Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 820 เขตแดนระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ (2 in 1)

บทที่ 820 เขตแดนระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ (2 in 1)

ภายในอาณาจักรวิเศษที่โล่งไปครึ่งหนึ่ง หัวใจของไวเค็นที่ทั้งสว่างไสวและมืดมิดยังคงเต้นต่อไปไม่หยุดยั้ง แต่มันก็ทำได้เพียงดูดซับหยาดน้ำหล่อเลี้ยงจากเขตแดนของเหล่ามนุษย์ครึ่งเทพและชั้นตำนานระดับสูงสุด ซึ่งนั่นรวมถึงดักลาส พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน เจ้าแห่งนรก และราชินีเอล์ฟ

ในเวลานั้นเอง การเปลี่ยนแปลงของปราการคุ้มกันของอัลลินก็สะท้อนวาบในความคิดเขา ซึ่งดูเหมือนจะมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง

ไม่มีโอกาสไหนจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว! เขาคงหมดโอกาสหลังจากที่ลูเซียนเข้าร่วมการต่อสู้!

เส้นเลือดสีเข้มดูเหนือจริงยืดขยายออกจากหัวใจของไวเค็น มันแหวกฝ่ากระแสน้ำมาราวกับไร้ซึ่งแรงต้านทานใดๆ และพุ่งเข้าใส่อะเกลียยา ราชินีเอลฟ์

อะเกลียยามิได้สนใจมันนัก ด้วยพลังคุ้มกันของต้นไม้เอลฟ์ ความพยายามของไวเค็นที่ใช้พลังเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ย่อมไม่อาจแทรกผ่านธรรมชาติมาได้อย่างแน่นอน

แต่ในตอนนั้นเอง เงาสายหนึ่งที่แฝงไว้ซึ่งความเจ็บปวดและความเกลียดชังรุนแรงก็พลันผุดพรายออกมาจากร่างของนาง ซึ่งมันแผ่ออกไปโดยที่นางไม่อาจควบคุมได้แล้วคว้า ‘เส้นเลือด’ นั้นไว้!

‘ไม่นะ!’

อะเกลียยาอุทานในใจเมื่อตระหนักได้ว่า ‘ร่างพาชนะ’ ที่นางใช้ในการแปลงสถานะได้หลุดจากความควบคุมของนางแล้ว ขณะที่ตัวตนปีศาจแห่งบรรพกาลอีกครึ่งหนึ่งของนางหลุดจากการควบคุม นางก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป!

‘ไวเค็นมีอำนาจเหนือปีศาจแห่งบรรพกาลทั้งปวงถึงขนาดนี้เชียวหรือ’

ชั่วเวลานั้น นางรู้สึกว่าไวเค็นที่อยู่เบื้องหน้าตน ช่างสูงส่งและศักดิ์สิทธิ์เสียจนนางอยากจะสักการะบูชาเขา!

ในขณะเดียวกัน เส้นเลือดสีดำอีกหลายสายที่แผ่ออกมาจากหัวใจของไวเค็น ก็แทงเข้าร่างผู้มีพลังชั้นตำนานระดับสูงสุด ที่รวมถึงเบลคอฟสกี แล้วดูดซับตัวตนปีศาจแห่งบรรพกาลอีกครึ่งหนึ่งของพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง มีเพียงเฟอร์นันโด แฮทธาเวย์ และอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่หลบรอดมาได้

ความรู้สึกด้านลบและเศษเสี้ยวเงาดำหลั่งไหลไปตามเส้นเลือดหัวใจของไวเค็นอยู่ครู่หนึ่ง ดักลาส พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน และเจ้าแห่งนรกหมายใจจะช่วยคนอื่นๆ แต่พวกเขากลับถูกตรึงอยู่กับที่และไม่อาจทำอันใดได้นอกจากเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้น

วิธีการเลื่อนขั้นขึ้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพที่ไวเค็นปล่อยข่าวออกมาก่อนหน้านี้มีข้อบกพร่องร้ายแรงถึงเพียงนี้!

มันคือวิธีการกลายเป็นมนุษย์ครึ่งเทพที่ไร้ซึ่งกับดักใดๆ และข้อบกพร่องกับข้อเสียทั้งหลายก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงมิได้แม้แต่กับตัวไวเค็นเอง นั่นคงเป็นสาเหตุที่คนอื่นๆ หลงเชื่อเขา ทว่า ในยามนี้ เขาคือปีศาจแห่งบรรพกาลที่แข็งแกร่งที่สุด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาไร้ซึ่งความหวาดเกรง เขาไม่ได้เต็มใจเปิดเผยความลับนี้ให้กับพวกศาสนจักรฝ่ายเหนือ เพราะมีความเป็นไปได้มากว่า เบลคอฟสกี ผู้สั่งสมพลังศรัทธาและเทวภาพมานาน จะทะลวงขั้นขึ้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพได้ในเร็ววันและแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเขา หากเป็นเช่นนั้น เขาคงไม่อาจควบคุมคนอื่นได้อย่างตอนนี้เป็นแน่

ขณะที่พลังของเขาเพิ่มพูนขึ้น กระแสน้ำก็พัดพาและเคลื่อนมาทางหัวใจของไวเค็น ทำให้เขาดูดซับมันได้อย่างบ้าคลั่ง หลังจากที่เขาดูดซับเข้าไปทุกหยาดหยด เขาก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วอึดใจ ‘หัวใจ’ ก็ขยายตัวและเปลี่ยนรูปร่าง เริ่มเผยให้เห็นถึงรูปลักษณ์ของไวเค็น ในตอนนั้นเอง ลูเซียนเพิ่งจะก้าวพริบตามาถึงบนฟากฟ้าและกำลังจะเข้าไปหยุดไวเค็นที่อยู่ภายในอาณาจักรวิเศษ

ในชั่วเวลานั้น จู่ๆ ไวเค็นก็หัวเราะอย่างเสียสติ “เจ้าเองก็ควรจะมานี่เช่นกัน!”

เส้นเลือดที่เปล่งประกายระยิบระยับยืดขยายออกจากหัวใจไปแทงทะลุร่างของรูดอล์ฟที่สอง ผู้ที่กำลังพยายามโจมตีอย่างหนักอยู่บริเวณชายขอบเช่นกัน

รูดอล์ฟที่สองจ้องมองไวเค็นด้วยความตื่นตระหนกขณะที่เงาสีทองเป็นประกายดูสูงส่งหลายสายแล่นวูบเข้าใส่ร่างของเขาอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งมันมีกลิ่นอายของหุบเขาวิมานอย่างชัดเจน!

“ธานอส ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะฟื้นคืนชีพกลับมา แต่ตอนนี้เจ้าเองก็เป็นได้แค่อาหารอันโอชะของข้าเท่านั้น!” น้ำเสียงราวกับคนเสียสติของไวเค็นดังก้องไปทั่วท้องฟ้า “เจ้าซ่อนตัวได้ดีทีเดียว แต่ข้าเริ่มสงสัยตั้งแต่ช่วงที่เมแคนทรอนฟื้นคืนชีพแล้ว! ข้าไม่ได้เปิดโปงอะไรเจ้าก็เพราะข้าเฝ้ารอเวลานี้อย่างไรล่ะ!”

‘ธานอส?’ นักเวททุกคนที่อยู่ด้านล่างต่างตกตะลึงอึ้งงัน

รูดอล์ฟที่สองไม่อาจเอื้อนเอ่ยอันใดได้อีก ร่างของเขาเลือนรางลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับที่เส้นผมกลายเป็นสีดอกเลา เงาสีทองหลายสายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และไหลเข้าร่างไวเค็นผ่านทางเส้นเลือด

ตูม!

ระเบิดไร้เสียงและแสงสว่างเจิดจ้าพลันระเบิดโพลง ลูเซียนที่เพิ่งจะมาถึงอาณาจักรวิเศษและกำลังจะโจมตี กลับถูกแรงระเบิดบังคับให้ต้องร่นถอย จากภาพที่เห็นผ่านพลังจิต ไวเค็นได้หายตัวไปแล้ว!

ขณะที่แสงสว่างค่อยๆ กระจายตัวออกไป ราชินีเอลฟ์ เบลคอฟสกี รูดอล์ฟที่สอง และชั้นตำนานระดับสูงสุดอีกบางคนก็ไม่อาจคงสภาพของตนเองได้อีกต่อไป พวกเขาร่วงหล่นจากอาณาจักรวิเศษและดิ่งลงพื้น ณ เวลานั้น พวกเขายังไม่อาจบินได้ด้วยตัวเองด้วยซ้ำ

โชคยังดีที่ทางด้านนอกยังมีผู้มีพลังชั้นสูงอยู่อีกมากมาย บ้างก็เป็นเอลฟ์ บ้างก็มาจากศาสนจักรฝ่ายเหนือ และบ้างก็มาจากจักรวรรดิไฮลซ์ศักดิ์สิทธิ์ บรรดาผู้มีพลังชั้นสูงพากันเข้าช่วยเหลือผู้นำของตนมิให้กลายเป็นชั้นตำนานระดับสูงสุดคนแรกที่ตกตายเพราะการดิ่งพสุธา เพราะผู้นำของพวกเขาหาใช่อัศวินชั้นตำนานและร่างกายของพวกเขาก็มิอาจทานทนแรงเสียดสีได้

ขณะที่แสงสว่างจางหายไป ลูเซียน ดักลาส พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน และมนุษย์ครึ่งเทพคนอื่นๆ ต่างก็แผ่สัมผัสไปถึงใจกลางอาณาจักรวิเศษได้ เส้นผมของไวเค็นกลายเป็นสีดำ และใบหน้าก็ไม่หลงเหลือรอยเหี่ยวย่นเลยสักนิด ดวงตาของเขาเป็นสีเข้มแฝงแววลึกล้ำ ราวกับเขาอายุเพียงสามสิบกว่าๆ ทว่า จมูกของเขากลับยื่นออกมาเล็กน้อย ทำให้เขาดูค่อนข้างน่ากลัว

ลูเซียน ดักลาส และผู้มีพลังชั้นสูงคนอื่นๆ ล้วนเคยเห็นเขาในรูปลักษณ์นี้มาก่อน มันเหมือนกับภาพของเจ้าแห่งหายนะบนตำราเวทมนตร์มากมาย

รอบๆ ตัวไวเค็นมีทูตสวรรค์แสนบริสุทธิ์กับปีศาจชั่วร้ายที่ผสานร่างเข้าด้วยกันกำลังกราบไหว้สรรเสริญเขา อาณาจักรที่สวรรค์และนรกคงอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขถูกสร้างขึ้นแล้ว

อาณาจักรนั้นคล้ายกับมิได้อยู่บนโลกนี้ แม้ว่าลูเซียน ดักลาส และมนุษย์ครึ่งเทพคนอื่นๆ จะมองเห็นภาพและได้ยินเสียงขับร้องและถ้อยคำสรรเสริญก็ตาม แต่พวกเขากลับไม่อาจสัมผัสถึงมันหรือกลิ่นอายของไวเค็นที่อยู่ภายในนั้นได้เลย มันดูราวกับพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับภาพโฮโลแกรม และทูตสวรรค์กับปีศาจก็อยู่ห่างออกไปอีกมิติหนึ่ง

ไวเค็นทำความคุ้นเคยกับสถานะใหม่แล้วแย้มยิ้ม “อีวานส์ น่าเสียดายนัก เจ้ามาช้าไปก้าวหนึ่ง เจ้าประหลาดใจมากใช่หรือไม่”

น้ำเสียงเขาฟังดูนุ่มนวลและสงบนิ่ง แต่มันกลับชวนให้ตื่นตกใจเหมือนกับเสียงสายฟ้าฟาด เมื่อผู้มีพลังชั้นตำนาน กับบรรดานักเวท ชนชั้นสูง และสามัญชนที่อยู่ทางด้านล่างได้ยิน ร่างของพวกเขาพลันสั่นเทิ้มด้วยความตกตะลึง!

‘ช้าไปก้าวหนึ่งงั้นรึ’

‘เขากลายเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แล้วเช่นนั้นหรือ’

‘จบแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจบลงแล้ว…’

ความสิ้นหวังแผ่กระจายไปทั่ว แต่ผู้คนยังคงมีความหวัง เพราะฝ่ายพวกตนยังมีมนุษย์ครึ่งเทพสี่คนอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่อาจเอาชนะไวเค็นได้ แต่พวกเขาก็น่าจะตรึงสถานการณ์เอาไว้และหยุดอีกฝ่ายไม่ให้ทำอะไรได้ดังใจนึก

ดักลาส อัลเทอร์นา และมัลติมุส ในฐานะมนุษย์ครึ่งเทพ กลับมีท่าทีเคร่งเครียดยิ่งกว่า เพราะพวกเขาพบว่าตนเองไม่สามารถบอกได้เลยว่าไวเค็นแข็งแกร่งเพียงใด แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่มีทางยอมแพ้และยังคงโจมตีต่อไป

ดวงจันทร์เปล่งแสงเจิดจ้าชวนฝัน นรกอันชั่วร้ายเสื่อมทราม และเวทดาวตกชี้ชะตาพุ่งเข้าใส่ไวเค็นอย่างพร้อมเพรียงกัน

ส่วนลูเซียนนั้น ดูเหมือนว่าจะตกตะลึงเกินกว่าจะทำการโจมตีใดๆ ได้ เขาเพียงพยักหน้า ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าค่อนข้างประหลาดใจที่วิธีเลื่อนขั้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพของเจ้ามีข้อบกพร่องร้ายแรงถึงเพียงนี้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ข้าช้าไปก้าวหนึ่ง”

“ก้าวนี้ก็คือขอบเขตระหว่างความเป็นและความตาย บัดนี้ ข้าได้กลายเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แล้ว เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้เลย ไม่สิ แค่จะเข้ามาใกล้ข้ายังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ไวเค็นแย้มยิ้มอย่างเมตตาขณะที่แสงจากจันทราสีเงิน แรงระเบิดจาดนรกภูมิ และเวทดาวตกชี้ชะตาพุ่งผ่านตัวเขาไปราวกับเขาไม่มีตัวตนอยู่เลย

บทเพลงและคำสรรเสริญของเหล่าทูตสวรรค์และปีศาจยังคงดังต่อไปมิถูกรบกวน นักเวททุกคนยิ่งรู้สึกสิ้นหวังกว่าเดิม พวกเขาทำไม่ได้แม้แต่เข้าประชิดศัตรูเช่นนั้นหรือ ช่องว่างระหว่างความสามารถนี้แทบจะเท่ากับระยะห่างระหว่างสวรรค์และอเวจีเลย!

“เจ้าเห็นรึไม่ นี่แหละคือพระเจ้าเที่ยงแท้ ข้าสามารถปรากฏกายได้ทุกหนทุกแห่งและโจมตีผู้ใดก็ได้ แต่เจ้าไม่อาจทำลายเขตแดนระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ได้ เจ้าแตะต้องร่างที่แท้จริงของข้าไม่ได้หรอก” ไวเค็นหันศีรษะมา ราวกับว่าในที่สุดเขาก็ควบคุมสถานะนี้ได้โดยสมบูรณ์ “แม้ว่าข้าจะยืนอยู่ตรงนี้และปล่อยให้เจ้าโจมตีข้า เจ้าก็ไม่อาจทำอะไรข้าได้เลย พลังโจมตีของเจ้าน่ะไร้ผล”

‘พระเจ้าเที่ยงแท้ เขากลายเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แล้วจริงๆ…’ เหล่านักเวท ชนชั้นสูง และสามัญชนต่างรู้สึกเหมือนร่างกายของตนอ่อนยวบขณะเฝ้ามองเหตุการณ์นั้น มันดูเหมือนว่าเท้าของพวกเขาไม่อาจรับน้ำหนักร่างกายได้อีกต่อไป นั่นช่างเป็นศัตรูที่ชวนให้ทดท้อสิ้นหวังอย่างแท้จริง!

‘เขาจะจัดการกับเราอย่างไรกัน’

‘เขาจะฆ่าเราหรือเลี้ยงเราให้เชื่องเหมือนลูกแกะกันนะ’

ไวเค็นแย้มยิ้มก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าไม่จำเป็นต้องมีพวกเจ้าอีกต่อไปแล้ว พวกเจ้าจงหายไปเสียเถิด…”

ในตอนที่ไวเค็นจบการประกาศกร้าวและกำลังจะโจมตี กล้ามเนื้อบนใบหน้าเขาก็พลันกระตุกสั่น ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างข้างใต้นั้นกำลังพยายามแทรกตัวออกมา

ก้อนเนื้อปูดโปนหนาแน่นจนครอบคลุมผิวหนังทุกส่วนที่สัมผัสกับอากาศ จากนั้น เจ้าก้อนเนื้อทั้งหลายก็กระเด้งตัวเคลื่อนไปทั่ว แม้แต่บนเสื้อคลุมยาวที่แปรเปลี่ยนรูปลักษณ์ด้วยพลังของเขา กลายเป็นภาพที่ดูน่าเกลียดน่ากลัวและน่าขยะแขยง

“นี่มัน…” ไวเค็นพยายามควบคุมตัวเองอย่างยากลำบากยิ่งกว่าเดิมด้วยความตกตะลึง ดักลาส พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน และเจ้าแห่งนรกไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่พวกเขาต่างรู้ดีว่านี่คือโอกาสอันหายากและลงมือโจมตีในทันที

ทว่า การโจมตีของพวกเขายังคงไม่อาจทลายเขตแดนระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ได้!

ร่างของไวเค็นค่อยๆ โปร่งแสงลง ดูทั้งมืดทึมและเจิดจ้า ใบหน้าของสิ่งมีชีวิตมากปัญญามากมายเริ่มผุดพรายออกมา

ใบหน้าเหล่านั้น บ้างดูสงบ บ้างก็ดูทุกข์ทรมาน พวกมันพวยพุ่งออกมาไม่หยุดและก่อตัวเป็นก้อนเนื้อมากมาย!

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้กันเล่า” ไวเค็นร้องคำรามอย่างเสียสติ ตื่นตะลึง และโกรธเกรี้ยว เหล่าผู้มีพลังชั้นสูงและนักเวทเบื้องล่างต่างประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกับพระเจ้าเที่ยงแท้กัน

ไวเค็นตวัดสายตาไปทางลูเซียนที่ยืนนิ่งเงียบไม่ลงมือทำอันใด ขณะพึมพำกับตนเองว่า “ข้ากลายเป็นผู้สังเกตที่แข็งแกร่งและเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้จากการรวบรวมพลังจากทุกคนแล้ว! เหตุใดมันยังเกิดขึ้น เหตุใดมันยังเป็นเช่นนี้กันเล่า”

แอนนิคกับไฮดี้พลันหน้าซีดเผือด นี่ ‘ข้อสันนิษฐานเรื่องผู้สังเกต’ ของสภาคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงศัตรูอันไร้เทียมทานให้เติบโตมาต่อกรกับพวกเขาเช่นนั้นหรือ

ลูเซียนมองไวเค็นขณะทวนคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยทว่าหางเสียงสูงเล็กน้อย “ผลกระทบจากผู้สังเกตน่ะรึ”

จากนั้น ริมฝีปากของเขาก็หยักโค้งขึ้น รอยยิ้มของเขาดูซุกซนแฝงนัยอย่างไรชอบกล

“มันคือกลลวง!”

‘มันคือกลลวงงั้นรึ’ แอนนิคและนักเวทคนอื่นๆ ต่างอ้าปากค้าง ไม่อาจงับมันลงได้เลย

‘มันคือกลลวงงั้นรึ’ ดักลาส พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน เฟอร์นันโด และคนที่เหลือต่างอดไม่ได้ที่จะหันไปมองลูเซียน

‘มันคือกลลวงงั้นรึ’ ร่างของไวเค็นสั่นเทารุนแรงเสียจนใบหน้าทั้งหลายคล้ายกับจะปริขาดออกจากผิวหนังของเขาและหนีหายไป ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสนมึนงงในทีแรก ก่อนที่ความเดือดดาลไร้ขีดจำกัดจะลุกโหม

ลูเซียนยังคงแย้มยิ้มขณะกล่าวว่า “ความจริงของโลกและแก่นแท้ของเวทมนตร์คือ…”

เขาพลันมีสีหน้าเคร่งเครียด และความว่างเปล่าที่เบื้องหลังก็เริ่มสั่นสะเทือน เผยให้เห็นจักรวาลอันไร้ขอบเขต จักรวาลนั้นขยายภาพเข้าไป มุมมองเริ่มต่ำลงเรื่อยๆ ทำให้ทุกคนได้เห็นลูกไฟยักษ์และดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่พวกเขาเพิ่งเห็นไปก่อนหน้านี้

“นี่คือความลับแห่งความเป็นอมตะ ความจริงของโลก และแก่นแท้ของเวทมนตร์!” ลูเซียนประกาศด้วยน้ำเสียงจริงจัง

จากนั้น เขาก็ยื่นมือขวาออกมาและโบกไปในอากาศ สมการแสนซับซ้อนมากมายหลายชุดพลันปรากฏขึ้น ราวกับว่าบนนั้นมีจอภาพทรงลูกบาศก์อยู่ กระทั่งดักลาสยังรู้สึกวิงเวียนศีรษะขณะอ่าน

“นี่คือสูตรคำนวณที่ใช้อธิบายอวกาศ” แทนที่จะฉวยโอกาสโจมตียามไวเค็นไม่อาจควบคุมตนเองได้ ลูเซียนกลับเริ่มแนะนำสมการทั้งหลาย ทำให้จอมเวทจากสภาเวทมนตร์รู้สึกแปลกใจอย่างยิ่งยวด ‘เหตุใดท่านอีวานส์จึงทำเช่นนี้ขณะอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบอันดุเดือด ท่านกำลังพยายามจะระเบิดศีรษะของไวเค็นหลังจากเห็นว่าเขตแดนระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ไม่อาจทำลายลงได้ใช่หรือไม่ หากแผนการนี้ใช้ได้จริง มันคงจะเป็นการต่อสู้ที่ไม่เคยมีมาก่อนและจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้อีกเป็นแน่แท้…’

“ทฤษฎีสัมพันธภาพก่อนหน้านี้ใช้อธิบายมิติแบบ ‘3+1’ และนี่คือแบบจำลองที่ใช้อธิบายได้หลายมิติยิ่งกว่าเกิม” ลูเซียนมิได้พูดลงรายละเอียดเพราะแค่นำเสนอหลักฐานและข้อสันนิษฐานของสูตรคำนวณนี้อย่างเดียวก็กินเวลากว่าครึ่งวันแล้ว และคงมีน้อยคนนักในสมรภูมิรบแห่งนี้ที่จะเข้าใจมันได้

บนท้องฟ้า ลูเซียนเดินอย่างเชื่องช้าและไร้กังวลเข้าไปหาไวเค็นที่กำลังพยายามควบคุมตนเองด้วยเขตแดนระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์

“ในสูตรนี้ เราสามารถสันนิษฐานได้ว่าจักรวาลที่เราอยู่คือจักรวาลมากมิติ ซึ่งมีภาพมายาสะท้อนในปริภูมิสามมิติที่แตกต่างกันจากจักรวาลคู่ขนานจำนวนมากมาย” ลูเซียนพูดอย่างฉะฉานชัดเจนราวกับกำลังสอนไฮดี้และนักเรียนในชั้น “คณิตศาสตร์บอกเราว่า ในปริภูมิสามมิติหรือปริภูมิสี่มิติ จักรวาลคู่ขนานทั้งหลายแทบไม่มีทางมาบรรจบกันได้เลย หากเป็นเช่นนั้น เราอาจจะซ้อนทับกันได้ แต่เราจะไม่สามารถแตะต้องหรือสัมผัสถึงกันได้

“แต่ว่า ก็เหมือนกับที่เส้นตรงสองเส้นบนกระดาษแผ่นหนึ่งมีโอกาสตัดผ่านกันมากกว่าเส้นคู่ขนาน ในมิติที่ต่ำกว่า โลกจุลภาคและโลกหลักของเราจะพัวพันกับคู่ขนานในจักรวาลอื่นอย่างต่อเนื่อง ทว่า เมื่อเรา โลกหลัก กับจักรวาลที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องและมิติก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น การพัวพันและตัดผ่านจึงหายไป เหลือไว้เพียงหนึ่งสถานะ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมปริศนาแห่งขอบเขตโลกจุลภาคไม่สะท้อนต้องกับโลกมหัพภาค!”

ลูเซียนพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย ราวกับเขากำลังสอนอยู่หน้าชั้นเรียนหรือพูดคุยหารืออยู่ แต่จู่ๆ ท้องฟ้าก็มืดครึ้ม พร้อมกับที่สายลมกรรโชกแรงโบกสะบัดพวยพุ่งจากผืนดินขึ้นมาถึงอาณาจักรวิเศษ

ดักลาสและคนที่เหลือยังคงโจมตีใส่ไวเค็นต่อไปพร้อมกับเฝ้าฟังคำพูดของลูเซียน ซึ่งดูเหมือนจะอธิบายปรากฏการณ์ทางการทดลองได้มากมาย เช่นเดียวกับการเปลี่ยนผ่านระหว่างโลกจุลภาคกับโลกมหัพภาค

โลกที่อยู่รอบกายไวเค็น ที่ที่ทูตสวรรค์แลปีศาจหลอมรวมกันและร้องเพลงไปด้วยกันนั้นหาได้รับผลกระทบอันใด ทำให้เขาจดจ่อกับการควบคุมตัวเองต่อไปได้ เขาพยายามขจัดความอับอายขณะที่ใบหน้าจำนวนนับไม่ถ้วนปะทะกันและรีดเค้นออกจากตัว เขาหาได้เข้าใจในสิ่งที่ลูเซียนพูดเสียทั้งหมด แต่เขาก็ไม่หยุดถลึงตาจ้องมองลูเซียน ‘ถึงแม้ข้าจะโดนหลอก แต่ข้าก็ยังมีพลังระดับพระเจ้าเที่ยงแท้ หลังจากที่ข้าควบคุมตัวเองได้ ข้าจะสังหารเจ้าแน่นอน!’

ลูเซียนกล่าวเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ “แบบจำลองนี้อธิบายการเปลี่ยนผ่านระหว่างโลกจุลภาคกับโลกมหัพภาค แต่เราจะค้นพบอย่างง่ายดายว่ามันไม่มีที่สำหรับเวทมนตร์และพลังเหนือธรรมชาติทั้งหลาย

“ดังนั้นแล้ว ในแบบจำลองนี้ เราจึงต้องเพิ่มข้อสันนิษฐานเข้าไปอีกสองอย่าง อันดับแรกคือ วิญญาณไม่มีอยู่จริง โดยธรรมชาติแล้ว มันถือเป็นสิ่งของมากมิติที่สามารถแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดพิเศษ…”

ตูม!

ท้องฟ้าส่งเสียงดังครืนครั่น แต่กลับไม่มีสายฟ้าฟาดลงมา ราวกับโลกใบนี้กำลังบอกให้ลูเซียนหยุดพูด

“ในฐานะสิ่งของมากมิติ วิญญาณทั้งหลายจึงฉายภาพสะท้อนไปยังจักรวาลคู่ขนานแต่ละแห่ง เช่น ในบางจักรวาล วิญญาณอ่อนกำลังมากเสียจนแทบตรวจจับมิได้ และในบางจักรวาล วิญญาณกลับเดินบนพื้นโลกได้โดยตรง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่พวกนั้นแผ่ออกมาจะทรงพลังมาก”

ตูม!

เสียงฟ้าคำรามอีกครา และกลับกลายเป็นมืดสนิท ราวกับพายุกำลังจะมา แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เห็นสายฟ้าฟาดเลยสักสาย!

ลูเซียนทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงฟ้าผ่าและยังคงเดินเข้าไปหาไวเค็นต่อ “แน่นอน หากว่านั่นเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเดียว สิ่งที่เราจะคาดหวังได้มากที่สุดก็คือ สิ่งมีชีวิตบางอย่างที่มีวิญญาณที่แข็งแกร่งจะมีความสามารถเล็กๆ น้อยๆ อย่างการจุดไฟ เคลื่อนย้ายสิ่งของ หรือการสื่อสารทางไกล มันจะมีเพียงพลังเหนือธรรมชาติที่ไม่น่าดึงดูดใจที่สุด และจะไม่มีเวทมนตร์แปลกประหลาดทว่ายอดเยี่ยม หรือสัตว์อสูรแปลกๆ ชนิดใดเลย

“ดังนั้น ข้อสันนิษฐานอีกอย่างของข้า แม้เราจะยังหาคำตอบไม่ได้ก็ตาม ก็คือ มีอีกจักรวาลหนึ่งที่พัวพันหรือตัดผ่านกับจักรวาลของเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง!”

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

สายฟ้าแล่บแปลบปลาบดูเหมือนงูสีเงินฝูงใหญ่ ส่องแสงสว่างไปทั่วท้องนภาและผืนดิน เหล่าทูตสวรรค์และปีศาจรอบกายไวเค็นที่ร้องเพลงสรรเสริญเขาอยู่พลันลดเสียงลง และไวเค็นก็ดูคล้ายกับกำลังตกตะลึงอีกครา

ท่ามกลางเสียงสายฟ้าฟาดดังกึกก้อง จักรวาลที่คล้ายคลึงกับจักรวาลทางด้านหลังลูเซียนมากๆ ก็ปรากฏขึ้น ความรู้สึกแปลกๆ ที่ทุกคนรู้สึกได้เมื่อครู่นี้ ในระหว่างการเลื่อนระดับของลูเซียน แผ่กระจายไปทั่วอีกครั้ง

จู่ๆ ลูเซียนก็ประกาศกร้าวเสียงดังด้วยท่าทางผึ่งผาย “ด้วยเหตุนี้ การพัวพันของโลกอนุภาคและโลกหลักจึงทรงพลังกว่าปกติ!

“ฉะนั้น ในการทดลองยางลบควอนตัมและการทดลองทางเลือกล่าช้า สภาวะพัวพันซับซ้อนจึงยิ่งทำลายได้ยากกว่าที่คาดการณ์ไว้!”

บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสายฟ้าฟาด พายุรุนแรงดั่งกระแสน้ำเชี่ยวกรากพลันเทลงมา โลกทั้งใบคล้ายกับจะจมอยู่ใต้น้ำ!

“ความเกี่ยวพันที่แข็งแกร่งกว่าเป็นของโลกจุลภาค แต่มันกลับไร้ความหมายเมื่อเทียบกับโลกมหัพภาค เมื่อใดที่ปัจจัยทางมหัพภาคเข้ามาเกี่ยวข้อง มันจะถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย

“ดังนั้นแล้ว โลกมหัพภาคจึงเป็นวัตถุที่มีอยู่จริงและแตะต้องได้ ไม่มีทั้งการแตกกระจายหรือภาพมายา ทว่า รากฐานในระดับล่างสุดของโลกมหัพภาคกลับไม่มั่นคงนัก!” ลูเซียนก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวขณะกล่าวเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ

ทูตสวรรค์และปีศาจข้างกายไวเค็นต่างตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีแล้วซึ่งเสียงเพลงหรือคำสรรเสริญ!

“ในสถานการณ์ปกติ ความไม่มั่นคงเช่นนั้นอาจไม่ก่อให้เกิดผลอันใด แต่ในสถานการณ์พิเศษ เช่น ในระหว่างการสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต มันจะนำไปสู่การกลายพันธุ์หลากหลายแบบ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงมีหลากหลายสายพันธุ์และอสูรกายแปลกๆ มากมาย!”

ท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาไม่ลืมหูลืมตา แสงสว่างวิบวับ และเสียงฟ้าผ่าก้องกัมปนาท จักรวาลที่ลูเซียนฉายภาพให้เห็นพลันขยายเข้า ทุกคนจึงมองเห็นลูกไฟยักษ์แสนคุ้นตากับดาวเคราะห์สีน้ำเงินอีกครั้ง!

ลูเซียนกล่าวเสียงดังก้องขณะก้าวเท้าไปข้างหน้า “นั่นคือสาเหตุที่ ‘พลังจิต’ ในดวงวิญญาณของเราสามารถพัฒนาเวทมนตร์แปลกๆ ประเภทต่างๆ เหนือความสามารถที่ซ้ำซากจำเจ! เพราะแบบนี้การเปลี่ยนโฉมเสียใหม่และการเปลี่ยนแปลงระดับพื้นฐานบนโลกหลักจึงทำได้ค่อนข้างง่าย!”

ทูตสวรรค์และปีศาจรอบกายไวเค็นดูท่าทางหวาดกลัว ส่วนดักลาสนั้น เลิกทำการโจมตีอันไร้ความหมายและหันมาจดจ่อกับการฟังลูเซียนพูดแทนแล้ว ในระหว่างนั้น ไวเค็นดูท่าทางสิ้นหวังและเสียสติยิ่งกว่าเดิม

“เป็นความจริงที่ว่าแหล่งพลังงานของเราก็คือมหาสมุทรแห่งพลังงานในความว่างเปล่ารอบตัวเราที่มีขึ้นมีลงอยู่ตลอด แต่มหาสมุทรนี้มิได้อยู่ในจักรวาลของเรา เพราะเราไม่อาจไขว่คว้าหรือเข้าใจช่วงเวลาที่มันขึ้นได้เลยสักนิด!

“เมื่อจักรวาลคู่ขนานทั้งสองตัดผ่านกันและเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกาล-อวกาศที่ไม่เหมือนกัน มันจึงมอบโอกาสให้เราได้ใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรแห่งพลังงานของพวกเขาและสสารระดับล่างสุดอย่างอนุภาคเสมือนจริง!

“กฎทรงพลังงานนั้นมาจากสองจักรวาล มิใช่เพียงจักรวาลของเราเท่านั้น!”

ขณะที่ลูเซียนพูดอยู่นั้น บรรดาสามัญชนและชนชั้นสูงที่อยู่ด้านล่างต่างสับสนมึนงงอย่างที่สุด พวกเขาไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าลูเซียนกำลังพูดอะไรอยู่ กระทั่งผู้มีพลังชั้นตำนานที่อยู่บนฟ้ายังตกอยู่ในสภาพเดียวกันแทบจะทุกคน มีเพียงจอมเวทเท่านั้นที่รับฟังด้วยความมึนงงกึ่งเห็นแจ้ง บางคนปลื้มปีติยินดี บางคนถึงกับตัวสั่นเทา!

“ดวงวิญญาณของเรามีอยู่บนมิติชั้นสูงและถูกฉายภาพสะท้อนไปยังมิติคู่ขนานทั้งหมด วิญญาณเราเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแก่นพลัง ดังนั้น การเข้าฌานแท้จริงแล้วก็คือการรับรู้ถึงจักรวาลอีกแห่งผ่านการเชื่อมต่อระหว่างภาพสะท้อนดวงวิญญาณทั้งสอง สภาพแวดล้อมของฌานที่เราสร้างขึ้น หรือโลกแห่งปัญญาของเรา คือเครื่องมือสำหรับการติดต่อสื่อสาร ฉะนั้นแล้ว ยิ่งมันเกี่ยวข้องพัวพันกับอีกจักรวาลมากเพียงใด มันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น และนั่นก็คือการตอบสนองของโลกความเป็นจริง!

“ด้วยเหตุนี้ โดยเนื้อแท้แล้ว แบบจำลองเวทมนตร์ของเราส่วนใหญ่จึงเป็นรูปแบบอันแตกต่างหลากหลายของสูตรคำนวณแห่งการสื่อสารเชิงกาล-อวกาศ แน่นอนว่ายิ่งมันถูกต้องแม่นยำ มันก็ยิ่งทรงพลัง!”

ตูม!

เสียงที่ดังเกือบเทียบเท่าการะเบิดพลีชีพของเจตจำนงแห่งอเวจีดังกึกก้องสะท้านสะเทือน ความมืดบนท้องนภาปรากฏลูกไฟยักษ์ขึ้นมาเคียงข้าง!

เขตแดนระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์รอบกายไวเค็นดูเหมือนกับอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลและกำลังส่งเสียงแหลมบาดหู!

“ในแบบจำลองนี้ แรงโน้มถ่วงถูกแบ่งแยกย่อยเป็นอนุภาคเล็กๆ และคงอยู่ในมิติที่ค่อนข้างต่ำลงไป เมื่อใดที่ทั้งสองจักรวาลตัดผ่านกัน มันก็จะเข้าพัวพันกับแรงโน้มถ่วงของโลกเรา ส่งผลให้เกิดม่านหมอกที่ปกคลุมดาวเคราะห์และดวงอาทิตย์ สุสานดวงดาวทั้งหลายที่ไม่มีแรงโน้มถ่วง รวมถึงในดินแดนใหม่อีกมากมายด้วย ฉะนั้นแล้ว เราจึงไม่สามารถระบุตำแหน่งดาวเคราะห์ดวงใดได้เลยหากไม่พิจารณาถึงอิทธิพลจากจักรวาลอื่นๆ!

“นั่นคือเหตุผลว่าทำไมดาวเคราะห์ทั้งหลายจึงไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน!”

หลังจากกล่าวจบ จู่ๆ ลูเซียนก็หวนนึกถึงช่วงเวลาที่เขาได้อ่านวารสาร ‘อาร์คานา’ เป็นครั้งแรก ในยามนั้น โอลิเวอร์และท่านประธานต่างผิดหวังอย่างมากที่ไม่สามารถค้นพบดาวเคราะห์ทั้งหลายได้!

‘อนุภาคแรงโน้มถ่วง…’ ดักลาสสงบจิตใจและครุ่นคิดอย่างหนัก!

“โฮ! ฮือ! โฮ! ฮือ!”

เสียงร้องครวญอย่างทุกข์ทรมานดังขึ้น เหล่าทูตสวรรค์และปีศาจรอบกายไวเค็นต่างร้องไห้น้ำตาเป็นสายสีอ่อนและเข้มด้วยความหวาดกลัว เขตแดนระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์สั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งส่งเสียงเสียดแหลมดังขึ้นไม่หยุด

ภายในร่างไวเค็น ใบหน้ามากมายพุ่งพรวดออกมาและสูญสลายกลายเป็นฝุ่นผง ขณะที่เขาดูท่าทางเสียสติและกราดเกรี้ยวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

“วิญญาณคงอยู่ในมิติชั้นสูง ดังนั้น ความตายของเราจึงมีความหมายเพียงการกำจัดภาพสะท้อนของวิญญาณนั้นๆ และการสูญเสียความทรงจำกับคลื่นชนิดพิเศษในปัจจุบัน แต่ดวงวิญญาณที่แท้จริงกลับไม่เคยหายไปไหน และภาพสะท้อนก็จะกลับมาอีกครั้งหลังจากผ่านไปสักพัก!”

ขณะที่ลูเซียนพูดอยู่นั้น ใบหน้าของวิญญาณมากมายก็ปรากฏออกมาท่ามกลางพายุ เสียงร้องไห้ คำสบถสาปแช่ง และถ้อยคำข่มขู่ คนทั่วไปที่อยู่ทางด้านล่างต่างตัวสั่นเทายามมองวิญญาณเหล่านั้น

“เพราะฉะนั้น เวทมนตร์คาถาและพลังเหนือธรรมชาติของเราส่วนหนึ่งจะมีคุณลักษณะของมิติชั้นสูงอยู่ด้วย เราฟื้นคืนชีพได้ทันทีที่ตายผ่านวิธีการอันหลากหลาย อย่างการใช้เครื่องรางกักพลัง เราสามารถใช้เวทกระโดดข้ามอวกาศ ดาบแห่งสัจธรรมสามารถขจัดร่องรอยการมีอยู่ทั้งหมด และพลังโลหิตกำจัดก็สามารถทำลายแหล่งที่มาของพลังเหนือธรรมชาติได้ด้วยการปิดกั้นการเชื่อมต่อของทั้งสองจักรวาล!

“ดังนั้น หนทางสู่การเป็นมนุษย์ครึ่งเทพที่แท้จริงของเราก็คือวิธีทางอาร์คานา นั่นคือ การยินยอมให้ภาพสะท้อนของวิญญาณเข้าใกล้แก่นแท้ของวิญญาณบนมิติชั้นสูง!

“ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ทั้งสองจักรวาลตัดผ่านกันเล็กน้อย จะบังเกิดสิ่งมีชีวิตที่มีความใกล้เคียงกับมิติชั้นสูงแต่มิได้สมบูรณ์แบบ อย่างพระเจ้าแห่งจันทราสีเงินและเจ้าแห่งนรก! นั่นคือสาเหตุที่มีเตาหลอมวิญญาณและแม่น้ำสติกซ์ที่เป็นตัวแทนแก่นพลังของวิญญาณมากมิติขึ้นมา! นั่นคือสาเหตุที่ทำให้มีนรกโบราณและโลกแห่งวิญญาณที่ที่เป็นแหล่งรวบรวมวิญญาณและความรู้สึก!

“ฉะนั้นแล้ว ปริศนาอมตะที่เราเห็นในห้องอมตะนิรันดร์นั้น แท้จริงก็คืออีกจักรวาลหนึ่ง! มันคือตัวแทนของตัวตนอื่นของเรา!”

เสียงอันน่าเกรงขามของเขาทำให้เสียงร้องไห้ สบถก่นด่า และร้องขอความเมตตาเงียบลง พายุพลันหยุดนิ่ง สายฟ้าหดหาย และทูตสวรรค์กับปีศาจก็แตกสลายกลายเป็นแสง ร่างของไวเค็นเริ่มสั่นเทา และในทุกๆ การเคลื่อนไหวของเขา ใบหน้าของดวงวิญญาณมากมายก็ยิ่งลอยออกมา!

ลูเซียนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าไวเค็นแล้ว เขาก้มลงมองอีกฝ่ายด้วยสายตาสังเวช “วิธีการรวบรวมวิญญาณมากมายที่เจ้าใช้เพื่อไปให้ถึงมิติชั้นสูงนั้นดูเหมือนจะถูกต้อ แต่จริงๆ แล้วกลับผิดมหันต์ วิญญาณเหล่านั้นหาใช่ภาพสะท้อนของวิญญาณดวงเดียวกัน และเจ้าก็ไม่สามารถเข้าถึงแก่นแท้ดวงวิญญาณบนมิติชั้นสูงของเจ้าเอง ดังนั้น แม้จะไม่เกิดข้อผิดพลาดขึ้นก่อนที่เจ้าจะประสบความสำเร็จ แต่เจ้าจะสูญเสียคุณสมบัติความเป็นอมตะไปหลังจากที่เจ้าทำสำเร็จ เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะฟื้นคืนชีพผ่านดวงวิญญาณของคนอื่น

“แน่นอน นั่นก็เพราะความถูกต้องบนฉากหน้าของวิธีการของเจ้าที่ข้าไม่สามารถหลอกเจ้าได้ด้วย ‘ผลกระทบจากผู้สังเกต’ มิเช่นนั้น ข้าคงไม่มีทางรู้วิธีการสังหารเจ้า ‘จริงๆ’ ได้เลยสักนิด”

ลูเซียนในชุดสูทสีดำแบบกระดุมสองแถว แย้มยิ้มสุภาพอีกครา เขาทาบมือขวาบนอกและโค้งตัวลงเล็กน้อย “ตอนนี้ ข้าขอทวนซ้ำอีกครั้งว่า ในโลกจุลภาค ที่ที่ประสบการณ์ในอดีตของเราไม่อาจนำมาปรับใช้ได้อีกต่อไป และที่ที่ระเบียบวิธีการที่เราคุ้นเคยใช้การไม่ได้ ทุกคำอธิบายและแบบจำลองทางทฤษฎีจะต้องมีรากฐานมาจากคณิตศาสตร์อย่างเคร่งครัด มิเช่นนั้น คำอธิบายและข้อสันนิษฐานจะเป็นเพียงภาพลวงตาและภาพฝันเท่านั้น!

“สรุปง่ายๆ ก็คือ ข้อสันนิษฐานใดก็ตามที่ไม่ได้มีรากฐานจากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์นั้นเป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ!”

เปรี๊ยะ!

ท่ามกลางความตกตะลึงของไวเค็นและความวายวอด เขตแดนระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ทางด้านข้างก็แตกสลายลง แม้ว่าลูเซียนจะไม่ได้ทำการโจมตีแต่อย่างใด!

บนท้องฟ้า ความมืดและลูกไฟยักษ์เลือนหายไปแล้ว พร้อมกับที่สีน้ำเงินสดใสหวนคืนกลับมา!

……………………………………

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท