ฮาเร็กซ์จักรพรรดิแห่งคัวโทนที่รู้จักกันในนามเจ้าแห่งมหาสมุทรไร้พรมแดนที่มีขุนพลแห่งท้องทะเลระดับตำนานทั้งเจ็ดอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเขา อย่างไรก็ตามพื้นที่ของมหาสมุทรไร้พรมแดนที่ได้สำรวจไปเรียบร้อยแล้วนั้นมีขนาดใหญ่กว่าทวีปถึงสองเท่าแล้ว นี่ยังไม่ได้พูดถึงน่านน้ำที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกตลอดเวลา “ดินแดน” ที่กว้างขวางเช่นนี้กลับถูกควบคุมจากระดับตำนานขั้นที่ 8 เพียงเท่านั้นหรือ?
แน่นอนว่าหากไม่มีศัตรูจากภายนอกก็อาศัยเพียงแค่ระดับตำนานชั้นยอดเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะควบคุมมหาสมุทรไร้พรมแดนได้แล้ว แต่เอล์ฟแห่งสายธารที่ได้รับการสนับสนุนจากราชสำนักเอลฟ์ สภาเวทมนตร์ที่คอยควบคุมเกาะหลายแห่ง ศาสนจักรฝ่ายใต้ที่คอยส่งตัวแทนหลายคนมาประจำการบริเวณทางใต้ของมหาสมุทร กองกำลังแสงจันทร์ที่อยู่ใกล้กับสภาแห่งความมืด และจิฟส์ เมอร์ล็อกผู้แข็งแกร่งราวที่คอยบงการฮาเร็กซ์ให้ดำเนินการอย่างรอบคอบ ความขัดแย้งโดยตรงระหว่างราชสำนักเอลฟ์กับเขาได้เบี่ยงเบนความสนใจกองกำลังส่วนใหญ่ของเขาเอาไว้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อย่างน้อยดินแดนหนึ่งในสามของมหาสมุทรไร้พรมแดนที่ยังไม่มีผู้ครอบครัวนั้นก็อยู่ในสภาพวุ่นวายเป็นอย่างมากและเป็นไปไม่ได้เลยที่นักเวทย์จะสำรวจมหาสมุทรอันกว้างใหญ่โดยที่ไม่เหลือร่องรอยใดๆ ไว้ ดังนั้นนักเวทย์ระดับตำนานจากสภาเวทมนตร์จึงไม่แน่ใจเกี่ยวกับจำนวนที่แน่นอนของสิ่งมีชีวิตระดับตำนานในมหาสมุทรไร้พรมแดน ท้ายที่สุดแล้วสัตว์ทะเลบางชนิดก็อาศัยอยู่ที่ก้นมหาสมุทรที่อยู่ลึกลงไปหลายพันเมตร และจะโผล่ขึ้นมาทุกๆ สองหรือสามร้อยปีเท่านั้น นี้เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่งที่คนภายนอกไม่รู้จักพวกมัน
ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินเพลงของนางเงือกที่จะทำให้ผู้คนสูญเสียสติ และจิตวิญญาณดังขึ้น ปฏิกิริยาแรกของลูเซียนกับนาตาชาคือสงสัยว่านางอาจเป็น “เจ้าหญิงเงือก” ที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเจ้าแห่งมหาสมุทรไร้พรมแดนหรือว่าเป็นนางเงือกระดับตำนานตนอื่น
“ไม่ว่านางจะเป็นใคร แต่ตอนนี้เราเจอนางแล้ว เราควรจะถามทางจากนางดีกว่า ข้าอยากรู้ว่าตั้งแต่นางอาศัยอยู่ส่วนลึกของมหาสมุทรไร้พรมแดน นางได้รู้อะไรเกี่ยวกับประตูน้ำเงินหรือไม่?” ลูเซียนระงับความสับสน และยิ้มเบาๆ อีกครั้ง
นาตาชาพยักหน้า และกล่าวชมในทันทีว่า “ทุกคนบอกว่าเพลงของนางเงือกคือดนตรีที่ดีที่สุดในโลก และงดงามเกินกว่าสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาจะชื่นชมได้เสียอีก เมื่อใดที่พวกเขาได้ยิน จิตวิญญาณของพวกเขาจะสูญหายไปในบทเพลง และพวกเขาจะลุ่มหลงจนไม่สนใจสิ่งอื่นใดจนกว่าพวกเขาจะตาย ข้าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่วันนี้หลังจากที่ข้าได้ยินเองกับหู ข้าก็รู้ได้ทันทีว่ามันดียิ่งกว่าข่าวลือเสียอีก นี่ถ้าเรายังไม่ได้อยู่ในระดับตำนานวิญญาณของพวกเราก็คงจะสูญสลายไปแล้ว”
ต้องขอบคุณการปกป้องของ “ปราการคุ้มกันจิต” และ “คทาอวกาศ” ไม่อย่างนั้นเพลงที่ไพเราะแต่ทะลุถึงจิตวิญญาณก็คงจะลอยเข้าหูของนางเป็นที่เรียบร้อย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนางถึงรู้สึกช็อตจนถึงตอนนี้ได้อย่างชัดเจน
ลูเซียนที่ฟังอย่างระมัดระวังถึงกับหัวเราะเบา ๆ ผ่านกระแสจิต “นี่คือนางเงือกระดับตำนาน ฮิฮิ ข้าพยายามเรียกคืนเพลงของนางด้วยความรู้ด้านดนตรีของข้า แต่หากปราศจากเวทมนตร์ช่วยเหลือ และพลังทางจิตวิญญาณก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำสำเร็จ เช่นเดียวกับเป็นไปไม่ได้ที่ใช้เปียโนทั่วไปเล่นท่วงทำนองที่มีผลกระทบทางเวทมนตร์ นอกจากนี้หากไม่มีความเชี่ยวชาญเทียบเท่านาง ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเล่นเลียนแบบแม้ว่าข้าจะใช้พลังทางวิญญาณและเวทมนตร์ก็ตาม”
ลูเซียนมีจิตวิญญาณประดับตำนานขั้นสาม และเขากำลังเผชิญหน้ากับนางเงือกระดับตำนาน ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องร่ายเวทมนตร์ต่อต้านเพลงนี้ และยังสามารถ “ชื่นชม” ต่อไปได้
นักเวทย์ทุกคนที่จิตวิญญาณไม่หายไปหลังจากที่พวกเขาเห็นนางเงือกพยายามสร้างคาถาลวงตาโดยการทำซ้ำเพลงของพวกเขา อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลหลายประการผลิตภัณฑ์สุดท้ายของพวกเขาไม่ได้เกือบจะมหัศจรรย์และน่าประหลาดใจเท่าเพลง ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าตั้งชื่อภาพลวงตาว่า “เพลงนางเงือก”
“ถ้ามีใครในโลกนี้ที่สามารถเลียนแบบเพลงของนางเงือกได้ก็คงเป็นเจ้าที่มีการผสมผสานระหว่างมหาจอมเวท และนักดนตรีที่ยิ่งใหญ่ ข้าจำได้ว่าเวทมนตร์ที่นักเวทย์บางคนสร้างขึ้นจากการจำลองนั้นยังห่างไกลจากของแท้ดั้งเดิมมากเพราะพวกเขาไม่ได้เข้าใจดนตรีอย่างลึกซึ้ง” นาตาชาพูดติดตลก “จากนั้นเจ้าก็เขียนเพลงที่ไม่มีผลกระทบเวทมนตร์เพื่อให้คนอื่น ๆ ได้เพลิดเพลินไปกับความมหัศจรรย์จากเพลงของนางเงือก ข้าคิดชื่อไว้แล้ว มันคือเพลงบรรเลงลำดับที่สิบสอง”
ในขณะที่ทั้งสองคนคุยและหัวเราะด้วยกัน เวทสอดแนมของลูเซียนก็มีปฏิกิริยาบางอย่าง มันเป็นกลุ่มของแนวปะการัง นางเงือกที่มีผมสีฟ้ายาวถึงปั้นเอวกำลังลอยอยู่เหนือผิวน้ำมหาสมุทร และกำลังร้องเพลงดังกระทบกับแนวปะการัง รายล้อมไปด้วยนางเงือกตนอื่นๆ และสัตว์ทะเลที่สูญเสียสติสัมปชัญญะ และจิตวิญญาณรวมถึงปลาหมึกขนาดมหึมา ฉลามรูปร่างประหลาดที่มีความยาวหลายสิบเมตร และสัตว์ประหลาดที่มีหัวเป็นมนุษย์และลำตัวเป็นปู …
“นอกจากนางเงือกแล้วก็ไม่มีอะไรที่เป็นอันตราย เราสามารถจู่โจมได้โดยตรง” แม้ว่าลูเซียนจะเชื่อว่าเขาแข็งแกร่งพอที่จะจัดการนางเงือกระดับตำนานได้ แต่เขาก็ยังคงเปิดใช้เวทมนตร์สอดแนมตามนิสัยของนักเวทย์เพื่อป้องกันกับดัก
“เยี่ยมมาก บอกเลยว่านางเงือกงามมาก ดูเหมือนว่าพวกนางจะถูกสร้างมาจากน้ำที่บริสุทธิ์ที่สุด และพวกนางก็มีความงามอย่างน่าอัศจรรย์อย่างไม่อาจจะจินตนาการได้…” ดวงตาสีเงินของนาตาชาเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความคาดหวัง
ลูเซียนส่ายศรีษะด้วยรอยยิ้ม ความจริงแล้วน่าจะเป็นเขาที่อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับ “เจ้าหญิงเงือก” มากกว่าน่ะ
พวกเขาสองคนบินด้วยความเร็วจนปรากฏแสงสองสายบนท้องฟ้า ไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงแนวเหนือปะการังและได้เห็นนางเงือกระดับตำนานที่มีร่างกายครึ่งบนเป็นมนุษย์และครึ่งล่างเป็นหางปลา
เกล็ดของนางแวววาวราวกับทองคำแต่ก็ยังให้ความรู้สึกโปร่งแสงแอบแฝงไปด้วยกลิ่นอายชวนฝันภายใต้แสงอาทิตย์ซึ่งแตกต่างจากนางเงือกตนอื่นๆ
ร่างกายครึ่งบนของนางเงือกเปลือยเปล่า และผิวงก็ขาวราวกับน้ำนม ผมยาวสีฟ้าของนางปล่อยสยายลงมาคลอเคลียปกคลุมหน้าอกสมบูรณ์แบบพอดี ใบหน้าของนางบอบบางไร้เดียงสา และเต็มไปด้วยเสน่ห์ ดวงตาสีฟ้าของนางราวกับดึงดูดจิตวิญญาณเหมือนกับบทเพลงของนาง
“ฮ่า นางงามยิ่งกว่าข่าวลือด้วยซ้ำ” นาตาชายิ้มเหมือนสุภาพบุรุษ แต่ดาบแห่งสัจธรรมในมือของนางยังคงสงบนิ่งพร้อมโจมตีได้ตลอดเวลา ดวงตาสีเงินของนางมีเพียงแค่ความสนใจ และความระมัดระวัง ตอนนี้ความอยากรู้อยากเห็นของนางได้รับการเติมเต็มแล้ว
นางเงือกรู้สึกได้เมื่อทั้งสองเข้าใกล้ นางโบกหางสีทองและตบลงบนผิวน้ำมหาสมุทรก่อให้เกิดคลื่นสึนามิที่อาจทำลายมหาสมุทร แต่นางกลับเห็นว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวของลูเซียนเปลี่ยนไป ทันใดนั้นท้องฟ้าสีครามก็มืดลงราวกับว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลากลางคืน และมหาสมุทรก็ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด ท่ามกลางความมืดมิดกลับมีดวงดาวสีทอง สีเงิน สีขาวและสีอื่นๆ ส่องแสงระยิบระยับ ท่ามกลางดวงดาวเหล่านี้กลับมีลูกไฟที่ดูน่ากลัวแผ่ความร้อนที่ไม่อาจจินตนาการเหมือนกับดวงอาทิตย์
ดวงตาสีฟ้าที่น่าหลงใหลของนางหรี่ลงกะทันหัน นางหยุดโบกหาง และร้องเพลงถามด้วยเสียงที่นุ่มนวลชัดเจนว่า “แขกที่รัก เจ้ามาหาข้าเหรอ?”
ก่อนหน้านี้นางใช้ลิ้นที่แปลกๆ ของนางเงือก แต่จากนั้นก็เปลี่ยนไปใช้ลิ้นธรรมดาๆ ของชาวเผ่าทะเล แต่สำหรับลูเซียนผู้มีความรู้ ทั้งสองภาษานี้เป็นภาษาที่เขาค่อนข้างคล่อง แม้ว่านาตาชาจะไม่มีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับอาร์คาน่าศาสตร์ แต่การเรียนภาษาก็เป็นวิชาบังคับสำหรับขุนนางทุกคน และลูเซียนก็ “สอน” นางไว้มากมาย ดังนั้นนางก็สามารถเข้าใจได้เช่นกัน
“เราสงสัยว่าเจ้าเป็นหนึ่งในขุนพลแห่งท้องทะเลที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเจ้าแห่งมหาสมุทรไร้พรมแดนหรือเปล่า คุณผู้หญิง?” ลูเซียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย แต่เขาก็ไม่ชอบการต่อสู้ และการเข่นฆ่าที่ไร้ความหมาย ก่อนหน้านี้ที่เขาแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งก็เพื่อให้นางเงือกได้มองเห็นช่องว่างความต่างระหว่างพลัง และเพื่อให้นางตัดสินใจได้อย่างสมเหตุสมผล บางครั้งการข่มขู่ก็มีประโยชน์มากกว่าการต่อสู้
นางเงือกตอบด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะว่า “ใช่ ข้าชื่อดอริส มีอะไรให้ข้าช่วยไหม”
ดอริสเป็นชื่อของเจ้าหญิงเงือก
เมื่อเห็นว่าเจ้าหญิงเงือกมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก แต่ก็กลัวเกินกว่าที่จะเข้าโจมตีลูเซียน นางจึงยิ้มและพูดว่า “คุณผู้หญิง ข้าอยากรู้ว่าเจ้าสามารถบอกอะไรเกี่ยวกับประตูน้ำเงินได้บ้างไหม?”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร…” ดอริสรู้สึกประหลาดใจมากที่นางโพล่งคำถามออกไป แต่นางก็หยุดทันทีราวกับว่าความลับของนางเพิ่งถูกเปิดเผย
นาตาชา และลูเซียนมองหน้ากัน นี้มันไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอ?
…………………………………