ซาน อีวานเบิร์ก…
เบลคอฟสกี พระสังฆราชคนปัจจุบันของศาสนจักรเหนือกำลังเดินไปที่ห้องสวดภาวนาอย่างช้าๆ เขาเป็นชายร่างสูง และมีกล้ามเนื้อ เขาไม่มีอะไรที่เหมือนกับเบเนดิกต์ที่สาม เลยความจริงเขาเป็นอัศวินขั้นสองที่สามารถกระตุ้นพลังโลหิตของตัวเองผ่านงานของเขาเองได้ แม้ว่าเขาจะเลือกเส้นทางพลังศักดิ์สิทธิ์ในภายหลังก็ตาม แต่เขาก็ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการออกกำลังกาย และการบำรุงรักษาร่างกายของเขา แต่ท้ายที่สุดแล้วการแสดง “พลังพระคุณของพระเจ้า” ก็ยังเป็นภาระหนักสำหรับร่างกายเช่นกัน
เขายื่นมือขวาไปดันประตูห้องสวดภาวนาด้วยสายตาจดจ่อ เขาไม่มีนิสัยที่ชอบพินิจวิเคราะห์ปัญหาขณะเดินเหมือนอย่างที่ผู้จัดการระดับสูงคนอื่น ๆ ทำ สำหรับเขา ถ้าเขาให้ความสนใจสิ่งใดเขาก็จะต้องมีสมาธิที่จะทำสิ่งนั้น เพราะในทันทีที่เขาไม่ฟุ้งซ่านเขาก็จะสามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาอาหารค่ำ เขาจะรับประทานอาหารค่ำ เมื่อถึงเวลาเดินเขาก็จะเดิน และเมื่อถึงเวลาพิจารณาก็จะพิจารณา แน่นอนเขาไม่เคยทิ้งรายละเอียดแม้ว่าจะเล็กน้อยที่สุดก็ตาม
ทันใดนั้น มือขวาของเขาที่กำลังจะดันเปิดสวดภาวนาก็หยุดลงที่ลูกบิดประตูสีบรอนซ์ เขาหรี่ตาลง มีแสงศักดิ์สิทธิ์ลอยขึ้นรอบ ๆ ตัวเขาลางๆ และเชื่อมต่อกับกำแพงพลังศักดิ์สิทธิ์ของทั้งมหาวิหาร
“นั้นใคร?” แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเบลคอฟสกีจะไม่เคยรับรู้สิ่งใดในคริสตจักรนักบุญอีวานอีก แต่เขาก็ยังตื่นตัวอยู่เสมอ หากผู้เชี่ยวชาญบางคนเข้ามาใกล้อาสนวิหารโดยที่เขาไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย นั้นก็จะเป็นการสร้างความอับอายให้กับสังฆราชของศาสนจักรเหนือมากเกินไป นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่ผู้เชี่ยวชาญเพิ่งเปิดเผยตัวตนในเวลาสั้น ๆ ราวกับว่าเขากำลังประกาศให้รับรู้ถึงการมาเยือนของเขา!
เบลคอฟสกีรู้สึกงงงวยมากกว่าที่จะกลัวผู้เชี่ยวชาญลึกลับเสียอีก แม้ว่าเบเนดิกต์ที่สาม จะมาด้วยตนเองพร้อมกับ “พลังพระเจ้าเสด็จ” ที่ฟื้นคืนมา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรอดชีวิตไปจากคริสตจักรนักบุญอีวาน ด้วย “พลังพระคุณของพระเจ้า” รวมกับแกนหลักการป้องกันที่ศาสนจักรเหนือดำเนินการมาหลายร้อยปีก็เพียงพอที่จะหักล้างพลังพระเจ้าเสด็จและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายแรง
เหมือนกับว่าทำไม “พระสันตปาปาองค์ก่อน ๆ” ถึงไม่เคยพยายามที่จะถล่มอัลลินด้วยพลังพระเจ้าเสด็จ นั่นก็เพราะอาจทำให้นครลอยฟ้าถล่มลงมา แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรระดับตำนานที่อยู่ข้างในได้ หากไม่รวมการโจมตีของดักลาส และบรู๊คที่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับตำนานก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกฆ่าตาย
คลื่นระดับตำนานปรากฏขึ้น และหายไปอีกครั้งตรงจุดเดียวกันกับเมื่อกี้ ทำให้เบลคอฟสกีลังเลที่จะโจมตีเล็กน้อย เขาได้กลิ่นบางอย่างที่ผิดปกติ จากนั้นแสงศักดิ์สิทธิ์บนหลังของเขาก็เปลี่ยนจากความว่างเปล่าเป็นรูปประธรรม และให้กำเนิดทูตสวรรค์ที่มีปีกทั้งหกอยู่ด้านหลัง จากนั้นทูตสวรรค์ก็พุ่งเข้าไปในความว่างเปล่า และหายไปต่อหน้าเบลคอฟสกี
คริสตจักรนักบุญอีวานเป็นจัตุรัสกว้างที่อยู่ในรูปแบบดั้งเดิม และป่าเถื่อนซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของจักรวรรดิชาชราน ในตรอกแห่งหนึ่งใกล้กับจัตุรัส ความมืดก่อนรุ่งสางมาเยือนได้เข้าปกคลุมสถานที่นี้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ที่นี่เงียบสงบอย่างน่าตกใจ มันช่างแตกต่างอย่างมากกับอาสนวิหารอันงดงามในบริเวณใกล้เคียง
แสงศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นในตรอก พร้อมทั้งทูตสวรรค์ที่ปิดตาอยู่ก็ปรากฏตัวขึ้น และกลายร่างเป็นเบลคอฟสกี
“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะที่น่าขนลุกดังมาจากความมืดในตรอก เสียงนั่นราวกับว่าไม่ได้มาจากมนุษย์ อีกทั้งยังนำพาบรรยากาศแห่งความตายที่รุนแรงออกมา
มีผู้เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่คนที่เบลคอฟสกีหวาดกลัว และดักลาสก็เป็นเพียงคนเดียวในหมู่พวกนั้นที่ไม่ใช่มนุษย์ครึ่งเทพ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องแสดงความสุภาพกับคนแปลกหน้าที่ลึกลับ “ถ้าเจ้าไม่มีเหตุผลที่ดีพอที่พาข้ามาที่นี่ เจ้าก็ควรคิดถึงสิ่งดีดีหลังจากที่เจ้าไปนรกซะเถอะ”
ทำกลางเสียงหัวเราะ นกตัวเล็ก ๆ สีดำสนิทบินออกมา มันมีขนสีซีดน่าตลกอยู่เหนือหัวของมัน และดูเหมือนว่าร่างกายของนกตัวนี้จะถูกสร้างมาจากความตายที่บริสุทธิ์ที่สุด และมันมาพร้อมกับข่าวร้ายที่สุด
เบลคอฟสกีสังเกตมันอย่างระมัดระวังเพียงเพื่อจะพบว่านกลึกลับนั้นปลอมตัวได้ดีจนไม่สามารถมองเห็นภาพมายาสะท้อนของมันได้เลย เขาทำได้ถ้าเขามาที่นี่เพื่อตรวจสอบด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ แต่ในกรณีนี้นกอาจจะตายและหายไปโดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ให้เขาเลย
“เจ้าอาจเรียกข้าว่านกแห่งความตายก็ได้ แต่คราวนี้ข้านำข่าวดีมาให้เจ้า” นกเกาะอยู่กลางอากาศราวกับว่ามันเกาะอยู่บนกิ่งไม้
เบลคอฟสกีพูดประชด “ข่าวดี? มีข่าวดีเล็กๆ สำหรับข้าตอนนี้?”
“อย่างนั้นเหรอ? ราคาส่วนลดของวิธีกลายร่างเป็นปีศาจแห่งบรรพกาลผ่านพลังแห่งความรู้สึก ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับเจ้าหรือ?” นกแห่งความตายส่งเสียงร้องอย่างน่าขนลุก
“อะไรน่ะ?” ดวงตาของเบลคอฟสกีหรี่ลงในขณะที่เขาจ้องมองไปที่นกตัวเล็ก ๆ เป็นครั้งแรก ตอนนี้แม้แต่ลมหายใจที่ไม่มีตัวตนของเขาก็หนักหน่วงขึ้น
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ เขามองไปที่นกแห่งความตายและถามว่า “เจ้ารู้วิธีหรือ?”
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุแปลกประหลาดมากมายเกิดขึ้นในดินแดนของศาสนจักรทางเหนือ และผลการสอบสวนทั้งหมดชี้ไปที่ปีศาจแห่งบรรพกาล เมื่อรวมกับสติปัญญาที่เขาได้มาจากสภาแห่งความมืด และมหาสมุทรไร้พรมแดน เขาก็เดาได้ไม่มากก็น้อยว่ามีใครบางคนพยายามรวบรวมพลังแห่งความรู้สึกเพื่อที่จะกลายร่างเป็นปีศาจแห่งบรรพกาล
ยิ่งไปกว่านั้นสภาเวทมนตร์ยังระบุชัดเจนในการออกอากาศของพวกเขาว่าการกลายร่างเป็นปีศาจแห่งบรรพกาลเป็นการสร้างของธานอส และเขาได้กลายเป็นมนุษย์ครึ่งเทพในลักษณะนี้ได้สำเร็จ แม้ว่าเบลคอฟสกีจะไม่เชื่อในการออกอากาศแบบเปิดทั้งหมด แต่เขาก็มีทฤษฎีหลังจากที่ได้ยินมัน สังฆราช และนักบุญในอดีตไม่สามารถหาทางที่จะเป็นมนุษย์ครึ่งเทพได้ และทำได้เพียงแค่ขโมย และใช้พลังแห่งศรัทธาเพราะพวกเขาพลาดขั้นตอนสำคัญ ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างสนใจวิธีการตามที่นกแห่งความตายได้อธิบายไว้
“เจ้าไม่รู้หรือไงว่าไวเค็นแอบประกาศหนทางที่จะเป็นมนุษย์ครึ่งเทพอยู่?” นกแห่งความตายกล่าวด้วยความเยาะเย้ย
“อะไรน่ะ?” เบลคอฟสกีอุทานอีกครั้ง วันนี้เขาประหลาดใจมากกว่าที่เคยเป็นจากเมื่อหลายปีก่อน ไม่ใช่ว่าเขาไม่สงบ และมีสมาธิมากพอ แต่เป็นเพราะข้อความจากนกแห่งความตายนั้นน่าตกใจเกินไป!
นกแห่งความตายส่งเสียงหัวเราะน่าสยดสยองอีกครั้ง “ราชินีเอลฟ์รู้ดี และนั่นคือสาเหตุที่แลงค์เชียร์หายตัวไป เดโมกอร์กอนแห่งความมืดรู้ดี และนั่นเป็นสาเหตุที่อดีตเจ้าชายปีศาจหายตัวไป ระดับตำนานที่แทบจะไม่มีวันตายยกเว้นเสียแต่ในการต่อสู้ครั้งใหญ่ในอดีตที่ผ่านมาได้หายไปทีละคน เจ้าไม่รู้สึกว่ามันผิดปกติหรือไง?”
“นั่นมีคำอธิบายได้มากมาย…” เบลคอฟสกีไม่เชื่อคำพูดของนกแห่งความตายง่ายๆ เขาสงสัยเกี่ยวกับคดีเหล่านั้นมาโดยตลอด และสรุปอย่างง่ายๆ ถึงข้อเท็จจริงที่น่าสะพรึงกลัวโดยอาศัยหน่วยสืบราชการลับของเขา วันนี้ความจริงเกี่ยวกับคดีนี้ได้บอกกับเขาแล้ว “ไวเค็นได้อะไรจากการทำเรื่องนี้?”
นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาสับสนที่สุด
“เขาจะได้อะไร? ไม่นับเรื่องที่ว่าปล่อยให้ศัตรูโจมตีซึ่งกันและกัน สร้างเสถียรภาพให้กับสถานการณ์ภายใน และซื้อเวลาในการฟื้นตัวของเขาให้มากขึ้น? นอกจากนี้คนเหล่านี้ยังอาสาสมัครเป็นตัวทดลองของไวเค็นอีกด้วย ประสบการณ์ของพวกเขาจะช่วยให้ไวเค็นพบปัญหาและวิธีการแก้ไขเกี่ยวกับวิธีการของเขา เพื่อที่เขาจะได้เห็นประตูสู่การเปลี่ยนพระเจ้าที่แท้จริง ท้ายที่สุด เขาเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ และชีวิตของเขาก็สามารถรักษาไว้ได้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด แต่ก็ยังมีโอกาสให้เขาได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง” นกแห่งความตายหัวเราะเบา ๆ “นอกจากนี้อาสาสมัครที่เขาเลือกล้วนเป็นระดับตำนานที่ไม่มีแหล่งศรัทธาที่มั่นคงพอ”
“ไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่บอกเรา…” เบลคอฟสกีพยักหน้าเบา ๆ ในฐานะสังฆราชแห่งศาสนจักรทางเหนือ เขามีแหล่งศรัทธาที่มั่นคง และได้ขโมยอำนาจของมันมา หากเขามีหนทางที่จะกลายเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ เขาก็จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เนื่องจากศาสนจักรทางเหนือ และศาสนจักรทางใต้มีต้นกำเนิดเดียวกันจึงเป็นเรื่องง่ายที่พวกเขาจะขโมยพลังศรัทธาของกันและกัน ไวเค็นจะไม่เปิดเผยให้ศัตรูของเขาเห็นอย่างแน่นอนเว้นแต่สมองของเขาจะหายไปแล้ว
เขาถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “ต้องการอะไร”
สำหรับคนอย่างเขา ความเด็ดขาดในช่วงเวลาสำคัญเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แทนที่จะเดินเตร่เขาไปที่ศูนย์กลางของปัญหา นอกจากนี้เขาไม่กังวลว่านกแห่งความตายจะหลอกล่อเขาด้วยข้อมูลปลอม ข้อตกลงลับเช่นนี้จะต้องเสร็จสิ้นลงทีละขั้นตอนอย่างแน่นอน ด้วยความรู้ของเขา เขาสามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าข้อมูลนั้นเป็นความจริงหรือไม่และสามารถยกเลิกข้อตกลงได้ทุกเมื่อหากเขาพิจารณาแล้วว่าเรื่องนั้นไม่เป็นความจริง
“ข้ามีเพียงวิธีการเปลี่ยนสถานะเท่านั้น แต่ไม่ใช่วิธีที่จะขโมย และใช้พลังแห่งศรัทธาหรือความลับในการรวมพวกมันเข้าสู่ระดับของมนุษย์ครึ่งเทพ แต่ข้ารู้ว่าเจ้าได้รับวิธีการขโมย และใช้พลังแห่งศรัทธาจากโลกแห่งวิญญาณ และได้รับการพัฒนาจากสังฆราชมาหลายชั่วอายุคน งั้นเรามาแลกเปลี่ยนกันเถอะ” นกแห่งความตายพูดเสียงเบา
แววตาของเบลคอฟสกีเปลี่ยนเป็นเย็นชา นกตัวนี้รู้ความลับของสังฆราช? มันเป็นใคร? ไวเค็นได้บอกอะไรเขาหรือเปล่า?
เบลคอฟสกีกล่าวพร้อมกับแสร้งทำท่าทางเป็นผิดหวัง “มีข้อมูลไม่ครบหรือ?”
“ไม่ แต่นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า คนอื่น ๆ คงไม่เปิดเผยแน่นอน ไม่มีใครอยากมีคู่แข่งมากขึ้นหรอก หากเจ้าไม่เต็มใจยอมรับการแลกเปลี่ยน ข้าก็จะไปหานักบุญของเจ้า ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะปฏิเสธหรอกน่ะ” ดวงตาที่ซีด และว่างเปล่าของนกแห่งความตายเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
เบลคอฟสกีโกรธเล็กน้อย แต่สิ่งล่อลวงนั้นยิ่งใหญ่กว่ามาก เขาชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียจากนั้นเขาก็พยักหน้า “ถ้าเราแค่พูดถึงวิธีขโมย และใช้พลังแห่งศรัทธานั่นก็ไม่ใช่ปัญหา”
ความลับที่สำคัญที่สุดของศาสนจักรทางเหนือยังคงเป็นหนทางในการส่งต่อความแข็งแกร่งผ่าน “ความเป็นพระเจ้า”
“ถูกต้อง เราต้องให้ข้อมูลสายเลือดพรกำจัดให้ข้าด้วย ข้าค่อนข้างสนใจเรื่องนี้” นกแห่งความตายกล่าวถึงด้วยท่าทางราวกับว่ามันเป็นเพียงปัญหาที่ไม่สำคัญ
หลังจากการแตกแยกของผู้พิทักษ์ราตรีของศาสนจักรทางเหนือมีอัศวินมากมายที่มีสายเลือดพรกำจัด พวกเขามีข้อมูลมากมาย
เบลคอฟสกีคิดว่ามันเป็นประเด็นที่ไม่สำคัญเช่นกัน ข้อมูลเรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับ แต่เขาก็ยังเชื่อว่าจำเป็นต้องแสดงท่าทีของเขาออกมา “ไม่มีข้อเรียกร้องอื่น เว้นแต่เจ้าจะเสนอสิ่งมีค่าอื่น ๆ”
นกแห่งความตายหัวเราะเบาๆ “ได้”
ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างรวดเร็วก่อนที่จะร่ำลาด้วยความพึงพอใจ
เมื่อมองไปที่รูปปั้นของสังฆราช และนักบุญองค์ก่อน ๆ ในห้องสวดภาวนา เบลคอฟสกีเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน แม้ว่าเขาจะไม่มีข้อมูลสุดท้ายและข้อมูลที่สำคัญที่สุด แต่เขาก็มีความก้าวหน้ามากขึ้น นอกจากนี้เขายังได้เลือกแหล่งที่มาของข้อมูล ผู้เชี่ยวชาญที่ล่วงรู้ความลับเช่น เดโมกอร์กอนแห่งความมืดภายหลังต้องระวังให้ดี!
ภายในจักรวาลอะตอม ลูเซียนลืมตาขึ้น และทันใดนั้นนกสีดำแห่งความตายก็สลายหายไป
ครั้งนี้เขาแสร้งทำเป็นนกแห่งความตายส่วนหนึ่งก็เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล และอีกส่วนหนึ่งเพื่อสร้างศัตรูใหม่ให้กับไวเค็นเพื่อทำให้สถานการณ์วุ่นวาย ท้ายที่สุด วิธีสุดท้ายและวิธีที่สำคัญที่สุดก็ยังไม่ได้เสนอให้กับเบลคอฟสกี และยังมีหนทางอีกยาวไกลก่อนที่เขาจะกลายเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ ลูเซียนไม่ต้องการให้ในอนาคตสภามีศัตรูมนุษย์ครึ่งเทพเพิ่มขึ้น
“เจ้าไม่ได้จะพยายามทำให้สถานการณ์วุ่นวายเหรอ? ข้าจะช่วยทำให้มันมากขึ้น! แต่ความวุ่นวายในตอนนี้มันไม่พอ…” ลูเซียนแสดงสีหน้าที่นักเรียนของเขาเรียกว่ารอยยิ้มปีศาจออกมา
………………………………………