เมื่อดอนนี่กลับมาถึงโรงเรียน ก็ยังพอมีเวลาเหลือก่อนที่ชั้นเรียนช่วงค่ำจะเริ่ม เขาจึงเดินสโหลสเหลกลับไปที่หอพัก ขณะพยายามคิดถึงปัญหานั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วนยิ่งขึ้น
“เจ้าไปไหนมา” แซมมี่นั่งดูโทรทัศน์ที่ฝังอยู่บนผนังอยู่บนเตียงโดยมีไก่ทอดอยู่ในมือทั้งสองข้าง รายการโทรทัศน์สนุกเสียจนเขาดูมีชีวิตชีวากว่าปกติ ส่วนเจ้าผีทางด้านหลังของเขากลับนอนคุดคู้อย่างเกียจคร้าน ดูไม่เต็มใจจะขยับไปที่ใดเลยสักนิด
ดอนนี่ตอบกลับด้วยท่าทางปกติ “ข้าบอกเจ้าแล้วมิใช่รึ ข้าไปที่จัตุรัสฉลองชัยเพื่อรับสร้อยคอสติแจ่มใสมา”
แซมมี่ยกมือขึ้นเกาศีรษะยุ่งๆ ของตนพลางตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “แสงอาทิตย์ตอนเที่ยงมันแรงเกินกว่าที่ข้าจะตื่นเต็มตา แล้วข้าจะไปจำสิ่งที่เจ้าพูดได้อย่างไรกัน”
ขณะพูด ชายหนุ่มก็หันขวับกลับมามองดอนนี่ “เดี๋ยวนะ เจ้าเพิ่งพูดว่า ‘สร้อยคอสติแจ่มใส’ ใช่หรือไม่ นี่เจ้าเก็บออมเงินได้มากพอจะซื้อมันแล้วหรือ”
ในที่สุดเขาก็จับใจความสำคัญได้
ดอนนี่กล่าวพร้อมยิ้มหยันตนเอง “ข้าจะเก็บเงินได้มากพอได้อย่างไรกันเล่า เงินสงเคราะห์สำหรับผู้ฝึกใช้มนตราและจอมเวทฝึกหัดนั้นมีน้อยยิ่ง และเราก็ไม่ได้มีทุนการศึกษามากมายขนาดนั้น ครั้งนี้ข้าเพียงแต่บังเอิญเจอกับเจ้าของร้านหนังสือใจดีก็เท่านั้น…”
เขาเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นให้สหายฟัง
แซมมี่พยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรกับดอนนี่อีก เขาแทบไม่เคยครุ่นคิดพิจารณาถึงสิ่งใดอย่างเป็นจริงเป็นจังยกเว้นเรื่องเวทมนตร์กับอาร์คานา
หลังจากพูดคุยกับดอนนี่เสร็จ แซมมี่ก็หันกลับไปดูโทรทัศน์ต่อ ในตอนนั้น รายการได้จบลงแล้วและถูกแทนที่ด้วยโฆษณา ซึ่งมีหญิงงามผู้หนึ่งกำลังนำเสนอเสื้อผ้าที่ดูงดงามและสะดวกสบายบนตัวนาง เพราะโรงงานแปรธาตุที่มีเพิ่มมากขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างทางสังคมซึ่งมีศูนย์กลางจากศูนย์การเล่นแร่แปรธาตุแห่งเรนทาโต รูปแบบของเสื้อผ้าจึงมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก หากพวกมันไม่เรียบง่ายและสวมใส่สบายเหมาะกับชีวิตประจำวัน ก็จะยิ่งมีความประณีตซับซ้อนดูแปลกใหม่
ด้วยคุ้นชินกับสภาพของแซมมี่ ดอนนี่จึงลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงตนเองและเอนกายลง พลางทบทวนกระบวนการด้วยความวิตกกังวลอีกครั้งและอีกครั้ง ขณะที่เขาคิดถึงตัวเลือกทั้งหลาย
ดอนนี่ยังคงตัดสินใจไม่ได้หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เขาจึงกระแอมไอแล้วพูดขึ้นว่า “แซมมี่ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะถามเจ้าสักหน่อย”
แซมมี่หันกลับมาอีกครั้ง ทว่าบัดนี้บนใบหน้าเขากลับฉายชัดถึงความเหนื่อยอ่อน “อะไรรึ”
“ข้ากำลังคิดว่าข้าควรเลือกวิทยาลัยเวทมนตร์แห่งไหนดี” ดอนนี่กล่าวเสียงแผ่ว
แซมมี่ขมวดคิ้วด้วยความมึนงง “เจ้าตัดสินใจจะเข้าโฮลต์มาตั้งนานแล้วมิใช่รึ เจ้าจะไม่ศึกษาเรื่องโลกจุลภาคที่แสนลึกล้ำและวิเศษสุดอีกต่อไปแล้วหรือ”
“ข้า…คงจะไม่แล้ว ในขอบเขตของโลกจุลภาค สูตรและสมการกว่าครึ่งจะต้องมีคำว่าอีวานส์หรือไม่ก็ลูเซียนอยู่ด้วย พวกมันซับซ้อนมากเสียจนข้าเกิดปฏิกิริยาทางกายทุกครั้งที่เห็นเลยล่ะ…” ดอนนี่กล่าวตามที่ใจคิด สุดท้าย เขาก็บอกว่า “ข้าอยากศึกษาสิ่งที่ง่ายกว่านั้น และมีสูตรกับสมการน้อยกว่า ข้าไม่อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับฝันร้ายที่ชื่อว่า ‘ลูเซียน อีวานส์’ ตลอดไป…เจ้าคิดว่าอย่างไร”
แซมมี่กัดไก่ทอดเคี้ยวกร้วมๆ ไม่ออกความเห็นใดกับความคิดที่จะหลบหนีจากลูเซียน อีวานส์ ของดอนนี่ ก่อนที่เขาจะกล่าวตอบเรียบๆ “ขอบเขตโลกจุลภาคในทุกวันนี้รวมเอาสำนักเวทธาตุ แม่เหล็กไฟฟ้า เล่นแร่แปรธาตุ แสงสว่าง-ความมืด และสนามแรงเข้าไว้ด้วยกัน นั่นคือสนามรบหลักของท่านลูเซียน หากเจ้าไม่อยากศึกษามัน ข้าคิดว่าเจ้าคงทำได้เพียงศึกษาโหราศาสตร์ในโลกมหัพภาพ…”
เมื่อเขาพูดมาถึง ‘โหราศาสตร์’ สายตาเขาก็ตวัดไปมองทางมุมหนึ่งของห้องพัก ที่ที่มีตำรามากมายที่พวกเขายืมมาจากห้องสมุดและตำราเรียนตลอดห้าปีที่ผ่านมากองอยู่
‘ทบทวนทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษและทั่วไปโดยคร่าว’ ‘การวิเคราะห์อีวานส์ว่าด้วยเรื่องดาวจรัสฟ้าแห่งเทวลิขิต’ ‘แบบจำลองแก่นพลังอีวานส์และเทวภาพ’ ‘โหราศาสตร์ลูเซียน’…ชื่อตำราเหล่านั้นเด่นสะดุดตาแซมมี่จนเขาสำลักไก่ “ไม่ใช่สำนักโหราศาสตร์…นั่นก็เป็นอาณาบริเวณของท่านอีวานส์เช่นกัน แม้ว่ามันจะไม่เลวร้ายเท่าขอบเขตของโลกจุลภาค แต่ข้าเคยได้ยินมาว่าแค่สมาการสนามอีวานส์อย่างเดียวก็ทำให้นักโหราศาสตร์หลายคนเสียสติเลยทีเดียว”
“ใช่ สำนักอุณหพลศาสตร์ก็เช่นกัน…” ดอนนี่ลูบหน้าผากด้วยความรู้สึกปวดตุบ “ทีนี้ก็เหลือศาสตร์มืด มายา แปลงกาย และอัญเชิญเท่านั้นที่ท่านอีวานส์ไม่ได้มีอิทธิพลเสียเท่าไหร่ ในเมื่อข้าไม่ค่อยชอบศาสตร์ในการอัญเชิญ ข้าว่าข้าคงเลือกได้แค่ศาสตร์มืด มายา และแปลงกายแล้วล่ะ”
ดวงตาของแซมมี่เป็นประกายขึ้นโดยพลัน เขาหยุดส่งไก่ทอดเข้าบอกแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเก่งด้านจิตวิเคราะห์ในมายาศาสตร์มิใช่หรือ สมัครหอคอยพ่อมดสิ”
“จิตวิเคราะห์…” ดอนนี่ตื่นเต้นดีใจในทีแรก แต่แล้วก็ราวกับว่าเขานึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปมองทางชั้นวางหนังสือ
การตีความความฝัน โดยแลนนิสเตอร์ สตานิส และลูเซียน อีวานส์…
จิตวิทยาพฤติกรรม โดยลูเซียน อีวานส์ เอริก้า ลาวินีย์ อิสซาเบลลา…
สิบหกวิธีการตอบโต้เพื่อรับมือกับความผิดปกติทางบุคลิกภาพ จิตวิทยาเรื่องเงา และภาพมายาที่แท้จริง โดยลูเซียน อีวานส์…
การประยุกต์ใช้การวิเคราะห์บุคลิกภาพของลูเซียนในมายาศาสตร์…
…
ดอนนี่เก็บสายตากลับมาแล้วฟาดมือลงบนเตียงอย่างแรง ก่อนที่เขาจะก้มศีรษะลงด้วยความคับข้องใจ “นี่ก็ใช้ไม่ได้เช่นกัน แม้ว่ามันจะมิได้มีสูตรและสมการอะไรมากมาย แต่ลูเซียนกับอีวานส์ก็ยังคงมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง คำนิยามหลายๆ อย่างในศาสตร์แขนงนี้ก็เป็นท่านอีวานส์ที่กำหนดขึ้น…”
‘เหตุใดท่านจึงมีอยู่ทุกหนทุกแห่งเลยเล่า’
แม้ว่ามันจะดีกว่าศาสตร์ด้านโลกจุลภาคและมหัพภาคมากนัก แต่ดอนนี่ ที่จิตใต้สำนึกอยากจะหนีไปจากมัน ก็ยังคงประหลาดใจเกินกว่าจะมองพิจารณาพวกมันอีกครั้ง
วิญญาณทางด้านหลังแซมมี่เริ่มกระตือรือร้นขึ้น มันหยิบอุปกรณ์ต่างๆ รอบกายขึ้นมาเล่น ส่วนแซมมี่ก็เริ่มมีท่าทีเอื่อยเฉื่อยขณะกล่าว “เช่นนั้น ก็เหลือเพียงสำนักศาสตร์มืดกับสำนักแปลงกาย ท่านอีวานส์แทบจะไม่เคยสร้างความสำเร็จในสองศาสตร์นี้เลย ยกเว้นแต่เพียงทฤษฎีธรรมชาติของวิญญาณที่ไม่มีรายละเอียดอันใด กับการทดลองต้นกำเนิดของชีวิตที่โน้มเอียงไปทางสำนักเวทธาตุเสียมากกว่า”
“อีกอย่าง ศาสตร์มืดกับมายาศาสตร์นั้นต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกายในแต่ละสายพันธุ์ ฉะนั้นแล้ว สมัครเข้าวิทยาลัยไฮด์เลอร์เถิด ที่นี่เชี่ยวชาญด้านกายวิภาคศาสตร์และชีววิทยาที่สุดในสภาเวทมนตร์แล้ว บางครั้ง ท่านฟิลิเปยังอาจมาสอนด้วยตนเองอีกด้วย นอกจากนี้ เราจะยังได้เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันต่อไปด้วย”
เขามีอาการง่วงเหงาหาวนอนเสียแล้ว แต่ดวงตาของเขากลับยังคงเต็มไปด้วยแรงปรารถนายามเอื้อนเอ่ยประโยคนั้น เป็นเพราะวิญญาณเกาะติด คนส่วนใหญ่จึงหวาดกลัวและรังเกียจเขา หอพักสำหรับสี่คนบัดนี้กลับเหลือเพียงดอนนี่เท่านั้น เขาจึงหวงแหนสหายที่แสนหายากของตนอย่างมาก
“ศาสตร์มืด…แปลงกาย…กายวิภาคศาสตร์…ชีววิทยา…” ดอนนี่ทวนคำเหล่านั้น พลันบังเกิดความสนใจอย่างยิ่งยวด “แม้ว่าจริงๆ แล้วเราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความจริงของโลก แต่แท้จริงแล้วเรากลับยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย กระทั่งโครงสร้างของร่างกายเราและปัจจัยทางพันธุกรรมก็ยังไม่มีใครเข้าใจ นี่คือศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความหวังและแรงปรารถนา!”
เขาตื่นเต้นอย่างยิ่ง
แซมมี่ยิ้มด้วยอาการง่วงนอนอย่างชัดเจน “เช่นนั้นก็สมัครเข้าวิทยาไฮด์เลอร์เสีย ที่นั่นมีผู้ก่อตั้งและผู้ทรงอิทธิพลทางด้านกายวิภาคศาสตร์และพันธุศาสตร์มากมาย รวมถึงท่านฟิลิเป ที่จะมาชี้แนะเราเป็นครั้งคราวด้วย”
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “อีกอย่าง นับแต่ที่ท่านฟิลิเปชนะรางวัลอีวานส์ สาขาอาร์คานา และรางวัลบัลลังก์นิรันดรจากการค้นพบโครโมโซมเมื่อสิบปีก่อน ก็ยังไม่มีความสำเร็จชนิดสะเทือนวงการเกิดขึ้นอีกเลย คนเลยสนใจน้อยลงทุกปี เมื่อมีคนสมัครน้อย การแข่งขันก็จะลดความดุเดือดลงไปมาก”
ดอนนี่พนักหน้าขณะรับฟัง ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเขาได้ค้นพบเส้นทางที่ตนจะยึดถือไปตลอดชั่วชีวิตนี้แล้ว
เขาลุกขึ้นเดินไปเดินมา ประเดี๋ยวกำหมัด ประเดี๋ยวโบกมือไปมา ด้วยใบหน้าตื่นเต้นดีใจสลับกับบิดเบ้ จนเวลาผ่านไปนานพอควร ในที่สุดเขาก็สูดหายใจเข้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทาทว่าหนักแน่น “แซมมี่ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะสมัครเข้าวิทยาลัยไฮด์เลอร์และศึกษาโครงสร้างร่างกายกับปัจจัยทางพันธุศาสตร์ในสำนักศาสตร์มืด!”
เขารู้สึกว่าตนไม่หลงเหลือความลังเลใดอีกหลังจากพูดเช่นนั้นออกไป ม่านหมอกอันมัวหม่นเบื้องหน้าเขากลับกลายเป็นชัดเจน เขาหมุนกายหันกลับมาทางแซมมี่ แต่แล้วก็พบว่าสหายได้ผล็อยหลับไปแล้ว ในขณะที่วิญญาณด้านหลังเขาโบกมือไปมา ราวกับกำลังแสดงความดีใจให้กับการตัดสินใจของดอนนี่
…
สัปดาห์ต่อมา สลิงตันส่งแบบฟอร์มที่มีพลังเวทมนตร์ร่ายกำกับไว้ให้กับทุกคน เขากวาดตามองนักเรียนทั้งชั้นขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “กรุณาเขียนชื่อวิทยาลัยและศาสตร์ที่พวกเจ้าสนใจเพื่อเข้ารับการทดสอบเพิ่มเติม พวกเจ้าต้องคิดให้ดีก่อนจะเขียนอะไรลงไป! จะขอกระดาษแผ่นใหม่ก็ได้หากสะกดผิด แต่หลังจากที่เจ้าเขียนเสร็จ สัญญาจะเป็นไปตามนั้นทันที และห้ามมาเสียดายทีหลัง เว้นเสียแต่ว่าพวกเจ้าเต็มใจจะรอเข้าร่วมการสอบเข้าวิทยาในปีหน้า”
ดอนนี่ที่คิดมาถี่ถ้วนดีแล้ว รับแบบฟอร์มมาด้วยท่าทางสงบนิ่งพลางมองไปทางเพื่อนร่วมชั้นของตน เขาเห็นเอลฟ์ที่แสนงดงามและมีปลายหูแหลมๆ มนุษย์หมาป่าร่างกำยำเต็มไปด้วยขน และมนุษย์ธรรมดาทุกคนต่างครุ่นคิดอย่างหนัก เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังมิได้ตัดสินใจเลือก
เขาแย้มยิ้ม หยิบปากกาขนนกชนิดพิเศษขึ้นมาจุ่มน้ำหมึก แล้วเขียนชื่อวิทยาลัยกับศาสตร์ที่เขาสนใจลงไป
เมื่อเห็นว่าดอนนี่กรอกข้อมูลลงไปอย่างรวดเร็ว สลิงตันจึงเกิดสงสัยใคร่รู้ จึงไปหยุดยืนอยู่ข้างเขาเพื่ออ่านแบบฟอร์ม
“วิทยาลัยไฮด์เลอร์ สำนักศาสตร์มืด และโครงสร้างของร่างกายกับปัจจัยทางพันธุศาสตร์…” สลิงตันนกมือขึ้นลูบเคราพลางถามด้วยความมึนงง “ดอนนี่ เจ้าได้รู้อะไรมาใช่หรือไม่ มิใช่ว่าเจ้าชอบขอบเขตของโลกจุลภาคมากกว่าหรือ เหตุใดจู่ๆ เจ้าก็เปลี่ยนมาเป็นศาสตร์มืดกันล่ะ”
“ข้ารู้อะไรมา…งั้นหรือขอรับ” ดอนนี่ส่ายหน้าด้วยความสับสนงุนงง
สลิงตันหัวเราะขัน “ตลอดปีที่ผ่านมา ต้นฉบับเล่มหนึ่งทำให้เกิดข้อถกเถียงขึ้นอย่างร้อนระอุดุเดือดภายในอัลลิน ทำให้จอมเวทหลายๆ คนที่ศึกษาโลกจุลภาคหันมาสนใจพันธุศาสตร์ในสำนักศาสตร์มืด ข้าก็นึกว่ามันคงจะใช้เวลาอีกเป็นปีกว่าที่กระแสจะแพร่ไปทั่วโรงเรียนเวทมนตร์และคนทั่วไปเสียอีก”
ต้องขอบคุณการพัฒนาทางสังคมและความก้าวหน้าอันรวดเร็วของสถานีวิทยุ ช่องโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ รายการบันเทิงและรายการอื่นๆ จึงครอบงำชีวิตผู้คนโดยสมบูรณ์แบบ ทำให้เนื้อหาที่แนะนำเกี่ยวกับความรู้ทางอาร์คานาและกระแสงานวิจัยในปัจจุบันลดน้อยลงไปเรื่อยๆ สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับความรู้ทางอาร์คานาที่แสนซับซ้อนเลยสักนิด จนกว่ามันจะถูกแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์แปรธาตุที่เกี่ยวข้องและพวกเขาสามารถใช้ได้
เหล่าชนชั้นสูงและนักเวทส่วนหนึ่งค่อนข้างพึงพอใจกับสถานการณ์นี้ พวกเขายังถึงกับแอบให้การสนับสนุนอีกด้วย อย่างไรเสีย มันก็เป็นการดีกว่าที่จะลดคู่แข่งลงไป โดนเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการเดินทางระหว่างดวงดาวยังจำกัดอยู่เพียงในวงผู้มีพลังชั้นตำนานเท่านั้น
“ต้นฉบับอะไรขอรับ อาจารย์สลิงตัน” ดอนนี่ยังคงไม่เข้าใจ
สลิงตันแย้มยิ้มกว้างขณะยังลูบเคราสีดอกเลาของตน “มันเป็นต้นฉบับที่วิเคราะห์ร่างกายและพันธุศาสตร์โดยผู้ทรงอิทธิพลในขอบเขตของโลกจุลภาค มันได้ละทิ้งระเบียบวิธีการดั้งเดิมของสำนักศาสตร์มืด และมองว่าร่างกายทั้งหมดและยีน ถือเป็นระบบอาร์คานาในตัวมันเอง จากนั้น เมื่อยึดจากทฤษฎีในขอบเขตของโลกจุลภาค ข้อสันนิษฐานที่แสนอาจหาญและยอดเยี่ยมดุจอัจฉริยะจึงถูกนำเสนอออกมา อย่างเช่น คำอธิบายทางควอนตัมของพันธุศาสตร์และรหัสพันธุกรรม มันจึงจุดประกายความสนใจของเหล่าจอมเวทในเรื่องโครงสร้างของร่างกายในระดับอนุภาคน่ะสิ”
‘ผู้ทรงอิทธิพล…ผู้ทรงอิทธิพลในขอบเขตของโลกจุลภาค…’ ดอนนี่พลันรู้สึกว่าตะเกียงเวทมนตร์หรี่แสงลง และเงามืดใหญ่ยักษ์ก็พุ่งขึ้นมาจากแผ่นหลัง เขาถามกลับไปอย่างร้อนรนใจ “อาจารย์ขอรับ ต้นฉบับนี้มีหัวข้อว่าอะไรหรือขอรับ แล้วผู้ใดเป็นคนเขียนหรือขอรับ”
“หัวข้อของต้นฉบับนี้คือ ‘ชีวิตคืออะไร’” สลิงตันแย้มยิ้ม “ส่วนผู้เขียนนั้น ย่อมต้องเป็นท่านอีวานส์”
บึ้ม
ในหัวดอนนี่พลันเกิดเสียงอื้ออึง ราวกับเพิ่งถูกค้อนทุบ
‘ทำไม ทำไมท่านต้องเอื้อมมือเข้ามาในศาสตร์แขนงนี้ด้วยเล่า’