหญ่โอ่โถงตามรูปแบบเอกลักษณ์ของจักรวรรดิชาชราน อิฐแต่ละก้อนของที่นี่ใหญ่เป็นห้าเท่าของอิฐของนครอัลลิน
เมื่อมองเงาสะท้อนบนเพดานของอิฐ แคทริน่ารู้สึกเหมือนกระจกฝังอยู่บนพื้น นางคิดอยู่ในใจ “แม้พื้นในคฤหาสน์เคานต์คัลเคตก็คงไม่เรียบเนียนขนาดนี้ นี่คงไม่ได้ใช้อย่างอื่น นอกจากทำให้แขกลื่นล้มและแอบดูใต้กระโปรงของสตรี ทำไมเจ้าของคฤหาสน์ออกแบบไว้อย่างนี้? หรือมีอะไรจุดประสงค์อะไร?”
ขุนนางจักรวรรดิชาชรานมักจะชอบความหรูหราโอ่อ่ามากกว่า ‘เพื่อนขุนนาง’ ในแดนใต้ แคทริน่าไม่มองข้ามความเป็นไปได้ใดๆ เลย
ด้วยเวทพรางตัวขั้นสูง ร่างของนางจะปรากฏขึ้นทุกครั้งที่นางร่ายเวท แต่ร่างของนางก็จะหายวับไปอีกครั้งเมื่อร่ายเวทจบ ร่างของแคทริน่าที่กำลังจะหายวับก็จะสะท้อนกับพื้นทุกครั้ง จนมองเห็นผมยาวสีทองและดวงตาสีเขียวของนางได้ชัดเจน
“ผ่านมาสองสามเดือนตั้งแต่ที่นี่ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ล้าง แม้เวทมนตร์ที่ประหลาดที่สุดก็อาจไร้ประโยชน์…” แคทริน่าร่ายเวทสืบสวนทั้งหมดที่คิดได้ แต่ก็ไม่เป็นประโยชน์มากนัก
แน่นอน ความพยายามของนางไม่ได้สูญเปล่าเสียทีเดียว อย่างน้อย นางก็บอกได้ว่าจากร่องรอยบนพื้น ไม่มีใครใช้พลังวิเศษในตอนเกิดเหตุ หรือร่องรอยเบาบางมาก
“ไม่มีการใช้พลังวิเศษ มีความเป็นไปได้สองทฤษฎี นักเวทคนนั้นถูกปีศาจควบคุมโดยสมบูรณ์ หรือพลังของเขาถูกผนึกล่วงหน้า ถ้าข้อแรกถูก เขาคงใช้เวทมนตร์รุนแรงที่สุดตอนถูกจิตสังหารครอบงำ ฉะนั้น พลังของเขาต้องถูกผนึกไม่ว่าเขาจะบูชาหรือไม่บูชาปีศาจก็ตาม” แคทริน่าสรุปข้อสันนิษฐาน
ถ้านักเวทคนนี้เข้าร่วมพิธีกรรมเทศกาลสังหารด้วยตัวเอง และเลือกที่จะไม่ใช้เวทมนตร์เอง แล้วจะมีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตตัวเองในสถานการณ์วิกฤตแบบนั้น เขาต้องใช้เวทมนตร์เอาตัวรอดตามสัญชาตญาณ
“นั่นแปลว่า เราเข้าใจได้ว่าเวทมนตร์ของนักเวทถูกผนึกจากภายในร่างตัวเอง…” แคทริน่าคิดถึงเบาะแส แต่ก็โบกมืออย่างผิดหวัง “แต่ว่าศาสนจักรโทษว่าเขาบูชาปีศาจและเผาร่างของเขาทิ้ง ชั่วช้าเสียจริง”
นางสาปแช่งแม้ว่าจะรักษาอาการปกติ ศาสนจักรฝ่ายเหนือต้องการแพะรับบาปมาระงับความเกรี้ยวกราดของขุนนางและประชาชน ไม่มีใครเหมาะไปมากกว่านักเวทชั่วช้าที่ตายในที่เกิดเหตุ
ห้องโถงว่างเปล่า เพราะเครื่องเรือนและแท่นบูชาก็ถูกกำจัดทิ้ง แคทริน่าเดินไปเดินมาอยู่พักหนึ่งและคิดอะไรขึ้นมาได้ “กัลฟ์เล่าว่ามีอัศวินถูกฆ่าด้วยคนหนึ่งนี่ พลังโลหิตของเขาก็ถูกผนึกไว้เหมือนกัน ร่างของเขาไม่อาจฝังในสุสานของตระกูล ก็น่าจะฝังที่สุสานรวม ขุนนางต้องไม่ถูกดูหมิ่นสินะ…”
นางตื่นตัวขึ้นมาอีกหลังจากเจอเบาะแส หลังจากสำรวจชั้นบนและชั้นใต้ดิน นางก็ไม่พบเบาะแสอะไรอีก ขณะที่นางกำลังออกจากคฤหาสน์ ก็สัมผัสได้ว่าเวทเตือนภัยของนางทำงาน นางจึงมองไปผ่านหน้าต่างออกไปที่สวน
แล้วแคทริน่าจะสังเกตเห็นอำนาจจิตของอัศวินที่คุ้นเคยแผ่เข้ามาผ่านช่องหน้าต่าง ตรวจสอบสถานการณ์ภายในอย่างเยือกเย็นและระมัดระวัง
เมื่ออำนาจจิตนั้นแผ่มาถึงตัวแคทริน่า ‘เวทพรางตัวขั้นสูง’ ก็สร้างคลื่นพลังงานและพรางตัวนางโดยสมบูรณ์
ครืด ครืด ครืด หน้าต่างเปิดออกช้าๆ ด้วยแผ่นน้ำแข็งบางๆ และ ‘ฆาตรกร’ ที่เปิดหน้าต่างก็หายไป
เงาๆ หนึ่งคืบคลานเข้ามา ร่างของเขาสูงใหญ่กำยำล่ำสัน และมีเกล็ดหิมะปรากฏขึ้นบนมือของเขา
“ยาคอฟ เขามาที่นี่จริงๆ…” แคทริน่ายืนอยู่ตรงกลางห้องโถง มองดูคนแปลกหน้าเดินตรวจสอบไปรอบๆ นางบอกได้ง่ายๆ ว่าเขาเป็นใครจากบรรยากาศที่คุ้นเคย
อย่างไรก็ตาม นางไม่แปลกใจที่ยาคอฟมาที่นี่ ปฏิกิริยาของเขาแปลกๆ ตั้งแต่ตอนที่แอนนาเล่าว่ามีนักเวทตายคนหนึ่ง
ยาคอฟโล่งอก เมื่อตรวจสอบว่าไม่มีวัตถุหรือร่องรอยน่าสงสัย แต่เขามองไม่เห็นแคทริน่าที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาตลอดเวลา
“ข้าต้องหาวิธีเค้นข้อมูลจากเขา เราเจอกันแล้ว ข้าต้องคว้าโอกาสนี้ไว้…” แคทริน่าตัดสินใจ
ยาคอฟยืนขึ้นและกำลังจะขึ้นไปตรวจสอบชั้นบน ในจังหวะที่เขาสัมผัสได้ถึงความกังวลบางอย่าง เขาตัดสินใจโดยไม่ลังเล ร่างของเขาขยายขึ้นและมีน้ำแข็งปกคลุม ขณะที่คิดอยู่ในหัว “ข้าถูกซุ่มโจมตี?”
ทันทีที่คิดขึ้นมาได้ หัวของเขาก็หนักและทุกอย่างก็ดูเลือนราง
“ข้ามีคำถามจะถามเจ้า” แล้วเขาก็ได้ยินเสียงที่ไม่อาจบอกเพศและไม่คาดคิดว่าจะเจอ
แม้เสียงนั้นจะฟังดูแปล ยาคอฟรู้สึกว่าเสียงนั้นคุ้นหูและนุ่มนวล เป็นเสียงที่มาจากทั้งพระเจ้าที่เค้าบูชาและหญิงสาวที่เขาแอบรัก ดังนั้น เขาจึงตอบโดยไม่ลังเลเพื่อเอาใจเจ้าของเสียง “ถามอะไร?”
“เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับนักเวทที่ตายที่นี่? ทำไมเจ้าต้องมาตรวจสอบที่นี่?” เสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง
ยาคอฟอยากจะปฏิเสธการตอบคำถาม แต่สภาวะยอมจำนนและความหลงใหลที่แปลกประหลาดทำให้เขายอมรับตรงๆ “ตอนพฤษภา ข้าบังเอิญได้พบกับนักเวทและร่วมงานกับเขาอยู่พักหนึ่ง”
“ข้าให้ข้อมูลลับกับเขา และพาเขาไปหาทรัพยากร แล้วเขาก็เสนอจะให้เอกสารเกี่ยวกับพลังโลหิตกับข้าเป็นการแลกเปลี่ยน ข้าแก้ไขข้อบกพร่องและหาทางขึ้นเป็นอัศวินได้ด้วยเอกสารนั้น แล้วข้าก็ไปยังดินแดนน้ำแข็งกับอีกภารกิจ พอข้ากลับมา ข้าก็รู้มาว่านักเวทเกี่ยวข้องกับการบูชาปีศาจ”
“ข้ากลัวว่าจะมีส่วนพัวพันด้วย เพราะตอนนี้เป็นช่วงสำคัญในการเป็นอัศวินของข้า ข้ามาเพื่อค้นหาและหวังว่าจะทำลายเบาะแสที่ยังหลงเหลืออยู่”
แคทริน่าตกตะลึง “ทำไมเจ้าถึงเข้าไปพัวพัน? มีแค่เขาคนเดียวหรือที่ร่วมมือกับเจ้า?”
นักเวทคนนั้นตายไปแล้ว และเขาไม่มีของของยาคอฟแน่นอน มิฉะนั้นยาคอฟคงถูกสอบสวนตั้งแต่ตอนที่กลับมาถึง แล้วเขาจะกังวลอะไร?
“ขอรับ เขามาตัวคนเดียว” ยาคอฟตอบตรงๆ ราวกับนางเป็นเจ้าที่ดินที่เขาต้องจงรักภักดี
คนเดียว? เขามาคัลเคตกับคณะสองสามคน แต่เขาทิ้งคณะมาร่วมมือกับยาคอฟ… แคทริน่ากอดอกถาม “แล้วอีกคำถามล่ะ?”
“เพราะ… เพราะดยุกดูด้าช่วยให้เราทำงานร่วมกัน ก่อนข้าไปดินแดนน้ำแข็ง นักเวทบอกข้าว่าดยุกดูด้าเชิญเขาไปงานเลี้ยงส่วนตัว และเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ร่วมก๊วน” หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง ยาคอฟก็ยอมรับตรงๆ “ข้าไม่รู้ว่าก๊วนนั้นทำอะไรกันแน่ แต่ดยุกดูด้าแข็งแกร่งและลึกลับในฐานะเจ้ายมโลกแห่งเมืองคัลเคต ข้ากลัวว่าการตายของนักเวทจะเกี่ยวกับเขา…”
“ถ้าศาสนจักรพบอะไรเกี่ยวกับเขา ทหารรับจ้างที่เคยติดต่อกับนักเวทคนนี้อย่างข้าคงถูกฆ่าแน่ๆ ข้าบังเอิญรู้ว่านักเวทมีนิสัยชอบทิ้งร่องรอยลับๆ ไว้ ข้าจึงมาทำลายร่องรอยนั้น”
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แคทริน่าก็ถามออกไป “ดยุกดูด้ายังอยู่ไหม?”
“ยังอยู่ เขามีชีวิตเป็นปกติ ข้าเห็นเขาที่ศาลาว่าการเมื่อเช้านี้” ยาคอฟตอบ ร่างของเขาสั่นเทิ้ม ราวกับว่าเขากลัวดยุกดูด้าอย่างหนัก
แคทริน่าโยนคำถามใส่อีก แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรที่สำคัญ ดังนั้น เขาสั่งให้ยาคอฟบอกสัญลักษณ์ลับของนักเวท แล้วร่างของนางก็สลายลอยออกจากห้องโถง กลับไปยังโรงแรม
ในห้องโถงนั้น ยาคอฟ ‘ยอมรับ’ คำสั่งของแคทริน่าและยืนงงงวยอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งลมเย็นๆ จากหน้าต่างมาสัมผัสตัวและปลุกเขาให้ตื่น เขารู้สึกว่าเพิ่งฝัน ซึ่งเขาเพิ่งบอกความลับสุดยอดให้กับใครสักคนไปในความฝัน
“นี่มัน… น่ากลัวเหลือเกิน… ใช่เวทมนตร์ระดับห้า ‘ครอบงำคน’ รึ?” ยาคอฟใคร่ครวญวสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเขา “หรือสภาเวทมนตร์ส่งนักสืบมา?”
“โชคดีที่นักเวทคนนี้ต้องการแค่ข้อมูล และไม่อยากฆ่าใคร ไม่งั้น…” ยาคอฟคิดอยู่ในความกลัว ชีวิตของเขาเกือบสิ้นชื่อไปง่ายๆ
“เราคิดว่าเป็นผู้มีพลังแล้ว หลังปลุกพลังโลหิตและได้เป็นอัศวิน ไม่รู้เลยว่าพลังอัศวินของเรายังอ่อนหัดมาก มีคนอันตรายๆ อีกมากเหนือเราขึ้นไป นักเวทระดับห้าแข็งแกร่งกว่าข้า ไหนจะพวกนักเวทและอัศวินอาภาอีกล่ะ…”
หลังสงบสติอารมณ์ได้ ยาคอฟก็รีบออกจากจุดเกิดเหตุ ภายใต้สายลมเย็นยะเยือก เขารู้ได้ทันทีว่าเสื้อผ้าของเขาเปียกไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็นๆ เต็มหลัง
…
ณ วันที่สอง ยาคอฟแสร้งทำตัวเป็นปกติ เขาไปทำธุระที่กลุ่มนักผจญภัย แคทริน่าถามถึงอัศวินที่ตาย และถามหาจุดที่ฝังศพของเขาจากแอนนา
เมื่อราตรีมาเยือน แคทริน่าก็เข้าไปยังสุสานที่สะอาดตาแต่ดูน่าขนลุก ตามแหล่งข้อมูลและก็พบกับสุสานของอัศวินผู้วายชนม์
ขณะที่นางกำลังจะใช้เวทมนตร์เปิดหลุมฝังศพ เสียงหัวเราะของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากเรือนยอดไม้ด้านหลังของนาง “นักสืบจากสภาเวทมนตร์?”
“ใครกัน?” แคทริน่าหันกลับไปด้วยความกังวล นางไม่ทันสังเกตความผิดปกติ ตอนที่สำรวจรอบๆ นั่นทำให้รู้ว่าชายคนนี้เชี่ยวชาญการซ่อนตัวยิ่งกว่านาง
ชายรูปร่างผมทองในเสื้อเชิ้ตสีดำและเสื้อคลุมมีแดงยืนอยู่บนยอดไม้ เขาถือแก้วไวน์ที่ดูไม่เข้ากับบรรยากาศ เขากล่าวทักทาย “สวัสดี คนสวย ข้ามีนามว่าไวเคานต์คาเรนเดีย”
“ไวเคานต์คาเรนเดีย? เจ้าคือหลานของท่านไรน์งั้นรึ?” แคทริน่ารู้จักไวเคานต์แวมไพร์ที่อยู่ตรงหน้ามาจากที่อาจารย์ของนางเคยพูดถึง
“ฮะ?” ไวเคานต์คาเรนเดียกุมขมับท่าทางประหลาดใจ “ข้าดังขนาดนั้นแล้วรึ? อาจารย์ของเจ้าเป็นใคร?”
“ท่านอาจารย์ของข้าคือเจ้าผู้ควบคุมอะตอม” แคทริน่าโล่งอก เนื่องจากเขาเป็นคนที่นางรู้จัก
“เจ้านั่น… ไม่ ข้าหมายความว่า…” ไวเคานต์คาเรนเดียโพล่งออกไป หัวเราะกลบเกลื่อนตัวเอง ก่อนจะบอกว่า “อาจารย์ของเจ้าเป็นอัจฉริยะที่ข้าชื่นชมมาก อืม ข้าก็มาที่นี่เพื่อสืบสวนการตายผิดปกติของลูกหลานข้า ข้าเชื่อว่าเรามีวัตถุประสงค์เดียวกัน”
……………………………………