Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 790 สอดแนม

บทที่ 790 สอดแนม

หากเป็นผู้อื่น พวกเขาคงจะคาดเดาได้เพียงเลาๆ ถึงผู้ต้องสงสัยที่เป็นไปได้ แต่เบเนดิกต์ที่สามรู้ดีว่าลูเซียนเพียงเข้าใจความลับเกี่ยวกับความรู้สึกแง่ลบและปีศาจแห่งบรรพกาล แต่หาได้ตระหนักถึงวิธีการฉกฉวยและใช้ประโยชน์จากพลังศรัทธา และรู้ว่าลูเซียนกำลังลอบพัฒนาศาสนจักรไอน้ำอยู่ ดังนั้น มันจึงเป็นไปได้มากที่ลูเซียน อีวานส์ กับพวกศาสนจักรฝ่ายเหนือจะแลกเปลี่ยนสิ่งที่รู้กันเพื่อทดแทนสิ่งที่ตนขาดไป

แน่นอนว่า ด้วยความฉลาดเฉลียวของเขา พระสันตะปาปาไวเค็นรู้ดีว่าไม่ควรด่วนสรุปอะไร ความเป็นไปได้ที่ไม่สามารถตัดออกไปได้ก็คือ อาจมีผู้อื่นทำเรื่องนี้โดยมุ่งหวังจะทำให้สถานการณ์วุ่นวาย

“หากเป็นเจ้าจริงๆ ล่ะก็ ทักษะในการแสดงของเจ้าคงจะดีกว่านักแสดงมืออาชีพเสียอีก…” สีหน้าโกรธเกรี้ยวของเบเนดิกต์ที่สามเลือนหายไปแล้ว แต่เขายังคงขบกรามแน่น

ตอนที่เขาล่อลวงลูเซียนก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายปฏิเสธอย่างเคร่งขรึมจริงจัง เขาประกาศกร้าวว่ามันเป็นเพียงการทดลองและเขากำลังไล่ตามหาความลี้ลับของธรรมชาติที่มีอยู่ในนั้น มิได้สนใจในเส้นทางนี้จริงๆ เนื่องด้วยความเกลียดชังที่เขามีต่อหนทางสู่การเป็นมนุษย์ครึ่งเทพที่สร้างขึ้นโดยธานอสและตัวเขาเอง รวมถึงทัศนคติทางด้านอาร์คานาตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ไวเค็นจึงเชื่อเขาจริงๆ…

“อันดับแรก ข้าต้องหาคำตอบให้ได้ว่าเบลคอฟสกีกับคนของเขาครอบครองความลับในส่วนที่เกี่ยวกับการผนวกรวมพลังแห่งความรู้สึกกับพลังศรัทธาหรือไม่…หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็จำต้องเร่งมือ ข้าจะต้องลงมือก่อนที่พวกนั้นจะทะลวงขั้นขึ้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพได้…” ความรู้สึกแง่ลบทั้งหมดในตัวเบเนดิกต์ที่สามหายไปแล้วและถูกโยนไปให้สัตว์ประหลาดไวเค็นผ่านช่องทางเชื่อมต่อแสนพิสดาร เขาหาได้หัวเสียกับ ‘การหลอกลวง’ ที่เป็นไปได้ของลูเซียนอีกต่อไป กลับเริ่มครุ่นคิดถึงสิ่งที่ตนควรจะทำในยามนี้

แม้ว่าหนทางสู่การเป็นมนุษย์ครึ่งเทพที่สร้างขึ้นโดยธานอสและตัวเขาจะช่วยให้พวกตนกลายเป็นมนุษย์ครึ่งเทพได้ แต่มันก็ยังมีเรื่องบังเอิญและความผกผันเปลี่ยนแปลงอีกมากมายที่เขาไม่อาจเข้าใจได้เลยสักนิดในระหว่างกระบวนการ ด้วยเหตุนี้ โอกาสที่จะสำเร็จจึงต่ำกว่าที่เห็น แม้จะมีเทวภาพและพลังศรัทธาที่สั่งสมมาหลายต่อหลายชั่วอายุคน มันก็ยังมีความเป็นไปได้น้อยมากที่เบลคอฟสกีและคนของเขาจะกลายเป็นมนุษย์ครึ่งเทพได้ และหากพวกเขาล้มเหลว พวกเขาก็คงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินกว่าจะลองพยายามอีกครั้งในอีกหลายร้อยปีถัดไป หรือไม่ก็อาจดับสูญไปทันที

แต่ไม่ว่าโอกาสจะต่ำมากเพียงใด มันก็ยังเกิดขึ้นได้อยู่ดี เขาจึงต้องพิสูจน์ยืนยันถึงความรู้ที่อีกฝ่ายมีและปรับเปลี่ยนแผนการของตนไปตามนั้น

เบเนดิกต์ที่สามคว้าจับคทาทองคำขาวที่วางอยู่ข้างกายขณะมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิดหนัก “…อีกทางหนึ่ง ข้าต้องรู้รายการวัตถุดิบทั้งหมดที่ลูเซียน อีวานส์ เบิกมาตลอดสองปีที่ผ่านมา บางทีข้าอาจค้นพบอะไรบางอย่าง…’สกุณาแห่งความตาย’ ถึงเวลาที่เจ้าจะทำหน้าที่ของเจ้าแล้ว นี่มิใช่คำขู่หรือคำสั่ง ซึ่งขัดต่อข้อสัญญาระหว่างพันธมิตรของเรา แต่ยังเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเจ้าด้วยเช่นกัน เจ้าควรจะรู้ว่าอะไรดีที่สุดต่อตนเองนะ…”

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา รายชื่อวัตถุดิบที่ลูเซียน อีวานส์ ขอเบิกในช่วงสามปีที่ผ่านมาก็มาวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเบเนดิกต์ที่สาม

นักเวททุกคนจำต้องทำการทดลองและสร้างอุปกรณ์กับเครื่องมือที่เหมาะสมอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ รายการจึงมีเป็นร้อยๆ หน้า หากผู้ใดได้มาอ่านอาจจะรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าและไม่อาจประเมินค่าอันใดได้เลย

“หากเป็นผู้อื่นล่ะก็ พวกเขาคงมิมีทางค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงอย่างแน่นอน…” เบเนดิกต์ที่สามมีสีหน้ามืดมนราวกับปลักตมขณะที่เขาเปิดไปทีละหน้าและทำสัญลักษณ์ไว้บนวัตถุดิบบางชิ้น

เขากำลังตรวจดูรายการสิ่งของของลูเซียนและทำสัญลักษณ์บนวัตุดิบซึ่งวิธีการเลื่อนขั้นขึ้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพของเขาจำเป็นต้องใช้ หากว่ามีเพียงไม่กี่สิ่งเท่านั้นที่ตรงกัน ก็หมายความว่าพวกมันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น แต่หากว่ารายการนี้มีวัตถุดิบส่วนใหญ่ที่ใช่ คำตอบก็ย่อมเป็นที่ชัดเจน ในฐานะนักเวทชั้นตำนาน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลูเซียนจะมีขุมสมบัติและแหล่งทรัพยากรเป็นของตนเอง และเขาก็ไม่มีทางแลกเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างมาจากสภาเวทมนตร์

วงกลมสีดำถูกวาดลงบนกระดาษเพิ่มขึ้นทีละวงๆ และใบหน้าของเบเนดิกต์ที่สามก็ยิ่งบูดบึ้งขึ้นเรื่อยๆ หลังจากตรวจดูทั้งหมดร้อยกว่าหน้าแล้ว ท้ายที่สุดเขาก็นั่งจ้องมองความว่างเปล่าพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “วัตถุดิบแปดสิบเจ็ดอย่างในนี้ตรงกับที่ต้องใช้ในวิธีการเลื่อนขั้นขึ้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ นับว่ามากถึง 73% ของวัตถุดิบทั้งหมดที่ต้องใช้เลยทีเดียว…”

ทันใดนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “วัตถุดิบแปดสิบเจ็ดอย่างนี้ยังรวมอยู่ในวัตถุดิบที่ต้องใช้ในพิธีกรรมการผสานรวมพลังแห่งความรู้สึกและพลังศรัทธาเพื่อทะลวงผ่านขึ้นสู่ขั้นมนุษย์ครึ่งเทพอีกด้วย! นี่ลูเซียน อีวานส์ ล่วงรู้ถึงขั้นตอนสุดท้ายจากผู้มีพลังชั้นตำนานคนอื่นเช่นนั้นรึ หรือว่าเขารู้เรื่องนี้ด้วยตนเองกันแน่”

หากเป็นนักเวทชั้นตำนานคนอื่นๆ หรือแม้แต่ดักลาสเอง เบเนดิกต์ที่สามคงไม่นึกกังขาเช่นนั้น แต่ลูเซียนได้ศึกษาพลังศรัทธากับพลังแห่งความรู้สึกมานานหลายปี และยังเป็นผู้เปิดประตูเข้าไปในห้องอมตะนิรันดร์ ได้รู้เห็นปริศนาอมตะ และเป็นผู้นำเสนอทฤษฎีแสนอัศจรรย์เหนือจินตนาการมากมาย ฉะนั้นแล้ว มันจึงเป็นไปได้ว่าเขาจะบรรลุเส้นทางการเลื่อนขั้นขึ้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพด้วยตนเองโดยใช้องค์ความรู้ที่เขาเข้าใจดีอยู่แล้ว!

“…ข้าจะปล่อยให้เขากลายเป็นมนุษย์ครึ่งเทพไม่ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มิเช่นนั้น เขาอาจจะเลื่อนขั้นขึ้นเป็นพระเจ้าเที่ยงเท้ก่อนที่ข้าจะมีความมั่นใจเพื่อทำเช่นนั้น…” เบเนดิกต์ที่สามหรี่ตาลง

เมื่อคิดเช่นนั้น เขาก็ผุดลุกขึ้นยืน “มีข่าวจากเทือกเขาไร้แสงก่อนหน้านี้ว่าลูเซียน อีวานส์ แปรสถานภาพสำเร็จแล้ว เมื่อดูจากการเตรียมการวัตถุดิบเหล่านี้ ก็เป็นไปได้ว่าเขาจะลองเลื่อนขั้นขึ้นไปในอีกปีหรือสองปีนี้…”

“…ข้าต้องบอกให้สกุณาแห่งความตายและชั้นตำนานคนอื่นๆ ที่เต็มใจร่วมมือกับข้า ให้เพ่งความสนใจไปที่ตำแหน่งที่อยู่ของเขาและศาสนจักรไอน้ำของเขา…”

ในเดือนแห่งน้ำแข็ง (ธันวาคม) ในยามที่หยาดน้ำทุกหยดที่อยู่ทางด้านนอกจะถูกแช่แข็งในทันที นครเรนทาโตนั้นมีหิมะปกคลุมจนขาวโพลน

ออกัสตุสนำฮาโรลด์ เมอร์นา และเหล่านักบวชสำคัญๆ ของศาสนจักรไอน้ำทำความเคารพสรรเสริญระเบิดนิวเคลียร์สีเงินที่พวกเขาชื่อว่ามันคือตัวแทนพลังของพระเจ้าแห่งไอน้ำ พวกเขาแสดงความนบนอบที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และสวดภาวนาให้พระองค์ปกปักรักษาพวกตนในปีถัดไป

พวกเขาใช้มือขวาปิดบังดวงตาและหมอบกราบลงบนพื้น พลางร้องสรรเสริญพระเจ้าแห่งไอน้ำอยู่ในใจ

ในตอนนั้นเอง ‘ระเบิดนิวเคลียน์’ สีเงินที่พลันเปล่งแสงเจิดจ้า ปกคลุมร่างของทุกคนในที่นั้นด้วยแสงพร่าเลือน

ทุกคนตัวสั่นสะท้าน ขณะรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่และสูงส่งช่วยคลายความวิตกกังวลในใจพวกเขา

“พระผู้ทรงอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง พระองค์คือเจ้าแห่งเขตแดนระหว่างความเป็นและความตาย พระองค์คือมหาราชเหนือราชันย์ทั้งปวง พระผู้เป็นเจ้าเหนือเทพเจ้าทั้งปวง”

ลำแสงสีเงินแผ่พุ่งออกมาจาก ‘ระเบิดนิวเคลียร์’ และตกกระทบลงบนศีรษะของอาร์ชบิช็อปออกัสตุส จากนั้น ทุกอย่างก็กลับสู่ความเป็นปกติ

ออกัสตุสยืนขึ้นช้าๆ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดระคนตื่นเต้น “พระองค์เพิ่งจะเปลี่ยนแปลงบทสวดและสั่งการว่าเราควรจะจัดพิธีสวดแบบยิ่งใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์สุดท้ายของทุกๆ เดือน เพื่อที่พระสิริของพระองค์จะได้กำจรกำจายไปหาเหล่าคนแคระ นอกเหนือจากกลุ่มเรา และพวกเขาก็จะพ้นภัยจากบรรดาพระเจ้าเทียมเท็จ!”

“ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก”

ด้วยอาศัยอยู่ในนครเรนทาโตมานาน พวกเขาจึงได้รับอิทธิพลจากศาสนานักบุญสัจธรรมมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทำให้บทสวดบางส่วนเข้ามาผสมผสานกับ ‘บันทึกความวินาศแห่งเครื่องจักรกล’ ของพวกเขา

หลังจากที่พิธีสักการะบูชาจบไป และหลังจากที่ออกัสตุสนำเหล่านักบวชสำคัญๆ ไปเอ่ยคำสอนให้กับคนแคระคนอื่นๆ กลุ่มควันดำมืดก็พลันปรากฏขึ้นบนยอดระเบิดนิวเคลียร์สีเงิน ก่อนจะมีนกตัวหนึ่งที่อัดแน่นด้วยกลิ่นเหม็นสาบของความตายเกาะอยู่บนนั้น มันกวาดตามองสิ่งที่ตกค้างอยู่ภายในระเบิดนิวเคลียร์สีเงินนี้อย่างถ้วนถี่

“การชุมนุมครั้งใหญ่ทุกๆ เดือน และการเปลี่ยนบทสวด เฮะๆ เจ้ารั้งรอต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะสิ” เจ้านกส่งเสียงอันแปลกประหลาด

หลังจากเกิดเสียงแปลกๆ นั้น เจ้านกก็หายลับไปอย่างเงียบเชียบ เป็นตอนนั้นเอง บรรยากาศชั่วร้ายอย่างที่สุดพลันแผ่ออกมาจากทิศทางใดมิทราบและพุ่งเข้าไปภายในห้อง

“การเปลี่ยนแปลงล่าสุดของศาสนจักรไอน้ำ…” ข่าวกรองสองสามชิ้นเกี่ยวกับเรื่องนั้นถูกรวบรวมมาไว้ในมือเบเนดิกต์ที่สาม

สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยขณะเคาะนิ้วกับโต๊ะและครุ่นคิดกับตนเอง ‘ดูเหมือนว่าความคืบหน้าของเขาจะรวดเร็วกว่าที่ข้าคาดการณ์ไว้ หากมิใช่เพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในศาสนจักรฝ่ายเหนือ เขาอาจจะตบตาข้าได้จริงๆ และเขาก็คงจะกลายเป็นมนุษย์ครึ่งเทพไปแล้วในตอนที่ข้ารู้เรื่องนี้’

เบเนดิกต์ที่สามเอนหลังพิงพนักขณะคิดในใจ ‘เจ้าจะไปซ่อนตัวอยู่ที่ใดเพื่อทำการเลื่อนขั้นกันนะ ลูเซียน’

เมื่อคิดเช่นนั้น เขาก็พลันส่งเสียงขึ้นจมูก ‘ไม่ว่าเจ้าจะไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด ข้าก็จะตามหาเจ้า คนอื่นๆ อาจจะทำเช่นนั้นมิได้ แต่ตราบใดที่เจ้าเดินอยู่บนเส้นทางแห่งพลังศรัทธา เจ้าจักไม่มีทางหลบซ่อนข้าได้!”’

เขาหยิบรูปปั้นแสนประณีตออกมาจากลิ้นชัก มันเป็นคนแคระศีรษะล้านที่มีลวดลายแปลกประหลาดชวนขนลุกอยู่บนศีรษะ

ไวเค็นหลับตาลงและแตะรูปปั้นเล็กๆ ของคนแคระศีรษะล้านนั้นด้วยมือซ้าย จุดแสงสว่างเรืองรองดูสูงส่งที่แทบจะมองไม่เห็นสำหรับคนอื่นๆ พลันปรากฏขึ้นและโอบล้อมมันไว้ราวกับเทวดานางฟ้าตัวน้อยๆ

เทวภาพที่เปล่งแสงสว่างเจิดจ้าอย่างปั่นป่วนยากจะสัมผัสได้ผุดขึ้นมาบนรูปปั้นคนแคระศีรษะล้านเช่นกัน เส้นสายดั่งภาพมายาจำนวนนับไม่ถ้วนแผ่ออกมาจากความว่างเปล่า

“พลังศรัทธาถูกเก็บรวบรวมไว้ใน…ใน…” ไวเค็นลืมตาโพลงและโพร่งออกมา “…ในภาพมายาสะท้อนของเทือกเขาไร้แสงภายในโลกแห่งวิญญาณ!”

…………………………………..

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท